ข้อเสียที่สำคัญของ Android คือปัญหา fragmentation หรือความแตกต่างหลากหลายของฮาร์ดแวร์-ซอฟต์แวร์ ทำให้นักพัฒนาโปรแกรมบน Android ลำบากในการทดสอบ (อ่าน ผู้ ใช้ Android เกือบทั้งหมดไม่ได้อัปเดท OS เป็นเวอร์ชันล่าสุด) ในทางกลับกัน iPhone มีชื่อเสียงมากเรื่องความเข้ากันได้ของแพลตฟอร์ม เขียนโปรแกรมทีเดียวใช้ได้เลยทุกรุ่น
แต่สถานการณ์กำลังจะกลับกันหรือเปล่า?
Peter Yared ซีอีโอของบริษัท Transpond ซึ่งพัฒนาโปรแกรมทั้งบน Android และ iPhone ให้ความเห็นว่า การออก iPad ที่ขนาดหน้าจอต่างไปจากเดิมแต่ไม่มีกล้อง และ iPhone 4 ที่มีกล้องหน้าเพิ่มเข้ามา ทำให้นักพัฒนาเริ่มทำงานได้ยากกว่าเดิม (แม้จะไม่ขนาด Android ก็ตาม)
ในทางกลับกัน เขาบอกว่ากูเกิลแก้ปัญหานี้อย่างชาญฉลาดด้วย Nexus One เพราะมันคือ reference device สำหรับนักพัฒนา เขียนโปรแกรมให้ใช้กับ Nexus One ได้เป็นอันจบ ถ้ารันบน Droid ไม่ได้ แปลว่าเป็นความผิดของ Motorola และเป็นหน้าที่ที่ Motorola ต้องแก้ไข
ที่มา - VentureBeat
Comments
ก็ออกเวอร์ชั่นสำหรับ iPad
และออกเวอร์ชั่นสำหรับ iPhone
ก็น่าจะจบ ??
ต้องมีอีกเวอร์ชั่นสำหรับ 3GS (และต่ำกว่า) อีกตัวครับ ยกเว้นแต่ว่าคิดจะไม่แคร์คนใช้เก่า ๆ ไปเลย
ต้องเมนเทนไปอีกสักปีสองปีโน่นแหละถึงจะโละมันทิ้งได้
นั่นจิ = =
แต่ไม่แน่ app เดียวอาจจะมีการปรับ resolution เองเมื่ออยู่บน iPhone 4 หรือ iPhone 3GS หรือเปล่า
แบบทำเวอชั่น 960640 มาแต่พอมาลง 3GS เป็น 480320 อัตโนมัติ
จะเป็นยังไงน้อ.. โดยเฉพาะเกมส์
iOS4 จัดการเรื่อง resolution ให้เองเลยนะครับ
app ทั่ว ๆ ไปไม่น่ามีปัญหาครับ แต่อะไรที่เกี่ยวกับกราฟิค (โดยเฉพาะเกม) นี่คงต้องกุมขมับ
Android จะมีปัญหามากกว่าที่ตัว API ซึ่งสำหรับ iPhone โดยส่วนใหญ่ก็แค่ไม่รองรับ version เก่า ๆ ไปเลย
มันไม่ได้ยากเย็นเหมือน OS อื่นครับ เพราะไอโฟนใช้พิกัดเป็น float ซึ่งแปลว่า จากเดิมที่มี x = {0, 1, ..., 319} ก็จะกลายเป็น x = {0, 0.5, 1, 1.5, ..., 319.5} แทน ทำให้ code เก่าทำงานได้ตามปกติเลย
ผมคิดว่า iPad กับ iPhone นี่คนละ OS กันนะครับ เนื่องจากว่า Apple ขายตัว product อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปสนใจว่ามัน OS อะไร (ส่วน dev ก็มองว่าที่รันได้นั้นเป็นของแถม) แต่เรื่อง iPhone กับ iPhone4 นี่ทำให้เกิด fragmentation จริงๆ เนื่องจาก icon ที่ต้องมีสองเซตเพราะการ up/downscale ไม่คมชัดเท่าของแท้แน่นอน
OS เดียวกันครับ
ทำไมต้องทำ 2 เซตล่ะครับ ก็ทำความละเอียดสูงไปชุดเดียว แล้วให้ OS ไปจัดการต่อ (ทำได้รึปล่าวหว่า)
เรื่อง iPad / iPhone ก็มี 2 เวอร์ชั่นไปเลย นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชั่น Universal ที่สามารถใช้ได้ 2 เครื่องอย่างสมบูรณ์ไงครับ
