iLife เป็นชุดโปรแกรมจัดการรูป วิดีโอ เพลง ดีวีดี และเว็บ ของแอปเปิล ที่แถมมาในแมคทุกเครื่อง ว่ากันว่า iLife เป็นหนึ่งในเหตุผลที่หลายคนซื้อแมคมาใช้ จุดเด่นของโปรแกรมในชุดนี้คือการใช้งานที่ง่ายและมีคุณภาพดี โดย iLife ชุดล่าสุดคือ iLife '11 ซึ่งเว้นระยะห่างจากรุ่นก่อนหน้าคือ iLife '09 ถึง 2 ปี
ติดตั้งโปรแกรม
iLife '11 จะแถมมาฟรีสำหรับใครที่ซื้อแมคหลังวันที่เปิดตัวโปรแกรมไป ส่วนใครที่ใช้รุ่นก่อนหน้าอยู่ ต้องซื้อแผ่นมาอัพเกรดอีกที ข่าวดีคือแอปเปิลลดราคาจากเดิมที่ iLife '09 ราคา 3,190 บาท มาเป็น iLife '11 ราคาเพียง 1,790 บาท
แต่ถ้ามีเพื่อนใช้แมคหลายคนก็แชร์กันซื้อรุ่น Family Pack ได้ราคา 2,790 บาท ใช้ได้ 5 คน (เฉลี่ยคนละ 560 บาทเท่านั้น)
การติดตั้งก็ไม่มีอะไรมากมาย ใส่แผ่น กดลงโปรแกรม รอประมาณ 20 นาทีก็เสร็จ กินเนื้อที่ในฮาร์ดดิสก์ 4.21 GB
โปรแกรมที่จะรีวิวในตอนที่ 1 คือโปรแกรมจัดการรูปภาพยอดนิยม iPhoto โดยจะเน้นไปที่ความสามารถใหม่ๆ ที่ต่างจากเวอร์ชันเดิมเท่านั้น ถ้าใครสนใจความสามารถอื่นๆ ลองอ่านได้ที่ "รีวิว iPhoto '09"
iPhoto '11
ก่อนเปิดโปรแกรม iPhoto ขึ้นมาจะมีให้เลือกอัพเดต Patch ที่แก้ปัญหาเรื่องรูปหายสำหรับบางคนที่เปลี่ยนจาก iPhoto '09 มาใช้ iPhoto '11 สำหรับผมไม่เจอปัญหาอะไร แต่ถ้าใครมีรูปสำคัญอยู่เยอะแนะนำให้ Backup ข้อมูลไว้ก่อนก็จะดี
ถ้าเทียบในด้านของ Feature นั้น iPhoto '11 แทบไม่ต่างอะไรกับ iPhoto '09 เลยแม้แต่น้อย เพียงแต่มีการปรับการทำงานในแต่ละส่วนให้ดีขึ้น สมบูรณ์มากขึ้น โดยเฉพาะหน้าตาการใช้งาน ซึ่งจากที่ใช้ง่ายอยู่แล้วทำให้ใช้ง่ายขึ้นมาอีก
Full Screen Mode
ความสามารถใหม่ที่แอปเปิลดูจะโฆษณามากเป็นพิเศษ คือการใช้งานในโหมดเต็มหน้าจอ จะเห็นว่าหน้าตา UI จะเปลี่ยนไปจากโหมดปกติค่อนข้างมาก โดยเมนูหลักจะย้ายมาอยู่ข้างล่างทั้งหมด ส่วนเนื้อหาจะแสดงข้างบนแบบเต็มๆ จอ
หน้าจอปกติ |
หน้าจอใน Full Screen Mode |
โดยส่วนตัวผมคิดว่าโหมด Full Screen นี้นอกจากแอปเปิลทำขึ้นมาเพื่อเตรียมใช้ใน OSX Lion แล้ว น่าจะทำเพื่อเตรียมเอา iPhoto ไปลงใน iPad อีกด้วย ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นว่าการใช้งานและการจัดเรียงปุ่มต่างๆ เหมือนโปรแกรมใน iPad เลย
โดยจากที่ลองใช้งานหน้าจอแบบใหม่นี้ พบว่าเราสามารถทำงานทุกอย่างได้ โดยที่ไม่ต้องคลิ๊กขวาเลย เรียกว่าแค่กดหน้าจออย่างเดียวก็ทำงานได้แล้ว
