เมื่อช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเราคงจะทราบกันดีว่า ไมโครซอฟท์ได้ปล่อย MSE 2.0 Beta ผ่าน MS Connect ซึ่งจะอนุญาตให้ผู้ใช้ในบางประเทศเข้าไปโหลดมาทดสอบได้ แต่ผมไม่แน่ใจว่า เขาใช้วิธีการเช็คจาก IP หรือเช็คจากการตั้งค่าประเทศใน Windows Live ID ซึ่งทำให้ผมที่ใช้ Windows Live ID ของสหรัฐฯ อยู่ สามารถเข้าไปโหลดมาทดลองได้ ก็เลยว่าถือเป็นการดี เก็บมาบอกเล่าให้ชาว Blognone ได้ฟังกันครับ

ตอนนี้ยังสามารถเข้าไปโหลดได้อยู่นะครับ ใครสนใจไปโหลดมาได้จาก Microsoft Connect ได้เลยครับ

หลายคนคงจะทราบกันดีว่า MSE นั้น เป็น Security Software ที่เก่งกาจเอาการอยู่ตัวหนึ่ง และเป็นตัวที่สามารถเข้าใจ core ของ Windows ได้ทั้งหมด ก็เพราะว่า MSE นั้นได้พัฒนามาจากทางไมโครซอฟท์เอง โดยใช้ System Core เดิมของ Windows Live OneCare มาปรับแต่งแก้ไข และผนวกเข้ากับตัว Windows Defender จนกลายเป็น MSE อย่างที่ทุกท่านใช้กัน ถึงแม้ว่า MSE จะเปิดให้โหลดได้ฟรี แต่ก็มีข้อจำกัดตรงที่ว่า Windows ที่ใช้ จะต้องเป็นของแท้เท่านั้น จึงจะสามารถติดตั้งได้ ถือได้ว่า MSE เป็นข้อเสนอดีๆ สำหรับผู้ใช้ Windows แท้นั่นเอง

ในเวอร์ชั่น 2.0 ก็จะมีการปรับเปลี่ยนระบบใหม่ตามนี้

• บูรณาการร่วมกับ Windows Firewall ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิด Windows Firewall ในระหว่างการติดตั้ง MSE ได้
• บูรณาการร่วมกับ Internet Explorer เพื่อเพิ่มการป้องกันจากการโจมตีผ่านเว็บไซต์
• เอนจิ้นป้องกันมัลแวร์ใหม่
• ระบบตรวจสอบเครือข่าย เพื่อป้องกันการบุกรุกผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์

โดยนี่เป็นเพียงฟีเจอร์เบื้องต้นครับ

ตัวโปรแกรมจะมีขนาดอยู่ประมาน 7MB (x86) และ 9MB (x64) ซึ่งเมื่อเราดาวน์โหลดมาเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ขั้นตอนการติดตั้งนั้นจะแตกต่างกับเวอร์ชั่นที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ก็เลยนำมาเล่าใหม่ดีกว่าครับ

การติดตั้งนั้น ถ้าตัวติดตั้งตรวจพบเวอร์ชั่นเก่าในเครื่อง ก็จะให้ทำการ upgrade ขึ้นไป 2.0 ได้เลย แต่ถ้าเป็นการติดตั้งใหม่ ก็ใช้วิธีการติดตั้งตามปกติ

จากฟีเจอร์ที่ว่าในเวอร์ชั่นนี้จะทำงานกันกับ Windows Firewall ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิด Windows Firewall ในระหว่างการติดตั้ง MSE ได้นั้น มันจะอยู่ในขั้นตอนนี้ครับ

หลังจากที่ทำการติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น จะมีข้อกังขาตรงที่ว่า ถ้าเราเลือกวิธี upgrade ผ่านเวอร์ชั่นเก่านั้น ตัวติดตั้ง จะขอให้เราทำการ restart เครื่องก่อนเริ่มใช้งาน 1 ครั้ง แต่ถ้าเป็นการติดตั้งใหม่ ก็จะไม่มีขั้นตอนนี้ แต่พอดีเครื่องผมมีเวอร์ชั่นเก่าอยู่ เลยเลือก upgrade แทน ว่าแล้วก็กด Restart Now เพื่อเข้าสู่กระบวนการ Windows Update ครับ

หลังจากที่ restart เสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ก็จะเป็นการเสร็จสิ้นการติดตั้ง ว่าแล้วก็ขอชมหน้าตา MSE 2.0 หน่อยดีกว่า

จุดที่สังเกตได้ในเวอร์ชั่น 2.0 ตั้งแต่ตัวติดตั้งเลยคือ เวอร์ชั่นนี้ จะเลือกใช้โทนสีเทาดำ ผนวกกับโลโก้ของ Microsoft Forefront Security ที่เป็น antivirus สำหรับองค์กร แทนสีฟ้าโล่งๆ ซึ่งมองดูแล้ว ก็พบว่า มันก็สวยงามไปอีกแบบ...