แนวทางการใช้โปรแกรมบน iPhone กับ iPad มันต่างกันหน่ะครับ เอา App ที่ออกแบบสำหรับ iPhone ไปรันบน iPad มันก็จะดูแปลกตา ใช้แล้วไม่คล่องมือหน่ะครับ
ใช่ครับ เชื่อว่าตอนนี้ developer ทุกคนต้องกำลังพัฒนา app version ipad อีกเวอร์ชันอยู่แล้ว ถ้าเขาต้องการเล่นในตลาดส่วนนี้ด้วย
UI และ experience บน iphone และ ipad มันคนละแบบกันเลย
ใน Apple App Store ก็แบ่งชัดเจนระหว่าง โปรแกรมสำหรับ iPhone และ iPad หรือบางกรณีก็ใช้งานได้ทั้งสองอุปกรณ์ในโปรแกรมเดียว iOS 4 น่าจะจัดการได้ Apple น่าจะเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว ยกเว้นโปรแกรมบางประเภทที่ พัฒนาสำหรับ iPhone 4 โดยเฉพาะใน App Store ก็จะระบุไว้ชัดเจน ลงในฮาร์ดแวร์รุ่นเก่ากว่านั้น ไม่แนะนำ
iPhone 4 ใช้ scale pixel เท่าเดิม แต่ dpi ต่างจากเดิม ดังนั้นเวลาเขียนโปรแกรมก็ทำเหมือนเดิม แค่เพิ่มคุณภาพ graphic เท่านั้น ส่วน iOS จะ down scale ลงมาให้เองเวลาไม่ได้ใช้ iPhone 4
ส่วน iPad ผมมองว่า app คนละกลุ่มเป้าหมาย และ iPhone app เองก็ run บน iPad ได้อยู่แล้ว ยิ่งถ้าใช้ graphic สำหรับ Rentina เวลาแสดงบน iPad จะได้ graphic ที่คมชัดเลย
Apple คิดเรื่องนี้มาดีมากจริงๆครับ ไม่มีความยากลำบากเวลาพัฒนาเลย ยกเว้นจะเขียน Universal app แบบ app เดียวกัน บน iPhone แสดงผลอย่าง บน iPad แสดงผล อย่างนี่เหนื่อยแน่นอน แต่ถามว่ายากไหมตอบว่าไม่ยาก
ส่วน android ผมมองว่าถ้า google กำหนดทิศทางไม่ดี เผลอๆจะเจออนาคตแบบเดียวกับ Windows Mobile หรือ Symbian เสียดายที่ Palm ทุนไม่หนาพอ ถ้า HP ซื้อไปพัฒนาด้าน Mobile ต่อคงดีไม่น้อย
ผมว่าในความเป็นจริงมันจะไม่ง่ายขนาดนั้นสิครับ เอาแค่ตอนนี้ โปรแกรมหลายตัวก็ใช้กับ iPod touch ไม่ได้ และคนใช้ iPod touch ก็รู้สึกเป็นลูกเมียน้อยอยู่บ้างแล้ว ต่อไปก็จะมีเรื่อง multi-tasking ที่ iPhone 3G ลงไปใช้งานไม่ได้ และเรื่องความแรงของ CPU ที่รองรับแค่บางรุ่นด้วย ต่อไป iPad รุ่นหน้ามีกล้อง เราก็จะมีโปรแกรมที่ใช้ได้กับ iPad เฉพาะรุ่นมีกล้องตามมาอีก
ยังไงซะ ยุทธศาสตร์ของแอปเปิลคือการกระจาย iOS ให้ออกไปยังอุปกรณ์มากชนิดที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ (เพื่อให้คุ้มค่าการพัฒนา iOS) ซึ่งมันก็จะหลีกเลี่ยงเรื่อง fragmentation ไม่ได้อยู่ดี (แต่คงดีกว่า Android แน่นอน)
ถึงจุดหนึงแล้ว ถ้า Apple ยังต้องการส่วนแบ่งที่มากขึ้นไปเรื่อยๆ ยังไงก็ต้องขยาย line
ตอนนี้โทรศัพท์ที่แอปเปิลขาย ยังขายทีละสองรุ่น (n,n-1) อนาคตถ้ายังไม่มี iPhone Mini ก็ต้องปรับเป็น (n,n-1,n-2) เพื่อให้ครบช่วงราคา รุ่นที่นักพัฒนาต้องซัพพอร์ตก็จะถ่างออกไป (3-5 รุ่นย้อนหลัง)
