JT Wang ประธานของ Acer เปิดสงครามน้ำลายกับแอปเปิลแล้ว
เขาให้สัมภาษณ์เป็นภาษาจีนกับเว็บไซต์ UDN.com ของไต้หวันว่า แอปเปิลเป็นบริษัทที่ทรงพลัง แต่สถานการณ์ในโลกมือถือตอนนี้ Android ขึ้นมานำ iPhone แล้ว และตามประวัติศาสตร์ ค่ายที่เปิดย่อมมีส่วนแบ่งการตลาดเหนือกว่าค่ายปิด ดังนั้น iPad ซึ่งปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดเกือบ 100% จะเหลือเพียง 20-30% เท่านั้น และถ้าเทียบกับส่วนแบ่งตลาดของแมคอินทอชที่ 5% ในช่วงที่ผ่านมา ตัวเลข 20-30% อาจจะมากไปด้วยซ้ำ
เขายังพูดในประเด็นเรื่องแท็บเล็ตออกมาแย่งส่วนแบ่งตลาดของเน็ตบุ๊กว่า มันเกิดขึ้นเฉพาะในโลกตะวันตกที่พูดภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่ประเทศกำลังพัฒนา เน็ตบุ๊กยังมีอัตราการเติบโตที่ดีเยี่ยมอยู่ นอกจากนี้เขายังบอกว่าอุปกรณ์จอขาวดำอย่าง Kindle จะสู้แท็บเล็ตไม่ได้ในระยะยาว
ที่มา - UDN ผ่าน Google Translate, Engadget
Comments
จริง แต่เหมือนเคยอ่านเจอว่ากำไร 1/3 ของ notebook ที่ขายกันอยู่ก็เข้ากระเป๋า Apple เหมือนกัน คือ เจ้านี้เค้าเน้นขายราคาสูง (ตลาดอีกกลุ่มนึง) จำนวนที่ขายได้ก็น้อยลงแน่นอน
Tablet ในอนาคตก็ไม่น่าจะต่าง Apple อาจจะมี share แค่ 10% แต่ติด logo เข้าไปยังไงก็ยังขายแพงได้
มือถือค่ายท่านยังออกแบบอุบาศว์อยู่เลย
เอาเวลาไปพัฒนามือถือก่อนดีไหม
Kindle มันไม่ได้ออกมาแข่งกับ Tablet อยู่แล้วไม่ใช่รึ?
บังเอิญมันซ้อนทับตรงที่ว่า Tablet เองมันอ่าน e-Book ได้และมี form-factor ที่พกพาได้ง่าย จึงเหมาะสมกับการอ่าน e-Book ระดับหนึ่ง
Tablet เองมีข้อดีตรงที่ ทำงานอื่นๆได้ดีกว่าอ่าน dedicate e-Book reader เช่น เว็บเบราเซอร์ที่ดีกว่ามาก, รองรับและเปิดกว้างเรื่องโปรแกรมต่างๆ เช่น Word Processor, Mail client ได้, เหมาะสมสำหรับสร้างเนื้อหา, รองรับ multimedia ได้ดีกว่ามาก, เล่นเกมส์ได้ เรียกว่าหิ้วไปเครื่องเดียว ถ้าแบตฯพอ ทำงานอย่างอื่นได้นอกสถานที่ได้ นอกเหนือจากแค่อ่าน e-Book อย่างเดียว
แต่ tablet มันมีข้อเสียเมื่อเปรียบเทียบกับ dedicate e-Book reader ตรงที่ ราคาสูงกว่า, น้ำหนักมากกว่า, อายุการใช้งานต่อการชาร์ตที่ประมาณ 10 ชั่วโมงหรือน้อยกว่า, หน้าจอที่ไม่สบายตา (เมื่อเทียบกับจอ e-Ink ที่ไม่มี back-light) เมื่ออยู่กลางแจ้งอ่านไม่ได้ เป็นต้น
