ในระหว่างที่แอปเปิลจัดแถลงข่าวไปเมื่อประมาณ 11 โมงตามเวลาสหรัฐฯ ซึ่งก็มีผลสรุปว่าจะแจกขอบยาง (bumper) ให้ลูกค้าทั้งในและนอกสหรัฐฯ ฟรีจนถึง 30 ก.ย. นี้ รวมถึงลูกค้าสามารถคืนสินค้าภายใน 30 วันนับจากวันซื้อโดยไม่คิด Restocking Fee และเลื่อนการวางจำหน่ายเครื่องสีขาวออกไป (ดูข่าวเก่า) แอปเปิลก็ได้อ้างผลการทดสอบสัญญาณตกของ BlackBerry Bold 9700, HTC Droid Eris และ Samsung Omnia II ด้วย ซึ่งก็คงทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้และลองหยิบโทรศัพท์มือถือของตนมาลองจับดูสัญญาณตกกันเลยทีเดียว
ตอนนี้แอปเปิลได้โพสต์หน้าเว็บ Smartphone Antenna Performance ขึ้นเว็บไซต์ Apple.com แสดงอาการสัญญาณตกของโทรศัพท์มือถือที่กล่าวไประหว่างแถลงข่าว รวมถึง iPhone 3GS และ iPhone 4 ด้วย ใครสนใจลองตามไปดูได้จากหน้าเว็บของแอปเปิล (วีดีโอต้องใช้ QuickTime ในการเล่น) หรือ Engadget (วีดีโอใช้ Flash ในการเล่น)
ที่มา: Apple - Smartphone Antenna Performance ผ่าน Engadget
Comments
มาเช้าเลยนะครับ ^^
WE ARE THE 99%
เช้ามาก
// จิ้ม Engadget
:: DigiKin8 ::
" แอปเปิลก็ได้อ้างผลการทดสอบสัญญาณตกกับ BlackBerry Bold 9700, HTC Droid Eris และ Samsung Omnia II ด้วย" กะจะบอกว่าเจ้าอื่น อาจมีปัญหาเช่นกันเลยนะครับนี่ อิอิ
คือแอปเปิลพยายามบอกว่า ปัญหาสัญญาณตกไม่ได้เกิดกับแค่แอปเปิล แต่เป็นกันทุกค่าย ทั้ง industry นะครับ
ปัญหาสัญญาณตกจะเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปรกติ ในบางจุดที่สัญญาณอ่อน ไม่ได้เกิดเฉพาะกับ iPhone 4 เท่านั้น มีผู้ใช้ iPhone 4 หลายคนไม่เคยเจอปัญหาสัญญาณตกเลย พวกเขาก็โพสวีดีโอทดสอบบน Youtube แต่เพราะมันไม่เป็นปัญหา มันก็เลยไม่เป็นข่าว คนไทยหลายคนก็ได้ทดสอบ iPhone 4 ก็ไม่พบปัญหาสัญญาณตกเลยเหมือนกัน
อาการสัญญาณหายจาก "Death Grip" อาจขึ้นอยู่กับความถี่ครับ ที่อเมริกาใช้ AT&T 3G ใช้ความถี่ 1900 MHz ครับ ความถี่ในส่วนของประเทศไทยยังไม่มีใครทดลองที่ความถี่ 1900/2100 MHz ครับ
O2-UK นี่ความถี่เท่าไหร่ครับ
ที่ยุโรปเป็นช่วงความถี่ 2100 MHz ครับ
ส่วนตัวผมเห็นว่าที่บางคนไม่เจอปัญหา ไม่ใช่เพราะบางเครื่องมีปัญหา
ส่วนตัวผมว่า iPhone 4 มี defect น่าจะเหมือนกันหมด แต่โชคดีที่ไปเทสในย่านสัญญาณดี เลยได้ผล False Negative
{$user} was not an Imposter
แต่การที่คนจำนวนหนึ่งไม่เจอปัญหา ไม่ได้ทำให้คนที่พบปัญหาเหล่านี้ แจ้งเข้ามานี่ครับ
เราสามารถสรุปได้แค่ว่า iPhone 4 มีปัญหาแต่ไม่ทุกกรณี ไม่ทุกคน เท่านั้นเอง
หาแนวร่วมใหญ่เลย เฮ่อ ๆ แต่ก็ดีนะครับที่เค้ายังแจก bumper
แต่ผมว่ามันก็แถๆนะพี่
iPhone 4 แค่คนถนัดขวาใช้มือซ้ายจับเครื่องธรรมดาๆก็พุ่งแล้วนะ
แต่ดูกรณีของ BB นี่แทบจะห่อมันในสองมือเลยนะ ใครมันจะเหลือครับพี่
รับรองแบบนี้ แต่ละรายต้องออกมาทดสอบละเอียดให้ดูแน่
ก็ดี โทรศัพท์เจ้าอื่นๆที่จะออกมาก็คงจะระวังมากขึ้นอีก
มีผู้ใช้ทดสอบ Samsung Galaxy S แล้วโพสลง youtube ก็เจอปัญหาสัญญาณตกด้วยครับ
แต่คงไม่มีปัญหาอะไรเพราะไม่ใช่ "Apple iPhone"
http://www.youtube.com/watch?v=LROTHrTR92k
ท่าไม้ตายหรือเนี่ย 1-hit KO ขีดหมดเกลี้ยงเลย