แต่ 3-5 รุ่นเทียบกับ 50++ รุ่นใน 1 ปีของ Android นี่ก็นับได้ว่า "ประเสริฐ" มากแล้วครับ
แต่ถ้าระบบ test ของ Google ในอนาคตเริ่มแข็งแกร่ง ก็จะลดช่องว่างลงมาเรื่อยๆ (เอาเข้าจริงจอภาพก็มีไม่กี่แบบ, CPU ก็มีอยู่สองสามระดับ, เซ็นเซอร์ก็คล้ายๆ กันหมด)
lewcpe.com, @wasonliw
ส่วนตัวผมไม่คิดว่าแอปเปิ้ลจะลงมาเล่นครบทุกตลาดนะครับ อย่างมากก็น่าจะเป็นแบบ Mac คือ รุ่นผู้ใช้ตามบ้าน กับผู้ใช้ระดับอาชีพ (... นึกไม่ออกว่าใช้คำว่าอะไรดี จะบอกว่าเป็นองค์กรณ์ก็ไม่น่าใช่ ?) ถึงแม้ว่า Mac อาจจะมีรุ่นยิบย่อยบ้าง แต่เกือบทั้งหมดน่าจะจับอยู่แค่สองกลุ่มนี้เท่านั้น
อย่างน้อย ๆ ตลาดที่ไม่เล่นชัวร์คือ ตลาดมือถือราคาถูก อันนึงล่ะ อีกอันก็มือถือระดับหรู (แบบ Vertu) (เพราะมีคนรับไปโมให้หรูอยู่แล้ว อิอิ)
ผมคิดตรงข้ามครับ
แอปเปิลจะลงมาเล่นตลาดราคาถูกแน่ๆ ในสองปีน่าจะมีโทรศัพท์ราคาหมื่นต้นๆ (เครื่องเปล่า) จากแอปเปิลมาแล้ว
Mac มี Mini, มี MacBook (เมืองไทนโชว์ราคา 29,900 กันครึกโครม), iPod มี Shuffle ผมไม่ได้พูดถึงมือถือราคา 1-2000 บาทซึ่งแอปเปิลคง "ยัง" ไม่สนใจตลาดนี้
แต่แน่นอน เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งก็ต้องเพิ่มไลน์
เรื่องตลาดองค์กรนั้นอย่างไรก็ต้องจับครับ แต่เป็นการเพิ่มฟีเจอร์ คงทำเงินตรงๆ ไม่ได้มากนัก แต่ช่วยเพิ่มยอดขายรวมๆ ได้ดี
lewcpe.com, @wasonliw
การที่โปรแกรมบางตัวใช้กับ iPod touch ไม่ได้ เพราะเขาตั้งใจให้เป็นแบบนั้นครับ และความเป็นจริงมันง่ายขนาดนั้นจริงๆครับถ้าได้ลองเขียนดู
ส่วน Multi-Tasking เป็นเรื่องของการตลาดล้วนๆที่ต้องการให้คน upgrade เพราะเอาเขาจริงๆ iPhone 3G มันก็ run ไหวแหละครับ เพราะถ้า Resource เริ่มหมดระบบก็จะปิด app ให้เองอยู่แล้ว
เรื่อง Fragmentation หากจะเอาเรื่องอุปกรณ์เสริมมาวัดผมว่ามันก็เกิดกับโลกของ PC อยู่แล้วที่เครื่องแต่ละเครื่องมีอุปกรณ์ต่อพ่วงไม่เหมือนกัน แต่ Android จะมีปัญหามากกว่า iPhone และ Palm แน่ๆที่มีความหลากลายทาง Hardward ภายในมากเกินไป โดยจุดที่สำคัญที่สุดคือ ขนาดหน้าจอ และ private api
ถ้า "ขนาดหน้าจอ" หมายถึง resolution มือถือฝั่ง Android ก็มีแค่สองขนาดนะครับ (ซึ่งเท่ากับ iPhone ในตอนนี้) ส่วนแท็บเล็ตก็อีกเรื่องนึง
ส่วน Private API นี่ Android ไม่มีครับ มีแต่เวอร์ชันของ API ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามเลขเวอร์ชันของ OS ถ้าลองเคยเขียนดูคงจะทราบ (เพราะมันบังคับให้เลือกตอนติดตั้ง SDK เลย)
iPhone มีแค่ resolution เดียวครับ 480x320 เพราะ iPad เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และ iPhone 4 Rentina เป็น DPI
นึกว่า 960x640 ??
