จากที่เราได้เคยรายงานมาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับกฏในการพัฒนา App ให้กับอุปกรณ์ที่ใช้ iPhone OS ทั้งหลายที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ที่ว่าต่อไปนี้นักพัฒนาจะต้องเขียน App โดยใช้ภาษา C, C++ และ Objective-C เท่านั้น ตอนนี้มีนักพัฒนาคนหนึ่งได้เขียนอีเมลไปถึงสตีฟ จ็อบส์เกี่ยวกับเรื่องนี้ และสตีฟก็ได้ให้คำตอบมาว่า "ไปอ่านบล็อกของ John Gruber แห่ง Daring Fireball" นักพัฒนาคนนี้ก็ได้โต้ว่า John Gruber เป็นแฟนแอปเปิลตัวยง และไม่น่าจะเป็นคนเขียนบทความที่ไม่ลำเอียงได้อย่างแน่นอน
นักพัฒนาคนนี้เองยังได้ยกตัวอย่างว่า โปรแกรมอย่าง Firefox นั้นเป็นโปรแกรมที่ทำงานข้ามแพลตฟอร์มที่มีคุณภาพและมีชื่อเสียง แต่สตีฟก็ได้ตอบกลับมาเพียงว่า "เราเองเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว และเราเชื่อว่า Intermediate Layer ที่อยู่ระหว่างแพลตฟอร์มกับนักพัฒนาเป็นสิ่งที่ทำให้ App นั้นออกมามีคุณภาพต่ำและไม่สามารถทำงานได้อย่างคล่องตัวบนแพลตฟอร์มนั้น"
ใครอยากดูบทสนทนาโต้ตอบกันไปมาคลิกเข้าดูได้ครับ
ที่มา - Engadget
เกร็ก
สวัสดีสตีฟ
หลายคนเริ่มอารมณ์เสียกับแอปเปิลหลังจากที่แอปเปิลประกาศว่า App ทั้งหลายต้องถูกเขียนขึ้นแต่ต้นในภาษา C/C++/Objective-C ถ้าคุณลองเข้าไปดูในเว็บเช่น Hacker News ในตอนนี้ (http://news.ycombinator.com/) คุณจะเห็นได้เลยว่าหน้าแรกบนเว็บเขาได้ขึ้นข่าวนี้ว่า "สตีฟบ้าไปแล้ว" และมีโหวตให้คะแนนมากถึง 243 โหวตด้วยกัน
ส่วนข่าวเด่นที่สุด 5 ข่าวบนเว็บนั้นก็มีแต่เรื่องแย่ ๆ เกี่ยวกับ TOS [ใหม่ของแอปเปิล] และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมายที่ไม่ได้อยู่ในห้าอันดับเด่นที่สุด จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการตอบรับที่ดีเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งจาก John Gruber แฟนพันธุ์แท้ของคุณ
ผมชอบสินค้าจากบริษัทของคุณ แต่ TOS ของ SDK ล่าสุดก็ไม่ต่างกับมะเร็งที่มองไม่เห็นที่โตขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนนี้
นับถือ
เกร็ก
สตีฟ
เราเชื่อว่าโพสนี้ของ John Gruber มีรายละเอียดที่ค่อนข้างดีและไม่เป็นด้านลบ: http://daringfireball.net/2010/04/why_apple_changed_section_331
สตีฟ
เกร็ก
ขอโทษที ตอนแรกผมไม่เห็นโพสอันนั้น แต่ผมอ่านมันจบแล้ว
ผมยังคิดว่า [TOS ใหม่นี้] มันจะเป็นบ่อนทำลายแอปเิล คุณไม่ต้องการสิ่งนี้หรอกหากมาดูส่วนแบ่งตลาดของไอโฟนในตอนนี้แล้ว การที่เพิ่มสิ่งนี้เข้าไปจะทำให้หลาย ๆ คนเสียความรู้สึกและความนับถือกับคุณและบริษัทของคุณ เช่นคน ๆ นี้ที่ได้เขียนตอบไว้ว่า:
