ขึ้นชื่อว่าแอปเปิลเป็นบริษัทที่เก็บความลับอย่างเยี่ยมยอด มิดชิด ไล่ตั้งแต่ระดับผู้บริหารมาจนถึงพนักงานขายระดับล่าง ไม่บ่อยนักที่เราจะได้รับทราบถึงชีวิตภายในอาณาจักรแอปเปิล แต่วันนี้ทาง Popular Mechanics ได้สัมภาษณ์ลับกับพนักงานใน Apple Store รายหนึ่ง (แน่นอน ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้) ถึงการทำงานภายใน การเก็บความลับ รวมไปถึงการเผชิญหน้ากับลูกค้าในแต่ละวัน
เปิดตัวสินค้าใหม่
เราไม่รู้อะไรเลยจริงๆ จนกว่าจะถึงวันที่มี Keynote เราไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะมาและพวกเขา(แอปเปิล) ก็ไม่อนุญาตให้เราเข้าถึงข้อมูลเพื่อคาดเดาอะไรได้เลย ในแต่ละวันเราจะถูกลูกค้าถามไม่ต่ำกว่า 4-5 ครั้งเกี่ยวกับสินค้าใหม่ ซึ่งเราก็ตอบได้แค่ว่าเราไม่รู้อะไรเลยจริงๆ และผมคงต้องเจอปัญหาใหญ่แน่ถ้าหากพูดแบบคาดเดาออกไปว่า "iPad รุ่นหน้าอาจจะมีกล้องติดมาด้วย"
ในวันที่มี Keynote ทุกคนจะเข้ามาดูด้วยกันที่ร้าน จริงๆ เราสามารถขอกลับไปดูที่บ้านได้ ซึ่งพวกเขาก็ไม่เคยห้ามอะไรนะ หลังจากที่สินค้าใหม่เปิดตัวแล้ว ทางบริษัทก็จะเตรียมพวกเราให้พร้อมสำหรับวันเปิดตัว และวางตารางทำงานกะพิเศษในช่วงนั้น
ในช่วงวันที่เราเปิดตัว iPhone 4 พวกเขาซื้ออาหารมาแจกพนักงาน อาหารประเภทที่ดีเลิศด้วย !! บางคนบอกผมว่าที่ร้านสาขา 5th Avenue มีการจ้างคนนวดมาดูแลพนักงานด้วย พวกเขาให้ความสำคัญกับพนักงานมาก รวมทั้งเราจะได้โบนัสพิเศษถ้ามาทำงานในช่วงวันเปิดตัวสินค้าใหม่
ลูกค้าปีศาจ
ลูกค้าบางคนก็ทำตัวแย่จนไม่น่าเชื่อ ผมเคยเจอลูกค้าที่เหวี่ยงอย่างรุนแรง พร้อมบอกว่าจะขอเปลี่ยนมือถือใหม่ ทั้งที่หน้าตามันเหมือนกับโทรศัพท์อายุ 2 ปีกว่า บางคนกรีดร้อง สาปแช่ง บางคนร้องไห้ จนบางทีผมเองก็รู้สึกเหมือนกำลังทำงานให้กับแมคโดนัลด์ที่ได้เงินเดือนดีกว่าก็เท่านั้น
เผชิญหน้ากับนักต้มตุ๋น
เราเจอลูกค้าจำนวนมากที่มาซื้อไอโฟนโดยใช้ชื่อปลอม คุณจะมองคนพวกนี้ออกได้ไม่ยาก และพวกเขาก็รู้ว่าคุณมองออก แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเขาเป็นลูกค้า จนกว่าจะถึงเวลาจ่ายเงิน พวกเขาจะใช้บัตรประชาชนปลอม บัตรเครดิตปลอม บางครั้งพวกเขาใช้หมายเลขประกันสังคมของคนที่ตายไปแล้วด้วยซ้ำ แต่เมื่อไรก็ตามที่คุณขอตรวจสอบข้อมูล พวกเขาก็จะรีบเผ่นหนีออกจากร้านไป
การพยายามขาย Mobile Me
พวกเขาไม่ได้ให้ค่าคอมมิชชั่นเราหรอกนะ แต่เราก็อาจจะตกงานได้ถ้าทำยอดขายได้ไม่ดีพอ เราต้องขายบริการเสริมอย่าง Apple Care ซึ่งจะว่าไปมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรและลูกค้าก็โอเคกับมัน แต่กับ Mobile Me นี่มันยากมากที่จะปิดการขาย แทบจะไม่มีใครขาย Mobile Me ได้หรอก
การแข่งขัน
พวกเขาแปะตารางแสดงยอดขายของแต่ละคนเอาไว้ตลอดเวลา ตารางนี้จะแสดงให้เห็นเลยว่าใครทำเงินให้บริษัทเท่าไหร่ ถ้าคุณขายได้ไม่ดีพอ คุณจะต้องเข้าไปพบกับผู้จัดการร้าน พวกเขาจะสอบถามและคุยถึงสาเหตุที่ทำให้คุณขายได้ไม่ดีพอ
