ที่งานสัมมนา International Security Solutions Europe (ISSE) ในกรุงเบอร์ลิน คุณ Scott Charney ผู้บริหารอาวุโสของไมโครซอฟท์เสนอหนทางที่เป็นไปได้ในการจัดการกับบอทเน็ตและมัลแวร์อื่นๆ โดยดูแลพีซีที่ป่วยเหมือนที่สังคมดูแลคนป่วย
เขาได้อธิบายถึงประเด็นปัญหาที่พูดในงาน ISSE บนเว็บบล็อกของไมโครซอฟท์โดยกล่าวว่าแค่ไฟร์วอลล์ แอนตี้ไวรัส และแพตช์อัพเดทอัตโนมัติซึ่งปกป้องตามคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องนั้นไม่เพียงพออีกแล้ว มันต้องได้รับการจัดการโดยหน่วยงานรัฐ ภาคอุตสาหกรรมด้านไอที ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้ และบุคลอื่นๆ ซึ่งก็เหมือนกับการดูแลผู้ป่วยที่หน่วยงานรัฐเข้ามาติดตาม ควบคุม และกักกันโรคไม่ให้ระบาดไปส่งผลกระทบต่อคนอื่นในสังคมวงกว้าง
มีการแสดงความคิดเห็นที่หลากหลายและรุนแรงต่อการโพสต์ดังกล่าว ผู้โพสต์รายหนึ่งกล่าวว่า หากใช้ตรรกะดังกล่าวไมโครซอฟท์จำต้องถอดปลั๊กคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่รัน Windows ผู้โพสต์อีกรายถามไมโครซอฟท์กลับว่า หากบริษัทไม่สามารถทำให้ซอฟต์แวร์ของตนปลอดภัยได้ แล้วจะมีความสามารถที่จะทำให้การกักกันการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างไร
Neowin.net ได้สรุปว่าไม่มีข้อสงสัยเลยว่าข้อเสนอดังกล่าวจะใช้งานได้ผลหรือไม่ แต่การโต้เถียงมาตราการดังกล่าวและมาตรฐานในวงการอุตสาหกรรมที่เหมาะสมยังคงเป็นที่เรื่องที่ต้องพูดคุยกันอีกมาก
เมื่อต้นปีไมโครซอฟท์ประกาศร่วมกับคู่ค้าในภาคอุตสาหกรรมในการจัดการกับ spambot ชื่อ Waledac ในครั้งนั้นไมโครซอฟท์ได้กล่าวว่ากำลังมองหาหนทางที่สร้างสรรค์และรุนแรงกว่าในการจัดการกับเหล่าบอทเน็ตและ cybercrime ทุกรูปแบบ
ที่มา: Neowin.net
หมายเหตุ: บอทเน็ต (botnet) เป็นกลุ่มของคอมพิวเตอร์ที่ถูกควบคุมโดย bot master ซึ่งจะควบคุมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows หลายพันหรือกระทั่งหลายล้านเครื่องผ่านคำสั่ง IRC เพื่อกระจายมัลแวร์ สแปมอีเมล และทำการ DDoS
Comments
ทำเข้าจริงคงอดเล่นเน็ตกันค่อนประเทศ
โดยเฉพาะหน่วยงานราชการและ รร ของประเทศแถวๆนี้ นี่หล่ะฟาร์มเพาะเลย..
55+ อย่าให้บรรยาย
+1 โรงเรียนนี้สุด ๆ -_-
ผมเชื่อว่า "ผู้ใช้ส่วนใหญ่" ไม่รู้ตัว(หรือรู้แต่ไม่ใส่ใจ) ว่าคอมพิวเตอร์ตนเองติดไวรัส แต่ก็ยังใช้มันไม่ยอมแก้ไข จนไม่สามารถใช้งานได้นั่นแหละ และ ไม่ใส่ใจที่จะดูแลเพื่อไม่ให้ติดไวรัส ใช่มั่วกดมั่ว เห็นอะไรกดๆๆๆ
Mr. Yes and Mrs. Next ! XD
Mr.OK X Mr.Yes = Virus, Mr.Next said "คบชู้หรอฟะ"
+1
ไม่อ่านทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วมันแค่ภาษาอังกฤษธรรมดา ไม่ใช่ภาษาคอมแต่อย่างใด
จริงๆแล้ว ผมว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ในประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง อย่างบ้านเรา ก็อ่านไม่ออกกันเยอะนะครับ จะไปคาดหวังอะไรมากไม่ได้หรอก
