ในวินาทีนี้คงไม่มีกระแสอะไรจะแรงกว่าเรื่องของ iPad หรือ tablet ตัวใหม่ของแอปเปิลที่ใครๆ ก็ลือกันมานานแสนนาน กระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ทั้งแง่บวกและลบต่างหลั่งไหลกันมา ตกลงแล้ว iPad นี่คืออะไร และจะสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรให้กับโลกใบนี้?
อย่างที่หลายๆ ที่บอกกัน ไม่มีคำอธิบายอะไรที่ดีกว่าการบอกว่า iPad คือ iPhone / iPod touch ขนาดยักษ์ ด้วยรูปลักษณ์พื้นฐานที่แทบจะถอดแบบกันมา ทั้งกรอบดำ จอขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ทั้งหมด ปุ่ม Home ที่อยู่ด้านล่าง พร้อมปุ่มและพอร์ทต่างๆ ที่แทบจะไม่แตกต่างกัน สิ่งเดียวที่แตกต่าง คือขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าเดิมมาก ทั้งหมดทั้งมวลแล้ว iPad มีความหนาสูงสุดอยู่ที่ครึ่งนิ้ว และมีน้ำหนักประมาณ 0.68 กิโลกรัม หรือครึ่งหนึ่งของ MacBook Air พอดี
ในงานเปิดตัว แอปเปิลได้แสดงจุดยืนที่ชัดเกี่ยวกับการพัฒนา iPad นี้ว่าเป็นอุปกรณ์กลุ่มใหม่ที่จะมาคั่นกลางระหว่าง iPhone / iPod touch กับ Mac / PC โดยการที่จะเป็นอุปกรณ์กลุ่มใหม่ได้นั้น จะต้องมีอะไรที่เหนือกว่าของที่มีอยู่เดิม โดยได้มีการกล่าวถึงเน็ตบุ๊กว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช้า และทำอะไรไม่ได้ ซึ่งอาจจะเป็นคำเหน็บแนมสไตล์แอปเปิล (ที่สามารถตอกกลับได้ง่ายๆ ว่า “ทำให้ราคาถูกเท่านี้ได้หรือเปล่า?”)
การออกแบบ iPad ที่สำคัญคือการนำเอาเทคโนโลยี Multi-touch ที่แอปเปิลมีอยู่ใน iPhone / iPod touch มาสร้างประสบการณ์ใหม่ที่ให้มีขีดความสามารถเทียบเท่ากับคอมพิวเตอร์อื่นๆ ทั่วไป แอปเปิลเลือกที่จะใช้ iPhone OS แทนที่จะเป็น Mac OS เพราะการสัมผัสยังเป็นการติดต่อกับผู้ใช้ที่สำคัญ และคงง่ายกว่าที่จะพัฒนาแอพพลิเคชันที่ทำงานได้ทั้งบน iPhone และ iPad หากเทียบกับ iPad และ Mac OS X โดยในงานนี้แอปเปิลยังรักษาจุดยืนที่เคยประกาศไว้เมื่อ 3 ปีก่อนว่า “ใครกันต้องการ stylus?”
แม้ว่า iPad จะสามารถใช้งานแอพพลิเคชันบน iPhone เดิมทั้งหมดได้ แต่แน่นอนว่าในสภาพการใช้งานจริงโปรแกรมที่ออกแบบไว้สำหรับจอเล็กๆ มาถูกแสดงผลบนจอใหญ่ๆ ก็คงจะรู้สึกแปลกหูแปลกตาและเสียดายพื้นที่ (เว้นแต่พวกเกมที่อาจจะไม่มีปัญหามาก) แต่สิ่งนี้คือการสร้างความมั่นใจให้กับเหล่านักพัฒนาว่าองค์ความรู้เดิมทั้งหมดที่พวกเขามีกับ iPhone OS จะสามารถต่อยอดบน iPad ได้ทันที ในขณะที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ไปในตัวว่า แอพพลิเคชันทั้งหมดที่พวกเขาเคยชื่นชอบบน iPhone OS มีโอกาสจะมาลง iPad อย่างสมบูรณ์แน่นอนเช่นกัน โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพิ่มเสียด้วยซ้ำ (หากผู้พัฒนาตัดสินใจที่จะอัปเดทให้ฟรี)
คงไม่มีใครกังขาว่า iPad จะสามารถทำหน้าที่พื้นฐานที่ iPod ทำได้อย่างดูหนัง ฟังเพลง อีเมล หรือเล่นอินเทอร์เน็ตได้อย่างไม่มีปัญหา (เว้นเสียแต่ว่ายังคงไม่มี Flash เหมือนเดิม) แถมในบางมุมยังจะดีกว่าด้วยซ้ำเนื่องจากพื้นที่หน้าจอที่ใหญ่กว่า การพิมพ์อีเมลด้วยคีย์บอร์ดบนจอใหญ่ๆ หรือท่องเว็บที่ไม่ต้องเพ่งซูมไปซูมมาก็คงง่ายขึ้น จึงเหลือคำถามหนึ่งที่สำคัญว่า แล้ว iPad จะสามารถใช้งานแอพพลิเคชันในระดับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั่วไปหรือไม่?
แอปเปิลได้ลองนำเสนอ iWork (ชุดแอพพลิเคชันสำนักงานของแอปเปิล) เวอร์ชันสำหรับ iPad โดยได้มีการปรับเปลี่ยนและพัฒนาส่วนติดต่อกับผู้ใช้ใหม่เกือบทั้งหมด การพยายามรักษาพื้นที่หน้าจอโดยหลีกเลี่ยงให้เหลือแต่สิ่งที่จำเป็น ในขณะที่ตัวเลือกต่างๆ พยายามย้ายหรือซ่อนให้ไปอยู่ในเมนูหรือองค์ประกอบต่างๆ แทน หลายๆ สำนักที่ได้ทดสอบกันพบว่าหากใครที่ใช้ iPhone OS เป็นอยู่แล้ว จะสามารถจับจุดและใช้งานมันได้ทันที สำหรับผู้ใช้ใหม่อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าหากเทียบกับ iPhone หรือ iPod touch พอสมควร ปัญหานี้จึงเป็นความท้าทายใหม่ของเหล่าพัฒนาที่จะพยายามใช้การติดต่อแบบสัมผัสนี้กับแอพพลิเคชันต่างๆ ที่เราอาจคุ้นเคยกับการคลิกด้วยเมาส์ แน่นอนว่าในช่วงเวลาแรกอาจมีความสับสนวุ่นวาย เหมือนกับเกม Wii ในช่วงแรกๆ ที่ยังจับจุดการใช้ Wii Remote กันไม่ค่อยได้ แต่เวลาจะค่อยๆ พิสูจน์ว่าระบบสัมผัสนี้จะสามารถใช้ได้จริงในแอพพลิเคชันเหล่านี้หรือไม่ รวมถึงว่าแม้จะใช้ได้จริง เราจะมีเหตุผลอะไรที่จะเลือกใช้โปรแกรมเหล่านี้บน iPad แทนบนคอมพิวเตอร์ของเราที่คุ้นเคยอยู่แล้ว?
สำหรับในการเล่นเกม จุดที่น่าสนใจของ iPad ที่สุดน่าจะเป็นขนาดจอ ใน iPhone / iPod touch เดิมที่มีปัญหาสำคัญคือการควบคุมที่ต้องใช้การสัมผัสหลายๆ ครั้งมักจะทำให้นิ้วของผู้เล่นไปบังหน้าจอโดยไม่จำเป็น แต่ด้วยขนาดจอที่ใหญ่ขึ้นมากของ iPad จุดนี้อาจจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป คงจะเหลือเพียงความรู้สึกของการได้ขยี้ปุ่มเท่านั้นที่ยังไม่มีทางทดแทนได้จากอุปกรณ์เล่นเกมเจ้าอื่นๆ
แอปเปิลได้อ้างว่า iPad มีแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานทั่วไปได้ยาวนานถึง 10 ชั่วโมง ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติที่ตัวเลขนี้จะมากกว่าสภาพการใช้งานจริงที่เราจะได้ใช้มัน แต่คำถามที่น่าสนใจคือ เราคาดหวังให้ตัวเลขนี้สูงแค่ไหน?