{$user} was not an Imposter
มีปัญหาเหมือนกัน แต่ดูไม่ค่อยมีใครอยากจะมาสนใจเท่าไหรเลยนะ
ดู จาก keynote แล้วไม่ชอบ Apple ขึ้นมาอีก
คือดูแล้วไม่ใช่เป็นการขอโทษ แต่อ้างนู่อ้างนี่
พยายามทำให้ผู้คนคล้อยตามว่า สิ่งที่เป็นอยู่ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
ห่วงใยลูกค้าทุกคน
ทำไปได้ไง
Apple ขอโทษในช่วง Q&A ครับ
ดูที่เวลา 10:45
http://digitaldaily.allthingsd.com/20100716/apple-iphone-4-press-conference/#slideshow-1-9
Engadget ไม่ได้กล่าวถึง customer เลย พูดถึงแต่ investor และไม่ได้ขอโทษด้วย (ที่เวลา 10:46)
http://www.engadget.com/2010/07/16/live-from-apples-iphone-4-press-conference/
Gizmodo (ที่อ้างอิงมาจาก Apple Insider อีกที) บอกว่าคำถามที่เกี่ยวข้องกับการติดค้างคำขอโทษต่อลูกค้าถูกหลีกเลี่ยง (ที่เวลา 10:47)
http://live.gizmodo.com/page/2/
คิดว่าไม่จริงใจนะ.
ผมว่าประโยคที่จ็อบส์ยกมา ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ทุกค่ายก็รู้สึกแบบเดียวกันน่ะครับ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นแอปเปิลแล้วจะเป็นแบบนี้ได้
ต่อให้เป็นยี่ห้อไทยอย่าง Wellcom, i-mobile พูดแบบเดียวกัน ผมก็ว่ามัน "น่าเชื่อถือ" ในระดับเดียวกับที่แอปเปิลพูดอยู่ดี
จริงๆแล้วตกคำสำคัญว่า "We love our users $$$" คับ
ทุกค่ายพูดได้ครับ แต่ไม่ใช่ทุกค่ายทำได้เหมือนที่พูด
เช่น ค่ายที่จับแล้วสัญญาณหด?
ไม่จิงใจ !!!
ก็เหมือนเดิม ชอบมาอวดสรรพคุณ โฆษณาสร้างภาพ
น่าเบื่อ พวกสาวกคงชอบ ปัญหามีออกมายอมรับแต่ไม่ยอมเรียกคืนเพื่อแก้ไข
แบบนี้ไม่จริงใจ
ผมว่าคนที่อคติ ปิดหูปิดตาน่าเบื่อกว่านะครับ ทั้่งคนที่ปิดหูปิดตาบูชา Apple และเกลียดนั้นแหละครับ
แต่ในกรณีนี้มันมีสถิติอยู่ ดูจากโพสของคุณ bricker ข้างล่างจะรู้ว่ามันไม่ได้แย่อย่างที่สื่อออกมาสักนิด ปัญหาน้อยกว่า 3GS ด้วยซำ่ไป
หรือถ้าไม่เชื่อยังไง ก็ลองซื้อมาใช้สักเครื่อง เพราะไง Apple ก็ให้ bumper ฟรีและถ้าไม่พอใจก็คืนเครื่องได้ :-)
+1 ครับ ว่ากันไปตามหลักฐานครับ
อย่าปิดหูปิดตาชื่นชมอย่างเดียวหรือเอาแต่ด่าคับ
+1 ครับ
+1
agree
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ถ้าถามวิศวกร วิศวกรจะบอกให้ apple เรียกเครื่องคืน เพราะมันออกแบบผิดจิงๆ ไม่ได้อยู่จะให้ bumper เป็นการแสดงความรับผิดชอบแล้วมันจะจบ เพราะมันอยู่ที่ความจิงใจ ไม่ใช่แถ ไปเรื่องอื่นอีก
"...Apple ก็ให้ bumper ฟรีและถ้าไม่พอใจก็คืนเครื่องได้ :-)" งั้นตอนออกแบบก็ไม่ได้คิดถึงผู้ซื้อว่าจะเป็นแบบนี้เลยสิคับ ไม่ยอมรับผิดมากกว่า
กัวหุ้นตก กัวเสียหน้า ให้เปิดหู เปิดตา ฟังสิ่งที่ Steve แถ ไปคนละเรื่อง ผมว่ามันก็ ไม่ถูกสะเท่าไหร่
ผมไม่ทราบว่าคุณได้ดูการแถลงหรือยัง คุณคิดว่าถ้ามันเป็นความผิดพลาดทางการออกแบบกับบริษัทระดับนี้ ปัญหามันจะน้อยขนาดนี้หรือครับ (เทียบกับ3gs)อันนี้พูดตรงๆ
การออกแบบอย่างนี้กลับทำให้การรับสัญญาณของผู้ใช้บางรายในบางพื้นที่ดีขึ้นกว่าที่เคยเป็นซ่ะอีก อะไรที่มันเป็นที่จับตามองและคอยจ้องเล่นงานอยู่ ก็มักจะเจออุปสรรคแบบนี้หล่ะครับ
หรือไม่ก็เอางี้ก็ได้ครับ
If you don't want an iPhone4, don't buy it.