เมนูย่อยจะมีหน้าตาเหมือนกับเมนูย่อยบน iPad เลย
หน้าจอแสดงรูป จะมีรายละเอียดของรูปทางขวา ขนาดของรูป วันเวลา ISO ความเร็วชัตเตอร์ ชื่อคน รวมทั้งแผนที่แสดงจุดที่ถ่ายภาพด้วย
หน้าจอแต่งรูป ทุกปุ่มถูกปรับให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ใช้งานง่ายขึ้น
เครื่องมือต่างๆ มีการปรับให้หน้าตาใช้ง่ายขึ้น
ไฟล์ที่เป็นวิดีโอเล่นจากในโปรแกรมได้ซะที (เวอร์ชันก่อนโปรแกรมจะเปิด Quicktime ขึ้นมาเล่นวิดีโอต่างหาก)
Face Detection จากเดิมที่หาหน้าคนในรูปได้ ตอนนี้เพิ่มความสามารถให้หารูปหน้าคนจากในวิดีโอได้ด้วย ซึ่งเจ๋งมาก เพราะโปรแกรมจะบอกเลยว่ามีหน้าตานี้อยู่ในวิดีโอนาทีที่เท่าไหร่บ้าง
Place จะแยกประเภทจัดกลุ่มสถานที่มากขึ้น คือแยกตามประเทศ จังหวัด เมือง และสถานที่สำคัญๆ
Slide Show เพิ่มธีมใหม่มาอีก 4-5 ตัว แต่ที่เจ๋งสุดน่าจะเป็น Place ที่จะดึงรูปกับตำแหน่งของภาพมาทำเป็น Slide Show ไปจามจุดต่างๆ บนแผนที่ดังรูป
โดยชื่อของสถานที่ต่างๆ จะอ้างอิงจากใน Google Maps แต่ถ้าเราสร้างโปรเจ็ค Slide Show ก็สามารถแก้ไขคำพูดต่างๆ เป็นภาษาไทยเองได้ด้วย
Project จะแสดงทุกโปรเจ็คจากเชลฟ์ไม้ หน้าตาเหมือนใน iBook เด๊ะๆ
Social Network และ Email
สำหรับการแชร์รูปภาพมีให้เลือกหลายอย่าง Email, Flickr, Facebook และ Mobile Me (สำหรับ Picasa ต้องลง Plugin เพิ่มเติม)
หากเลือกแชร์รูปทาง Email โปรแกรมจะเปิดหน้าพิมพ์อีเมล์ ขึ้นมาให้เลยไม่ต้องไปเปิดโปรแกรมอีเมล์ต่างหาก โดยถ้าใช้ครั้งแรกจะให้เราเพิ่มอีเมล์แอคเคาท์ที่จะใช้ก่อน
หน้าตาอีเมล์ก็มีให้เลือกหลายแบบ ซึ่งทำได้สวยมาก และหน้าตาจะเปลี่ยนไปตามจำนวนรูปที่เราเลือกด้วย (เลือกได้ไม่เกิน 10 รูป)
ส่วนที่น่าสนใจที่สุดคงเป็นการใช้งานร่วมกับ Facebook โดยเมื่อเปิดใช้ครั้งแรกจะต้องใส่แอคเคาท์ Facebook ของเราก่อน หลังจากนั้นโปรแกรมจะดึงอัลบั้มรูปที่อยู่ใน Facebook ออกมาด้วย
เมื่อเรากดแชร์รูป จะมีให้เลือกว่าเราจะแชร์รูปลงอัลบั้มไหน หรือจะลงที่ Wall ก็ได้
รูปที่แชร์จะลงใน Facebook พร้อมคำอธิบายและ Tag รูปต่างๆ ถ้ามีใครมาคอมเมนต์หรือกด Like ก็จะเห็นที่หน้าจอทางขวาเลย
วิดีโอก็สามารถแชร์บน Facebook ได้
เราสามารถจัดการแทบทุกอย่างในอัลบั้มรูปบน Facebook จาก iPhoto ได้เลย ตั้งแต่เพิ่มลดอัลบั้ม จัดลำดับรูปก่อนหลัง เพิ่มคำอธิบาย แท็กหน้าคน แม้กระทั่งปรับแก้การมองเห็นเป็น Friends, Friends of Friends หรือ Everyone ก็ได้