หากเปรียบเทียบกับอุปกรณ์พกพาอย่างโทรศัพท์ตัวเลขนี้จะถือว่าน้อย ในขณะที่หากเราเทียบกับสารพัดโน๊ตบุ๊กและเน็ตบุ๊ก ตัวเลขนี้กลับกลายเป็นตัวเลขที่น่าตื่นตาตื่นใจขึ้นมาทันที และเพราะสิ่งนี้คืออุปกรณ์จำพวกใหม่ จึงยากที่เราจะมีตัวชี้วัดที่จะมาเปรียบเทียบว่าสภาพการใช้งานจริงๆ แล้วเราต้องการแบตเตอรี่นานแค่ไหน อย่างไรก็ตามหากดูจากภาพที่แอปเปิลนำเสนอมาในวีดีโอต่างๆ ดูเหมือนอุปกรณ์นี้จะมุ่งเน้นให้มีการใช้งานในสภาพที่เราอยู่กับที่มากกว่า เช่นนั่งอยู่กับบ้าน หรือที่ออฟฟิศ ซึ่งทำให้การหาที่เสียบสายชาร์จไปด้วยใช้ไปด้วยไม่ใช้เรื่องยากเท่าไหร่ รวมกับว่า iPad มีขนาดที่ใหญ่พอสมควร การจะพกพาติดตัวไปทุกวันอย่าง iPhone คงไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้
ยังมีอีกสัญญาณหนึ่งที่แอปเปิลแสดงถึงการที่ iPad ไม่ใช่อุปกรณ์ที่เน้นให้ใช้คนเดียวอย่าง iPhone / iPod touch นั่นคือการเลือกใช้จอ LED LCD แบบ IPS ที่มีจุดเด่นที่สำคัญคือมุมมองที่กว้างกว่าจอแบบอื่นๆ มาก และย่อมทำให้ประสบการณ์การใช้ iPad กับคนอื่นที่นั่งหรือยืนอยู่ข้างๆ เราง่ายขึ้น แต่แน่นอนว่ามีข้อเสียที่สำคัญ นั้นคือการใช้พลังงานที่สูงกว่าตัวเลือกอื่นๆ อย่าง AMOLED ที่ Zune HD หรือ Nexus One ใช้
แอปเปิลยังเปิดตัว iBooks โดยนำเสนอ iPad นี้ไปเปรียบเทียบกับ Kindle ของ Amazon แน่นอนว่าในตอนนี้ iBooks ยังเสียเปรียบอยู่มากทั้งในเรื่องของจำนวนหนังสือที่ให้เลือก จนถึงตัว iPad เองที่ไม่ได้ออกแบบมาไว้สำหรับให้อ่านอย่างเดียวอย่าง Kindle ที่เบาหวิว แต่ iPad เองก็มีฟีเจอร์อื่นๆ มากมายที่อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกอยากที่จะจ่ายเงินก้อนเดียวเพื่อทุกอย่างไปเลยได้เช่นเดียวกัน และจอสีก็เป็นอีกจุดขายสำคัญ แม้ว่าคนอย่างพวกเราๆ กันเองจะรู้ดีกว่าจอ e-Ink มีข้อดีในเรื่องของพลังงานและราคา แต่ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่สนใจเรื่องนี้ ผมเคยดูรายการ Martha ที่มีการเอา Kindle มาโชว์ มาร์ธา (ซึ่งน่าจะแทนผู้ใช้ทั่วไปได้ดีกว่าพวกเรา) มีการพูดอย่างชัดเจนว่า “อยากได้จอสี” ซึ่งออกจะขัดจากความตั้งใจของ Amazon ที่อยากให้ Kindle ถูก เบา และใช้ได้นานๆ สักหน่อย แต่ผู้ใช้ทั่วไปไม่มีทางรู้หรือเข้าใจถึงเหตุผลเชิงเทคนิกเหล่านี้นอกจากราคา ซึ่ง iPad ก็ชดเชยราคาด้วยฟีเจอร์อีกมากมายได้เป็นอย่างดี
อีกผู้เล่นหนึ่งที่น่าถูกเปรียบเทียบคือ Chrome OS แม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่มีความชัดเจนในตัวฮาร์ดแวร์ที่จะออกมา แต่สิ่งที่เราคงยืนยันได้แน่ๆ คือ iPhone OS น่าจะทำทุกอย่างที่ Chrome OS ทำได้ แต่แน่นอนว่าตัว Chrome OS เองน่าจะมีอิสระของฮาร์ดแวร์ที่สูงกว่าที่อาจจะมาทั้งในรูปแบบ tablet หรือโน๊ตบุ๊กให้เลือกใช้ก็ว่ากันไป รวมถึงความต้องการทางฮาร์ดแวร์ที่น่าจะต่ำกว่า และส่งผลถึงราคาที่ถูกกว่าอย่างแน่นอน และเมื่อถึงจุดนั้นหากแอปเปิลคิดจะมาสู้ด้วยจริงๆ คงไม่ยากสำหรับแอปเปิลแล้วที่จะทำอุปกรณ์ที่มีแต่ Safari บน iPhone OS กับฮาร์ดแวร์พอประมาณราคาถูกมาสู้ด้วย ดังนั้น Chrome OS คงจะต้องหาจุดขายอื่นๆ (นอกเหนือจากอิสระของฮาร์ดแวร์) มาต่อสู้ให้ได้เช่นเดียวกันเมื่อถึงเวลานั้น
อีกข้อกังขาหนึ่งที่ทุกคนสงสัย คือทำไมแอปเปิลถึงเลือกใช้จอขนาด 4:3 ยิ่งกับตัวเลข 1024 x 768 ที่มีกลิ่นไอของความโบราณซ่อนอยู่ เหตุผลหนึ่งที่เป็นไปได้คือ อุปกรณ์นี้จำเป็นต้องถือได้ด้วยมือเดียว (เพราะอีกมือต้องใช้สัมผัสเป็นหลัก) ในขณะที่ต้องสามารถปรับเปลี่ยนมุมมองได้ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง การจับอุปกรณ์ลักษณะนี้ในแนวนอนที่มีอัตราส่วน 16:9 ด้วยมือซ้ายที่ขอบด้านซ้ายคงไม่ง่ายเท่าใดนักจนอาจจะต้องหาวิธีการจับแบบอื่นๆ ซึ่งเป็นรูปแบบที่แอปเปิลไม่ต้องการ หากเราสังเกตการออกแบบของ iPad จะพบว่ามีขอบรอบจอที่หนาผิดปกติ และเท่ากันรอบๆ ทุกด้าน ซึ่งแตกต่างจาก iPhone / iPod touch ที่จะมีเฉพาะด้านบนและล่างเพื่อเป็นพื้นที่สำหรับอุปกรณ์พวกพอร์ทต่างๆ จะเห็นได้ว่าแอปเปิลตั้งใจให้ผู้ใช้จับ iPad ในสภาพที่สามารถหมุนไปหมุนมาได้โดยง่าย โดยมือที่จับก็ยังไม่ไปสัมผัสจอจนทำให้โปรแกรมเข้าใจผิดไป
นอกจากนี้เรายังสังเกตได้ว่า แอปเปิลพยายามที่จะนำเสนอ iPad ว่ารูปแบบพื้นฐานของมันคือแนวตั้ง ทั้งจากภาพประชาสัมพันธ์ต่างๆ การถือของสตีฟบนเวที การเสียบบน Dock ตำแหน่งของปุ่ม Home หรือแม้แต่หน้าจอ Home Screen ก็ตาม เพราะนั่นคือแนวทางที่เหมาะสมในการถือ iPad นี้ อาจจะเป็นไปได้ว่าแอปเปิลต้องใช้เวลาในการสร้างความเคยชินนี้ ก่อนที่จะออก iPad ที่กลายเป็น 16:9 หรือ 3:2 ต่อไป