@TonsTweetings
สับสนอะไรหรือเปล่า
ถูกแล้วนะครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
dot per inch นี่ก็ pixel ดีๆนี่แหละครับ - ใน 1 นิ้วมีจุด(dot/pixel) กี่จุด
960-by-640-pixel resolution at 326 ppi
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
DPI ประมาณว่า เอาขนาดจริง ๆ (กว้าง หรือ ยาว) หารกับจำนวนจุด (ก็ resolution น่ะล่ะ) (ด้านกว้าง หรือด้านยาว) ครับ คนละเรื่องกันนะ
i-mobile 6010 ขนาด 400x240 ครับ ส่วน WellcoM A ... ที่เป็น QWERTY นี่เท่าไหร่ไม่รู้ เพราะฉะนั้น คงไม่ใช่แค่ 2 ขนาดครับ
อย่างเป็นทางการ มีดังนี้ครับ
ที่มา - Android Developer
lewcpe.com, @wasonliw
โอ้ มันช่างซับซ้อนจริงๆ
แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ใช้กันแค่สามอันหลัง
แต่ว่าอันสุดท้ายนี่มัน Milestone รุ่นเดียวใช่มั้ย ?
320x240 ก็หลายรุ่นนะครับ เห็นมี HTC tattoo, HTC Wildfire (ยังไม่วางขาย), Samsung i5500 corby (ยังไม่วางขาย), SE X10 mini (ยังไม่วางขาย, wellcom a68 และ a69 และคาดว่ารุ่นเล็กอีกหลายรุ่นในอนาคต
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ปัญหาจะตกอยู่กับพวกโปรแกรมบางประเภท โดยเฉพาะ Game และโปรแกรมที่เน้นกราฟิคมาก ๆ (โดยเฉพาะพวกที่ใช้ bitmap เยอะ ๆ ) ที่เมื่อรันกับความละเอียดที่สูงขึ้น ภาพที่ได้ออกมาจะไม่ได้ตามที่ต้องการ จะกลายเป็นภาพเบลอ ๆ ไปซะ
ปัญหาก็จะมาตกที่คนทำกราฟิค ที่งานนี้ต้องทำภาพที่ 3 ความละเอียด และไม่ใช่ว่าจะทำไอ้ที่ละเอียดสุดแล้วใช้โฟโต้ช๊อปย่อเอาได้นะครับ เท่าที่เคยเห็นคนทำเกมทำงานมา ก็จะต้องมีการดอตเพิ่มเพื่อเพิ่มรายละเอียดที่หายไปจากการย่อขนาดด้วย อ้อ รวมถึงพวกภาพ pre-rendered ด้วยนะครับ
เกม 3D คงไม่กระทบอะไรมากมายนัก ยกเว้นแต่ไม่รู้ว่า fill rate จะเพิ่มขึ้น 4 เท่าตามความละเอียดของจอหรือเปล่า (ไม่ได้เช็คอ่ะครับ) ถ้าไม่ก็คงเหนื่อยหน่อยล่ะ
ปล. แต่ผมว่า เรื่อง resolution-independent แบบนี้ ... OS อื่น ๆ เขาก็มีทำกันนะครับ ???