พ่อค้าชาวจีน
ในวันที่ iPad เปิดตัววันแรก เราต้องเจอกับพ่อค้าชาวจีนจำนวนมากที่พยายามขอเข้ามาซื้อเครื่องด้วยเงินสด (แอปเปิลให้ลูกค้าซื้อด้วยบัตรเครดิตเท่านั้น เพื่อสามารถตรวจสอบและจำกัดจำนวนในการซื้อได้) บางคนพอเราบอกว่าต้องจองทางหน้าเว็บก่อนถึงจะซื้อได้ พวกเขาก็เดินไปใช้เครื่องที่หลังร้าน สมัครอีเมล์ประหลาดอย่าง 9494893@ymail.com แล้วก็กลับมาซื้อใหม่ !! แต่เฮ้ นี่คือแอปเปิลนะ วิธีแบบนี้ไม่ช่วยอะไรได้หรอก
ศาสนาแอปเปิล
บางทีเราก็รู้สึกว่าบริษัทเป็นเหมือนกับศาสนา อย่างเช่นพวกเขาเคยให้แผ่นพับเราอันนึง ซึ่งข้างในเขียนข้อความประหลาดๆ อย่าง "แอปเปิลคือจิตวิญญาณของพวกเรา และคนของเราก็เปรียบเสมือนจิตวิญญาณของพวกเราเช่นกัน (Apple is our soul, our people are our soul)" หรือ "เป้าหมายของเรา คือการมอบเทคโนโลยีที่ดีที่สุด (We aim to provide technological greatness)"
เคยมีการฝึกอบรมครั้งหนึ่ง ที่พวกเขาสอนเกี่ยวกับเรื่องบุคลิกภาพ พวกเขาแยกคนที่เหมือนจะสนใจแต่โลกภายนอก กับคนที่สนใจแต่โลกภายในบริษัทออกจากกัน ซึ่งมันก็ประหลาดมาก
update แต่ประโยคที่น่าจะถูกต้องสำหรับข้อความที่แอปเปิลให้พนักงานคือ "At Apple, our most important resource, our soul, is our people" ครับ จากคุณ FlySky และข้อมูลจากหลายเว็บยืนยัน
ระบบรักษาความปลอดภัย
มีรปภ.อยู่เต็มไปหมดทุกหนแห่ง พวกเขาลึกลับมาก เราไม่ทีทางรู้ได้เลยว่าเขาเป็นใคร หลายคนก็เป็นตำรวจเก่า และพวกเขาได้ค่าจ้างที่ดีเอามากๆ เลยล่ะ
โดนไล่ออก
จริงๆ แล้วพวกเขาค่อนข้างจะผ่อนปรนในเรื่องนี้นะ คุณอาจจะมาสายได้ถึง 15 ครั้งก่อนที่จะโดนไล่ออก แต่ถ้าคุณไปพูดกับสื่อ หรือคาดเดาเกี่ยวกับสินค้าตัวใหม่ให้ลูกค้าได้ยิน นั่นล่ะถึงคราวคอขาดแน่นอน
คอมพิวเตอร์ในร้าน
วัยรุ่นหลายคนมาถ่ายรูปด้วย Photo Booth ในร้านแล้วก็เข้ามาถามว่าจะอัพโหลดรูปขึ้น Facebook ได้ยังไง คนร่อนเร่หลายคนก็เข้ามาใช้เครื่องและคุยผ่าน Webcam กับที่บ้าน ซึ่งเราก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ บางทีเราก็เจอลูกค้าเข้ามาเปิดเพลงเสียงดังสุดๆ ในร้าน ที่ผมชอบที่สุดคือมีวัยรุ่นคนนึงที่เปิดเพลงของ Britney Spears จากนั้นเธอก็เริ่มเต้นกลางร้าน
เราไม่ค่อยจะเจอลูกค้าเข้ามาเปิดเว็บโป๊ แต่หลายคนเข้ามาเปลี่ยนภาษาของเครื่อง ซึ่งมันยากมากที่เราจะเปลี่ยนกลับเพราะหน้าจอกลายเป็นภาษาเกาหลีหรือรัสเซียไปหมดแล้ว
ห้องรับโทรศัพท์
ที่แย่ที่สุดคือวันที่เราต้องมาทำงานในห้องรับโทรศัพท์ของร้าน บางวันผมรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในห้องประหารเลยทีเดียว ลูกค้าบางคนโทรเข้ามาและทำยังกับเราเป็นนักบำบัด ผู้หญิงบางคนโทรมาให้เราช่วยเรื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อที่เธอจะได้จับสามีที่นอกใจได้อยู่หมัด
ซึ่งส่วนใหญ่เราก็จะโอนสายต่อไปให้ Apple Care ดูแลแทน
ปลดล็อคไอโฟน