คุณสมบัติอื่นๆ ทางด้านฮาร์ดแวร์ก็ไม่มีอะไรที่คาดเดาไม่ได้หรือแตกต่างจากเจ้าอื่นถ้าจะทำเป็นพิเศษ มี Accelerometer, Ambient Light Sensor, Wi-Fi a/b/g/n, Bluetooth 2.1 EDR, Digital Compass นอกจากนี้หากเป็นรุ่นที่มี EDGE/3G ก็จะมี A-GPS เพิ่มขึ้นมา
จุดที่น่าตื่นเต้นที่สุดอีกอย่างหนึ่งคือราคาของ iPad ที่เริ่มต้นเพียง $499 หากเราเทียบกับ JooJoo ที่มีราคาเท่ากัน iPad เหนือกว่าในแทบทุกแง่มุม ทั้งขนาด 16GB เทียบกับ 4GB, ความบาง 0.5 นิ้วเทียบกับ 0.7 นิ้ว น้ำหนัก 0.68 กิโลเทียบกับ 1.1 กิโล แบตเตอรี่ 10 ชั่วโมงเทียบกับ 5 ชั่วโมง ทิ้งไว้สิ่งที่เหนือกว่าของ JooJoo คือจอที่ใหญ่กว่า ละเอียดกว่า
หากเราลองมาเปรียบเทียบ iPad 3G 16GB กับ iPhone 3GS 16GB องค์ประกอบที่ต่างกันหลักๆ ทางฮาร์ดแวร์มีเพียงกล้อง ขนาดเครื่อง ขนาดจอที่สุดท้ายแล้วน่าจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า แต่ iPad กลับขายที่ $630 เทียบกับ iPhone 3GS ที่ราคาประเมินอยู่ที่ $700 จะเห็นได้ว่าแอปเปิลตั้งใจตั้งราคา iPad ไว้ในจุดที่ต่ำกว่าปกติมาก และน่าจะมีกำไรสุทธิจริงๆ ต่ำกว่ามาตรฐานทั่วไป
คำถามคือ...ทำไม?
ประเด็นแรกที่อาจเป็นไปได้ คือการที่แอปเปิลอาจคาดหวังการได้กำไรจาก iTunes Store, App Store และ iBookstore แต่ประเด็นนี้ก็อาจจะขัดกับประกาศผลประกอบการเมื่อไม่นานนี้ของแอปเปิลที่ระบุว่า กำไรจาก iTunes Store และ App Store น้อยมากหากเทียบกับรายได้จากการขายฮาร์ดแวร์
อีกประเด็นหนึ่ง คือการรีบแย่งพื้นที่นี้ไว้เพราะเป็นสมรภูมิที่หลายๆ คนกำลังจะเตรียมลงมาเล่น อุปกรณ์นี้ไม่ใช่ของที่จะมาแทนโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ แปลว่าผู้ใช้ต้องเจียดเงินเพิ่มเพื่อที่ว่างตรงนี้ จึงแน่นอนว่ามันต้องมีราคาถูกพอที่ผู้ใช้จะยอมจ่าย แม้ว่า $499 อาจจะยังแพงไปสำหรับหลายๆ คนในตอนนี้ แต่อย่างน้อยที่สุดก็คงสร้างฐานลูกค้าได้มากกว่า $999 ที่เคยลือกันไว้ และฐานลูกค้าเหล่านี้ก็จะมีประโยชน์กับตัวแอปเปิลเองในอนาคต เหมือนที่ iPod สามารถดึงให้ผู้ใช้หลายๆ คนมาใช้ Mac ได้ เป็นต้น
คงไม่มีใครกังขาว่า iPad มีจุดเริ่มที่น่าสนใจมากมาย มีฟีเจอร์และแนวทางการใช้งานมากมายที่เราหลายๆ คนจินตนาการกันไว้ แต่ปัญหาเดียวและใหญ่ที่สุดที่จะชี้ชะตา iPad คือ พวกเราจะมีที่ว่างในชีวิตให้กับอุปกรณ์ประเภทที่สามนี้จริงๆ หรือ?
เวลาเท่านั้นที่ตอบได้ครับ...
(แก้ไขเพิ่มเติมจากบล็อก iPad, would it WIN or FAIL ของผมเอง)
Comments
(เดี๋ยวคืนนี้กลับมาทำ link ไปพวก wikipedia / references เพิ่มให้ครับ พอดีมีธุระต่อ ทีแรกนึกว่าจะทำทัน)
^^ วิเคราะห์เยี่ยมครับ
โอ้ยยย ออกมาถูกกว่า iPhone เซ็งๆ
จะรอสอย NMBP หรือ iPad ดีหว่า
รีวิวดีมากครับ ;)
วิเคราะห์ได้ดีมากๆ ยาวมาๆ แต่ผมอ่านแล้วไม่เบื่อเลย สุดยอดครับ
"แม้ว่า $499 อาจจะยังแพงไปสำหรับหลายๆ คนในตอนนี้ แต่อย่างน้อยที่สุดก็คงสร้างฐานลูกค้าได้มากกว่า $999 ที่เคยลือกันไว้ และฐานลูกค้าเหล่านี้ก็จะมีประโยชน์กับตัวแอปเปิลเองในอนาคต เหมือนที่ iPod สามารถดึงให้ผู้ใช้หลายๆ คนมาใช้ Mac ได้ เป็นต้น"
ประโยคนี้ผมเห็นด้วยมากๆ วูบแรกที่รู้ว่าราคามันถูกมาก ผมคิดแบบนี้เหมือนกัน ไม่ได้หวังกำไรจากฮาร์ดแวร์ตัวนี้ แต่หวังกำไรจาก ซอฟต์แวร์หรือไม่ก็ฮาร์ดแวร์ตัวอื่นๆ (มันอาจนำไปสู่การซื้อ iPhone หรือ McaBook อีกเครื่องได้ง่ายมาก)
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
มันโคตรถูกเหอะ!! iPod touch ตัวเท่าไหร่ไปดู ยังขายได้ จอขนาดนี้ ทำได้ขนาดนี้
เป็นอะไรมากหรือเปล่า ไล่ตอบทุกคนที่เห็นต่างหมดเลย ผมก็บอกว่าเห็นด้วยที่มันถูก และแน่นอนว่าเห็นด้วยอีกว่ามันยังแพงสำหรับบางคน ผมดูยังไงมันก็ไม่น่าผิดนะ (คำว่า "บาง" มันเป็น for some ตามหลักคณิตศาสตร์แล้ว มักจะถูก ส่วนพวกที่ชอบใช้ตรรกะ for all มักจะผิด) ราคาหมื่นปลาย (บวกภาษีแล้ว) สำหรับหลายๆ คนก็คิดหนัก อาจไปเอาเน็ตบุ๊คราคาหมื่นต้น (รวมภาษีแล้วเช่นกัน) จะดีกว่า คนเรามันมีเงินไม่เท่ากัน ตีค่าเงินไม่เท่ากัน สำหรับบางคน หมื่นปลายกับหมื่นต้น เขาคิดว่ามันต่างกันเกือบเท่าตัวนะครับ
ถ้าคุณมองความถูกในแง่ราคาขายจริง - ต้นทุน เออ อันนี้ถูก ผมไม่เถียง (ซึ่งผมก็บอกแล้วว่าผมคิดว่ามันถูก = =a) แต่คนทั่วไป ก่อนเขาจะซื้ออะไร เขาเอาไป "เทียบ" กับของอื่นๆ ที่เขาอยากได้ ในเมื่อ iPad ตลาดของมันยังทับซ้อนกับ Smart Phone Notebook Netbook คนก็เอาไปเทียบกัน มันจะผิดตรงไหน?
