Reuters ได้จัดทำรายงานพิเศษซึ่งกล่าวถึงกลยุทธ์ที่ RIM จะใช้ Playbook ในการเอาชนะแอปเปิลและกูเกิล (อ่าน PDF ฉบับเต็ม) แต่นั่นยังไม่ใช่ประเด็นที่น่าสนใจเมื่อ Business Insider พบว่าบางส่วนของรายงานฉบับนี้ได้พูดถึงการตัดสินใจที่ผิดพลาดในอดีตของ RIM เอาไว้ด้วย
รายงานนี้อ้างถึงอดีตพนักงาน RIM ที่ไม่เปิดเผยชื่อว่าเมื่อปี 2007 ตอนที่แอปเปิลเริ่มจำหน่าย iPhone นั้นทาง RIM มีมุมมองว่า iPhone ไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จ "เพราะว่ามันเต็มไปด้วยข้อบกพร่องตั้งแต่วันแรกที่ขาย" อีกทั้ง "ผู้ใช้งานต้องการโทรศัพท์ที่แบตเตอรี่ทน มีความปลอดภัยของข้อมูลสูง จัดการอีเมล์ได้ดี ใช้งานเน็ตเวิร์กไม่สูง รวมถึงมีคีย์บอร์ดที่ให้ประสบการณ์ในการใช้งานที่ดี"
นอกจากนี้ในปี 2005 เหล่าผู้บริหารระดับสูงได้เคยเสนอไปยัง Mike Lazaridis ผู้ก่อตั้ง RIM ให้ผลิตโทรศัพท์ที่มีหน้าจอใหญ่ขึ้นและเน้นไปทางการใช้งานเว็บ ซึ่งเขาได้ปฏิเสธความคิดดังกล่าวและเน้นว่า BlackBerry นั้นมีหัวใจสำคัญคือคีย์บอร์ดและระบบอีเมล์
มาถึงวันนี้เราอาจจะตัดสินได้ในระดับหนึ่งว่ามุมมองในขณะนั้น ซึ่งสุดท้ายก็ส่งผลมาที่การตัดสินใจในการดำเนินกลยุทธ์ของ RIM ช่วงที่ผ่านมาว่าให้ผลลัพธ์เช่นไร ถือว่าเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจดีครับ
Comments
"ผู้ใช้งานต้องการโทรศัพท์ที่แบตเตอรี่ทน มีความปลอดภัยของข้อมูลสูง จัดการอีเมล์ได้ดี ใช้งานเน็ตเวิร์กไม่สูง รวมถึงมีคีย์บอร์ดที่ให้ประสบการณ์ในการใช้งานที่ดี"
RIM คิดเข้าข้างตัวเองมากเลยนะเนี่ย :|
Technology is so fast!
ผมเห็นด้วย เรื่อง แบตเตอรี่ทน นะ
+100 เรื่องแบตทน
ส่วนเรื่องอื่นผมว่าก็ไม่แปลกนะ เพราะ RIM จับตลาด Enterprise เป็นหลัก
มุมมองในการทำโทรศัพท์ก็ไปตามนั้นอยู่แล้ว
ซึ่งมันต่างกับมุมมองที่ Apple มองตลาดชัดเจนเลยว่าเป็นคนละกลุ่มเป้าหมายกัน
เบิ้ลครับ :(
Technology is so fast!
