หลังจากที่มี FaceTime สำหรับ iPhone4 และ iPod touch รุ่นใหม่ ในที่สุด Apple ก็ได้คลอด FaceTime สำหรับ Mac เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่า FaceTime for Mac มีหน้าตาและการใช้งานเป็นอย่างไร

• เพิ่มวิดีโอและรูป 22/10/2010 by chobits_nizzy

  รูปอาจจะเยอะนิดนึงนะคะ เพราะอยากเน้นให้เห็น GUI ของตัวโปรแกรม ว่าแตกต่างจากโปรแกรมที่สามารถ video call อื่นๆ เช่น Skype และ MSN อย่างไร

เครื่องที่ใช้ในการทดสอบ

• MacBook White late 2008 with Mac OS X 10.6.4 เครือข่ายเป็นแลนของมหาวิทยาลัยค่ะ ใช้ iSight ของเครื่องเป็นกล้องในการทดสอบ
• Apple iPhone 4 ต่อกับเน็ตบ้านของทรู ใช้กล้องหน้าเป็นกล้องในการทดสอบ โดยโทรศัพท์วางบนโต๊ะ ในแนวตั้ง ดังภาพด้านล่างค่ะ

ทั้งนี้ไม่ได้ทดสอบความเร็วของอินเทอร์เน็ตก่อนทดลอง FaceTime และจะคุยกันเรื่องคุณภาพของภาพและเสียง รวมทั้งข้อดีข้อเสียต่างๆ ข้อจำกัดในการใช้งานและความลื่นไหลในการใช้งานจริงระหว่างที่รีวิวไปเลยนะคะ อาจจะดูรกๆ ไปบ้าง

เริ่มต้นจากการดาวน์โหลดโปรแกรมก่อนนะคะ เนื่องจากคนเขียนรีวิวเองเนี่ยเข้าไปงมอยู่ในเวบของ Apple นานมาก (คนอื่นอาจจะไม่เป็น) ต้องใช้ Google ค้นว่าจะโหลด FaceTime for Mac beta ได้ที่ไหน เลยขอแนบลิงค์ไว้ด้วยค่ะ

การเริ่มต้นใช้งานและ GUI ของตัวโปรแกรม

ก่อนจะเริ่มใช้งานโปรแกรม ต้องทำการบันทึก เบอร์โทรศัพท์ หรืออีเมล์ของผู้ที่เราต้องการติดต่อลงไปในโปรแกรม Address Book

ซึ่งผู้รีวิวเองมีความเห็นว่าทำให้การใช้งานลำบากขึ้น เพราะในตัวโปรแกรม ไม่สามารถกดเบอร์โทรหรือพิมพ์อีเมล์เพื่อโทรออกได้โดยตรง แต่ก็มีข้อดีคือถ้าเรา sync ข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์และมือถืออยู่ตลอดเวลา ก็จะใช้งานได้ง่ายขึ้นมาก
เมื่อเราลงโปรแกรมเสร็จแล้วก็ทำการเปิดโปรแกรมขึ้นมาค่ะ โลโก้โปรแกรมเป็นรูปกล้องถ่ายวิดีโอ

จากนั้นเราก็ทำการ activate ก่อน มี 2 วิธีคือใช้ Apple ID ที่มีอยู่แล้ว หรือสร้างบัญชีผู้ใช้ใหม่

คนที่ไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัวในการใช้งาน FaceTime ควรระวังเรื่องความปลอดภัยนะคะ

กด Next

โดยเราสามารถเปิด - ปิดการทำงานของโปรแกรม และเปลี่ยนแปลงอีเมล์ที่ใช้ติดต่อในภายหลังได้ที่ Preferences ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัยได้เล็กน้อย

หน้าจอ เมื่อเราเข้าสู่โปรแกรม ตามภาพด้านล่าง โดยมีรายชื่อผู้ติดต่อทั้งหมดเหมือนกับในโปรแกรม Address Book ค่ะ เวลาจะใช้งานก็แค่คลิกที่รายชื่อสองครั้ง จากนั้นเลือกเบอร์ หรืออีเมล์ที่ต้องการจะโทรออก ก็เรียบร้อยค่ะ