ถ้าผมเอา iPad ไปเทียบกับยาคูลท์แล้วบอกว่า iPad แพงค่อยมาด่าผมอีกทีก็ยังไม่สายครับ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
จะต้องหาชื่อภาษาไทยหน่อยรึเปล่าครับ เพราะ iPhone เราเขียนข่าวกันว่า ไอโฟน
iPad -> ไอแพ๊ท, ไอแพ๊ด ?
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
ไอพันธมิตร
ล้อเล่นนะครับ น่าจะ ไอแพด หรือ ไอแพ็ด ล่ะครับ เพราะมันเป็นตัว d
ผมว่า ไอแพ็ด น่าจะดีกว่า
ถ้าขายไม่ดี อาจจะกลายเป็น ไอพลาด ก็ได้นะครับ
อยากได้เหมือนกันแต่กลัวมันจะระเบิดเหมือนไอโฟน
ผมว่าคุณอคติกับสินค้าแอปเปิ้ลมากเกินไปนะ
คุณมองในมุมขว้างโลกมาก ไม่ได้วิจารในเรื่องสเปค ข้อดีข้อเสียในตัวผลิตภัณฑ์เลย
ผมก็มีอคติกับแอปเปิ้ลนะ แต่ออก Ipad มา ขนาดผมยังรู้สึกอยากได้เลย
นี่ก็ข้อเสียของ product นิ ทุก pruduct เลยด้วยซ้ำ
เพราะการที่ Apple เลือกที่จะคิดอย่างเดียว แล้วจ้างคนอื่นผลิต
จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีปัญหากับ ควมคุมคุณภาพของสินค้าได้ไม่เต็มที่
ผมว่าเค้าเล่นมุกมากกว่านะครับ
ขนาดนั้นเลย - -'
ที่มันระเบิดเพราะคลื่นความร้อนสูงที่ฝรั่งเศสไม่ใช่หรอ ไม่ได้เกินขึ้นบ่อยๆ นะ
ผมว่ามันไม่น่าสนใจตรงที่ต่ออุปกรณ์ใดๆพ่วงไม่ได้นี่แหล่ะ (นอกเหนือจาก Accessories ของ Apple) (= =" เพราะเป็น iPhone OS มันเลยไม่มี 3rd Party Driver อยู่ภายในสินะ
ดังนั้น Win7 Tablet อาจจะไปได้ดีกว่าในเรื่องของความยืดหยุ่นและ Multitasking.. (ถ้าดีไซน์ดีๆด้วยนะ.. อย่างน้อย iPad มันก็ได้เป็นแนวทางให้ชาวบ้านรู้ละว่าควรออกแบบ Tablet ต่อๆไปออกมาหน้าตายังไง)
ปล.8 Things that suck about the iPad http://www.gizmodo.com/5458382/8-things-that-suck-about-the-ipad
รูปนี้ดีกว่า iPad อีกมั้ง Multitask ได้ =D
@TonsTweetings
เจ็บมาก 555
แล้วแบตของเครื่องที่ใช้ Windows7 มันจะใช้งานได้กี่นาที แล้ว โปรแกรม Windows7 อันแสนจะเอานิ้วจิ้มอยาก จะต้องถือปากกา ไปด้วยอีก เหนื่อยใจแทน
“ใครกันต้องการ stylus?”
ผมอะ
+1 ด้วย จริงๆ นะ
ผมจดโน้ตลงในโทรศัพท์บ่อยมาก เพราะขี้ลืม งานเยอะ แต่ไม่ชอบพกสมุดบันทึก
พวกโทรศัพท์จอ capacitive ไม่มีความหมายสำหรับผมเลย (ได้ยินว่า iPhone มีโปรแกรมใช้นิ้วจดโน้ต แต่จะเวิร์คมั้ยล่ะเนี่ย)
รอคนทำ stylus สำหรับ capacitive ล่ะครับ
จริงๆ iPad ตั้งราคาเหลือเชื่อนะ อยากได้เหมือนกัน แต่ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาใช้เหมือนกัน กลัวจะเป็นของฟุ่มเฟือยซะปล่าว
ใช้คีย์บอร์ด(ไม่ว่าจะเป็น hardware,software)เร็วกว่ามือเขียนนะครับ
ลืมบอกว่าจด note ด้วย stylus อารมณ์เหมือนจดโน้ตครับ วาดรูปได้ ใส่แผนที่ ขีดเส้นได้ ทำตารางได้ วงกลมเน้นได้ อันนี้คีย์บอร์ดทำแทนไม่ได้ :)
ส่วนตัวผมใช้ร่วมกันครับ ตอนอารมณ์เย็นๆ มักจะใช้คีย์บอร์ดพิมพ์โน้ตไว้เป็นเรื่องเป็นราว จริงๆ ใช้คีย์บอร์ดก็จดได้เร็วกว่าจริงๆ แหละ แต่ไม่รู้เพราะอะไร เวลารีบๆ หน้ามึนๆ ไม่มีอารมณ์อยากจะใช้คีย์บอร์ดเลย อารมณ์นี้เหมือนอยากได้กระดาษและปากกามารีบจดข้อความอะไรอย่างนั้นล่ะครับ
มีขายแล้วครับ USD29
ลองหาดูได้ครับ
โอ้ว เอาสายคล่องกับตัวเครื่องพร้อมรูเก็บด้วยดีมั้ย? 5555 ชีวิตลำบากจัง
อ่านเพลินดีครับ ตอนรอกผมก็ว่าเครื่องมันไม่สวยเลยเว้นขอบเยอะมาก ตอนนี้เข้าใจละว่าทำไม
ดูแล้วเฉยๆนะครับ ไม่ได้อยากได้มากเหมือนตอน iPhone แปลกสำหรับพวกบ้า gadget อย่างผม แต่สิ่งที่ทำให้น่าซื้อมาใช้ก็คือราคานี่แหละ ถ้ามันแค่หมื่นกว่าบาทจริงๆนะ
อ่านจบแล้ว
แต่ไม่เห็นมีตรงไหนที่บอกเลยว่า
คนๆ หนึ่งอยากจะซื้อ iPad มาเพื่อทำอะไร ?
ผมว่าตรงนี้แหละ ที่ควรจะวิเคราะห์มากที่สุด
(การบอกว่ามันอยู่ระหว่าง iPod กับ PC ไม่ได้เป็นการบอกเลยว่า มันจะใช้แทนอุปกรณ์ในทั้งสองกลุ่ม เพราะในบทความก็บอกเองว่า "อุปกรณ์นี้ไม่ใช่ของที่จะมาแทนโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์")
iPad จะอยู่หรือจะไป
ไม่ใช่ เวลา (หรือ Geek คนไหน) หรอก ที่จะบอก
แต่เป็น ผู้บริโภค ต่างหาก
แหะๆ "เวลา" ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง เวลา นะครับ......
