ผลิตภัณฑ์สายเซิร์ฟเวอร์องค์กรของไมโครซอฟท์นั้นมี Office Communication Server สำหรับการติดต่อสื่อสารภายในองค์กรอยู่ด้วย ตอนนี้เวอร์ชันล่าสุดคือ 2007 R2 ออกเมื่อปี 2009 (ชื่อก่อนหน้านี้คือ Live Communications Server)
ล่าสุดไมโครซอฟท์ได้รีแบรนด์ Office Communication Server ใหม่อีกรอบ โดยใช้ชื่อว่า "Lync" (อ่านว่า "ลิงค์") และออกรุ่นแรกใต้ชื่อใหม่ Lync Server 2010 แล้ว
Lync Server 2010 สามารถทำงานได้กับ client สองตัวคือ Microsoft Lync (เฉยๆ ไม่มีชื่อเซิร์ฟเวอร์ห้อยท้าย) กับ Windows Live Messenger แต่ตัวหลังจะทำงานได้ไม่เต็มรูปแบบนัก
ส่วนของ Microsoft Lync ก็หน้าตาคล้ายๆ กับ WLM เพียงแต่รองรับการสื่อสารภายในองค์กรแบบครบวงจร เช่น อีเมล เว็บแคม ไวท์บอร์ด แสดงสไลด์ร่วมกัน นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับ Exchange และ SharePoint ได้ด้วย หน้าตาก็ดูกันในวิดีโอประกอบครับ
ในปีหน้าไมโครซอฟท์ยังจะออก Lync Online ซึ่งเป็นเวอร์ชันบนกลุ่มเมฆ ชุดเดียวกับ Office 365 ด้วย
ที่มา - TechNet, Ars Technica
Comments
โอ้ว แจ่ม
ถ้าคิดจะใช้ตัวนี้ในขณะที่ยังไม่มี server อย่าลืมนึกถึง windows CAL ด้วย
และไม่แน่ใจว่าตัวนี้จะมีค่าไลเซ่นส์ต่อเครื่องอีกหรือเปล่า
ว้าวววว ตัวแม่ใช้บนวินโดว์ 7 ได้ด้วย
เดี๋ยวนี้มันคิดเป็น Platform License + CAL นิครับ
CAL มันก็มีกันทุกค่ายแหละครับ พวกระบบ Mail ระดับองค์กร DB ก็อย่าง Oracle ก็ใช่ Antivirus ต่างๆ หรือพวก Firewall ระดับ Network มันก็คิดกันเป็น session กันเลย นี่พวก NetWare, GroupWise หรือ NetWise อะไรพวกนี้ก็ CAL หมดครับ ในซอฟต์แวร์ระดับ Enterprise นี่ CAL ถือเป็นเรื่องปรกติเลยครับ
ประเด็นคือตอนซื้อยังไงคนซื้อก็คงต้องดูอยู่แล้วหล่ะว่าคุ้มไหมกับระดับองค์กรของเค้า
ปล.ที่ทักเพราะเห็นพูดถึง CAL บ่อยๆ เลยเพิ่มเติมให้คนอื่นๆ สักหน่อย ^^
เพราะ CAL นี่แหละครับที่ทำให้อ่วม แพงกว่า OS อีก
คือ Server, Windows ซื้อแบบมีไลเซ่นส์แล้ว แต่ต้องเสีย CAL ซ้ำซ้อนอีก
คือ Windows CAL, SQL CAL, ...., อะไรที่มีลักษณะ Server - Client ต้องเสีย CAL หมด
ทั้ๆ ที่ซื้อตัวแม่และตัวลูกไปแล้ว มันเหมือนกับว่าแตกค่าใช้จ่ายเป็นส่วนย่อยๆ เพื่อให้เห็นว่าราคาซอฟท์แวร์มันถูก แต่พอคิดองค์รวมแล้วมันแพงมาก
ต่างกับแอนตี้ไวรัส เขาไม่ได้คิดเป็น CAL แต่คิดเป็นปริมาณการใช้ของเครื่อง
คือ เสียค่าบริการแต่ไม่ต้องเสียค่าซอฟท์แวร์
ถ้าองค์กรไหนมีเงินไม่หนาพออย่าเสี่ยงดีกว่า ถ้าติดแล้วจะถอนตัวยาก ยากมากกกกก