หน้าจอระหว่างที่เรากำลังโทรออก

จะเห็นว่าด้านบนมีคำว่า "is not available for facetime" เพราะครั้งแรกนั้นผู้รีวิว เลือกใช้อีเมล์ในการทดสอบ FaceTime และผู้ร่วมทดสอบไม่ได้ activate บริการนี้ด้วยอีเมล์ ถ้าสามารถติดต่อได้ก็จะขึ้นเป็นคำว่า "connecting" แทนข้อความดังกล่าว

และด้านล่างคือภาพหน้าจอ ในกรณีที่มีผู้ติดต่อ โทรเข้ามาค่ะ

หน้าจอขณะกำลังคุย มีปุ่มให้เลือกสามปุ่ม คือ ปิดเสียง, วางสาย และขยายเต็มหน้าจอ

โดย FaceTime นั้น เห็นภาพ และได้ยินเสียงด้วย

หน้าจอขณะเปิดการสนทนาแบบเต็มจอ

เนื่องจาก @nonth ผู้ร่วมทดสอบใช้งานกล้องด้านหน้าซึ่งมีความละเอียดแค่ระดับ VGA ทำให้ทางฝั่ง MacBook เห็นภาพไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ ส่วนทางด้าน @nonth นั้น บอกว่าภาพชัดเจนมาก สำหรับเสียงได้ยินชัดเจนดีค่ะ และมีการกระตุกบ้างเล็กน้อย อาจจะขึ้นอยู่กับความเร็วของอินเทอร์เน็ต เพราะผู้เขียนรีวิวเคยลอง FaceTime ระหว่าง iPhone 4 ด้วยกันเองบนเครือข่ายเดียวกัน ก็ลื่นไหลดี มาดูภาพทางด้าน @nonth บ้าง

ข้อจำกัดและข้อสงสัยด้านการใช้งาน

• ในกรณีที่ iPhone 4 ไม่ได้ต่อ Wi-Fi อยู่ จะไม่สามารถใช้งาน FaceTime ได้ และไม่มีเสียงเรียกเข้าดัง ไม่สั่น ไม่มีปรากฏการณ์ใดๆ เกิดขึ้น แต่จะมีรายชื่อคนที่ไม่ได้รับสายปรากฏบนหน้าจอ ซึ่งผู้รีวิวเองก็งงมากว่าเพราะอะไร ? ด้านล่างจะเป็นวิดีโอแสดงกรณีดังกล่าว (ขอบคุณข้อมูลและวิดีโอรีวิวจาก @win_chayin)

• แล้วแบบนี้ MacBook กับ MacBook จะสามารถใช้ FaceTime ติดต่อกันได้หรือไม่ ? โดยส่วนตัวคิดว่าน่าจะได้ โดยการใช้อีเมล์ในการติดต่อ
• เวลาที่ฝั่ง MacBook ขยายหน้าจอการสนทนาเป็นแบบเต็มจอ จะเห็นว่าขอบด้านข้างทั้ง 2 ด้าน เป็นสีดำ เกิดเพราะใช้กล้องหน้าหรือไม่ ? ถ้าใช้กล้องหลังจะเป็นเช่นไร ภาพจะชัดขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ ?
• การที่ภาพกระตุก เกิดจากความเร็วของอินเทอร์เน็ตหรือไม่ ?

สรุป

โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนรีวิวคิดว่าหน้าตาของโปรแกรมค่อนข้างใช้งานง่าย แต่น่าจะเพิ่มปุ่มกดเบอร์โทร และที่พิมพ์อีเมล์ในการโทรออกมาให้ในตัวโปรแกรมด้วย และจะดียิ่งขึ้นถ้าเราสามารถบันทึกรายชื่อ และรายละเอียดอื่นๆ ลงในโปรแกรม Address Book ผ่านทางโปรแกรม FaceTime ได้โดยตรง ก็ถือว่าเป็นก้าวใหม่ของ Apple สำหรับ video call สำหรับการเปรียบเทียบการใช้งานในด้านต่างๆ รวมทั้ง GUI กับโปรแกรมอื่นนั้น ผู้รีวิวได้นำเสนอด้วยรูปภาพไปแล้วข้างต้น อื่นๆ นั้นผู้รีวิวขอเก็บไว้ในใจ เพราะผู้รีวิวยอมรับว่าเป็น "สาวก" แต่ไม่ชอบรับประทานมาม่าซักเท่าไหร่

ขอบคุณค่ะ

Special Thanks : @nonth, @win_chayin