ถ้า OS เค้าประเสริฐจริงๆ งาน resolution-independent จะต้องเป็น OS / game engine ที่รับผิดชอบนะผมว่า
{$user} was not an Imposter
เกม 2D ที่ไม่รันบน Native Resolution นี่ยังไงก็ดูไม่ค่อยจืดครับ ผมเคยลองเขียนเดโม (บน PC) มาแล้ว ไม่ว่าจะใช้ Filter แบบไหนก็ตาม (Engine ที่ผมเขียนทำงานบน OpenGL โดยสเกลภาพตามขนาดจออัตโนมัติ ใส่แถบดำให้ด้วยถ้า aspect ratio ไม่เท่ากัน) ก็ออกมาแค่พอดูได้ ซึ่งผมว่าทาง Apple คงไม่ต้องการน่ะนะครับ
ไอ้ครั้งจะทำภาพให้ละเอียดสูงไปเลยแล้วรันบนตัวต่ำกว่าอย่าง 3GS ก็อาจจะทำให้เกิดอาการเมมเต็มได้ (เพราะ texture มันใหญ่กว่าเดิมตั้ง 4 เท่า) ไหนจะต้องคำนวนมากขึ้น และบางทีผลลัพท์ได้อาจจะไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็นด้วย (นั่นคือทำไมว่าปรกติเขาถึงให้ artist dot ภาพใหม่ไปเลย)
ที่แย่กว่านั้น Filter บางตัวทำให้เกิด Artifact บางอย่างด้วย เพราะ Filter จะใช้การ sample หลาย ๆ texel ที่อยู่ติดกันเพื่อสร้าง texel ใหม่ขึ้นมา (ตรงนี้เรียกว่าการทำ interpolate) ถ้าหากว่าทำ texture ไม่ดี ไม่มีการกันขอบ 1px รอบ ๆ ภาพที่ต้องการ ก็อาจจะมีสีจากภาพอื่นที่อยู่บน texture เดียวกัน (ถ้าใช้หลาย ๆ ภาพบน texture เดียวกันเช่นแบบ sprite) ติดมาได้ด้วย (หรือถ้าเป็นที่ขอบ texture ก็อาจจะได้ texel จากอีกฝั่งของภาพ หรือได้เป็นสีดำสนิทมาแทน)
บน iPhone อาจจะไม่เป็นงี้ก็ได้ เพราะผมไม่เคยเขียน (และขี้เกียจโทรไปถามคนที่ทำอยู่) ใครมีประสพการณ์ก็มาแชร์กันได้ครับ
Edit: มาคิดอีกที ... เขาน่าจะสเกลอัพทั้งจอขึ้นไปทีเดียว ดังนั้นไม่น่ามีปัญหาเรื่อง artifact 555
เรื่อง Gyroscope ด้วยมั้ยครับ?
พอเพิ่ม HW ตัวนี้เข้ามา ทำให้การบังคับอะไรหลายๆอย่างดีขึ้น แต่พอเอา app นั้นๆไปรันบนเครื่องรุ่นเก่า ทำให้ใช้งานได้ไม่เต็มที่
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
"iPhone 4 ใช้ scale pixel เท่าเดิม แต่ dpi ต่างจากเดิม ดังนั้นเวลาเขียนโปรแกรมก็ทำเหมือนเดิม แค่เพิ่มคุณภาพ graphic เท่านั้น ส่วน iOS จะ down scale ลงมาให้เองเวลาไม่ได้ใช้ iPhone 4"
แสดงว่าเวลาพัฒนา App ใน iPhone ไม่มีการกำหนด resolution ตายตัวใช่ไหมครับ
iOS จัดให้ ตามประเภทเครื่องเลย
อย่างงี้ก็แจ่ม
สรุปก็เป็นอย่างเดิม
ออกเวอร์ชั่นสำหรับ iPad
และออกเวอร์ชั่นสำหรับ iPhone ไม่ต้องมี for 3GS or for 4
ขึ้นซ้ำ = =
เกิดมากขึ้น แต่ยังไงก็น้อยกว่าหุ่นเขียวอยู่ดี ตอนนี้เริ่มมีลักษณะของ tablet มาละ ขนาดหลากหลายอีกต่างหาก UI จะทำมาเหมือนโทรศัพท์ก็คงจะไม่สะดวก อาจจะใช้ได้แค่ไม่เกิน 5 นิ้ว ถ้าจะเผื่อสำหรับ tablet ก็ไม่รู้จะกะให้เหมาะที่สุดกับขนาดไหนดี 7 นิ้ว 10 นิ้ว
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
เดี๋ยว iPad, iPod Touch ใหม่ก็ต้องใส่ Gyroscope เข้าไปด้วยแน่นอน
น่าเป็นห่วง Android มากกว่าครับ นอกจากว่าว่ามันจะมีหลายรุ่นแล้ว คุณภาพของเครื่องที่ผลิตออกมาก็ไม่เท่ากันอีก เครื่องราคาถูก ใช้วัสุดุราคาถูก อาจจะทำให้ Android เสียชื่อเสียงได้ด้วยนะครับ แม้แต่ตัว Nexus One เองก็ยังมีปัญหาเลยครับ
เอ ผมเคยได้ยินแต่ เครื่องราคาถูก แล้วยิ่งขายดีนะครับ (ดูคนต่อคิวซื้อ Nokia C7 ในข่าวก่อนได้)
"ราคาถูกขายดี" ถูกต้องครับ
แต่คำว่า"ขายดี"นั้นรวมถึงคำว่า"ใช้ดี"ด้วยรึเปล่า
Blog: https://medium.com/@tanakritsai
ผมเห็นคนที่ซื้อมือถือถูกๆ ก็ซื้อเพราะ "ถูกและใช้ดี" ทั้งนั้นนี่ครับ ผู้บริโภคไม่ได้โง่นะ
ความหลากหลายเป็นเรื่องดีครับ :-) มันก็เหมือนกับความหลากหลายทางชีวภาพนั่นล่ะ 555 โยงไปได้แฮะ (ไม่เห็นเกี่ยว)
ศาสดาแก้ปัญหาไม่ยากหรอกครับ ออกรุ่นใหม่ โล๊ะรุ่นเก่า(เช่น iPhone 2) จบ
{$user} was not an Imposter
ศาสนิก ก็แค่ โละของเก่า แล้วซื้อเครื่องใหม่
... ปัญหาคือไม่ใช่เครื่องละบาทสองบาทน่ะสิ ...