แต่ด้วยเทคโนโลยีด้านฮาร์ดแวร์ที่พัฒนาเร็วขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง เช่น จอ Qi ที่สามารถตัด back-light ใช้เป็นโหมดขาว-ดำที่ดูสบายตาเมื่ออยู่กลางแดด ดังนั้นในอนาคต (ซึ่งไม่รู้เมื่อไร) tablet อาจจะพัฒนาไปจนปิดจุดอ่อนของตัวเองหมดก็เป็นได้
รวมถึงเทคโนโลยีด้านจอ e-Ink ที่ตอบสนองได้ไวขึ้น แสดงภาพสีได้ แม้จะยังไม่เจิดจ้า แต่ก็มากพอที่จะแสดงภาพเคลื่อนไหวเช่นวิดิโอได้ หรือแม้แต่ processor ความสมรรถนะสูงที่กินไฟต่ำมาก ในอีกทางหนึ่ง dedicate e-Book reader เองก็อาจจะขยายความสามารถตัวเองจนไปซ้อนทับกับ Tablet ได้
เพราะงั้นไงครับ มันถึงไม่น่าจะเป็นคู่แข่งกันโดยตรง
เหมือนมือถือต่อให้พัฒนาจนใช้ถ่ายรูป+ภาพเคลื่อนไหวได้ ยังไงคนที่เค้าจะซื้อมาแค่ใช้โทรออก-รับสาย ก็คงไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องไปซื้อโทรศัพท์แพงๆ หรูๆ + คุณสมบัติเสริมเพียบ ในเมื่อจะเอาแค่ใช้โทร
คนใช้ e-book reader เพื่อจะอ่านหนังสือ ต่อให้มันพัฒนาไปจนแข่งกับ tablet ได้จริงๆ ถ้ามันมี e-book reader ที่แค่อ่าน e-book ได้ ราคาไม่สูง มันก็ขายได้อยู่แล้ว แล้ว kindle มันก็ออกมาเพื่อช่วยเพิ่มยอดขายหนังสือ(แบบดิจิตอล)ให้กับทาง amazon ด้วย(อย่าง ipad เห็นว่าทาง amazon เค้าก็ไม่มองว่าเป็นคู่แข่งของ kindle)
ไม่งั้นทุกวันนี้โทรศัพท์ nokia รุ่นไม่กี่ตัง ไม่มีคุณสมบัติเสริมอะไรมาก มันจะขายดีอยู่รึครับ ทั้งๆ ที่โทรศัพท์ที่มันจอใหญ่ สวย + สารพัดคุณสมบัติเสริมเพียบ มันมีให้เลือกตั้งมากมาย(จริงๆ น่าจะเรียกว่าการโทรเข้า-รับสายของมันเป็นคุณสมบัติรองด้วยซ้ำ)
ผมรู้สึกว่าตอน PDA vs Smartphone ก็เคยมีข้อถกเถียงคล้ายๆ แบบนี้นะครับ
แล้วตอนนี้มีใครซื้อกล้อง compact กันบ้างครับ ถ้าถ่ายแบบ casual ไม่ซีเรียสเรื่องคุณภาพมากนัก กล้องมือถือในโทรศัพท์รุ่นกลางๆที่อยู่ใกล้ตัวทุกคนตอนนี้ก็เพียงพอ โดยเฉพาะถ่ายภาพกลางวัน
Kindle ส่วน hardware นั้นในที่สุดอาจจะตันหรือโดนดันจนไปทับกับ tablet วันใดวันหนึ่ง แต่ส่วนที่เป็น e-Book Platform นั้นคงจะเป็นแหล่งสมบัติสำหรับ Amazon ไปอีกนาน
แต่เอาเข้าจริงแล้ว กล้องคอมแพคก็ยังขายได้
มันขายได้ในแง่ที่ว่ามันเป็นกล้องจริงๆ ตอบสนองได้ดีกว่ากล้องมือถือเยอะ (อย่างน้อยก็ไม่รบกวนแบตมือถือ)
ขอแย้งนิดนึงเรื่องเหมาะกับการสร้างเนื้อหา ผมว่าแท็บเล็ตที่มีกันเกลื่อนในปัจจุบัน ผมยังไม่เห็นว่ามันจะเหมาะกับการสร้างเนื้อหาเลยนะ (แค่พอทำได้)
