Twitter เป็นหนึ่งในบริการ Social Network ที่สามารถเจาะตลาดญี่ปุ่นได้สำเร็จ โดยหลังจากที่ได้เริ่มเปิดบริการ Twitter ในภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2008 จนถึงปัจจุบันมีผู้ใช้ Twitter ในญี่ปุ่นกว่า 10 ล้านคน คิดเป็น 16.3 เปอร์เซนต์ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งประเทศ (อเมริกา 9.8 เปอร์เซ็นต์) แซงหน้า Social Network อันดับหนึ่งของญี่ปุ่นอย่าง Mixi ไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ทุกวันนี้จะมีข้อความจากชาวญี่ปุ่นโดยเฉลี่ย 8 ล้านทวีตต่อวัน คิดเป็น 13 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนทั้งหมดทั่วโลก สาเหตุหนึ่งที่น่าสนใจคือเรื่องของภาษา อย่างเช่นคำว่า "information" นั้นสามารถเขียนในภาษาญี่ปุ่นได้เพียงแค่ 2 ตัวอักษรเท่านั้น
ในขณะที่ Facebook มียอดผู้ใช้ในญี่ปุ่นเพียงแค่ 3 เปอร์เซ็นต์ ตรงข้ามกับอเมริกาที่มีผู้ใช้ถึง 62 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมด
ที่มา - AP
Comments
หรือจะเป็นเพราะวัฒนธรรมครับ
เห็นคนญี่ปุ่นขึ้นรถไฟฟ้ากดอย่างเดียวไม่มีโทร เพราะจะเสียงดังรบกวนคนอื่น(และโดนด่าด้วยสายตา)
ใช้เน็ตตลอดเวลาด้วย ส่งเมล์เป็นปกติเลย
จริงอยู่ว่าคันจิทำให้เขียนตัวอักษรได้เยอะขึ้น แต่ส่วนมากหมดไปกับ emoji (อีโม) ทั้งนั้นเลยโดยเฉพาะสาวๆ
{$user} was not an Imposter
555+
เค้าจริงจังมาก แม้แต่แอปเปิ้ลก็ไม่เว้น
Kaomoji Keyboard for iOS 4
{$user} was not an Imposter
โอ้ววว เอามาเขียนข่าวได้เลยนะเนี่ย >..<
ชอบอะ ชอบๆๆ
-- เบิ้ลครับ --
{$user} was not an Imposter
คำสั้นจริง แต่ประโยคเยิ่นเย้อยืดยาวยาวเฟื้อย ไม่น่าเป็นประเด็นข้อความสั้นได้นะเนี่ย
แอบเห็นด้วยเล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่เห็นด้วยทั้งหมดครับ
แต่ต้องยอมรับหละครับว่า จีน-ญี่ปุ่นเ้ค้าใส่ใจกับเรื่อง "ตัวอักษร" มากๆ
โดยเฉพาะญี่ปุ่นนี่ 1 ตัวอ่านได้หลายแบบ มีหลายความหมายอีก ฮู้ว ยากๆๆ
อย่างเช่นจะบอกรักนี้ ภาษาอังกฤษ I love you. นับได้ 11 ตัว (รวมช่องว่างและจุด)
ภาษาไทยเหลือ ผมรักคุณ 8 ตัวอักษร
พอกลายเป็นภาษาญี่ปุ่น 愛してる แค่ 4 ตัวเองครับ
(อันนี้ยกตัวอย่างเฉยๆ เน้อ เพราะคนญี่ปุ่นไม่ค่อยใช้คำนี้บอกรักเท่าไหร่)
แต่ว่าคำที่สั้นลง ก็แลกมากับโค๊ดต่อตัวอักษรที่มากขึ้นนั่นแหละ ^^"
งั้นภาษาจีนสั้นกว่าอีกครับ เพราะใช้ 愛 ตัวเดียว
ภาษาจีนพูดประโยคนั้นใช้ 3 ตัวนี่ครับ 我爱你
May be hell for romaji character