If you've bought one and you don't like it.
Bring it back.
Back to the AppleStore....
... But you know you won't!
ผมอ่านคอมเมนต์ของคนกลุ่มนี้มาหลายอันแล้ว
ส่วนมากจะพูดแนวๆ (ตามจ็อบส์) ว่า "ปัญหามันไม่ใหญ่ขนาดนั้น" บ้าง "โดนสื่อกลั่นแกล้ง" บ้าง "คนพูดไม่รู้จริง" บ้าง
เห็นด้วยกับผมไหมครับ
หลายคนคงจะผิดหวังมาก Apple เตรียมตัวมาดี ถ้าใครได้ติดตามการแถลงข่าวเต็ม ๆ จะพบว่ามันมีรายละเอียดมากกว่านี้มาก เช่น
ตามสไลด์จาก Jobs ทุกประการ..
แม่นมากครับ
lewcpe.com, @wasonliw
เห็นด้วย
ไม่ใช่นะครับ
ตรงนี้ต้องแปลดีๆ ครับ มันเป็นคล้ายๆ ทริคที่ทำให้ออกมาดูดี
ที่ Apple บอกคืออัตราสายหลุด "ที่เพิ่มขึ้น" เพียงน้อยกว่า 1 ต่อการโทร 100 ครั้งเมื่อเทียบกับ iPhone 3GS
"Less than one (<1) additional" calls dropped per 100 calls compared to iPhone 3GS
ตัวอย่างเช่น สมมติ 3GS มีสายหลุด 10 หรือ 40 ครั้ง จาก 100 ครั้ง
เจ้า 4G จะมีสายหลุด 10.XX หรือ 40.XX ครั้งตามลำดับครับ
ผมไม่สนใจข้ออื่น แต่อัตราสายหลุดที่เพิิ่มขึ้น "น้อยกว่า 1%" เมื่อเทียบกับ 3GS เป็นประเด็นที่น่าสนใจมาก
เนื่องจากไม่มีการเปิดเผยอัตราการสายหลุดของ 3GS (มีข่าวเนืองๆ ว่าเยอะอยู่) ตีความแบบใจดีอาจจะบอกว่ามันน้อยกว่า 1% เดาตามข้อมูลที่พอมี เราอาจจะบอกได้ว่า iPhone 4 สายหลุดมากกว่า 1%
คำถามคือโทรศัพท์ที่สายหลุดมากว่า 1% นี่เป็นเรื่องที่ยอมรับได้หรือไม่? อีกสักพักค่ายอื่นๆ (ถ้าตัวเลขดีกว่า) น่าจะเอาตัวเลขมาโชว์กัน
การเล่นกับตัวเลขเป็นเรื่องน่าพิศวง ผมเขียนปัญหาการร้องเรียนสัญญาณใหม่กว่ามีมากกว่า 16,000 รายงานเข้าไปยัง AppleCare ว่ามีปัญหาสัญญาณโทรศัพท์ โดยเทียบกับผู้ใช้ 3,000,000 คน
lewcpe.com, @wasonliw
มาแก้ข้อความครับ แต่กด Edit ไม่ได้
จาก
อัตราสายหลุดลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ iPhone 3GS
แก้เป็น
อัตราสายหลุด เพิ่มขึ้น เล็กน้อยเมื่อเทียบกับ iPhone 3GS
Apple ไม่สามารถให้ข้อมูลตรงนี้ได้ครับว่ามันเท่าไหร่ เพราะเป็นความลับของ AT&T
มันได้ผลสำหรับผมนะครับ
ตอนนี้เลิกสนใจ ปัญหา iphone แล้วกำลังสงสัยมือถือของเจ้าอื่นอยู่
ตอนนี้กำลังพยายามจับ HTC HD กับ HTC HD2 อยู่ว่าสัญญานจะลดมั๊ย มันก็ไม่ลดนะ
ถ้าผมลองจับโทรแบบปกติ แล้วไม่มีปัญหา
ก็โอเคแล้วครับ เพราะยังไงผมก็ต้องซื้อ bumper ใส่อยู่แล้วเพราะเป็นคนใช้มือถือสมบุกสมบันมาก บางเครื่องซื้อมา 16000 ตอนขายได้พันเดียวเพราะเยินมากๆๆๆๆ ขนาดเป็น Nokia e71 นะนั่น ใช้ปีเดียวด้วย
ที่เปลี่ยนเพราะใช้นานไปแล้วแฮงค์บ่อย reset วันละ 7 รอบเป็นอย่างน้อย