จะรอดู
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
รอดูเช่นกัน
Acer ขี้โม้อะ
ทำ Gateway ให้ดูดีก่อนเหอะ
ปุ่มกดดูไม่ทนทานเลย ไอ้ปุ่มมัลติมีเดียก็ตอบสนองได้ไม่ดี
ตัว touchpad ก็เตี้ยแบนซะ(บางรุ่น) ทำ Gesture ได้ห่วยอีก
ข้างนอกดูดี แต่ข้างในดูไม่ได้เลย
ขายแต่เสปกสูงๆ คุณภาพออกแบบไม่ค่อยมี
หน้าโหลดไดรเวอร์ไม่ค่อยเป็นสัดส่วน
ถ้ามี table ที่เป็นวินโดวออกมาหิ้วไปเรียนจะเวิร์คกว่า หิ้ Ipad ไปเรียนเยอะเลยครับ
กว่าจะ 20-30 % ถึงตอนนั้นมันคงออก iPadsSs มาแล้วมั้ง ACER ท่านยังเป็นวุ้นอยู่เลยนะครับ
20-30% ที่ว่านิ คือ tablet ทุกแบรนด์รวมกันหรือป่าว? แล้ว 70-80% นิ ของ Apple iPad :D
มันก็น่าจะเป็นอย่างงั้นป่ะ ส่วน Acer ก็ขาย notebook เกรดห่วยๆ ต่อไป
ปากดี
วิสัยทัศน์ค่อนข้างเก่า ซื้อ tablet ไม่ได้ซื้อเฉพาะเครื่อง แบบที่ Acer มองจากมุมมองผู้ผลิตฮาร์ดแวร์
ซื้อ ipad หมายถึงได้อะไรที่ครบชุด นอกจาก ซอฟต์แวร์ service ยังมีเรื่องของ ดีไซน์ แบรนด์
คนซื้อของพวกนี้จะ IT-oriented น้อยลงไปเรื่อยๆ สิ่งสำคัญคือความเนียน รอยต่อน้อย เพราะผู้ใช้
ระดับ end user ใหม่ ๆ เจอเพียงแค่อุปสรรค นิดเดียวที่รอยต่อก็รู้สึกว่าใช้ยากแล้ว
แต่ฝั่งคู่แข่งอื่น ๆ ก็กำลังพัฒนาอยู่ครับ
เด๋วก่อนนะครับ ปรกติคนเขา "ไม่คำนึง" ถึงการเข้ากันได้กับ Hardware หรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้อย่างสะดวกสบายเหรอครับ
ผมใช้โปรแกรมของวินโดวเป็นส่วนนึงในชีวิตประจำวัน ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็เช่นนั้น การคำนึงถึงการ"เข้ากันได้"ของอุปกรณ์และโปรแกรมเป็นส่วนหนึ่งที่คุณๆ ผมๆ ก็ต้องการ เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน นอกจากการดีไซน์ที่สวยงาม ถ้าคิดแบบคุณ แล้วจะมียี่ห้อ Mid-low มาขายเหรอครับ
ไม่ได้เข้าข้าง Acer แต่จะบอกว่าข่าวนี้ ขี้คุย เหมือนกันครับ
ผมว่า iPad อาจจะเหลือ Market share เท่านั้นจริง ๆ ก็ได้ แต่คงไม่ใช่เพราะ Acer หรอกมั้ง เหอะๆ
70-80 เปอเซนต์ที่เหลือได้ใครบ้างละ ที่แน่ๆ หารให้ google หนึ่งละ แต่ 20-30 ของแอปเปิลได้แบบเน้นๆแถมยังขายแพงกว่าเจ้าอื่นอีก กว่าจะถึงตอนนั้นไม่รู้ tablet ตกเทรนไปแล้วยัง
มารอน้ำเดือด มาม่าพร้อมแล้ว
ลองเปลี่ยนโอเอสดูแล้วจะเห็นความแตกต่าง
??