เรื่องแรก อ่านจบจริงแล้วหรอครับ ผมว่าก็ชัดเจนนะว่า iPad ทำอะไรได้บ้าง ส่วนเรื่อง Lifestyle ของแต่ละคนที่จะซื้อมันมาทำอะไรนั้นก็ตัดสินใจกันเอง
เรื่องที่สอง ก็ไม่เห็นมีใครบอกว่ามันจะมาแทน iPod, iPhone หรือ PC นี่ครับ เค้าก็บอกอยู่ว่ามันมาเติมเต็มช่องว่างของอุปกรณ์ในตลาด ซึ่งอยู่ระหว่าง iPod Touch และ Macbook ไม่ได้มาแทนที่แต่อย่างใด
เรื่องที่สาม มันต่างกันยังไงหรอครับ ระหว่างเวลาเท่านั้นที่จะตอบได้กับผู้บริโภค สุดท้ายมันก็คือการรอดูกระแสตอบรับจากผู้คนหลังจากนี้เหมือนกัน
ถ้าอ่านไม่เข้าใจ ผมว่าลองตั้งใจอ่านใหม่อีกรอบก็น่าจะดีนะครับ :)
รอเวลาที่อุดสาหกรรมสิ่งพิมพ์ ย้ายเข้ามาเล่นสื่อทาง Electronic อย่างเต็มรูปแบบมั้งครับ
โดยส่วนตัว ผมชอบมากนะ ลดโลกร้อนด้วย น่าซื้อกว่า iTouch มากๆ แต่เสียดายเล่น Flash ไม่ได้
สุดท้ายผู้บริโภคก็จะตัดสินเอง Geek ไม่ใช้แต่อีก 300ล้านคนธรรมดาซื้อ ทุก review ก็ไร้ค่า
แค่ได้ข่าวว่าเปิดตัว หน้าร้าน apple ในไทยยังมีแต่คนมองเข้าไปแล้วพูดว่า มี iPad หรือยัง ??
คนทั่วไปยังรู้จัก iPad กันโคตรน้อยครับ
ผมไปทำข่าวมาที่ฟอร์จูน...
มีคนรู้ไม่ถึงสิบคน จากที่ผมเดินถามเป็นร้อย จากสี่ชั่วโมง
กระทั่งคนที่อยู่ในร้านคอมฯ ยังไม่รู้จักเลย
.
ไม่รู้จะรอดรึจะไป แต่ที่ทำงานผม มีคนหมายตาหลายคนแล้วว่าจะซื้อ
ใครจะซื้อ netbook คราวนี้มีคิดมาก
ราคาชนกันตรงๆเลย
ยังคิด ๆ อยู่ว่าจะเอามาทำอะไรดี
/ ถ้าให้เลือก ณ ตอนนี้ iPhone 3GS ดีกว่าครับ แต่ราคา iPad รุ่นล่างสุดมันก็นะ .. เอามานอนเล่น WiFi ก็สะดวกกว่าเอา NB วางไว้บนอกล่ะนะ
ในมุมมองของนักศึกษาที่ทำงานวิจัยอย่างผม ส่วนตัวคิดว่าน่าใช้นะครับ ขี้เกียจแบก textbook หลายๆ เล่ม เดินไปเดินมา
เห็นด้วยครับ แทนที่จะสะพายกระเป๋าเป้หนักๆ ต่อไปก็ถือ tablet ขนาดเท่าสมุดสักเล่มแทน คงจะสะดวกขึ้นไม่น้อยนะครับ
ภาพในฝันผมเลยนะเนี่ย :)
@mamuang
ฝันไว้เลยคับ
อยากบอกว่า joojoo เป็น intel-atom 1.6 ghz ดูหนัง 1080p ใด้
มีกล้องหน้าและเล่น flash player ใด้ครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ปัญหาคือมีแต่ GEEK ที่เข้าใจสิ่งที่คุณเขียนมาอ่ะครับ ผู้บริโภคทั่วไปไม่สนใจหรอกครับว่ามันจะ 1 GHz หรือ 1.6 GHz
ใช่ครับ แต่ผู้บริโภคเข้าใจ 720P และ 1080P นะ
lewcpe.com, @wasonliw
แล้วจะดูทันทีด้าน 3g ที่ไหน? ผู้บริโภคเข้าใจยิ่งกว่านั้น หรือจะบริโภคส่วนใหญ่ซื้อ 1080p จาก Store ซึ่งก็ไม่ได้มีให้ทุกพื้นที่ดูและซื้อขนาดนั้น ความจุแค่ 64GB จะใส่ 1080p เครื่องบางๆ แบบนี้ ผู้บริโภคน่าจะเข้าใจอะไรมากกว่าเพียงแค่ ความละเอียดที่เพิ่มขึ้นที่เล่นแล้วแบตจะลดลงเร็วกว่าอีก จะพบพาหรือจะเสียบปลั๊กเล่นดีละ
ผมไม่สนใจหรอกครับ ว่ามันจะกี่ Ghz แต่ผมมาสนใจตรงที่เล่น 1080p ได้นี่ดิ iPad มันเล่น 720p รอดป่าวหว่า? จอมัน 1024x768 นี่นะ อาจจะรอด แต่ก็ไม่แน่ ฮาๆ
มันเล่น 720p ได้ แต่จะเอาเครื่องที่เล่น 1080p ได้ แล้วพบพาแบต 1ชั่วโมงหมดมั้ย ผมว่าหาได้จากสินค้าที่ใช้ Windows7 นะ
พกที่ชาร์ตแบตไปด้วย ก็สนุกไปอีกแบบ
ipad ดูหนัง fullHD และเล่น farmville กับ cafe world ไม่ได้
ผู้บริโภค "ทั่วไป" จะยี้ขึ้นมาทันที :P
iPad เล่นหนัง FullHD ไม่ได้หรอครับ (?)
ข้อมูลจากไหนเอ่ย ถ้าไม่ได้เขียนขึ้นเองแปะลิ้งค์หน่อยครับ อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม
@mamuang
เหอ เหอ... เล่นได้แค่ 720p มันมีใน tech spec อ่าครับ :)
ขอบคุณครับ :)
@mamuang
ทางภาคปฏิบัติ 720p ก็ัยังได้แค่แบบแกนๆ
เพราะ 720p standard resolution แนวตั้งมันต้อง 1280 ซึ่ง ipad ได้แค่ 1024
เปิด file 720p ได้ แต่ภาพที่ออกมาไม่ใช่
มันจะเล่น HD ได้ไม่ได้ก็ต้อง convert ให้ iPod app/iTunes ในเครื่องมันรันได้ก่อนอยู่ดีล่ะครับ (ฮา ๆ) แถมไม่พอถ้า Native มันแค่ 1024x768 จะเอา HD ไปรันทำไม = =
@TonsTweetings
ถ้าเล่น 1080p ได้ ความจุแค่นี้ ใช้งานได้ไม่นานอีก เสียบปลั๊กเล่นดีกว่านะ
ผมรอดู gen หน้าดีกว่า
รู้สึกรุ่นแรกยังแปลกๆ
โดยเฉพาะเจ้า MicroSim เนี่ย -*- (เอไอเอสบอกแล้วว่า ไม่มี MicroSim จำหน่าย)
AIS พูดไปก็ไร้ค่า iPad ใช้ 3g ความถี่ 850/2100 คงต้องถาม tot3g dtac true ว่าจะเอาลูกค้า iPad เหล่านี้ ไปนอนกินตังมั้ยย
ก่อนหน้าที่มันจะขาย farmville กับ cafe world อาจลงเป็น app สำหรับ iPad ก่อนน่ะสิ จอใหญ่กำลังดีเลยยย
จอ 1024 x 768 คงเพราะมาตราฐานเว็บปัจจุบันเปิดได้พอดี
การมาของ iPad คงยืดมาตราฐานนี้ไปได้อีกสักระยะ
ทีทำงานผม ยัง 800x600 กันอยู่เลย
อือๆ มันพอดีเลย ดูแล้ว ยาวเห็นหน้าเว็บส่วนใหญ่มากกว่าจอ Wide screen อีก
ความต่างของจอ led จาก e-ink นอกจากเรื่องพลังงานแล้วยังมีเรื่องที่สำคัญที่สุดอีกอย่างนึง คือจอที่เป็นลักษณะ e-paper พวกนั้นจะอ่านได้สบายตากว่า led มาก เนื่องจากจงใจออกแบบให้เกิดแสดงสะท้อนน้อย และลักษณะเหมือนกระดาษมากที่สุด ซึ่งก็เห็นด้วยว่าคุณสมบัติพวกนี้ผู้ใช้งานทั่วไปไม่ค่อยเข้าใจ