ถ้ามีเงินจะบูชา iphone4 สีขาว มาซักเครื่อง
ที่สัญญาณมันไม่ลด เพราะมันจะเกิดเฉพาะเวลาที่คุณอยู่เฉพาะจุดที่สัญญาณอ่อนเท่านั้นครับ มีนักข่าวคนหนึ่งไปร่วมงานแถลงข่าวของ Apple พยายามจะจับให้สัญญาณ iPhone4 ลดลงภายในงานแต่ก็ไร้ผล
ลองมากับมือแล้วครับ ลดจริงๆ ลองจับให้มุมล่างซ้ายเข้าในอุ้งมือสิครับ
เค้า claim ว่าลดเฉพาะบริเวณสัญญาณอ่อนนี่ครับ
เครื่องมีปัญหาเฉพาะในบริเวณที่มีสัญญานอ่อนเท่านั้นคับ
กรณีของอเมริกา เค้าใช้คลื่นความถี่สูง คือ 1800-2100 MHz ซึ่งเป็นไปได้ว่าทำให้การรับสัญญาณยากกว่ากลุ่ม 800-900 MHz นะครับ
เค้าใช้กัน 2 คลื่นครับ คือ 850/1900 เข้าใจว่าเป็นแบบ hybrid ด้วย คือแล้วแต่พื้นที่ว่าจะใช้เครือข่ายไหน
ส่วนบ้านเราก็มี 900/1800 ซึ่งแน่นอนว่าความถี่สูงสัญญาณไปได้น้อยกว่า แต่ก็ต้องตั้งเสาเพิ่มครับ แต่ยืนยันว่าที่ US สัญญาณมือถือไม่ค่อยดี บ้านนอกหน่อย หาย ๆๆๆๆๆๆ ตลอด
เหวี่ยง เหอๆ
@TonsTweetings
The presentation is pure pro.
เข้าไปดูวีดีโอกันหรือยังครับ
เท่าที่ผมดูมา มือถือที่ทดสอบบางเครื่องจะจับมือถือแน่นมาก ดูนิ้วโป้งแล้วออกแดงๆเลยครับ
จับแน่นจนให้สัญญาตก
สัญญานอ่อนเป็นทุกค่ายไม่ใช่เปิดจากการออกแบบเสาของ iPhone4
แล้วแจก bubble ทำไมครับ
ตรงที่มีแสง
ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่เสาครับ แต่มันอยู่ที่ตำแหน่งการวาง ยี่ห้ออื่นๆเขาวางไว้เหมาะสมแล้ว ไม่ทราบว่าดึงลงมาเอี่ยวด้วยทำไม
เหมือนจะบอกว่า โทรศัพท์ทุกเครื่อง ไม่ได้สร้างมาเพื่อถือมือซ้าย แป่ว
ช่วงนี้คลิ๊กอ่านๆ blognone สังเกตเห็นว่าเวลามีข่าว Apple
ผิดพลาดอะไรทีนี้ comment โผล่เยอะกว่าข่าวอื่นๆแฮะ (ฮา)
และที่เห็นบ่อยๆ ต้องมี
1. ว่าแดก สาวก (โดยที่กระทู้ไม่เห็นมีสาวกที่ไหน ใครมาอวยก็ตาม)
2. ว่าแดก ศาสดา
ขำๆนะ :P
ปล. ไม่เคยใช้ iphone นะ
งืม ถ้ามีความคิดเห็นคล้อยตามแอปเปิ้ลก็ถูกยัดเยียดความเป็นสาวกให้ทันที
ผมว่าไม่หรอกครับ น่าจะอยู่ที่เหตุผลมากกว่านะ
นี่แสดงให้เห็นว่า สาวกแอปเปิล ต้องไปทำอะไรพลาดเอาไว้ครับ ไม่อย่างนั้นเราไม่เห็นปรากฎการณ์แบบนี้แน่ๆ
ต้องบอกว่า เพราะข่าวทำนองนี้ มันทำให้เกิด "ดราม่า" ได้ง่าย คนถึงชอบเข้ามาตอบกัน
(หาคำเปรียบไม่ถูกเลยเรียกแบบนี้ล่ะกัน)
ยิ่งกับพวกยี่ห้อที่กำลังดังหรือพีคนี้ คนชอบตามไปถล่มกันนักแล
(ทั้งพวกที่ไม่เคยใช้สินค้านั้นก็ตาม ทำเดือดร้อนราวกับซื้อมาใช้งานแล้วก็มี)
อีกอย่างเหมือนมีคนที่อ่านข่าวที่นี่จะฟันธงกันแล้วนะว่า ปัญหาของ Apple นั้นเป็นทุกเครื่อง เลยต้องโวย :P
(อย่าบอกว่าต้องให้ทำลิงค์เป็นรายบุคคลมาให้ล่ะ )
แล้วถ้าปัญหาเกิดขึ้น 5% นี่ไม่ต้องโวยหรือครับ?