สิ่งที่ผมกำลังจะบอกคือมัน CAL มันไม่ใช่กับ Windows Server หรือ Enterprise App ระบบนั้น หรือบริษัท Microsoft ที่จะใช้การเก็บเงินแบบนี้เท่านั้นครับ แต่บริษัทอื่นๆ ก็ใช้เช่นกัน แค่นั้นแหละ
ส่วนค่าใช้จ่ายอะไรพวกนั้นผมมองว่าเป็นเรื่องที่คนจะวางระบบและคนมีอำนาจควรศึกษาอยู่แล้ว ถ้าไม่ศึกษาก็คงช่วยอะไรไม่ได้ -_-"
ก็ถูกแล้วนี่ครับ ตามที่ผมบอกนั่นแหละ ถ้าจะใช้ก็ต้องคิดให้ดี บางคนคิดแต่ความสะดวก อยากใช้
ที่เจอมักจะเป็นนักไอที แล้วติดตั้งไปทั้งบริษัท แล้วปรากฏว่าเกิดปัญหาลิขสิทธิ์ตามมา ทีนี้การใช้งานมันติดลมบนไปแล้ว จะเลิกก็ไม่ได้ อยากจ่ายก็ไม่มีตังค์ ซวยเลย
ปล.อันนี้เตือนจากประสบการณ์ตรง เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ ที่บริษัทผมเอง
มีโปรแกรมเมอร์ใหม่เข้ามาแล้ว เอา SQL Server มาใช้ ซึ่งมันใช้ตัวอื่นแทนได้ แต่เพราะความง่ายและสะดวกส่วนตัว (ที่จริงเขาให้ใช้ฟอกซ์โปร ที่บริษัทแม่ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลย์ก็ฟอกซ์โปร) โปรแกรมที่เขียนใช้เยอะจนแก้ไขไม่ไหว และก็จ่ายไม่ไหวเช่นเดียวกัน ค่า Windows 2003 3500, Windows CAL 1200, SQL CAL 5500, Windows client 5900 อันไหนที่จำเป็นก็ต้องจ่าย แต่บางทีมันไม่จำเป็นนี่สิครับ BSA โทรมาแหย่ทุกเดือน
ปัญหานี้เกิดจากความไม่เข้าใจในเรื่องการใช้งานซอฟต์แวร์และการศึกษาเรื่องลิขสิทธิ์ของซอฟต์แวร์นั้นๆ อย่างเพียงพอ แถมโปรแกรมเมอร์เข้ามาใหม่ เค้าใช้อะไรก็ต้องจัดให้เค้าทั้งๆ ที่คนเป็นระดับ manager น่าจะศึกษาและดูแลการใช้งานก่อนใช้หรือเปล่า ให้โปรแกรมเมอร์เข้ามาใหม่มีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องพวกนี้เพียงลำพังได้อย่างไร?
งานนี้ผมมองว่าเกิดจากการไม่ดูแลและขาดความเข้าใจในการใช้งานในระดับเริ่มต้นเลย ซึ่งจะไปโทษคนบริษัทขายของคงไม่ถูกต้องนัก เพราะเอกสารต่างๆ ที่ว่ามามันมีโหลดและตอนจะใช้เค้าก็มีแผนกพวกนี้ให้คำปรึกษาอยู่แล้ว ปัญหาหลักๆ คงเกิดจากการใช้ของเถื่อนจนชินแล้วไม่ได้ศึกษาให้ครบมากกว่าครับ ;)
อันนี้ความผิด IT Manager ครับ ไม่ review เงื่อนไขการใช้งานได้เรียบร้อยก่อน
lewcpe.com, @wasonliw
ถ้าเป็น IBM จะคิดเงินตาม PVU (Processor Value Unit) หรือ Named User / Authorize User ครับ
เป็นหน้าที่ของผู้หา Software มาใช้ล่ะครับว่าแบบไหนจะเหมาะสมกับองค์กรของเรามากกว่า
ทำงานที่บริษัทจะใช้ Lotus Note Sametime บ่อยมาก คิดว่า Lync น่าจะมีประโยชน์
ชื่อสินค้าสั้นจัง หรือว่ายังไม่มีชื่อรุ่นหว่า
อ่านชื่อโปรแกรมแล้วนึงถึง Lynx
I will change the world, to the better day.