เราถูกขอให้ปลดล็อคเครื่องอยู่ตลอดเวลา แน่นอนล่ะว่าเราทำให้ไม่ได้ ส่วนใหญ่เราต้องบอกลูกค้าไปว่าถ้าปลดล็อคเครื่องอาจจะทำให้คุณได้ที่ทับกระดาษมูลค่า $700 หรือเครื่องจะโทรไม่ได้กับเครือข่าย T-Mobile ซึ่งเราเองก็รู้ว่ามันไม่จริงหรอก
ถ้าลูกค้านำเครื่องที่ปลดล็อคมาที่ Genius Bar เราจะไม่แตะต้องมันเลย
การทำงานให้กับแอปเปิล
มันเต็มไปด้วยพลังแห่งการแข่งขัน ถึงผมจะทำงานในระดับล่างก็ตาม แต่เมื่อใดที่ผมไปถึงร้าน ผมจะต้องการเพียงแค่ขาย ขาย ขาย !! ผมอยากไปทำงาน อยากขายให้ได้มากขึ้นๆ ต้องการที่จะได้เลื่อนขั้น และอยากที่จะไปอยู่ที่ Genius Bar ที่ที่เราจะได้เป็น Genius จริงๆ
ที่มา - Popular Mechanics
Comments
ข้อมูลผิดสุดๆค่ะ โดยเฉพาะประโยคนี้ ผิดมาจากแหล่งข่าวเลยด้วยซ้ำ
"แอปเปิลคือจิตวิญญาณของพวกเรา และคนของเราก็เปรียบเสมือนจิตวิญญาณของพวกเราเช่นกัน (Apple is our soul, our people are our soul)"
จริงๆแล้วคือ
""At xxxx, our most important resource, our soul, is our people"
ซึ่งหมายความว่า "ที่บริษัทนี้ ทรัพยากรที่สำคัญที่สุด คือหัวใจหลักของบริษัท คือคนของเราทุกคน"
ผมก็เคยได้ยินประโยคนี้เหมือนกันครับ แต่ไม่อยากแก้ไขเพราะที่มาของข่าวว่าอย่างงั้น กลัวเปลี่ยนเองแล้วมันจะขัดแย้งกัน
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
รับทราบค่ะ อย่างที่บอกว่ามันผิดมาจากเวบที่ referถึง
ทำไงได้ล่ะเนาะ
เพิ่มเติมในข่าวแล้วครับ กันความสับสน ขอบคุณครับ :)
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
: )
ผิดตรงไหนครับ คนสรุปข่าวเค้าก็น่าจะสรุปตรงแ้ล้วนี่ครับ
จากต้นฉบับ
The Apple Credo
Sometimes the company can feel like a cult. Like, they give us all this little paper pamphlet, and it says things like—and I'm paraphrasing here—"Apple is our soul, our people are our soul." Or "We aim to provide technological greatness." And there was this one training session in which they started telling us how to work on our personality, and separating people into those with an external focus and an internal focus. It was just weird.
คุณเอาข้อมูล "At xxxx, our most important resource, our soul, is our people" มาจากไหนมากกว่าถึงบอกว่าเค้าเขียนข่าวผิด
จาก The Apple Credo ในมือค่ะ
งั้นสงสัยแหล่งข่าวจะจำประโยคผิดน่ะครับ - -"
นั่นสิคะ
ผิดซะจนความหมายคนละเรื่องเลยเนาะ
ผมเข้าใจว่าเขา paraphrase มานะครับ ตามเนื้อข่าวที่ด้านบนยกมา
แต่ที่สงสัยคือ " ซึ่งข้างในเขียนข้อความประหลาดๆ อย่าง" มาจากไหนนะครับ เพราะต้นฉบับไม่มีข้อความที่แปลมาได้แบบนี้ และ cult มันก็ไม่ได้หมายความว่าต้องประหลาด ๆ ด้วย
เจ๋ง
เข้าตามลิ้งไปเจอแต่ข่าวของ blognone ^^"
もういい
แฟนพันธุ์แท้จริงๆ :)
อ่าน ๆ แล้วพลันให้นึกถึงในหนังเลยที่ มีองค์กรหรือบริษัทคอยบัญชาการพนักงานทั้งหลาย
องค์กร ช็อคเกอร์ กี้ๆๆ
เกล ช็อคเกอร์ รึเปล่า กี้ๆๆ
นี่ผมต้องปูเสื่อหรือต้มน้ำรอไหมครับ
I need healing.