"สรุปสิ่งที่แอปเปิลต้องการก็คือการที่บริษัทอื่น ๆ เริ่มที่จะสร้างมาตราฐานในการเขียนแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์นอกเหนือจาก Cocoa Touch ไม่ว่าจะเป็น Flash ของอโดบี หรือจะเป็น .NET (ผ่าน MonoTouch) เพราะถ้าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น มันจะไม่มีใครได้เปรียบไปกว่าใคร เพราะไม่มีการ "ล็อค" ให้ใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง"
และการทำแบบนี้ทำให้แอปเปิล Evil ไปเลย อย่างน้อยก็ตามที่กูเกิลให้ความหมายกับคำว่า don't be evil ที่พวกคุณเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าคำว่า "evil" ในประโยคนี้น่าจะมาจากการที่ผู้ผลิตต้อง "พยายามที่จะแข่งขันกันผ่านการสร้างสิ่งที่ดีที่สุดและเจ๋งที่สุด ไม่ใช่[การทำการตลาดแบบกีดกันกัน]"
จากมุมมองของนักพัฒนาแล้ว คุณกำลังจำกัดความคิดสร้างสรรค์[ของคนอื่น] Gruber เองก็ไม่ถูกต้อง มันมี App อื่น ๆ ที่ถูกสร้างให้รันบนหลายแพลตฟอร์มได้ที่เจ๋ง ๆ ก็มี และเขาเอาก็เคยชมเชยมาแล้ว หนึ่งในนั้นคือ Firefox
ผมไม่เชื่อว่าแอปเปิลจะได้อะไรมากจาก[การแก้ไข TOS ข้อ] 3.3.1 แต่จะได้การตอบรับที่ตรงกันข้ามมากกว่า
นับถือ
เกร็ก
สตีฟ
เราเองเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว และเราเชื่อว่า Intermediate Layer ที่อยู่ระหว่างแพลตฟอร์มกับนักพัฒนาเป็นสิ่งที่ทำให้ App นั้นออกมามีคุณภาพต่ำและไม่สามารถทำงานได้อย่างคล่องตัวบนแพลตฟอร์มนั้น
เกร็ก
คอมพิวเตอร์แมคเองก็เคยได้รับการช่วยเหลือจาก Firefox, Ableton Live และโปรแกรมอื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถทำงานข้ามแพลตฟอร์มได้เช่นกัน และสิ่งที่ควรจะรับคำขอบคุณก็คืออิสระภาพที่นักพัฒนาสามารถเลือกได้ว่าจะใช้อะไรในการพัฒนาโปรแกรมนั้น ๆ
นักพัฒนาห่วยแตกทั้งหลายก็จะยังสร้างโปรแกรมที่ห่วยแตกอยู่ ต่อให้จะมี Layer คั่นกลางมากมายแค่ไหน [หรือไม่มีเลยก็ตาม] และมันไม่มีเหตุผลที่จะต้องมาจำกัดว่า[โค้ดของ App ถูก Convert มาจากไหน] เพราะสุดท้าย App ทั้งหมดก็ต้องถูกมาทดสอบกับ iPhone Developer Tool ในขั้นสุดท้ายอยู่ดี นี่่ต่างกับกรณีบนแมคโดยสิ้นเชิงที่นักพัฒนาไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ Framework ของแอปเปิลในการผลิต App ใด ๆ
ส่วนตัวแล้วผมคิดว่า[ข้อตกลงใน TOS ข้อ] 3.3.1 นี้ออกมาเพื่อทำให้นักพัฒนาตัวจริงมองไอโฟนเป็นแพลตฟอร์มที่ไม่น่าสนใจมากเท่าเดิมแล้ว และมันกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาอาจจะตัดสินใจที่จะเขียนซอฟต์แวร์ให้กับแพลตฟอร์มคู่แข่ง[ของไอโฟน]แทน
นับถือ
เกร็ก
Comments
นักพัฒนาคนนีี้ก็ได้โต้ว่า John Bruger เป็นแฟนแอปเปิลตัวยง
ชื่อผิดครับ ต้องเป็น John Gruber และตรงคำว่านี้ มีสระอี เกินมาตัวหนึ่งครับ
Daring Firewall ด้วยอีกคำนึงครับ
ขอบคุณครับ :)
@TonsTweetings
วาทะประจำวัน
แต่ลุงจ็อบส์นี่พูดน้อยต่อยหนักจริงแฮะ (หรือไม่มีอะไรจะพูด?)