เท่าที่ลองเล่นดู ผมว่า iPhoto น่าจะเป็นโปรแกรมที่จัดการรูปบน Facebook ได้ดีที่สุดในตอนนี้
ส่วนการแชร์รูปผ่าน Flickr ก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่
การทำ Photo Book จะมีหน้าตาให้เลือกแบบก่อนว่าจะออกมาเป็นแบบไหน หน้าจอการจัดหน้าหนังสือใช้ง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะ
จริงๆ แอปเปิลโฆษณาการทำการ์ดลายสวยๆ ด้วยตัวเองได้ แต่เนื่องจากเมืองไทยยังไม่สามารถสั่งพิมพ์ได้ ก็คงไม่ได้มีประโยชน์มากนัก
ส่วนที่หายไปคือการทำปฏิทิน ซึ่งแอปเปิลจะออกอัพเดตให้ใช้งานได้ภายหลัง ส่วนใครที่เคยทำปฏิทินไว้ก็จะไม่ได้หายไปเพียงแต่เปิดสร้างเองยังไม่ได้
โปรแกรมที่น่าจะเป็นคู่แข่ง iPhoto อย่างสมน้ำสมเนื้อที่สุดตอนนี้น่าจะเป็น Picasa ของกูเกิลซึ่งมีข้อได้เปรียบคือแจกฟรีและมีบริการฝากรูปเป็นของตัวเอง แต่ถ้าเทียบในด้าน Feature และคุณภาพรูปที่แต่งออกมาแล้ว iPhoto น่าจะยังนำอยู่พอสมควร
สรุป iPhoto '11 ไม่ได้ต่างจากเวอร์ชันเดิมมากนัก แต่การปรับหน้าตาแบบยกเครื่องใหม่ ให้ใช้งานง่ายขึ้นมาก Slideshow แบบใหม่ๆ การทำสมุดภาพ รวมทั้งการรวมกับ Facebook ที่มากขึ้น และราคาที่ถูกลงมาก ก็น่าจะคุ้มค่าที่จะอัพเกรดจากเวอร์ชันเดิมครับ
ที่มา - Khajochi's Blog
Comments
Apple กำลังคิดจะรวมร่าง Mac OS เข้ากับ iOS รึเปล่าหนอ ...
OS เดียว เขียน app รันได้ทุกอุปกรณ์ (ของ Apple)
ไม่ใช่รวมเข้า iOS ครับ
แต่ที่ Apple ทำ คือย้ายความรู้สึกของ iOS มาอยู่ใน OSX ดังนั้น วันเปิดตัวถึงได้ใช้ชื่อ "Back to the Mac" ไงครับ
ผมเห็นด้วยครับ เหมือน Apple กำลังวางแผนในอนาคตอะไรสักอย่างอยู่
เล่น VDO จากตัว iPhoto ได้ซะที XD
@Mixmerize
เขาทำโปรแกรมได้น่าใช้ เพราะใส่ความมีชีวิตชีวาเข้าไป
เสน่ห์ของเขาเลย
Picasa ชัดๆ ใครลอกใครหว่า?
ที่แน่ๆ picasa ควรลอกการตรวจสอบใบหน้าในภาพเคลื่อนไหวมาด่วน
คห.สร้างความร้าวฉาน!!
เตรียมตัวอัพ รอแผ่นอยู่ >___<
อ๊าก! ทำไม UI มันสวยอย่างนี้! น่าใช้โฮก! >_<
my blog
+1 น่าใช้อย่างแรงเลย
UI แบบใช้ไป เพลินไป
ผมไม่เคยใช้แต่เห็นแล้วอยากใช้บ้างเลยนะเนี่ย
แจ่ม
That is the way things are.
หรูหราโคตร ๆ
จากข่าวนี้ผมตัดสินใจซื้อ Mac เครื่องใหม่
เจ๋งดีเเฮะ
ทำไมโปรแกรมมันกินที่เยอะจัง