วิธีนี้ไม่น่าใช้เลยครับ
ดูแล้วรู้สึกแย่มากๆ
ถ้าบางคนไม่อยากใส่ bumper จะทำอย่างไร ยังไม่เคยจับเครื่องด้วยตัวเองซักครั้ง ครั้นจะให้คอมเมนต์เรื่องสัญญาณว่าดีหรือแย่มันแปลกๆอยู่ ผมเห็นบางคนยังไม่ทันจับเครื่องความเห็นมีล้านแปด
ผมหมายถึงกลยุทธ์ของ Jobs ครับ
ผมว่าแอปเปิลตกม้าตายตอนออกบั๊กบน iOS 4 ทำให้คนระแวงและมันลามจนถึงนี้ได้
ไม่งั้นผมว่าก็เนียนๆ ไปสบายแล้ว
{$user} was not an Imposter
ลองจับ iPhone Classic แบบใน vdo ไม่เป็น ทีนี้ลองอีกแบบคือ2มือหุ้ม มันก็ไม่ลดอยู่ดี แต่ไหงเวลานั่งรถเร็วๆ (100+ km/hr )กลายเป็น no operator ทุกทีไป :P
ได้ bumper ฟรี แล้วก็ควรจะขอบใจ ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้บริโภคที่สมเหตุสมผล ที่ได้ออกมาเคลื่อนไหว
จนในที่สุดทาง apple ได้แสดงความรับผิดชอบบางอย่างแล้ว (ทั่วโลกเพราะแจกทั่วโลก)
ถ้าเรามัวแต่ไปหลงติดกับภาพลักษณ์ หลงไหลกับ เสน่ห์ บุคลิก ความสามารถของผู้ผลิตเหมือนหลง idol
จะทำให้วงจรตรวจสอบโดยผู้บริโภค ที่ควรจะเป็น ถูกปิดกั้น
เรื่องคนดีทำอะไรก็ดี คนชั่วทำอะไรก็ชั่ว นี่เป็นแนวคิดที่คนไทยใช้กันมาก ไม่หัดแยกแยะเป็นเรื่อง ๆ
มันเป็นปัญหาระดับชาติกันเลยทีเดียว
เรื่องคนดีทำอะไรก็ดี คนชั่วทำอะไรก็ชั่ว นี่เป็นแนวคิดที่คนไทยใช้กันมาก ไม่หัดแยกแยะเป็นเรื่อง ๆ
มันเป็นปัญหาระดับชาติกันเลยทีเดียว <<<<<< ผมเห็นด้วยมากๆ และเวลาทำดีมักไม่ใส่ใจไม่ชม มักจะไปใส่ใจ โฟกัสแต่คนเลวๆ
Apple ไม่ได้ยอมรับนะครับว่ามีปัญหาเรื่องเสาอากาศ ยี่ห้ออื่นก็เป็น ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ การแจก Bumper free ก็ถึง 30 ก.ย. เท่านั้น
ถูกต้อง Apple ไม่ยอมรับ
หลังจากดู Press Con. จบแล้วผมว่า Apple ต้องการจะบอกว่า ถ้าไม่ต้องการใช้หรือใช้แล้วรู้สึกไม่ดีให้เอามาคืน เหมือนกันพยายามแยกคนที่ใช้แล้วมีปัญหาออกไป อาจจะเป็นหลักการที่ไม่เหมือนบริษัทอื่น ซึ่งต้องดูกันในระยะยาวว่าการทำแบบนี้จะเพิ่มหรือจะลดจำนวนผู้ใช้
ส่วนคนที่อยากได้(แบบผม)หรือคนที่ซื้อไปแล้วนั้น เมื่อฟังงานนี้แล้วเหมือนเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้รู้ว่ามันไม่เป็นปัญหา(ในวงกว้าง)อย่างที่สื่อบางสื่อตีพิมพ์ ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าเกิดปัญหาจริง แต่ก็ไม่ได้ยอมรับว่ามันเกิดปัญหาในวงกว้าง ซึ่งเรื่องนี้ก็ใช้ตัวเลขมาแสดงให้ดู ซึ่งมันดูเล็กน้อย ก็ไม่รู้ว่าในความเป็นจริงมันอาจจะเยอะมากก็ได้ สุดท้ายก็ได้มีมาตราการแก้ไข โดยที่บางคนอาจจะไม่พอใจเท่าไรคือการแจก Bumper
ซึ่งก็ไม่รู้ว่านอก US นั้นจะจัดการกันอย่างไรด้วยคิดว่าวิธีการนี้คงวิธีที่ดีที่สุด(สำหรับบริษัท)เมื่อเทียบกับการเรียกคืนมันอาจจะดูปัดความรับผิดชอบมาให้คนใช้ อาจจะดูว่ามันไม่เห็นจะแก้อะไรที่ต้นเหตุ แต่มองในอีกมุมนึงมันก็สร้างความเชื่อมั่นให้คนได้เหมือนกันครับ
ตา Jobs แค่อยากบอกว่ามันเป็นกับมือถือ "หลายๆรุ่น" ในตลาดด้วย "ไม่ใช่เฉพาะ iPhone"
แต่ "เพราะมันเป็น iPhone" มันเลยเป็นประเด็นใหญ่โต
"We are not Perfect"
และ จริงๆไม่ใช่ทุกคนที่มันปัญหาเรื่องสัญญาณกับ iPhone 4
เค้าเลยให้คืนเครื่องถ้าไม่พอใจ หรือเครื่องมีปัญหา
และมีการแถม bumper แถมใครซื้อ bumper ไปแล้วก็ให้เงินคืนอีก
ผมว่าแค่นี้ก็แสดงถึงความพยายามของ Apple ในการแก้ปัญหาแล้วครับ
Recall คงจะหนักหนาเกินไปมั้ง - -'' แต่ก็อย่างว่าไม่ใช่ทุกคนที่มีปัญหาอะเนอะ
ไม่มีโนเกีย!!!