สาเหต >> สาเหตุ ป่ะครับ ^^
แก้แล้วครับ ขอบคุณครับ
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
อ่านแล้วรู้สึกว่าพนักงานคนนี้อารมณ์ขันดีนะ
^
^
that's just my two cents.
พนักงานแอปเปิล ฮาทู๊กคน
อ่านนี่แล้วไปอ่านกระทู้ต่างๆที่ห้อง MBK ต่อ เข้าใจอารมณ์โดยทันที..
แต่เขาเข้าใจอธิบายได้เห็นภาพดีนะ.. :D
ปล. นิดส์นึง..
คุณ หรือ เรา อ่ะครับ..
"คุณ" ก็ได้ครับ จะได้ความหมายว่า เขา (พนักงานแอปเปิล) สมมติให้เรา (คนสัมภาษณ์/คนอ่าน) เป็นพนักงานแอปเปิล
^
^
that's just my two cents.
น่าเอาข่าวนี้ไปลงให้ห้อง MBK อ่านนะ ห้องนั้นบ่นเรื่องพนักงานบริการห่วยซะเยอะ
ทำไม พนักงาน Apple ในไทย
หาประสิทธิภาพในการทำงานไม่ค่อยได้...
ไม่รู้สิ... เวลาสินค้าอะไร ออกใหม่ผมมักจะไปที่ร้าน เพื่อฟังนะ.. โดยผมก็ศึกษารายละเอียดไปบ้าง
แต่มีพนักงานบางคน ที่จะขายลูกเดียว...
บ้างก็ให้ข้อมูลอะไรผิด ๆ กับลูกค้าก็มี...
ก็เพราะว่า บริษัทในไทยที่ขายแอปเปิล เป็นแค่ Authorized Reseller เท่านั้นค่ะ
ดังนั้น
..พนักงานขายที่ว่ามา ..ไม่ใช่ลูกจ้างของแอปเปิลค่ะ
ใช่ครับ...
เพื่อนผมก็เป็นพนักงานอยู่แห่งหนึ่ง...
ตอนที่ iOS 4 ออก... มันทำ multi-tasking ได้แล้ว โดยการกด home 2 ครั้ง...
ผมเห็นเครื่องโชว์อยู่ ผมก็เลยเดินไปเล่น เพื่อนผมที่เป็นพนักงานก็ตามมาบอก spec อะไรก็ว่าไป...
แล้วตอนผมเล่น กดดู apps ที่เปิดค้างไว้, เพื่อนผมบอกว่า "เฮ้ย ทำอะไรวะเมิง ทำไมเป็นงั้นอ่ะ"
ผมล่ะอึ้งไป 5 วินาที... (เฮ้ย กุลูกค้านะเว้ย ไหงเมิงตกใจ ?)
-_-"
Genius Bar คืออะไร?
ใช่ๆ มันคืออะไรหว่า
แท่งอัจฉริยะ!
Like!
สวัสดีครับ ผมมาจากโลกอนาคต
ทำไมผมขำ lol
http://www.apple.com/retail/geniusbar/
Vibrator ?
/me แผ่น !
พนักงาน iStudio ในไทย ดูการแต่งตัวลูกค้าเป็นหลักครับ ถ้าใส่ยืดยีนส์เดินเข้าไปนี่โดนมองเหยียดๆ ตลอด
ไม่เป็นแฮะ
วันอาทิตย์ที่ผ่านมาเพิ่งลากอีแตะ เสื้อยีด+ยีนส์ขาวิ่น ๆ
ไปดูของใน istudio พารากอนกะดิจิตอลเกตเวย์
พนักงานช่วยหาของดี๊ดี แต่ไม่มีรุ่นที่อยากได้
เลยไม่ซื้อ แต่ก็ลองรุ่นอื่นไปเรื่อย ก็ไม่เห็นว่าไรนะ
งั้นผมลด scope เหลือแค่ที่ฟอร์จูนกับนวมินทร์ อเวนิว ละกันครับ lol
พาราไดซ์ ด้วยนะ ไม่เรียกไม่เดินเข้ามาเลยละ ตอนเดินเข้าไปตอนแรก เดินหนีเราอีกแหนะ - -"
ที่เซนทรัลขอนแก่นก็เป็นครับ
เอาโทรศัพท์ไปให้ดูหน่อย พอถึงคราวต้องใส่ password ของ apple id ก็ทำท่ายื่นๆ โทรศัพท์ให้เราเฉยเลย แล้วทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ เราก็งง ว่ามีอะไร พอมองหน้าจอ (เห็นภาพขอรหัสบนมือถือ) ถึงได้รู้ว่า ต้องการ password ของเรา
กับคำพูดแค่ว่า "ขอพาสเวิร์ดหน่อยครับ" เนี่ย มันพูดยากนักรึไง ?