ผมว่านั่นมันฝันของศาสดาเลยนะครับ ให้คนซื้อมือถือใหม่กันปีละครั้งได้เนี่ย
ฝันดีของศาสดา ฝันร้ายของเรา -_-
kurtumm
อาจจะเป็นฝันดีของเราก็ได้
ถ้าศาสดาสามารถทำ iPhone ให้น่าซื้อได้ทุกรุ่น ย่อมหมายความว่า
iPhone มีการพัฒนาที่ก้าวกระโดดทุกรุ่น
ย่อมเป็นผลดี (นอกจากเสียตัง)
ชาบู~~
คนตอบส่วนใหญ่ทำไมเป็น android หว่า - -'
คือแบบนี้ครับ ความแตกต่างนี้เกิดตั้งแต่ iPhone 3G มา 3Gs แล้ว ที่ 3Gs รองรับกราฟฟิคได้เหนือกว่า OpenGL สูงกว่า แต่ก็ไม่เคยเกิดปัญหา เพราะนักพัฒนาเลือกจะทำโปรแกรม ทำเกมให้รองรับรุ่นเดิมอยู่ หรือเพิ่มโค้ดตรวจจับเครื่องรุ่นใหม่ หรือบางเกมมีรุ่นแยกออกไปเลยสำหรับ 3Gs
เมื่อมาถึงปีนี้ก็เช่นกันที่มีทั้ง iPad และ iPhone 4
ในแนวทางของ iPad คือ
1. ใช้โปรแกรมเดิม แล้ว UpScale เอา (2X นั้นแหละ)
2. พัฒนาโปรแกรมใหม่ ให้เหมาะสมกับ iPad มากขึ้น แต่ยังใช้กับ iPhone ได้หรือเรียกว่า Universal Binary
3. แยกโปรแกรมออกไปอีกตัวหนึ่งเลย เป็นพวกเวอร์ชั่น HD (ขายแพงได้อีก)
ปัญหาที่ผ่านมามันก็ไม่เกิด เพราะนักพัฒนาส่วนใหญ่พยายามพัฒนาให้เข้ากับ user exp ของ iPad อยู่แล้ว อย่างเกม Doodle Jump ที่ออกเวอร์ชั่นสำหรับ iPad ช้า เพราะกำลังวางแผนเรื่องการควบคุมบนเครื่องน้ำหนักเยอะอยู่
สรุปสำหรับ iPad การที่แอปมันขายได้ ก็ทำให้นักพัฒนาตั้งใจทำเวอร์ชั่นใหม่ ที่รองรับโดยสมบูรณ์ออกมา
ส่วน iPhone 4 คงอีกเป็นปีกว่าเกมที่รองรับ gyro จะเริ่มออกมาพอสมควร ส่วนความละเอียดจอที่เพิ่มขึ้น นักพัฒนาก็ต้องเพิ่มขนาด texture เข้าไป ส่วนตัวอักษร OS ทำให้ได้ แต่ที่ยังสงสัยคือ OS สามารถลดขนาดภาพลงมาสำหรับเครื่องรุ่นเดิมได้เก่าแค่ไหน แต่คิดว่า Apple น่าจะเตรียมการรับมือไว้บ้างแล้ว
ปล. ใช้ iPod Touch อยู่ ไม่เคยมีความรู้สึกว่าเป็นลูกเมียน้อย เพราะก่อนซื้อศึกษามาดีแล้วว่ามีข้อจำกัดอย่างไร
ผมเคยใช้ iPod Touch จริงๆ ก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรมาก แต่จุดที่เซ็งที่สุดคือทำไมต้องซื้อ OS ใหม่ทุกครั้งที่มันออก ในขณะที่คนใช้ iPhone ได้อัพเดตฟรี ๆ
ราคาเครื่องก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่เลย
... แต่ตอนนี้ไม่เซ็งแล้วครับ เพราะว่าเครื่องมันหายไปแล้วที่อัมพวา!! (เซ็งกว่าเดิมอีก)
iOS4 ให้ ipod touch อัพเดทฟรีครับ