skype + google doc ทำได้ดีกว่านี้อีก แถมออกมานานแล้วด้วย
skype + google doc ทำได้ดีกว่ายังไง วานชี้แนะ
ขั้นแรกเลย.. skype กะ gDoc มันใช้ร่วมกันยังไง เดวได้ขอลองบ้าง เพราะทุกวันนี้ก้อใช้ gDoc อยู่ แอบหนอย เวลาอยากใช้ feature ที่ gApp ไม่มี
อย่างใน vdo โฆษณา ด้านบน
chat + video call ใช้ skype
ส่วนที่เหลือ ใช้ gdoc
เช่น share เอกสารผ่าน email หรือ พิมเอกสารเดียวกัน พร้อมกัน แล้วเห็นว่าอีกฝ่ายพิมอะไรแบบ real time ได้ทั้ง doc, spreadsheet, presentation
ส่วนวาด ใช้ Drawing แล้วแชร์ผ่านกันก็ได้
เปิด 2 โปรแกรมพร้อมกัน ก็ทำงานร่วมกันได้
ในข่าวคือใช้ Microsoft Lync ตัวเดียวครับ
คุณว่าอะไรสะดวกกว่ากันล่ะ ?
อีกอย่างนะ คนทั่วไปทำ Presentation บน Google Docs ได้ไม่น่าสนใจเท่าบน Microsoft PowerPoint หรอกครับ
เคยลองใช้หรือยังครับ?
ถึง ppt ของ google จะไม่อลังการเท่า MS แต่มันฟรี
Google Docs เป็น product ที่สามารถเข้าถึงได้ด้วย Google API และเข้าได้จากหน้าเวป
ผมว่า การเปิด skype + browser พร้อมกันก็ไม่ได้ยากอะไรเลย
แถม google พึ่งมีข่าวว่า ตอนนี้ mobile device สามารถใช้ gogole docs ได้แล้ว คือ Android + iPhone สามารถใช้ได้แล้ว
ในขณะที่ lync ต้อง installl program และใช้ได้แค่ windows platform
google docs + skype ใช้ได้ตั้งแต่ linux, windows, mac os, ios, android... ไม่รู้ bb ใช้ได้รึเปล่า
เพราะเคยลองใช้ Google Docs แล้วไงครับ ถึงบอกว่ามันยังสู้ Microsoft Office ไม่ได้ แค่ว่ามันฟรี ยังไม่ใช่คำตอบของผม และใครอีกหลายคนครับ และจากการที่มันเข้าได้จากหน้าเว็บ ทำให้ความสามารถบางอย่างไม่สามารถสู้โปรแกรมจากบนเดสก์ท็อปตรงๆได้ (เอาง่ายๆเลยคือ Presentation ของ Google Docs ในตอนนี้ ไม่มีทางทำ Transition ได้สวยแบบใน PowerPoint 2010) ซึ่งผู้ใช้ตาดำๆทั่วไป ไม่ใช่พวก geek หรือ power user อะไรที่มันทำให้สวยงามได้ง่ายกว่า เขาย่อมเลือกอันนั้นอยู่แล้ว
ส่วน Google Docs บนมือถือ ผมเห็นว่ามันจะไม่ต่างอะไรมากกับสมาร์ทโฟนทั่วๆไปที่เปิดเอกสาร Microsoft Office ได้ ดังนั้น บนมือถือ ผมให้มันทั้งสองตัวทำได้พอๆกัน
ส่วนเรื่องการติดตั้งโปรแกรม พูดกันตามตรงแล้ว ผมเห็นว่า skype มันก็ทำงานได้สมบูรณ์อยู่แค่บน Windows ผมเคย Skype ข้ามไปหาคนใช้แมค พบว่ามันยังมีปัญหาหลายอย่าง อย่างเช่นเรา (Windows) ทำ Group Call แล้วฝั่งแมคไม่ได้รับคอล ต้องหใ้แมคคอล คอลกับแมคแล้วต้องเด้งกรุ๊ปใหม่ วิดีโอกับคนใช้แมคไม่ติด สารพัดปัญหา ซึ่งผมคงไม่ต้องสาธยายให้ฟังถึง Skype บนลีนุกซ์ ซึ่งซอฟต์แวร์มักจะมีปัญหากับมันมากกว่าบน OSX เป็นประจำ
อนึ่ง ผมไม่เชื่อหรอกว่าเราไปอยู่ส่วนไหนของโลก แล้วเราจะหาคอมพิวเตอร์ที่เป็นวินโดวส์ไม่ได้ ดังนั้นการหาม Lync ไปลง ไม่ใช่ปํญหาครับ
จริงๆแล้วถ้าอยากจะเทียบ ผมว่าเอา Skype + Google Docs ไปเทียบกับพวก Windows Live ดีกว่านะ มาเทียบกับพวก Lync ผมพูดตรๆงว่ามันคนละชั้นกัน