ทั้งๆที่ออกมากัดแอปเปิลเรื่องเสาอากาศเป็นเจ้าแรก
ตึ่งโป๊ะ
เออเนอะ...
หรือแปลว่าตัวรับสัญญาณเค้าอาจจะปึ้กจริง
ไม่มีโนเกีย!!!
ตึงโป๊ะ
วีดีโอ ต้องเป็น วิดีโอ นะครับ
สรุปว่า Apple โดด Steve Jobs โคตร แถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถ
ไม่ตรงประเด็นนะลุง กลับบ้านไปออกแบบเครื่องใหม่เหอะคับ มึงมั่ว
คงจะมีคนไม่ชอบหน้าแกเยอะมากขึ้น
ใครที่ชอบพูดว่า "ผมไม่สนใจข้ออื่น ผมสนใจแต่ข้อนี้ blah blah blah..."
ก็ลองหันไปสนใจข้ออื่นดูบ้างสิครับ จะได้เข้าใจอะไรมากขึ้น
เคยจับ ไอโฟน 4 กับมือหรือยังครับ เคยจับด้วยมือซ้ายให้สัญญาณ มันลดลงมากับตาหรือยังครับ
ทำไม iphone4 ปัญหาเยอะแยะ สารพัด แต่อัตราการ return เครื่องมันต่ำจัง?
ลองฟัง mv ตอนเปิดงาน press conference ดูสิครับ แล้วอาจจะเข้าใจ อเมริกันชนได้มากขึ้น
....ลอง คิดดูนะครับ คิดให้หนักๆ ...คิดเยอะๆเลยครับ ผมเอาใจช่วยอยู่ครับ....
+1 ครับ คนที่มีไอโฟนใช้ ถ้ามีปัญหาสัญญานหดหายก็ช่วยออกมาคอนเฟิมครับ
แต่คนส่วนมากที่ไม่เคยลอง กลับตะโกนออกมาเสียงดังเชียว
ผมไม่ได้ตะโกนเรื่องที่ว่ามันมีปัญหาครับ
แต่ผมตะโกนเรื่องเค้าไม่ยอมรับปัญหา
แถมยังมาบอกให้จับแบบอื่น= ='
ถ้ายอมรับปัญหาแต่แรกคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ใช้มือถือรุ่นอะไรอยู่ครับ
ผมใช้ BOLD 9700 วันนี้ นั่งกินข้าวอยู่ใน เซ็นทรัลพระราม2
เห็นสัญญาณมันลดลงมาจาก 4 ขีด เป็น3 ขีด signal อยู่ประมาณ -70db
ก็เลยนึกสนุก ถอด bumper ออก แล้วก็จับ ด้วยมือซ้าย เหมือนในเว็บ แอปเปิ้ล แค่ 5 วินาที สัญญาณ drop ไป -90db
เสาสัญญาณ หายเกลี้ยง ทดลองอยู่หลายรอบ ผลมันก็เป็นแบบนี้ แตกต่างกันตรงที่ มันลดช้า หรือ ลดเร็ว --- ก็เลยพอจะเข้าใจอะไรมากขึ้น
ปัญหา มันจะเกิดเฉพาะ ในที่ๆ อับสัญญาณ หรือ สัญญาณต่่ำอยู่แล้ว ในภาวะปกติ มันไม่ได้เกิด
ประกอบกับการจับ ด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม
สองสิ่งนี้มันต้องเกิดควบคู่กัน
ซึ่ง !!! มือถือ รุ่นอื่นๆ มันก็เป็น ไม่ได้เป็นแค่ iphone4
มันจึงเป็นที่มา ว่า ทำไม โวยวายกันสารพัด สารเพ แต่ คน return rate มันต่ำ
ก็เพราะ คนส่วนใหญ่ เค้าไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นปัญหาไงครับ เค้าก้อรู้สึกว่า มันก็เหมือนมือถือทั่วๆไป ถ้าไม่มานั่งจับผิดกันจริงๆ ก็คงจะไม่รู้ อะไรทำนองนั้น
ที่มันดูเป็นเรื่องใหญ่ ก็เพราะ พวกที่ไม่เคยใช้ แต่ ตื่นตูมไปตามข่าว โพสต์ กันวุ่นวาย ไม่ลืมหูลืมตา anti-zealot เข้าสิง
พอตัวเลข ออกมาว่า return rate มันต่ำ ก็..... พูดง่ายๆว่า
"ผมไม่ได้สนใจตรงนั้น ผมสนใจแค่ ...."