+65535 ให้ประโยคนี้
โดนใจและแทงใจไปพร้อมๆกัน
ต่างคนต่างพูดถูก เพียงแต่ใครจะพอใจอะไรเท่านั้นเอง
นักพัฒนาต้องการทำงานน้อยๆ แต่ได้งานเยอะ จึงต้องใช้เครื่องทุ่นแรงมากๆ
ส่วนสตีฟต้องการความเสถียร คุณภาพ เร็ว (ผมคิดว่าจากที่ ไอโฟน ไอแพด มี CPU น้อยกว่าหุ่นยนต์จึงต้องใช้การเขียนโปรแกรมเฉพาะแพลตฟอร์มนั้น)
+1
Blog: https://medium.com/@tanakritsai
ความเร็ว ความเสถียร และคุณภาพ คือปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นักพัฒนาชอบใช้ FrameWork ที่เป็นมาตรฐานของทุกแพลตฟอร์มครับ เพื่อจะได้ไม่ต้องเอาเวลาที่ควรใช้ในการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ UI ดีๆ หรือออพติไมซ์โลจิค มาเช็คว่าโปรแกรมลีครึเปล่า มีบั๊กมั้ย
เวลาที่นักพัฒนาต้องใช้ ทุน เป็นเงินเป็นทองนะครับ
ผมชอบตรง "คอมพิวเตอร์แมคเองก็เคยได้รับการช่วยเหลือจาก Firefox, Ableton Live และโปรแกรมอื่น ๆ............และสิ่งที่ควรจะรับคำขอบคุณก็คืออิสระภาพที่นักพัฒนาสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ อะไรในการพัฒนาโปรแกรมนั้น ๆ"
อาจจะมีสักวันที่ apple ประกาศว่าไม่ต้องการนักพัฒนาอีกต่อไป เพราะนักพัฒนาเป็นปัญหา apple ไม่สามารถจัดการได้
+1
รอให้ถึงวันนั้นเร็วๆ
จะได้เลิกคิดทำเกมให้แอปเปิลซะที
+1
แอปเปิลไม่คิดอะไรมาก คิดอย่างเดียวตอนนี้ว่า: กูมีตลาด 50 ล้านคน มีปัญหาเรอะ? มีปัญหาก็ไปพัฒนาให้คนอื่นสิ
ตัวเลขที่เผยออกมาวันนั้นทำออกมาเย้ยคนอื่นชัด ๆ เลย เช่น 50 ล้านคน รวม iPod touch ก็ 80 ล้านคน เปิดตัววันแรกมี App ให้ iPad 3,500 อันแล้ว แพลตฟอร์มอื่นปีนึงขอให้ได้ 3,500 อันยังทำไม่ได้
ประมาณนั้นครับ และคงไม่เปลี่ยนง่าย ๆ ด้วย อาจจะต้องรอว่าอนาคตตลาดจะกลายเป็นอย่างไร ถึงตอนนั้นอาจจะเปลี่ยน :p
@TonsTweetings
แต่ถ้า อัพเวอร์ชั่นที เก็บตังที ก็อยากจะเลิกคุยเหมือนกันนะ ถ้าประมาณ 6-7 ปี เก็บตังค่า os ที ยังพอทน
นั้นเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่าผู้ใช้ต้องการสินค้าของเค้าครับ และเค้าก็มองเห็นว่า app บนเครื่องของเค้าต้องไปในทิศทางใด (ประมาณว่า ถ้าไม่พอใจก็หนีไป) ประมาณนั้นครับ
Blog: https://medium.com/@tanakritsai
เพิ่มเติมสำหรับ Monotouch ครับ
พวก Unity หรือ Firefly ก็คงตกอยู่ในสภาพเดียวกัน
จริงด้วย ว่าจะช๊อป Unity Pro อยู่แล้วนะนี่
เป็นมิตรกับผู้ใช้ แต่เป็นอริกับผู้พัฒนา - -*
ฮา
แล้วแต่ผู้พัฒนาจะเลือกครับ เรามีสิทธิ์ที่จะเลือกใช้หรือเลือกว่าจะพัฒนาอะไรครับ (จาก1เสียงของผู้พัฒนา)
Blog: https://medium.com/@tanakritsai
แล้วปกตินักพัฒนาบนมือถือใช้อะไรพัฒนาล่ะ จาวา?