กว่าจะเหลือ market share เท่านั้น apple ก็ออกอุปกรณ์อื่นมาแล้วหละ
acer กลับไปพัฒนาเครื่องให้ดีก่อน จะมาว่าคนอื่น
เพิ่งรู้นะเนี่ยว่า Acer ก็ขี้คุยเหมือนกัน
Accer อาจพูดจาทำร้ายความรู้สึกของหลายๆท่าน (อันนี้เข้าใจ...)
แต่! อนาคต ipad น่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดที่ ลดลงจริงๆ เมื่อ ผู้ผลิต software และ hardware หลายๆเจ้าลงมาในตลาด tablet
... ยกเว้น... ยกเว้น.. apple จะยอมปล่อย os ของตัวเอง ให้ run บน hardware เจ้าอื่นๆได้ ... !!
เห็นด้วยอย่างยิ่ง ประวัติศาสตร์มันจะวนมาอีกครั้ง
จากนโนบายเดิมๆ กับระบบเปิดระบบปิด
PC-MAC
Android-iPhone
Tablet-ipad
ipad ในอนาคตก็คงจะเป็นส่วนน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน
แอปเปิลอาจไม่แคร์ก็ได้ครับ (แต่สาวกคงแคร์นะ) เพราะต่อให้ส่วนแบ่งตลาดน้อย แต่ถ้ายังจับตลาดบนเน้น margin สูงๆ อาจได้รายได้เยอะกว่าด้วยซ้ำ
กว่า iPad เหลือ 20%
ก็คงมี iXyz iAbc iJk *&(^%_
ออกมาแล้ว
พวกดีแต่ปากก็ได้แต่ตามต่อไป. .
May the Force Close be with you. || @nuttyi
20-30% เป็นของ Apple
ส่วน 70-80% เป็นของ Dell HP Asus Acer HTC RIM และอื่นๆ ดูแล้ว Apple ก็ไม่น่าเสียหายอะไรเลย
ถ้า Google มาบอกว่า "เดี๋ยว iOS ก็เหลือส่วนแบ่งตลาด 20-30% เท่านั้น" นี่น่าจะดูเหมาะสมกว่าเยอะ
+1
อาจจะ้เป็นอย่างที่ว่า แต่ถ้ามันเข้า 20-80 ใครล่ะจะไม่ชอบ
หากย้อนไป มกราคม 2007 ศาสดาประกาศว่าจะนำ iPhone ออกขายในอีก 6 เดือนข้างหน้า
แถมยังบอกเลยว่าขอส่วนแบ่งแค่ 10%ในตลาดสมาร์ทโฟนเท่านั้น (มักน้อยจริงๆ) ไม่ได้อหังการจะไปเทียบรัศมีของโนเกียเลย
ผ่านไป 4ปี Apple ขาย iPhone ตั้งแต่รุ่นแรกถึง iPhone 4 ไปแล้วเท่าไหร่ นี่ยังไม่นับผลิตภัณฑ์แบบ iPod Touch และ มกราคม 2010 ประกาศตัว iPad ผลิตภัณฑ์อีกรูปแบบหนึ่งที่ใช้ iOS จนถึงปัจจุบันมี
อุปกรณ์ที่ใช้ iOS ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านเครื่องกระจายอยู่ทั่วโลก และมากกว่าตัวเครื่อง มี App Store เป็นโมเดลในการขายโปรแกรมให้กับคู่แข่งได้ศึกษา