ดีจัง :-)
นึกถึงตอน iPhone OS2 ออกใหม่ ๆ เฮ่อ
คงโดนบ่นมาเยอะครับ
หรือไม่ก็ได้ทุนคืนเยอะแล้ว
Blog: https://medium.com/@tanakritsai
แต่เหมือนจำได้ว่า OS ตัวต่อไป ... มันจะต้องมีบางเครื่องที่เจ้าของเสียเงิน จำไม่ได้ว่ารุ่นไหน - -'
โอย คิดถึงตอน iPod Touch ที่แค่จะเปิดเมล์ยังต้องเสียเงินซื้อโปรแกรม
"...ส่วน iPhone 4 คงอีกเป็นปีกว่าเกมที่รองรับ gyro จะเริ่มออกมาพอสมควร ส่วนความละเอียดจอที่เพิ่มขึ้น นักพัฒนาก็ต้องเพิ่มขนาด texture เข้าไป..."
เท่าที่ฟังจาก presentation ของ Jobs ตอนเปิดตัวไอโฟน 4 ผมว่านักพัฒนาไม่ต้องเพิ่มขนาด texture ก็ได้ (app ทั่วไป) เพราะเค้าบอกเองว่า (แปลเป็นไทย) "คุณจะตะลึงกับภาพจอเมื่อใช้ app เดิมที่คุณเคยใช้ มันละเอียดและสวยขึ้นมาก" ประมาณนี้แหละครับ ดูเหมือน iOS4 มันจะจัดการเรื่อง resolution ให้้ิเอง app เดิมสองแสนกว่า app ดูเหมือนไม่ต้องทำอะไรกับมันเพิ่มเติม (ยกเว้นแต่นักพัฒนาอยากจะทำเพิ่มเอง)
ปล.ผมก็ว่าตามที่เค้าพูดนะครับ ส่วนตัวไม่เคยเขียนโปรแกรม ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ และมี ipod touch ส่วนตัวอยู่เครื่อง
ถ้าไม่ทำอะไรเลยก็จะได้ในส่วนของ text กับพวก control (น่าจะหมายถึงปุ่มและ layout มาตรฐาน) แต่ถ้าจะให้ support retina display จริงๆ ก็ต้องทำ artwork ใหม่ ให้พอดีกับจอความละเอียดใหม่ ซึ่งอันนี้แหละครับปัญหากับพวกเกม 2 มิติเป็นซะส่วนใหญ่เพราะใช้ artwork เยอะ ถ้า app อื่นเช่นพวก facebook ไม่ต้องทำอะไรก็น่าจะโอเค เพราะมีแต่ text กับ control
ถามว่าไม่ทำได้มั้ย มันก็ได้ แต่ภาพที่ออกมาก็เหมือนจอเดิมในพวก artwork
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
เยี่ยงนี้นี่เอง ขอบคุณครับ :)
ในความเป็นจริง ถ้าไม่ทำอะไรเลย มันจะแย่กว่าจอรุ่นเก่านิดนึงครับ
อยากให้นึกถึงเวลาใช้โฟโต้ช๊อป ขยายภาพขึ้นมาด้านละเท่าตัว แล้วใช้แว่นขยายซูมภาพออกที่ 50% แล้วเทียบกับภาพเดิม ดูเผิน ๆ อาจจะเหมือนกัน แต่มันจะต่างกันนิดนึงครับ
