เอาประสบการณ์มาเล่าให้ฟังสำหรับ Outter box for Milestone เพื่อคนที่อยากซื้อจะได้ประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อนะครับ

ในกล่องประกอบไปด้วย 3 อย่าง คือ ฟิล์มกันรอย + กรอบหน้า + กรอบหลัง

รายละเอียดทางเทคนิค (ข้อมูลจากในเว็บ Otterbox.com) WEIGHT: 1.06 oz / 30.05 g DIMENSIONS: 4.77 in x 2.63 in x 0.75 in 121.28 mm x 66.91 mm x 18.95 mm

หลังจากได้มาผมก็ไม่รอช้าประกอบเข้ากับ Milestone ของผม ใส่แล้วนึกถึง Panasonic THOUGHBOOK ขึ้นมาทันที

ช่องรูไมค์ เหมือนจะบังอยู่เล็กน้อยมีเพื่อนบ่นๆว่าเสียงไม่ค่อยได้ยินแต่เคสก็ เว้นร่องสำหรับไมค์กันไว้แล้วนะ

สิ่งที่ Milestone แบบเดิมๆไม่มีก็คือ ช่องสำหรับใส่สายห้อยซึ่งผมต้องการมากและ Otterbox เหมือนจะมีมาให้ คือผมไม่รู้ว่าไอ้รูที่อยู่ข้างหลังไกล้ๆกับ ช่องเสียบหูฟังมันไว้ทำอะไร แต่มันคล้องได้ สำหรับผมสายห้อยที่ดีไม่ควรประกอบไปด้วยชิ้นส่วนที่เป็นโลหะแข็งๆ ที่สามารถขูดกับตัวเครื่องได้เมื่อเราใส่ในกระเป๋ากางเกง อย่างอันที่ผมใช้ ผมจำไม่ได้ว่าของยี่ห้ออะไรจำได้ลางๆว่าซื้อมาจากฟอร์จูนราวๆเกือบๆ 300 บาท สำหรับใช้กับโทรศัพท์ตัวเก่าของผม เป็นด้ายมีโลหะเชื่อมกับเชือกสำหรับห้อย และมียางหุ้มส่วนที่เป็นโลหะทั้งหมดป้องกันรอยขีดข่วนกับตัวโทรศัพท์

ความหนาที่เพิ่มขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เท่าที่กะๆเอาบางกว่าเหรียญบาทประมาณ 1 มิล

ดูใหญ่ขึ้นกว่าเดิมหน่อย

ขอบหน้าจอหนาขึ้นอีกประมาณ 1 มิลนะครับ

ช่องสำหรับเสียบ Charger ออกแบบมาได้ดีแต่เป็นยางในอนาคตใช้ไปนานๆไม่รู้ว่ายางจะเสื่อมหรือเปล่า ถ้าเสื่อมช่องปิดคงจะเปิดได้เองตลอดเวลา

เวลาใส่แล้วไม่สามารถวางบน Dock ได้ต้องถอดอย่างเดียวเท่านั้น Keyboard แถวบนกดยากขึ้นนิดหน่อยเพราะเนื่องจากกรอบจอหนาขึ้นคนที่นิ้วใหญ่ๆลำบากแน่ๆ

วัสดุโดยรวม ตัวเคสที่เป็น Polycarbonate ถ้านึกไม่ออกว่ามันคืออะไรให้นึกถึงแว่นแพงๆ อย่างพวก Oakley เป็นวัสดุแบบเดียวกันกับเฟรมเว่น ที่กดทับงอได้เต็มที่โดยไม่หัก ตัว Protection Film ผมยังไม่ได้แปะเพราะของเก่ายังมีอยู่

สรุป ข้อดี -ดูแข็งแรง ตกไม่แตกแน่ๆ -เพื่ม function สายห้อยมาเติมเต็มให้ Milestone -วัสดุที่ดูเป็นพลาสติกอย่างดี

ข้อเสีย -ถอดยาก ถ้าถอดบ่อยๆยางที่เชื่อมกับพลาสติกมีโอกาสยืดได้ครับ -ทำให้ Milestone ใหญ่ขึ้น ดูหนาเทอะทะ ถ้าใครไม่ชอบในจุดนี้ แนะนำ Invisible Shield จะเหมาะกว่า -ทำให้ Dock ไร้ค่าไป -Keyboard กดยากขึ้นสำหรับคนนิ้วใหญ่ๆ