นวมิน อเวนิว พนักงานทุเรศค่ะ ดิฉันจะซื้อ case iPad เดินเข้าไปไม่มีคนดูแลเลยค่ะ ให้เดินไปหาเอง
พนักงานมี 5 คน ณ ตอนนั้น
1 คนเป็นแคชเชีย สตรี ถามอะไรไปก็ไม่รู้เรื่อง ทำหน้านิ่งๆ
ผู้ชายคนที่ 1 เป็นพนักงานขายกำลังสาธิต ipad ใหกับคุณลุงแก่ๆ
อีก 2 คน นั่งเล่น facebook ที่เครื่อง mac book ข้างหน้า
อีกคนอยู่หลังร้าน สุดท้ายก็ไม่ซื้อ มาซื้อที่ CTW แทน
คนที่เล่น facebook มีคนนึง เนิร์ดมาก ผมหยิกๆ ผอมๆ ไม่คิดว่าจะมาเป็นพนักงานขายได้ อีกคนอ้วนๆ เหมือนช่างเทคนิคมากกว่า เวลาไปทีไรชอบนั่งเปิด Youtube ไม่ก็เปิด iTunes เพลงไทยตามที่เธอคงชอบ
สาขานี้พูดตรงๆค่ะว่าไม่ค่อยสนใจวัยรุ่น หรือคนที่ทำตัวเด็กๆค่ะ เค้าชอบคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่มากกว่า แต่เค้าก็ได้เงินจากดิฉันไปหลายหมื่นนะคะ พอจ่ายเงินปุ๊ป บรรยากาศเปลี่ยนทันทีเลยค่ะ ขออะไรก็ได้ ถามอะไรก็ตอบ
+1ให้ทุกคนเลยเจอมาเหมือนกันขนาดใส่เชิตแขนยาว(กลับจากทำงานไป)พวกท่านยังไม่มองหันหลังให้ตลอดถามคำก็หันมาตอบคำพอถามหลายคำแกเดินหนีไปไกลเลย
มีรุ่นพี่เคยใส่เสื้อยืดเกงยีนส์สะพายย่ามเข้าไปที่สาขาพันธุ์ทิพย์ด้วยความที่เป็นคนชิวๆ เรียนอยู่คณะแนวศิลป์ๆ (เอาเข้าจริงๆมันเป็น uniform ของม.ผมอย่างไม่เป็นทางการไปแล้ว)
พนักงานในร้านใช้สายตาเหยียดๆมองตั้งแต่หัวจรดเท้า พอถามข้อมูลเครื่อง Macbook พนักงานก็เอาแต่บอกว่า "เดี๋ยวก่อนนะน้อง พี่ไม่ว่าง" ทั้งๆที่ทั้งร้านมีแค่รุ่นพี่อยู่ แต่พอมีคู่แม่ลูกวัยรุ่นเข้ามา ทุกคนแทบจะถลาเข้าไปคุย
รุ่นพี่ก็พยายามสะกิดๆเรียก พนักงานก็ยังพูดปัดๆเหมือนเดิม แล้วคู่แม่ลูกก็คุยกับพนักงาน
แม่ลูกช๊อก! พนักงานช๊อกไปแป๊บนึงก่อนจะถลาเข้ามาหารุ่นพี่แล้วพลิกบทบาทจากหน้ามือเป็นหลังเท้า
รุ่นพี่บอกตอนหลังว่า "ตูเคืองมาก บ้านตูก็มีตัง แต่มันไม่แลตูเลย เอาแต่ไปปั้นจิ้มปั้นเจ๋อกับ noob อยู่ได้ ตอนแรกว่าจะเข้าไปซื้อ iMac ด้วย แต่ลืมทุกอย่างล่ะตอนนั้น"
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
น่าจะโชว์เงินเฉยๆ แล้วไปซื้อร้านอื่น
+79,900
ราคา Mac book eiei
ยังไม่เคยเจอแนวนี้ในร้านที่เมกาเลยค่ะ
เจอแต่แบบที่ลูกค้าน่ารัก ใจดี คุยเก่ง แต่งตัวธรรมดาๆ แต่จ่ายด้วยบัตร AMEX ไทเทเนียมสีดำ
พนักงานก็ตื่นเต้นกันใหญ่
ผมว่าเมืองไทยมีมายาคติเรื่องชนชั้นค่อนข้างสูงด้วยแหละ แต่ก็แปลกที่โชว์รูมขายรถเป็นร้านเดียวที่เข้าใจว่าการแต่งตัวไม่เกี่ยวกับฐานะ
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
-100 ครับ
@ เชียงใหม่ ผมไปจองมีนากับพ่อ เซลไม่สนใจเลย จนต้องไปเรียกออกมาจากห้อง เพื่อจอง สงสัยเพราะใส่ยืด + ยีนส์ + ลากแตะ
อีกไม่กี่วัน ไปลองน้องสอง ลากแนวเดิม แต่เปลี่ยนใส่ผ้าใบขาดๆ บริการคนละเรื่องกับนิสัน(ขวาน) เลยครับ สรุป วางเงินดาว์น ทำสัญญาตอนนั้น อีกสองอาทิตย์ได้รถ
ตอนนี้ขับน้องสองสบายใจ สงสัยนิสันคงคิดว่ารถขายดี ไม่ง้อลูกค้า เพราะยังไงก็ต้องรอ...