lync ไม่ใช่ของใหม่ ไม่ใช่นวัตกรรมใหม่ แค่เอาของเก่ามาแพคขาย
จิงอยู่ ที่สามารถเอา ms office ไปเปิดบน mobile platform ได้ แต่ มันจะไม่สามารถเห็นคนอื่นพิม collaboration แบบ real time ได้ ซึ่ง lync ตัว product เองก็ทับซ้อนกับ share point และ office online
ข้อได้เปรียบเดียวของ lync คือ มันน่าจะ login ผ่าน active directory ขององค์กรได้ แต่... ถ้าเป็นการสื่อสารในองค์กร windows มีโปรแกรมมากมายอยู่แล้ว
ส่วน skype ผมใช้ได้ดีทั้งบน android และ ios แต่ไม่เคยลองบน mac
แต่ก็ถูกอย่างที่คุณ jiryu ว่า ไม่ควรเอา skype + gdoc ไปเปรียบกับ lync เพราะมันคนละชั้น skype มีผู้ใช้เป็นล้าน แต่lync เป็น product ออกใหม่เหมาะใช้แค่ในองค์กร หรืออย่างดี ก็เอา live id มาช่วย login มองว่า lync เป็นส่วนขยายของ live messenger ดีกว่า... แต่ live messenger ก็มี white board แล้วก็ แชร์ app ได้อยู่แล้ว...
สำหรับ Office Online ผมคิดว่าคงไม่ทับซ้อนแน่นอน เพราะเป็นตลาดคนละกลุ่ม Lync เน้นตลาดองค์กร ส่วน Office Web App นั้นเน้นที่ตลาดผู้ใช้ทั่วไป (ซึ่งไปชนกับ Skype + Google Docs ของคุณโดยตรง) ส่วนที่พอจะทับซ้อนบ้างก็คือ SharePoint แต่เอาเข้าจริง ผมว่ามันเอามาใช้เสริมกันได้มากกว่า
และด้วยว่า Lync เน้นกับตลาดในองค์กร ทำให้มันทำอะไรได้กว้างกว่า Skype + Google Docs ระบบการติดต่อบุคคลในองค์กรที่เื้อื่ออำนวยกว่า (เช่นการค้นหาพนักงานจากความสามารถเฉพาะ การค้นหาพนักงานที่อยู่ใกล้ๆกับเรา บลาๆ) ซึ่งเรื่องพวกนี้ Skype + Google Docs ไม่รองรับแน่นอน ทั้งปีเจอร์อย่างพวกวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ซึ่ง Skype เพิ่งมี และที่ผมลองมา มันก็ยังไม่ดีนัก (และทำได้เฉพาะบน Windows) และจริงๆแล้วมันเป็นฟีเจอร์เสียตัง
พูดตรงๆนะ มันเหมือนคุณกำลังบอกว่าหมอทั่วไป เก่งกว่าหมอเฉพาะทาง
ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงชื่อสินค้าเวิ่นเว้อของไมโครซอฟท์ได้มาถึงแล้ว !!
ms ยังมีชื่อยาวบ้างสั้นบ้าง ล่าๆ ฮิตๆ เช่น .. InTune, Silverlight, Azure, Expression, Hohm, Bing, Zune, Mediaroom, Kinect, Amalga
อยากลองเอา product พวกนี้ไปให้ ibm ตั้งชื่อจัง ว่ามันจะออกมาเปนเช่นไร :?
microsoft ออก solution นี้มาตั้งแต่ รุ่น 2005 แล้วครับ จนมาเป็น 2007 และ 2007 r2
จุดสำคัญไม่ได้อยู่แค่ว่าเป็น software phone แต่มันคุยกับ pbx ได้
ลองนึกภาพนั่งอยู่บ้าน ก้อโทรเข้าเบอร์ extension ของคนในออฟฟิศโดยไม่เสียเงิน
และมันก็ยังทำ video conference กับ บรรดา video conference ที่เป็น hardware พวก polycom(partner โดยตรง),lifesize อีกทั้งมันก้อเชื่อมกับ exchange โดยตรง โทรไปไม่รับ มี miss call/voice mail เข้า exchange และแน่นอนเชื่อมกับ active directory ครับ บริษัทสามารถกำหนดสิทธิการใช้งาน โทรเข้า ออก อยู่ internal/external โทรออกต่างประเทศ บริษัทคุมได้หมดครับ