สำหรับเวอร์ชั่น 2.0 เมื่อทำการอัพเดทเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ก็จะมีเลขเวอร์ชั่นตามนี้ครับ

จุดที่สังเกตได้อีก 1 จุดคือ Antimalware Client Version นั้น จะเปลี่ยนจากของเดิมเป็นเวอร์ชั่น 3.0.6509.0 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนเอนจิ้นใหม่ตามที่ได้ประกาศฟีเจอร์ใหม่ออกมานั่นเอง

หลังจากที่ทำการอัพเดทอะไร ต่ออะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ก็ขอลองของแรงด้วยการทดสอบ antivirus แบบบ้านๆ โดยใช้ Code Virus ของ EICAR หน่อยละกัน

ซึ่งเมื่อผมบันทึกไฟล์เสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ตัว MSE จะแจ้งเตือนทันที ซึ่งนับถือได้ว่า ทำงานในรูปแบบ Background Monitor ได้รวดเร็วมากครับ

ต่อไปก็ขอทดสอบความรวดเร็วในการสแกนไวรัสและการใช้สอยแรม ซึ่งถ้าใครได้ใช้งานมาก่อน ก็คงจะทราบว่า MSE เป็น antivirus ที่ทำงานได้รวดเร็วพอตัว และการใช้สอยแรมนั้น อยู่ในระดับที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับ antivirus ที่มาจากผู้พัฒนารายใหญ่ เราก็จะมาดูกันว่า 2.0 ยังทำคะแนนในจุดนี้ได้ดีหรือไม่

ระหว่างสแกนไวรัส (จากภาพ: กำลังสแกน Android SDK)

การใช้สอยแรม

จากภาพ ก็น่าจะยืนยันได้แล้วว่า MSE ยังคงมีดีกรีในเรื่องความเร็วและการใช้สอยแรมเช่นเคย เพราะจากภาพ ระหว่างการสแกนก็ใช้แรมไปแค่ 73MB เอง

ขออนุญาติแก้ตรงที่ผมมอง Process ผิดครับ = = จริงๆ ต้องดูผ่าน MsMpEng.exe ที่เป็น Antimalware service executable ครับ

นอกจากนี้ MSE 2.0 ยังได้รับการปรับปรุงให้มีการใช้งานในรูปแบบ Network Monitor ได้ด้วย ซึ่งสามารถเปิด - ปิดฟีเจอร์นี้ ได้ในส่วนของ Real-time Protection

นอกจากฟีเจอร์ที่กล่าวไปทั้งหมดแล้วนั้น ตัว MSE เอง ก็ยังได้แอบผนวกเข้าไปใน Internet Explorer แบบแยกออกไม่ได้ ด้วยการสร้างเมนู Safety ขึ้นมาใน Internet Explorer ซึ่งเครื่องไม้ เครื่องมือในเมนูนั้น ก็จะแยกออกมาจากเมนู Tools อีกที และมีการเพิ่มเติมเมนูในบางคำสั่งเข้าไปด้วย

สรุปง่ายๆ ตอนนี้ MSE 2.0 ถือเป็นจุดที่น่าสนใจพอตัวสำหรับคนที่ใช้ MSE อยู่แต่ในเมื่อข้อดีเยอะ ก็ต้องมีข้อเสียเล็กน้อย.. นั่นคือ .. ไมโครซอฟท์เอาเมนู [Scan with Microsoft Security Essential] ที่อยู่ใน Windows Explorer ไปไว้ที่ไหน?? ถือว่าเป็นจุดบอดที่ไมโครซอฟท์ต้องรีบแก้ไข ก่อนที่จะปล่อย Final Release ในช่วงปลายปีนี้ เพราะไม่งั้น แย่แน่ๆ ครับผม

เมนูสำคัญหายไปไหน...??

คุณ varavut บอกมาว่า ถ้าลงใหม่จะขึ้นเมนูย่อยเหมือนเดิม สงสัยเป็นเพราะการอัพเกรดแล้วล่ะครับ

ว่าแล้วผมก็ขอปิดการรีวิว MSE 2.0 Beta ด้วยประการฉะนี้ครับ ^^