ไม่น่าจะเหมือนเคสที่คุณบอกนะครับ ถ้า resize 200% แล้วซูมดูที่ 50% เท่ากับว่าจอภาพที่แสดงอยู่นั้น 1 จุด แทนภาพ 4 pixel ภาพออกมาย่อมแย่กว่า เพราะตอนขยายมันจะมีจุดที่ขยายเป็นสีผสม ปกติเวลาขยายด้วยโปรแกรมเค้าไม่ได้เพิ่มสี 1 จุดเป็น 4 จุดด้วยสีเดิมนะครับ แต่จุดที่เพิ่มมาใหม่สีจะเป็นผสมระหว่าง pixel รอบด้าน เพื่อให้ภาพดูเนียนขึ้นหน่อย ดังนั้นถ้าขยายแล้วย่อภาพลงไปต่ำกว่าที่จอแสดงผล 100% ภาพไม่เหมือนเดิมแน่นอน เพราะจุดที่ไล่สี (ที่เพิ่มมาตอน resize) กลายเป็นแสดงได้สีเดียว แต่การขยายออกไปด้านละ 2 เท่า ถ้าทำการเบิ้ล pixel ด้วยสีเดิม ภาพน่าจะออกมาเหมือนเดิม ถ้าใช้อัลกอริทึมเหมือนขยายภาพ ก็จะดูเนียนกว่าหน่อย แต่คงเปลืองพลังประมวลผลและแบตเพิ่ม
ปล. เขียนยาว พอมาอ่านแล้วงงเอง ผมสรุปว่าไม่เหมือนกันเพราะ iPhone 4 ใช้ 4 จุด แสดงแทนภาพ 1 pixel ความครบถ้วนของข้อมูลที่แสดงไม่ลด แต่กรณีที่คุณบอกเป็นการใช้ 1 pixel บนจอแสดงแทนภาพ 4 pixel ซึ่งสี 4 pixel ไม่เหมือนกันจากการเกลี่ยสีของอัลกอรึทึมในการขยายภาพ ดังนั้นข้อมูลแสดงได้ไม่ครบด้วย 1 จุด
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ถ้าอย่างนั้นจนถึงตอนนี้ผมจะมองโลกในแง่ดีไปก่อนละกันครับ :-) คิดว่าไม่นานก็คงมีคนเอาภาพมายันกัน ก็หวังว่ามันจะออกใกล้เคียงกันมาก ๆ ครับ (ออกตัวก่อนว่าไม่ได้ประชดนะ)
ตอนแรกคงจะกังวลไปหน่อย..มั้ง :-)
เห็นด้วยอย่างแรงเรื่อง artwork เกม 2 มิติ
สำหรับก้าวแรก ของ Apple ไม่มีปัญหาเท่าไรแล้ว เพราะ iPhone 3G user ยินดีที่จะซื้อ iPhone4 ส่วน 3GS user หลายคนก็อยากจะเปลี่ยนเครื่อง แล้วแต่กำลังเงินที่มีอยู่ ดังนั้น 3G user ที่เหลืออยู่คงไม่ใช่ปัญหาเท่าไร แต่สิ่งที่ได้เพิ่มขึ้นคือ iphone4 user ใหม่ๆ ที่ไม่เคยสัมผัส iPhone
ยังไง iPod Touch ก็ต้อง up spec ให้เทียบเท่าหรือ สูงกว่า iPhone4 แน่นอนครับ ตัดแค่ การโทรเข้าออกเฉยๆ แล้วราคาก็อยู่ในเกณฑ์ที่ user ระดับล่างไขว่คว้าได้ ดังนั้นดูไม่น่าจำเป็นต้องออกตัวที่ถูกกว่า 3GS 8 GB. อีก ให้วุ่นวาย
นอกเรื่อง : เห็นคำว่า Retina Display ทีไร ผมนึกถึงลูกกลิ้งทารักแร้สาว ๆ ยี่ห้อนึงทุกที ... ไม่รู้ทำไม = =
เรโซน่า โรลออน = =''
นั่งอ่านจบแล้ว
ผมค้นพบว่า...
ไปใช้ vector กันครับ -_-
ผมว่าเขาออกแบบมาดีนะ ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายชัดเจนพร้อมซื้อทันทีเมื่อวางตลาด ส่วนนอกเหนือกลุ่มเป้าหมายเปลี่ยนใจมาซื้อหรือจากไป ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร Apple ในมือ Jobs เป็นแบบนี้เสมอ (เพิ่งทำรายงานส่ง mba ไป อิอ)