เจอกันคนละแบบแฮะ สรุปมันมีทุกวงการจริงๆสินะ orz
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ต้องขอบอกว่าส่วนใหญ่จะจริงเฉพะาโชว์รูมรถที่มาจากฝั่งยุโรปครับ
แต่ถ้าโชว์รูมรถฝั่งญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะเป็นตรงกันข้ามกับที่คุณพูดมาครับ โดยเฉพาะแบรนด์ที่เป็นที่นิยมมากๆในบ้านเราครับ..
ส่วนตัวผมจะเจอกับโชว์รูมรถยุโรปครับ เวลาเดินเข้าดูรถยุโรปเค้าจะบริการดีเสมอ ไม่ว่าจะแต่งตัวแย่แค่ไหน
แต่กับญี่ปุ่นจะเป็นอีกแบบ แล้วแต่โชว์รูมไปครับ
เพราะศูนย์รถยุโรป เค้าจะรู้ว่า ลูกค้ารู้ดีว่ารถมันราคาเท่าไหร่ ลูกค้ารู้อยู่แล้ว ดังนั้นการเดินเข้ามาดูรถของลุกค้า มันแปลว่าลูกค้ามั่นใจในราคาระดับนึงแล้วครับ
โดยเฉพาะ BMW เลยครับ เค้าสอนพนักงานขายว่า อย่าดูที่การแต่งตัวลูกค้า
เพราะเค้าเคยเจอประเภท ผ้าขาวม้าคาดพุงรองเท้าแตะแบกเป้ใส่เงินสดมาซื้อหลายราย
ผมเคยเดินเข้าฮ่องกง ด้วยขาสั้นรองเท้าแตะ โดนมองอย่างดูถูกมาแล้วเหมือนกัน
แล้วก็มารู้ทีหลังว่า คนที่นั่นเค้าไม่ใส่รองเท้าแตะกัน เลยมองเราเหมือนตัวประหลาด ฮาแบบงงๆ
ผมกลับชอบนะ
เวลาผมไปซื้อของผมจะบอกกับแฟนว่า ขอแต่งตัวเซอๆนะ
มันจะได้ถูกๆ 555
เวลาเดิน ไม่ซื้อของ มันจะได้ไม่ต้องมาตามตรูด
แต่บางทีเซอมากไป มันกลับมาตามดูซะชิด สงสัยคิดว่า จะมาขโมย 555
ใส่โรงเท้าแตะมันไม่สุภาพนะครับ มีหลายประเทศโดยเฉพาะยุโรปจะเป็นแบบนี้ถ้าใส่โรงเท้าอะไรที่เห็นหัวแม่เท้าจะถือว่าไม่สุขภาพมาก เหมือนบ้านเราเดินเท้าเปล่าคนจะมอง
โรงแรม 5 ดาวฮ่องกงถ้าลูกค้าถอดโรงเท้านั่งเล่นที่ล้อบบี้พนักงานจะเดินเข้ามาแจ้งขอให้ใส่โรงเท้าทันทีเลยนะครับ ผมเห็นมา 3 รอบละ คนไทยชอบถอดโรงเท้ากัน
อย่างนี้เขาเรียกว่า พนักงานขายไม่โปรจริง
ถ้าดูลูกค้าแค่เปลือกนอก อย่ามาเป็นพนักงานขายดีกว่า
+9999999
ซื้อเสื้อสูทที่ platinum มีอยู่ร้านนึงพนักงานขายไม่ใส่ใจอะไรเลย คุยแล้วไม่ตอบ หรือตอบปัดๆแบบไม่มองหน้า เลยรำคาญ เปลี่ยนไปร้านอื่นแทน
ถ้าอยากขายแบบนี้รอให้ผูกขาดตลาดได้ก่อนเหอะ เผอิญว่ามีคู่แข่งอีกหลายคนให้เลือก มัวแต่เหยียดลูกค้าคงจะขายได้หรอก
ถ้าเป็นผม ผมจะโวยวายดังๆ ให้คนข้างนอกหันมามอง เช่น
"เอ่อ ที่บอกว่าไม่ว่าง ทำอะไรอยู่ครับ"
ถ้าเค้าไปหาคนอื่น จะตะโกนว่า
"ผมมาก่อน ทำไมไม่บริการตามคิว บริษัทคุณทำงนกันอย่างนี้เหรอ"
และถ้ามี ผู้จัดการร้านอยู่ ผมจะเดินไปหาแล้วชี้ไปที่พนักงานคนนั้นบอกว่า
"เค้าไม่ยอมบริการลูกค้า คุณจ้างเค้ามายืนเฉยๆ เหรอ ไล่มันออกไปเลยนะ"
ถ้าไม่มีผู้จัดการก็ถามชื่อพนักงาน แล้วเขียนจดหมายรายงานไปที่บริษัทเลยครับ
ทั้งหมดนี้ต้องพูดเสียงดังๆ ให้คนที่เดินผ่านไปมาได้ยินครับ แล้วจะมีคนมารุม บริการทันที ถึงแม้ผมจะใส่กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ
ขอย้ำว่า ต่อไปนี้เป็นความเห็นส่วนตัวเท่านั้นนะครับ
จากมุมมองของคนทำธุรกิจส่วนตัวแบบผม ผมกลับเห็นว่า ไม่ใช่เรื่องของชนชั้น หรืออะไรทำนองนั้นเลย แต่มันเป็นกลยุทธ เป็นจิตวิทยาทางการตลาดแท้ๆ เลย และได้ผลดีมากๆ ด้วยครับ
ความรู้สึกของกลุ่มคน ที่ถูกเรียกว่า "สาวก" ไงครับ เป็นผลจากตรงนั้น
มันเป็นอุบายที่ถูกวางมาให้ทุกคนรู้สึกเอง สินค้า Apple นั้นมีระดับ คนธรรมดาแตะต้องไม่ได้
มันครอบงำให้ผู้ใช้ Apple และผู้ที่แค่ชำเลืองมอง Apple นั้น เอนเอียงวิธีคิดพิจารณาคนไปที่เปลือกนอกที่ตาเห็นโดยไม่รู้ตัวครับ
ยิ่งรู้สึกตามนั้น ก็ยิ่งเข้าทางการตลาดเขา
ความเห็นผมนั้น มาจากการที่หวนกลับไปมองที่ชีวิตของ Jobs ซึ่งกลับสมถะกว่าฐานะมากๆ
ผมจึงตีความว่า เขามองเรื่องเปลือกนอกของคนทะลุ และมองเห็นความคิดของผู้คนที่ยึดติดเปลือกนอก อีกทั้งยังมองเห็นการถูกชักจูงทางความคิดให้ยึดติดเปลือกนอกได้ง่ายๆ ของผู้คน เพราะเขาไม่ยึดติดมันเอง
จึงวางระบบให้การตลาดเป็นเช่นนั้น แบบที่ผู้คนไม่รู้ตัว
คนที่คิดแบบ Image Upgrade ตาม ก็เป็นลูกค้าไปในที่สุด (สาวก)
คนที่ Anti ก็กลับเป็นกลุ่มที่ยิ่งชูความเป็น High class ของ Apple โดยไม่รู้ตัวจากการแสดงอะไรๆ ของตนเองออกไป
กลุ่มเดียวที่ไม่เข้ากลไกตลาดของเขาเลย คือกลุ่มที่ไม่รู้จัก Apple หรือรู้จักแต่เฉยๆ มองสินค้าเขาคือ Computer คือโทรศัพท์ คือเครื่องฟังเพลง ตามหน้าที่ของมันแท้ๆ ครับ
แต่สินค้าเขาก็จัดอยู่ในโซน Hi จริงๆนั่นแหละครับ ทั้งราคา วัสดุ ดีไซน์ คุณภาพสินค้า ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่จะมองเช่นนั้น ก็เพราะมันเป็นแบบนั้นจริงๆนี่นา ไม่ใช่ว่า Apple เค้าหลอกขายของถูกๆ แต่อาศัยการสร้างภาพจากจิตวิทยาว่า Hi ซะหน่อยนี่ครับ
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
+10 ของดีจริงๆ เข้าถึงคุณภาพ แพงหน่อยแต่จ่ายแล้วคุ้ม
ไม่เหมือนเจ้าอื่นโฆษณาซะดิบดี เพิ่มนั่น เพิ่มนี่ เหมาะกับ Lifestyle พอใช้จริงก็ไม่ต่างกับย้อมแมวขาย
วิเคราะห์ได้น่าสนใจ ถึงน่าสนใจมาก เลยครับ
ลูกค้าครับ
ดูแลกันดีจัง ^^
อ่านให้จบด้วยดิ "พวกเราจะไม่แตะต้องมันเลย"
วันก่อนไป iStudio ที่ the mall บางกะปิ
กับเพื่อนรวมกัน 4 คน แต่งตัวกาก ๆ เขาก็ต้องรับดีนะ
ลูกค้าเต็มร้าน แต่เขาพยายามมาเทคทุกคน
ผมก็บอกมาดูเฉย ๆ ครับ เขาก็บอกมีอะไรเรียกได้นะค่ะ
แต่ตอนออกจากร้านเขาเรียกกลับเข้าไปอีก บอกขอเวลา 5 นาที
เขาเรียกไปแนะนำ iPad ครับ แล้วให้กระดาษประเมินมาใบ 1 มีถาม app ที่สนใจ เกือบจะ เขียนเพิ่มว่า cydia แล้ว แต่เกรงใจ :p
เลยแถมน้องหุ่นเขียวให้เขาก่อนออก http://twitpic.com/42h5uk
ฮา cydia
^
^
that's just my two cents.