เอ่อ .. สุดยอดครับท่าน
lg kp110 ครับ :)
ไม่เห็นว่าจับท่าไหนสัญญาณมันจะลดเลย= ='
และใช่ครับผมไม่เคยคิดจะซื้อไอโฟน
แต่ผมกำลังจังเป็นลูกค้าของ apple เพราะคิดจะซื้อไอพอดทัช(ที่กำลังจะออกใหม่)
แต่เจอการตอบปัญหากับลูกค้าแบบแถๆ แบบนี้ ผมก็เริ่มลังเลแล้วแหละ ว่าความจริงใจมีมั้ย
May the Force Close be with you. || @nuttyi
+1 ถ้าการออกแบบเสาเป็นปัญหาร้ายแรงจริงๆ ผมว่าเจ้าของไอโฟนกว่า 3 ล้านเครื่องต้องออกมา complain กันหมดแล้วล่ะครับ
ผมว่ามันเป็นความพยายามอันน่าเศร้า ที่จะเปลี่ยนประเด็นจาก "ของมีปัญหา" มาเป็น "ไม่รู้จริงอย่ามาพูด"
มันไม่ช่วยให้ปัญหาหายไปหรอกนะครับ ยิ่งคุณตอบแบบนี้ แอปเปิลที่คุณรัก ภาพก็ยิ่งติดลบมากขึ้น
ยัีงไงก็จะซื้อ iPhone4 ไม่ลอง ก็ไม่รู้
ลองใช้ดูกันก่อนนะ แล้วค่อยออกมาด่า
ไม่ชอบเลยครับ ตรรกะแบบว่า "ซื้อมาใช้ดูก่อน แล้วค่อยออกมาด่า"
หรือ "หนังมันห่วย รู้ได้ไงว่าห่วย ไปดูมาแล้วเหรอ"
สรุปคือผู้บริโภคต้องทำตัวเป็นหนูทดลองเหรอครับ แล้วถ้าซื้อมาแล้วมันห่วยอย่างที่ว่า
แล้วใครจะรับผิดชอบหละครับ? ขอเงินคืนได้เหรอ?
เวลาผมซื้อของอย่างน้อยผมต้อง "เชื่อใจ" ว่า มันโอเคไม่มีปัญหา (ส่วนจะโอเคจริงหรือเปล่านั่นก็อีกเรื่อง)
แต่ที่จ๊อบแถลงมา ส่วนตัวผมไม่เห็นรู้สึกว่าเขาทำให้ผม "เชื่อใจ" มากขึ้นกว่าเก่าเลยสักนิด...
Happiness only real when shared.
Apple บอกว่าถ้าซื้อมาแล้วไม่พอใจ รับคืนครับไม่คิดเงิน
คืนให้ทุกบาททุกสตางค์ ส่วนใครซื้อเคสแล้วมีให้เงินคืนด้วยครับ
งั้นจะเชื่อใจยี่ห้อไหนครับ
Samsung Galaxy S
http://www.youtube.com/watch?v=LROTHrTR92k
BB Bold 9700
http://www.youtube.com/watch?v=7LWzVInwd4w
Nexus One
http://www.youtube.com/watch?v=tXe-nJXGUuY
HTC
http://www.youtube.com/watch?v=-mx3lZ3tfTk
http://www.youtube.com/watch?v=xaiRxRybK9E
Nokia E52
http://www.youtube.com/watch?v=mA8sPBfmSlY
upload โดยคุณ tunnnnnn
+1
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
ไม่ต้องเชื่อใจสักยี่ห้อครับ รวมถึงแอปเปิลด้วย
ผู้ผลิตสินค้าไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่พระเจ้า (บางท่านอาจคิดว่าแอปเปิลเป็นนะ เท่าที่ดูจากคอมเมนต์)
ไปทดลอง ทดสอบ ให้ตัวเองมั่นใจว่าไม่มีปัญหา แล้วค่อยจ่ายเงินซื้อ
ถึงได้บอกไงครับว่าคนเราชอบไม่เหมือนกัน
ปกติมันขอเงินคืนได้เตมคับ แล้วเรื่อง rebate/refund เงินของ apple นี่เรวมาก ๆ ครับประมาน 3 วันในขณะที่ company อื่นประมาน 4-6 weeks คับ
edit reply ซ้ำครับ
นั้นสินะ เห็นด้วย
ว่าแต่ ไม่เชื่อวิศวกรจนเกิดปัญหา ก็ควรยอมรับผิดและแสดงความรับไม่ชอบ ไม่ใช้โบ้ยไปว่าค่ายอื่นก็เป็น ทั้งๆ มันคนละเรื่องกัน