พวกอ่านออกแต่ไม่อ่านเยอะนะครับ
คนไทยส่วนใหญ่ มีนิสัยไม่ชอบการอ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คู่มืออุปกรณ์ต่างๆที่ซื้อมาถึงแม้คู่มือจะเป็นภาษาไทยก็ตาม
+1 ครับ
ตัวอย่างใกล้ตัวก็พี่สาวผมเอง จบอักษรฯมาทั้งคู่ แต่ใช้คอมไม่เคยอ่านที่ระบบบอกเลย แล้วพออาการเพียบค่อยเรียกผมเข้าไปแก้ปัญหา
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
เห็นด้วยครับ "อ่านออก แต่ ไม่อ่าน" คำส่วนใหญ่มันก็เข้าใจง่าย แต่ไม่เคยสน
ปล. บางครั้งอ่านทั้งประโยคไม่ออกแต่อ่านบางคำออกมันก็น่าจะคาดเดาได้ว่าแปลว่าอะไรนะ
+1
อย่าว่าแต่ภาษาอังกฤษเลย ภาษาไทยก็ไม่อ่านกัน -*-
Jusci - Google Plus - Twitter
+1 ไทยก็ไม่อ่านครับ เด็กๆ ที่ร้านเป็นกันบ่อยเข้าเกมส์ไม่ได้ กด reset เครื่อง กด หลายๆ รอบจนผมทักกดทำไม ตอบว่าเข้าเกมส์ไม่ได้ ผมเลยไหนลองเข้าสิ ยังไม่ต้อง login หน้า web ก็ขึ้นเป็นภาษาไทยหมด ประมาณว่า
"อยู่ระหว่างการปรับปรุงประจำสัปดาห์ เลื่อนการเปิดบริการเป็น 14.00 น" ประมาณนี้
มีให้เห็นทุกวันที่เกมส์ ต่างๆ ที่จะเล่น เปิดช้ากว่ากำหนด กด reset กันเพลินเลยที่ร้าน
Ton-Or
ถ้าเป็น Antivirus ยังพอที่จะ Offline Update ได้
แล้ว Windows Update ล่ะ? -*-
ไม่งั้นก็บังคับใช้ Windows Backup พอเจอว่าติดก็ตัดเน็ตจนกว่าจะสำรองข้อมูลแล้วเลือกย้อนเวลาไปเลย
ผมเห็นด้วยส่วนนึงนะคับ ก็เหมือนคนที่เป็นหวัด ควรจะมีความรับผิดชอบใส่ผ้าปิดปากจะได้ไม่แพร่เชื้อให้กับคนอื่น ส่วนใครเป็นหวัด 2009 ก็ควรจะกักบริเวณตนเองได้เลย คือรับผิดชอบตัวเอง แต่ไม่ถึงกับจะมาบังคับกัน ยกเว้นอะไรที่ร้ายแรงมากจิงๆ
positivity
"หากบริษัทไม่สามารถทำให้ซอฟต์แวร์ของตนปลอดภัยได้ แล้วจะมีความสามารถที่จะทำให้การกักกันการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างไร"
เต็มๆ
นี้มัน ตรรกะหาเงินชัดๆ
เป็นไปได้ยังไง..MS ทำไม่ได้ ..ไม่อยากทำซิไม่ว่า
มาเป็นสาวก Linux ดีกว่ามั่ง
ถ้าคนหันมาใช้ Linux เยอะพอๆกับ Windows เดี๋ยวไวรัส Linux ก็ได้เกิดมาเยอะอีกซิครับ หุหุ
+++100^100 ครับดีแล้วๆ อย่ามาใช้ Linux นะผมอย่างมีคลังเก็บหนัง...เออ...ไฟล์ต่างๆที่ปลอดภัยอยู่อ่านะครับ - -"
nothing is perfect ครับ ต่อให้ออกแบบดียังไง มันก็ต้องมีบั๊ก มีช่องให้เจาะเข้าไปได้อยู่ดีแหละ
We need to learn to forgive but not forget...
พ่อกับแม่ของผมเอากลับมาฝากจากที่ทำงานทุกวันเลย Virus !!!
ตรรกะง่าย ๆ คือเปลี่ยน OS ที่มีปัญหาน้อยกว่า
ตรรกะง่ายๆเหมือนกัน คือ เมื่อคนเปลี่ยนมากใช้ OS ที่มีปัญหาน้อยกว่าเยอะๆ
มันจะกลายเป็น OS ที่มีปัญหามากกว่า
หยั่งงั้น flashdrive ที่ติดไวรัสก็ควรได้รับการกักกันเหมือนกันนะ
create folder ชื่อ autorun.inf กันไว้ก่อนดิ
คนเป็นหวัด ถูกกักไหม
คนเป็นเอดส์ ถูกกักไหม
คนเป็นไวรัสตับอักเสบ B กักไหม
คนเป็นซาร์ กักไหม
แล้วไวรัสหละ เอาอะไรมาเป็นตัวตั้ง ว่าจะกักใคร ไม่กักใคร