ถ้ามี app Cydia จริงๆนะผมยอมซื้อเลย $199 ก็ไม่เป็นไรยอม
เอาตังไปซื้อแอปใช้แบบถูกต้องดีกว่าไหมครับ
iPAtS
ก็ถ้า Cydia เข้าไปอยู่ใน app store ไงครับ..? นี่เข้าใจผมผิดนิ
App store ใน App store?
มันราวๆ ว่าเป็นคล้ายๆพวกโปรเหมาจ่าย จ่ายครั้งเดียวโหลดได้ไม่อั้นอะไรแบบนี้รึเปล่าครับ?
ถ้ามีจริงผมว่ามันก็ไม่ผิดนา...ถ้าเงินจำนวนนี้แจกจ่ายให้ผู้พัฒนาอยู่แล้ว...แต่ผมว่า $199 ยังอาจจะน้อยไปนะ XD
ฮาาา wallpaper
หยามกันแบบสุดๆ เลยะครับนั่น ฮาๆๆ
เป็นองค์กรที่น่าสนใจ หลังจากอ่านข่าวนี้แล้วยังรู้สึกเลยว่าอยากเลียนแบบวัฒนธรรม Apple ในบางแง่มุม
+1
+1
ส่วนตัวผมชอบแนวทางในการทำงานของ Apple อยู่แล้ว ยิ่งได้อ่านข่าวนี้แล้วรู้สึกได้เลยว่าไม่ค่อยเสียดายเงินเลยที่ต้องเสียให้กับ product ของเขา เพราะให้ความใส่ใจในรายละเอียดต่างๆมากมายเหลือเกินก่อนจะออกมาให้เราได้ใช้กันถึงแม้จะไม่ perfect 100% แต่ก็เพียงพอกับเงินที่เสียไป
completely agree
ชอบที่พนักงานแต่งตัว สบายๆ ใส่ขาสั้น รองเท้าผ้าใบ หรือ ใส่เสื้อยืดทับเสื้อแขนยาวแบบคนในรูปข้างบนก็ได้ ไว้หนวดได้อีกต่างหาก
ชาบู ~~
การทำงานที่มีเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างนี้ น่าสนุก อิอ
เคยถามพนักงาน apple ท่านนึง(นอกเวลางาน)ว่าเค้าเจลเบรก "เครื่อง iphone4 หรือเปล่า" เค้าก็ตอบว่าเจลครับ ประมานครึ่งนึงของพนักงานในร้านก็เจลกันหมด แต่ manager กำชับเด็ดขาดว่าห้ามหยิบออกมาโชว์ ห้ามให้ลูกค้าเห็นว่าเครื่องเจลมา :)
it's true.
The rule is " you can do whatever you want to your phone but you can never show it to customers"
สนใจ credo และอยากอ่าน ผมสามารถขออ่านได้ไหมครับ
เสิชเอาเน้อ.
ที่ไหนครับ ไทยหรืออเมริกา(หรือที่อื่น)ครับ
America kab :)
เรื่องจริง เราควรโชว์ด้านสว่าง ไม่ใช่ด้านมืด!
เวลาลูกค้ามา ให้เอาด้านที่มี led flash ส่อง
me/ เผ่น
555
ชอบproduct appleมากนะครับแต่รับไม่ได้กับเรื่องประกันจุดแดงนะครับโดนไปทีเดียวเข็ดขยาดเลยคับ
แค่ใส่กระเป๋าเสื่อไปเดินตลาดนัดชั่วโมงเดียวก็ขึ้นจุดแดงแล้วครับ แต่ระยะหลังเริ่มผ่อนปรนลงแล้วกฎข้อนี้
ผมพึ่งโดนเมื่ออาทิตย์ที่แล้วสดๆร้อนเลยคับ