ป.ล. สงสัยมั้ยว่าทำไม่ถึงชื่อ A4? แล้ว A1-A3 หายไปไหน หรือประสิทธิภาพมันจะไม่ดีพอที่ทำให้ Steve พึงพอใจ
แกตั้งว่า A4 เพราะกระดาษ A4 เป็นที่นิยมของคนหมู่มากครับ (เกี่ยวมั๊ย(วะ)) -*-
เอาจริงๆ ผมอึ้งเหมือนกันที่รุ่นนี้มาพร้อมกับ SoC ของแอปเปิ้ลเอง ตอนแรกผมนึกว่าจะใช้พวก ARM เสียอีก
A4 เป็น ARM นะครับ (ARM Cortex-A9) เพียงแต่เอามาปรับแต่งนิดหน่อยให้เข้ากับเครื่องของตนจำพวกยัด GPU และ VPU/APU เข้าไปให้มันกลายเป็น SoC แค่นั้นเอง
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
สำหรับผมตอนวันที่งานจริงๆ เหมือนไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่นะครับ
คงเพราะว่าข่าวมันออกมาบ่อยๆ เรื่อยๆ เลยแบบ ชินแล้วไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่
แต่ถามว่า จะโตได้ไหม อันนี้ผมว่าไม่ยากนะครับ
ด้วยเหตุผลง่ายๆ 3 ข้อ
1. รูปแบบการใช้งาน อาจจะดูไม่สะดวกถ้าต้องพกในการพิมพ์งาน แต่ลองนึกภาพ การใช้งานจริงที่คุณสามารถถอไปมือมาได้อย่างสะดวกสิคับ น้ำหนักเบากว่า netbook
ราคา เปิดตัวมาราคาเทียบๆเคียงกับ netbook แบรนดังๆ แล้วไม่ได้แพงกว่าเลย(เทียบกับพวกที่จับตลาดบน อย่ง HP, VAIO นะคับ) อีกอย่างคือ ราคาเริ่มต้นขนาดนี้ ของพวกนี้จุดอยู่ในหมู่ของฟุ่มเฟือย อยู่แล้ว ด้วยราคาขนาดนี้ เล่นไม่ยากนะคับ
เพราะความที่มันเป็น apple อันนี้อาจดูไม่ค่อยมีเหตุผล สำหรับคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ อย่างเราๆท่านๆ แต่ Steve Jobs ด้วยเพราะแบรน พลังของแบรน apple มันสูงมาก ลองดูจาก iPhone ได้ครับ แม้ว่าจะเป็น แพลทฟอร์มแบบปิด ขายราคาแพงมาก (เปิดตัวครั้งแรก 699US) แต่ใช้เวลาไม่นาน ขายได้เกิน 10 ล้านเครื่อง ทั้งที่ราคาแพงขนาดนั้น ขนาด nokia ยังต้องกลืนน้ำลายตัวเองที่เคยปรามาทไว้เลยครับ
Store ทั้ง iTune,App และที่เปิดใหม่อย่าง iBooks รวมกัน เนี่ย ก็แทบจะครอบคลุมทุกอย่างแล้ว ต้องอย่าลืมนะครับว่า มันไม่ใช่แค่เครื่องอ่า e-book แต่มันคือเครื่องเล่นมัลติมีเดียที่มีความสามารถรองรับการใช้งานเช่นเดียวกับ netbook แทบจะทุกประการ แล้ว format มันก็เป็น e-pub นั่นหมายความว่า ไม่จำเป็นต้องซื้อที่ iBooks Store แต่ ที่ร้านอื่นก็ได้ (ผู้บริโภคได้เต็มๆ)
แค่ 3 ข้อแค่นี้ ก็มากพอที่ iPad จะแจ้งเกิดได้ไม่ยากนะครับ
ติดก็เพียงแต่ว่า มันจะดังเปรี้ยงป้าง แบบที่ iPhone เคยทำได้หรือเปล่าแค่นั้นเองครับ
เป็นผมผมก็ซื้อนะ
USB input ก็ไม่มี ไม่มี TV Out ? กล้องหายไปไหน ? Multi-tasking จะกั๊กไปอีกกี่ปี ?
ปล. ได้ครบเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกัน
สำหรับกล้องเห็นว่า ซื้อเพิ่มเสียบช่อง dock ได้ครับ
@mamuang
แล้วกล้องที่ว่าราคาเท่าไร่อะครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
นั่นสิ กล้องที่เอามาใช้ด้วยได้มันเป็นแบบไหนกัน?
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
USB ของ apple คือ 30pin ไง TV out ก็อีกนั้นแหละ 30pin กล้องเพิ่มที่ dock หรือจะให้ติด webcam ขนาดบนมือถือยังไม่ประสบความสำเร็จ network 3g เกือบหมดโลกไม่นิยมใช้ video call และมันก็ไม่เร็วพอที่จะใช้ Video กันผ่าน app หรือจะเอาไปถ่ายรูปตัวเอง 55
Multi-tasking เป็นสิ่งเดียวที่น่าจะเป็นปัญหา แต่ความเร็วระดับนี้คงไม่จำเป็น
มันอาจจะไม่ครบตามนี้แต่ยอดขายมันอาจถึง หลายร้อยล้านตัวสะก่อน
เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น แต่เห็นแล้วอยากได้จริง ๆ ครับ
+1 วิเคราะห์ได้ดีเยี่ยมเลยครับ
ผมว่าไม่ยากเลยนะที่ iPad ตัวนี้จะดังได้ ในเมื่อราคาถูก ถ้ามหาวิทยาลัยในอเมริกาเปลี่ยนจากแจก iPhone เด็กมาเป็นแจก iPad ผมว่าก็ได้ตลาดนักศึกษาไปเยอะเหมือนกัน ยังไงซักวันผมว่า มหาวิทยาลัยต่างๆอาจพอร์ทหนังสือสื่อการสอนต่างๆขึ้น iBook Store ก็เป็นไปได้แล้วให้เด็กโหลดลง iPad มาเรียนกัน ลดหนังสือได้เยอะ ถ้าiPad สามารถตอบโจทย์ในเรื่องการใช้งานด้านสำนักงานได้ดี ก็คงลดน้ำหนักจากการหิ้ว ์Notebook ไปมากโข (อันนี้ผมคาดการเล่นๆดูนะครับ)
+1 iBook Store + iTunes-U ที่มีอยู่ก่อนหน้าซึ่ง iTunes-U เองก็มีทั้งไฟล์ Video และเอกสารประกอบการเรียนที่เป็นไฟล์ PDF อยู่แล้วน่าจะตอบโจทย์ได้ดีพอสมควร ต่อไปเราคงได้เห็นหนังสือเรียนรูปแบบใหม่ที่มีภาพวีดีโอประกอบอยู่ในเนื้อหา คงจะน่าอ่านดี
ส่วนยอดขาย คิดว่าน่าจะขายได้ไม่ยากเนืองจากไม่ได้แพงเกินไปอย่างที่หลายคนพูดไว้ แต่คงจะกระทบ iPodTouch พอสมควร
แต่ที่แน่ๆ Netbook ที่ใช้ windows 7 น่าจะร้อนๆหนาวๆพอสมควรเพราะ iPad แบตเตอร์รี่อึดกว่า หรือถ้าจะให้สูสีกันก็คงจะต้องรอดู Windows Mobile 7 ที่คิดว่าน่าพอพอพัดพอเหวี่ยงกันได้ อีกฝ่ายก็พันธมิตรของ Google ที่จะเข็น ARM + NVIDIA Tegra ร่วมกับ Chrome OS หรือ Android ออกมาสู่ ว่าที่สุดแล้วทั้งสองฝ่ายที่เหลือจะทำออกมาได้ดีกว่าแค่ไหน
แต่ที่แน่ๆ Apple ออกตัวก่อนบวกด้วยความสามารถ,หน้าตา และราคาที่ยอมรับได้ ย่อมได้เปรียบคู่แข่งไปก่อนแล้วหนึ่งก้าว
คิดว่า iPad จะมี Gen2 ออกมาไหม?