app เล็กๆ ที่เขียนด้วยจาวาก็เยอะนะครับ รวดเดียวได้ตั้งกะโทรศัพท์รุ่นล่างๆ ไปยันรุ่นบนๆ เลย ตอนนี้ผมก็หาแต่โปรแกรมที่เขียนด้วยจาวา (เพราะผมถอนตัวกลับมาใช้โทรศัพท์ที่เป็นโทรศัพท์แล้ว ลงอย่างอื่นไม่ได้อ่า T-T)
BB มัน J2ME
จริงอยู่ที่ Apple กำลังครองใจคนส่วนมากด้วยผลิตภัณฑ์ที่ดูดีทันสมัยที่สุด ใครๆ ก็อยากได้ของ Apple
แต่หากจำกันได้ สภาวะนี้เคยเกิดขึ้นกับยุคทอง Microsoft ครั้งหนึ่งแล้ว และมันนำไปสู่การกำเนิดของ Java และ Linux ตามลำดับ
ความเห็นส่วนตัวคิดว่านักพัฒนา Flash ที่เคยฝากหวังไว้กับ Apple คงกำลังหันไปแลมอง Android phone และ Windows Slate ทั้งหลายที่กำลังก่อตัวขึ้นมาในครึ่งหลังของปีนี้ครับ
"แอปเปิล"
"มาตรฐาน"
จริงๆ ตอนอ่านผมเจออีกที่นึงแต่เลื่อนขึ้นไปหาไม่เจอแล้วอ่ะครับ ขอโทษด้วย
Apple กับ Sony ค่อนข้างคล้ายกันอยู่อย่างนึงตรงที่ข้อเรียกร้องของผู้บริโภคไม่สามารถขวางกั้นอุดมการณ์ได้ หรือว่าง่ายๆ ก็คือไม่ง้อคนอื่นถ้าทำตามที่ตัวเองต้องการไม่ได้ (อ้อ สาวก Apple & แฟนบอย Sony ก็น่ารำคาญพอๆ กันด้วย ^^)
แต่ "มาตรฐาน" ของ "แอปเปิล" ก็ทำให้สินค้าของเค้าขายได้นะครับ (แถมติดตลาดด้วย)
Blog: https://medium.com/@tanakritsai
"มาตรฐาน" หรือ "ภาพลักษณ์" ?
เราผ่านจุดนั้นมาแล้ว ผมเขียน Java ตั้งแต่ปี 1994 ที่พึ่งออกมาเล่นตั้งแต่ Browser เป็น Mosaic
โดยแนวความคิดแล้ว Write once run everywhere! ดีมากครับ ส่ง Bytecode ไป
แต่เวลามันไป run ใน Platform ต่างๆต้องใช้ Native API ทำให้มันช้าทั้งต้องรอให้ Platform
นี้สร้าง Native API ขึ้นมาในบางครั้งทำให้มี wait หลายจุดครับ ถ้าจะเขียนเองทุกๆอย่างก็อืม...
เก่งอะไรให้เก่งอย่างเดียวไปเลยหากินได้ครับ แล้วเอาเวลาไปทำอย่างอื่นบ้าง ทำการตลาดบ้าง อย่าเขียน
แต่โปรแกรมครับ แต่ถ้าเก่งหลายอย่างก็ต้องเหนื่อยมากเป็นธรรมดาครับ
ส่วนตัวผมว่า สตีฟ ก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร และก็เป็นเหตุผลที่หลายๆคนไม่ชอบ apple
ส่วนสิ่งที่นักพัฒนาขอ สำนวนมันเหมือนไปสั่งสอนปรมจารมากเกินไปรึเปล่า?
แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ สตีฟพูดก็ปรากฏชัดเจนดีอยู่แล้ว มีหลักฐานยืนยันอยู่ว่ามันจริง
แต่ยังไงก็ทำให้รู้สึกเหมือนตอนที่สตีฟด่า flash คือไม่ยอมงอ ถ้าดื้อดึงนักก็หักมันทิ้งซะเลย
นึกถึงข่าวเก่าเรื่องที่ขอใช้ชื่อ iPod บนสินค้าอะไรซักอย่าง ตอบสั้นๆ แต่ใจความคือ ไม่ได้ มันก็ต้องไม่ได้
ศาสดาประกาศิต
+1
Blog: https://medium.com/@tanakritsai
โดยส่วนตัวผมคิดว่าสตีฟจ๊อบ ค่อนข้างเป็นคนหลงตัวเองนะครับ และผมก็ไม่ค่อยชอบคนแบบนี้ด้วยสิ - -
เราทุกคนที่ยังสามารถมองโลกในแง่บวกและมีความภาคภูมิใจในความสามารถของตนเอง ล้วนมีแง่มุมที่จะหลงตัวเองอยู่บ้างละครับ เป็นเรื่องธรรมชาติ อยู่ที่จะแสดงออกมาให้คนอื่นเห็นมากน้อยเท่าใด แต่คนที่เค้ามีอำนาจต่อรองในมือเหนือผู้อื่น ก็มักจะแสดงออกมาง่ายกว่าคนอื่นสักหน่อย เข้าข่ายคนรวยทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด ...ทำนองนั้นงะ
ผมว่ามันไม่ใช่การหลงตัวเองนะครับ เค้ามีแนวคิดของเค้า และไม่เอนเอียงตามความคิดคนอื่น เค้าไม่ได้คิดว่าคนอื่นต้องตามเค้า แต่เค้าไม่ต้องการตามคนอื่นเพียงเพื่อให้ขายได้
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
+10
+10
ต้องเข้าใจว่า Jobs นั้นเป็นพวก perfectionist หน่ะครับ ซึ่ง perfectionist นั้นหากมีอะไรไม่พอใจก็ดูจะขัดใจตนเองไปซะหมด ซึ่งแตกต่างจากการหลงตัวเองหน่ะครับ และคนประเภทนี้จะคิดอะไรต่างจากคนทั่วไปมากพอดู
ส่วนผมเป็นพวกเชื่อในความไม่ perfect - -
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
เป็นแนวทางของเค้าครับ ไม่ชอบก็ปล่อยเค้าไปครับเราไปบังคับให้คนอื่นเปลี่ยนตามเราไม่ได้
Blog: https://medium.com/@tanakritsai
Art ตัวพ่อ...
+1 (อาร์ติส)
Blog: https://medium.com/@tanakritsai
เหมือนตอนที่ mac เอา Drive 3.5 นิ้วออกแหละครับ คนด่าทุกสารทิศ
ตอนนี้หละ......
เหมือน Iphone ออกใหม่ โทรศัพท์ทุกเจ้ารุมด่าเละ
ตอนนี้....ลองไปดูมือถือ จากเกาหลีสิครับ ICON OSX Style ทั้งงั้น
ผมว่า การที่ผ่าน Intermediate layer มันห่วยจริงๆครับ
ตัวอย่างเช่น ITUNE ใน WINDOWS
+1 (เห็นด้วยห่วยจิง)
Blog: https://medium.com/@tanakritsai
เราเจอทายาทฮิตเลอร์ในสงครามธุรกิจแล้ว LOL LOL LOL
ยังต่างกันมาก ฮิตเลอร์คุณไม่มีสิทธิเลือก แต่กรณีนี้ คุณมีสิทธิ์เลือก iPhone หรือ ยี่ห้ออื่นก็ได้ แต่เลือกยี่ห้อไหนก็ย่อมจะต้องทำตามกฎยี่ห้อนั้นไม่ใช่หรอครับ ถ้ากฎมันไม่ดี คนก็หาย สุดท้าย app ก็จะน้อยไปเอง
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
แต่เห็น app มันยิ่งเพื่มๆ ขึ้น จะสามแสน app อยุ่และ สงสัยทำไปบ่นไป
มันเป็นแผนการที่จะดึงนักพัฒนาต่างหาก!
ดึงออกรึครับ -___-"
+666
Please Don't be Evil, Apple
ใครได้ใช้ app บน mac ที่ทำด้วย java ดูซิ จะรู้เลยว่าห่วยแตกแค่ไหน