ผมคิดว่าสิ่งที่เค้าต้องการสื่อก็คือ ค่ายอื่นก็มีเรื่องสัญญานหดหาย ทำไมคุณนักข่าวถึงต้องประโคมข่าวแต่ของ apple ทำนองนี้มากกว่าครับ
พออ่านข่าวที่มันเปนด้านลบเช่นข่าวของบลูมเบิร์ก คุณกลับเชื่อเอาง่าย ๆ ว่าวิศวกร แนะนำแล้ว ตัวจริงเค้าออกมาบอกแล้วว่าไม่ได้พูด ทำไมทีแบบนี้ไม่เชื่อล่ะครับ
ผมไปลองจับ iphone 4 มาทุกท่าแล้วก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยคับ สัญญานก็ปกติดี
อ่านข่าวแล้วก็แปลความหมายเข้าข้างตัวเอง โทษแต่คนอื่นครับ
ตัวจริงไม่ได้พูดนิครับ จ็อบส์เป็นคนพูดว่าวิศวกรไม่ได้พูด
โตโยต้ายังเรียกคืนรถยนต์ โซนี่ยังเรียกคืนแบตเตอร์รี่
แต่แอปเปิลไม่แสดงความรับผิดชอบอย่างที่ควรจะทำ
แสดงให้เห็นว่าความรับผิดชอบของคนญี่ปุ่นเป็นเรื่องสำคัญ
แต่สำหรับอเมริกันแล้วเงินต้องมาก่อนนน
พวกนั้นมันอันตรายถึงชีวิตครับ ต้องเรียกคืนทั้งหมดอยู่แล้ว defect อย่างอื่นให้เปลี่ยน หรือคืนเงินนี่ปกตินะครับ อย่าง 5800 อ้าทุกเครื่องใน lot แรก ไม่มีเรียกคืน ได้แค่เปลี่ยน บางร้านแกะดูยังเก็บค่าแกะเลยครับ ถ้าเปิดหลายเครื่อง เห็นได้ตามกระทู้พันทิปช่วงเวลานั้นเยอะมาก
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
เค้าก็ให้โอกาส return เครื่องแบบไม่หัก restocking fee แล้วนี่คับสำหรับคนที่เจอปัญหา
แต่เพราะปัญหามันไม่ได้เกิดกับทุกคน จึงไม่จำเป็นต้องเรียกคืนทั้งหมดไงครับ
สรุปแล้วทุกคนที่มีอคติกับยี่ห้อนี้ต้องการให้เรียกเก็บอย่างเดียวเลย ไม่สนใจข้อเท็จจริงอะไรแล้ว
ตลกดี ไม่ทราบต้องการอะไร เพราะถ้าคุณชอบแล้วอยากซื้อมาใช้จริง ก็ซื้อมาใช้สักเครื่อง เค้าบอกแล้วว่าถ้ามีปัญหาหรือไม่พอใจก็คืนได้ครับ ได้เงินกลับด้วย ...
We love our u$er$
ต่อไปโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ คงต้องออกแบบในอดีตกันแล้ว คือจะต้อง มีเสาที่สามารถชักเข้า-ออก ได้ในตัว 555
จอบส์ตอบไม่ตรงคำถามครับ แต่ว่าก็ทำให้ตัวเองรู้สึกผิดน้อยลง
สรุปแล้วทุกคนที่มีอคติกับยี่ห้อนี้ต้องการให้เรียกเก็บอย่างเดียวเลย
< เขาหมายถึงให้ apple แสดงความรับผิดชอบในฐานะผู้ผลิต
โดยที่ไม่ต้องอ้างอิงหรือพาดพิงผู้ผลิตรายอื่นครับ
เหมือนที่ค่ายรถยนต์ประกาศให้เอารถรุ่นที่มีปัญหาเข้าไปทำการตรวจเช็ค
ผมว่าคนที่ใส่สีตีข่าว คือนักข่าวนะครับ ถ้ามันเป็นปัญหามากขนาดนั้นจริง ๆ 3 ล้านเครื่องที่ขายไปคงเป็นแค่ ไอพอดรุ่นใหม่เท่านั้นเองครับ แต่ผมเหนกระแสจาก user จริง ๆ มีไม่กี่รายเท่านั้นเองครับ
ผมว่าความรู้สึกที่ได้ต่างกันออกไปตามแต่ละประเทศนะครับ สำหรับผมมีข้อมูลทำการบ้านมาลงทุนห้องทดลองแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว รอแต่เวลานั่นแหละมันจะพิสูจน์ว่าทั่วโลกรับได้ไหมกับการแก้ปัญหาแบบนี้