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
มันต้องมีอยู่แล้วสิครับ- -*
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
ไม่รู้ รู้แต่ออกปุ๊ป ผมสั่งเลย
เท่าที่ผมรู้ ไม่มีอะไรที่ Apple ขายแล้วไม่มีเสียบตอบรับด้านลบนะ ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตามแต่ไม่ว่าจะดีไม่ดียังไงก็มีคนซื้อแบบแน่นอน
ที่ออกแล้วสุดท้ายขายไม่ค่อยได้ก็มีนะครับ แต่หลังๆ ก็ไม่ค่อยเห็นเหมือนกัน ล่าสุดน่าจะ iPod Hi-Fi หรือ Apple TV ก็ไม่แน่ใจ แต่เหมือนเคยได้ยินข่าวว่าไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
เตรียมเงินแล้วครับ!
รอเข้าไทย และคีย์บอร์คไทย เท่านั้น!
ตอนแรกลังเลกับเน็ตบุ๊ก
แต่อ่านๆไปแล้ว ผมว่า เน็ตบุ๊กแหละเหมาะกับผมมากกว่า
iPad ยังไม่โดนผมเท่าไร
ขอแค่ multitask... เท่านั้นเอง
ถ้าใข้ osx ผมคงจะไม่รู้ช้า แต่อันนี้ไม่ ตกไป...
next my device.
ผมว่าคงได้เห็นพนักงานขายของบริษัทใหญ่ๆ หรือพวกบริษัทโฆษณา พก iPad ไปเสนองาน
kurtumm
+1 เอเจนซี่ที่ผมละ 1 มีคนเสนอบอสไปเรียบร้อย เท่าที่ถามดูเพื่อนๆก็จะซื้อกันเยอะเหมือนกัน
ก็ดี หมดปัญหาตีมือลูกค้าตอนจิ้มจอ MBP ของผม
(ขอบ่น เซงมากกับลูกค้าที่บอกไปแล้วไม่ฟัง ว่าอย่าจิ้มจอ ก็ยังไม่เปลี่ยนนิสัย บางคนเอาปากกามาจิ้มจอเลยแถมลากไปลากมาอีก แม่ม อยากจะเอาปากกาจิ้มตาแม่มซะเหลือเกิน ทีนี้ถ้าเอาไอ้ตัวนี้พรีเซนต์ คงจะบอกเขา อยากจิ้มจิ้มให้พอใจเลยครับ)
มันต่อออกโปรเจคเตอร์ไม่ได้ (หรือได้นะ)
ได้ครับ ตอนในงานเมื่อวานนี้ ก็เดโมขึ้นจอกันสดๆ ออกทั้งภาพและเสียง
@mamuang
iPad มี Flash แต่ยังไม่สมบูรณ์
ผมลองไปไล่ ดู Keynote ตอนที่ Jobs เปิด เว็บ http://nationalgeographic.com ซึ่งตรงส่วน แบนเนอร์ ด้านบนกับติดกับโลโก้ NATIONAL GEOGRAPHIC ทางขวาตรงนั้นเป็น Flash Player
ตรงหน้า http://animals.nationalgeographic.com/animals/ ที่อยู่ข้างขวารูปหมา ตรงนั้นน่าจะสร้างมาจาก Flash ที่เป็นเวอร์ชั่นสูงกว่า ถัดลงมาด้านล่างตรง ADVERTISEMENT ตรงนั้นก็เป็น Flash เหมือนกันแต่ดูได้
โอ้วว้าวววว!
ถ้าจริงอย่างที่ว่านี่นับเป็นข่าวดีมากครับ :)
@mamuang
ใช่ครับ ตอนสตีฟเปิด http://nationalgeographic.com นั้นลุ้นมากเลย เพราะเวบนั้น flash เยอะมาก แต่ก็ถือว่าทำได้ดีบางส่วนนะครับ :)
ผมเปิดดูมันไม่ใช่ flash นะครับ ด้านล่าง advertisement หรือมันอาจจะสุ่มแล้วแต่ banner
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ถ้ามี port HDMI สำหรับต่อ TV LCD ด้วย คงใช้งานด้าน presentation ได้ cool มากๆ
กล้วว่าถ้า ipad ออกขาย iphone จะขายได้น้อยลง เพราะคนจะใช้โทรศัพท์ธรรมดา+IPAD แทน
iPhone ขายได้น้อยลงก็ดีสิ เพราะราคาจะได้ลงเพื่อดึงลูกค้าไว้ อิอิ
ทีนี้ ทุกอย่างก็จะปรับราคาลดลงตามๆ กันอีกเยอะเลยหละ
iPad ผมจะซื้อหรือไม่ คำตอบคือ คิดว่าซื้อครับ ไว้ใช้ทำอะไรนะเหรอ?
ใช้ดูภาพยนตร์เป็นหลักครับ ผมเป็นคนชอบดูหนังบน iPhone แต่ก็รู้สึกว่าจอมันเล็กไปตลอด ถ้าเป็น iPad นี่ล่ะตอบโจทย์เลย
ใช้เล่น Web น่าจะให้ประสบการณ์ที่ดีกว่า iPhone มาก เสียอย่างเดียวไม่มี Flash
ใช้เล่น Game ตัวเกมที่ออกแบบเพื่อ iPad โดยเฉพาะคงจะทำได้ดีมากๆแน่ๆ
ใช้ iWork ออกไปทำงานนอกบ้านสบายๆ ใข้ Short note ในงานประชุม ก็จะง่ายกว่าใช้ iPhone ขึ้นเพราะ keyboard ใหญ่ขึ้น (คิดว่านะ)
ใช้อ่าน eBook อันนี้ขึ้นกับว่าจะมีหนังสือไทยให้อ่านหรือเปล่า และจะสามารถเอา file จากข้างนอกเข้ามาใช้ได้หรือเปล่า
ใช้เป็น GPS ไปหาซื้อแท่นสักอันมาติดบนรถ เป็นทั้ง Media player, Video player, GPS สุดยอด!