* Nihongo o benkyoushi nakereba narimasen
* Anata wa bangohan o tabete kara benkyoushimasu ka, benkyiushite kara gohan o tabemasu ka
* iitaikotozenbu mouyuttakedo kyou made mo onaji no kimochi da yo
I feel tired after typing na
รู้สึกเหนื่อยแทนเลยละครับ กว่าจะอ่านได้ ไม่ชินเลย 55+
ถ้าเขียนเป็น โรมันจิ มันก็ยาวยิ่งกว่าเดิมเยอะ = ="
ปล.จะบอกรักก็ 好き 2ตัว พอมั้ง
もういい
+1 ครับ โรมันจิคือความหายนะ 555+
อ๋อ suki เขียนหยั่งงี้เองหรือครับ จำไม่ได้อะ ^^"
แต่ twitter ไม่ได้นับเป็น byte นี่ครับ code ต่อตัวอักษรมากขึ้นก็ไม่เดือดร้อนอะไร
ถูกบางส่วนครับ
เพราะถ้าต้อง twit ผ่าน sms แล้ว หายนะบังเกิดครับ
(เหมือนภาษาไทย ที่ sms เหลือแค่ 70 ตัวอกษร จากอังกฤษล้วนที่ 160)
แต่ในญี่ปุ่นคงไม่เป็นปัญหามั้ง เค้า 3G 4G กันแล้วนี่หน่า ^^
คนญี่ปุ่น(แทบ)ไม่รู้จัก SMS ครับ :)
จริงๆ ผมคิดว่า twitter ไม่ได้ประสบความสำเร็จเพราะเป็นระบบส่งข้อความสั้น แต่เพราะว่าส่งแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ต้องเรียบเรียงให้เป็นบทความสวยหรู (blog) ไม่ต้องกังวลว่าจะเดือดร้อนใคร (Facebook) เพราะข้อความที่ส่งออกไปจะไปถึงเฉพาะคนที่เลือกที่จะตามดูข้อความของเรา ไม่เหมือน Facebook ที่คนที่ไม่ได้สนใจอยากจะอ่านอะไรของเรามากก้ต้องเห็น เพราะเลือกไม่ได้ (ก็เอาไปซ่อนได้ แต่ความรู้สึกมันจะเหมือนทำผิดเล็กๆ)
+1 เห็นด้วย
{$user} was not an Imposter
+1 เห็นด้วย
{$user} was not an Imposter
+1 ครับเห็นด้วยเลย
เคยมีใครสักคนทวีตไว้ว่าเฟซบุ๊กมีไว้สำหรับคนเคยเรียนด้วยกัน
ส่วนทวิตเตอร์มีไว้สำหรับคนอยากเรียนด้วยกัน :D
ถ้าเกาหลีต้อง me2DAY
คาดว่ามีละครช่วยดึงกระแสด้วย นำแสดงโดยน้องโนะ
ก็วัฒนธรรมทั้งนั้นเลยนะครับ
I need healing.
คนไทยเวลาหน้าคอมเยอะ คอมพิวเตอร์เข้าถึงเด็กๆได้ง่าย ร้านเกมเต็มเมือง แต่มัวเล่น games, facebook, hi5 ตกแต่งนู้นนี้ update ตลอดเวลา ไม่ค่อยเร่งรีบ มัวแต่เล่นสนุกไปวันๆ คนไทยหาความรู้ด้วย internet จริงๆมีน้อยกว่ามาก (ใครอย่าไม่ชอบคำพูด อย่าโกรธผมนะคร้าบ แอบอยากบ่นนิดนึง 55)
จุดหนึ่งที่สำคัญคือ twitter มัน set ให้เป็น private ได้
ใครจะว่าไงไม่รู้ ผมสนแต่ av (แอบหื่นอีกแล้ว) 55
น่าจะเป็นเพราะวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นแหละครับ "เล็ก" "เร็ว" "ง่าย"
Twitter ดีกว่า Facebook อย่างไรครับผม
มันเบากว่า
เพราะตัวภาษาด้วยมั้งครับ ภาษาญี่ปุ่น Input ด้วยมือถือง่ายมากๆ