สิ่งที่อยากได้แต่ไม่มี
- กล้อง แต่เอาเข้าจริงก็คงไม่ได้ใช้อยู่ดีเพราะมันใหญ่เกินกว่าจะนำไปใช้ถ่ายรูปได้จริงๆ
- Flash คาดว่าเหตุผลหลักๆที่ Apple ไม่ยอมให้มี Flash ใน iPhone และ iPad ก็คือมันจะไปแย่งตลอด App นั่นเอง เพราะแค่ Flash เราก็จะอิ่มกับ Casual เกมโดยไม่ต้องไปหาซื้อ App มาใช้งาน แต่นั่นเป็นเหตุผลของ Apple ผู้ใช้อยากได้แน่นอน หวังลึกๆว่าอนาคตน่าจะมี เพราะ job เองไม่ได้บอกว่าไม่มี ไม่เหมือนตอน iPhone บอกชัดเจนว่าไม่มี
- โทรศัพท์ หลายคนอาจจะเถียงว่ามันใหญ่ขนาดนั้นจะถือคุยได้ยังไง คือ ผมก็คงไม่ใช้มันถือคุยหรอกครับ แต่ผมสามารถใช้ Bluetooth คุยแทนได้ ซึ่งมันจะ work มากยิ่งถ้ามีกล้องด้านหน้าด้วยนะ สามารถทำ conference call ผ่าน VoIP ได้สบายๆ หวังลึกๆว่าจะ apple จะยอมให้ใช้ VoIP บน 3G ได้ หึหึ
ที่ผมจะซื้อเพราะราคานี่แหละครับ ผมซื้อได้ไม่ยาก ไม่ต้องคิดมาก มันตอบโจทย์หลายๆอย่างได้ดี
ความเห็นส่วนตัวอีกอย่างคือ Multitasking ผมไม่เห็นความสำคัญเลยครับ ผมว่า multitasking มีประโยชน์มีแค่อย่างเดียวคือ IM ซึ่งปกติผมไม่ได้ใช้อยู่แล้ว เลยไม่เห็นความสำคัญแม้แต่นิดเดียว เพราะอย่างตอนนี้เขียน comment อยู่ก็ไม่ได้ใช้ app อื่นๆพร้อมๆกันเสียหน่อย
เอ้อ .. เพิ่งนึกออกว่าถ้าเอามาวางบนรถมันคงจะเจ๋งอย่างที่ว่าเลยครับ :)
ไม่รู้ขนาดจะใหญ่จนแท่นวางโยกเยกรึเปล่า แต่ก็น่าสนใจดี
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
Flash น่าจะมีครับ เห็นในเดโมที่ Jobs เปิดเว็บ nationalgeographic.com ถ้าสังเกตตรงแบนเนอร์ข้างโลโก้ของ National Geographic ซึ่งมันเป็น Flash ก็ยังมองเห็นอยู่ ในส่วนอื่นที่มองไม่เห็นน่าจะทำด้วยเวอร์ชั่น 10 ซึ่งอาจจะยังพัฒนายังไม่เสร็จสมบูรณ์มันเลยยังแสดงไม่ได้
ถ้า Apple ตั้งเป้าให้ iPad เป็น Internet Device ก็ต้องรองรับ Flash กับ Silverlight ไม่อย่างนั้นก็คงจะเป็น Internet Device ที่สมบูรณ์ไม่ได้
ถ้าใช้ app iphone ได้สมบูรณ์จริงๆ เอา pdf เข้าได้แน่ครับ
เพราะ iphone มีโปรแกรมอ่าน pdf อยู่ สามารถโอนไฟล์โดยใช้ ftp ผ่าน wifi ได้ครับ
kurtumm
แอบเดาว่ามันอาจจะดูหนัง HD ได้ไม่จบเรื่องครับ แบทอาจจะหมดก่อน :P
ล้อเล่นนะครับ ไม่เว่อร์งั้นหรอก อิอิ
จ๊อบโม้ไว้ว่า เค้าสามารถใช้เปิดดูหนังบนเครื่องบินได้ตลอดทางจากซานฟรานถึงโตเกียวเลยนะ :)
@mamuang
บนเครื่องที่ที่ชาร์จ USB?
lewcpe.com, @wasonliw
แบตมันทนคับลุง
จะว่าไปอยากรู้ (ไม่เกี่ยวกับเรื่องว่าแบตจะอยู่ได้ถึงหรือไม่ถึงนะ) จากซานฟรานไปโตเกียวเนี่ยมันกี่ชั่วโมงหรอถ้านั่งเครื่อง?
แค่พบไว้เปิดเว็บทุกที่ ไม่ลำบากเหมือน notebook netbook และไม่จอเล็กเท่า touch screen ก็ดีเกินพอแล้ว
อยากได้ แต่ไม่มีตังก์ T_T
เหตุผลที่ไม่มี flash เพราะ apple พยายามผลักดัน html5 หรือเปล่าครับ (กินทรัพยากรน้อยกว่าด้วย)
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ถ้ามี flash แล้วแบตไม่ไหว ยอมไม่ใช้ก็ได้ เพราะจุดประสงค์คงไม่ต้องการเสียบปลั๊กอยู่แล้ว
คิดว่า ipad คงคล้ายกับ teblet องประกอบ ปัจจัยเอ้อให้ apple Ipad ฒากขึ้น ด้วย wifi ที่มีทั่วไป สังเกตุได้ว่า IPad ไม่มีกล้อง บอกอะไรบ้าง บอกว่า Ipad เป็นตัวประมวลผล media หรือ เรียกดู เวลา ไปไหนมาไหน ไม่ใช่ใช้สำหรับงาน process หนักๆจริง แต่เหมือนเป็นศูนย์กลาง ที่ iphone ,ipod ทำไม่ได้คือการประมวลผล และ หน้าจอที่กว้างกว่า สำหรับ การเก็บ เรียกดูจัดการข้อมูล แต่ถามว่าจะมีใครพก Ipad เพื่อเปิดเพลงฟัง ดูหนัง เพื่อความบันเทิงแบบพกใส่กระเป๋ากางเกง คงไม่มี น่าจะ ใช้ สำหรับ งานที่ เคลื่อนที่เช่น เครื่องบิน รถไฟ หรือ แผนที่ในรถ อะไรแบบนั้น ระหว่างเดินทางซึ่งตัด keyboards ออกไปเพื่อความบางและการพกพา และคิดว่าเป้นการชิงการนำ ระหว่าง win7 android หรือ chrome os ด้วย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าน่าสนใจจริง ๆ ครับ แต่ downside ของมันพอคิดแล้วก็เยอะเหมือนกัน
วันนี้ได้รับอีเมล์จาก Apple (สมัครไว้) ส่งมาแนะนำ iPad
แต่มี note ด้านล่างด้วยครับว่า
"This device has not yet been authorised as required by the rules of the Federal Communications Commission and may not be approved by your applicable local regulatory agency. This device is not, and may not be, offered for sale or lease, or sold or leased, until authorisation is obtained."
ผมว่าที่ apple เลือกที่จะไม่ทำ multitasking ก็เพราะ เขาต้องการลดโหลดของเครื่องในการรองรับ งานแบบ multitasking แต่ให้ความสำคัญกับความลื่นไหลของ UI และการตอบสนองของโปรแกรม เลยเลือกที่จะ focus การทำงานแบบ single task แบบนี้ต่อไป
ในเมื่อ CPU ก็ดี เรื่องของแบตก็ดี สำหรับ mobile device ขนาดเล็ก ยังเป็นอุปสรรคใหญ่ในการพัฒนา และสร้าง device ใหม่ๆๆ ที่สามารถตอบสนองทุกความต้องการได้
ผมว่า apple เลือกถูกทางแล้ว
ทำไม HTC hero หรือแม้แต่ Nexus One มันถึงได้ค่อนข้างช้าเมื่อใช้งานไปสัก 3 - 4 เดือน และไม่ responsive ได้เท่ากับ iPhone
ผมคนหนึ่งล่ะที่สนใจ เพราะว่าเวลาหลังเลิกงานของผม ผมมักจะเล่น facebook แล้วก็นอนเล่นบนเตียง
มันไม่ run เกมส์ flash บน facebook ทั้งหลาย Safari บน iPhone หรือ Safari บน Mac ก็ไม่อนุญาตให้ app ของ facebook เข้าถึงข้อมูลใน facebook อยู่ แต่ก็จะเจอ app ใน app store แทนที่มาให้เราสนุกได้ไม่ต่างกัน
nthree นี่ ย่อมาจาก NarutoThree รึเปล่าเนี่ย
แต่ผมเห็นด้วยนะว่าจริงๆเกม FaceBook มันทำเป็น App ขายใน AppStore ก็ได้ถ้าจะทำ
นั่นสิ พออ่านถึงคอมเมนต์นี้เลยฉุกคิดได้ ย้อนกลับไปดู เฮ้ย ตอบทุกเมนต์ที่เป็นเชิงลบเลยวุ้ย ท่าทางจะแรว๊ง!! (และที่งงคือผมว่าผมตอบกลางๆ นะ ยังจะพยายามขัดแย้งผมอีก โคตรงงเลย)
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!