RIM ตอบถูกในส่วนหนึ่งและเป็นส่วนที่ผมชอบด้วย
ออกแนวดื้อดึงคล้ายๆยี่ห้อ "N"
แต่ตรงข้ามกับยี่ห้อ "S" ที่มีกี่ Segment พี่แกจะเอาหมด *0*
สมมุติแบบเป็นไปแทบจะไม่ได้เลยน่ะครับ ถ้า "A" ปล่อยให้ OS ของตัวเองเป็น Open Source "S" ก็คงจะเอาด้วยแน่ ๆ เหอะ ๆ
ไม่ต้องถึงขั้น Open Source หรอกครับ ถ้า "A" ขาย "S" ก็เอาด้วยแน่ :-) มีอย่างเดียวที่ไม่เอา คือ "Symbian"
ยอมรับจริงๆว่า BB มีจุดเด่นที่คียบอร์ดจริงๆ พิมพ์ง่าย แถมจะใส่ note ระหว่างโทรก็สะดวกกว่าจอสัมผัสเยอะ แล้วก็ชอบระบบ Message ที่รวมของทุกโปรแกรมทั้ง fb twitter email sms ไว้ที่เดียวกัน ไม่ต้องเข้าหลายๆโปรแกรมเพื่อดูทีละตัวๆ
Nokia ก็ทำได้ Facebook Twitter รวมกัน
จุดแข็งสุดจริงๆของ BB ผมว่าอยู่ที่ push แบบใช้งานได้จริง ไม่กินแบตครับ
ลองไปดู Smartphone บน OS อื่นนี่พอเปิด push เมื่อไรแบตแทบจะไหลเป็นน้ำ
แล้วบาง app ยังมี push หลอกๆแบบใช้วิธี pull refresh ถี่ๆให้เปลืองแบตเล่น แต่บอกว่าเป็น push อีก -.-
ไม่ใช่ Pull แต่เป็น Poll ครับ
Polling คือการที่ Client มีการร้องขอไปทางฝั่ง Server เพื่อข้อมูลใดข้อมูลนึง
เพราะ RIM มองในลักษณะการใช้เชิงธุรกิจ ทำให้รูปลักษณ์การดีไซน์ออกแนวคนทำงาน
แต่ Apple มองถึงกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความเอนเตอร์เทน รูปลักษณ์ออกแนวน่ารักน่าใช้
ถ้าเป็นลักษณะนี้การมองของ RIM คงไม่ผิด แต่ก็ไม่ถูกในการทำธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง
เห็นด้วย นักการตลาดจะมองเป็นตลาดคนละระดับกัน Target ก็ต่างกัน จุดประสงค์ก็ต่างกัน เพียงแต่ตลาดผู้บริโภคทั่วไปมันกว้างกว่าและกินเข้าไปในกลุ่มตลาดธุรกิจด้วย
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
ใช่เลย
และนี่ก็เป็นจุดนึงที่ android ยังต่างจาก bb,iphone
ความต้องการคนต่างกัน จะมาว่าอะไรดีกว่าอะไร ก็ไม่ได้เช่นกัน
ถ้าพูดในมุมมองของ business ก็ไม่ถึงกับเลวร้ายอะไรในการตัดสินใจแบบนั้น ในตอนนั้น
แต่ตลาดผู้ใช้ทั่วไป ถือว่าพลาดไปเยอะเลย เพราะถึงแม้ผู้ใช้จะบ่นว่าแบตหมดเร็ว แต่ก็ยังเป็นปัจจัยที่มีผลไม่มากนัก ( อาจคิดได้ว่าตอนแรกไม่รู้ มารู็ที่หลังแต่ก็ซื้อมาแล้ว จะทำไงได้ )
ผมชื่นชมใน RIM นะครับ เพราะถ้าเลือกจะเดินตาม Apple ในตอนนั้น มือถือคงเป็นจดสัมผัสกันไปหมดแล้ว
บอกตามตรงบางอารมณ์ก็อยากได้คีย์บอร์ดแบบ บีบี เวลาพิมพ์อะไรหนักๆ รำคาญจอทัชเหมือนกัน
จุดขาย บีบีเลยแหละ
แล้ว BB แบตหมดเร็วมั๊ยครับ แชท+แชร์ทั้งวัน โทร +เล่นกล้องนิดหน่อย
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
ถ้าไม่ใช่รุ่น Storm ซึ่งจอใหญ่+สัมผัส
เกือบทุกรุ่นเล่นโหดๆแต่อยู่ได้ทั้งวันครับ
เครื่องเก่าของผมเป็น Bold 9700 เปิด 3G always on
ทั้ง FB, BBM, MSN, อ่านเมล์ แบบถี่ๆบางครั้ง 2 วันไม่ชาร์จแบตได้เลยครับ
พอกลับมาใช้ Smartphone จอสัมผัสอื่น (iPhone, Android) ด้วยพฤติกรรมการใช้แบบเดียวกัน
วันไหนผมออกจากบ้านแต่เช้าแล้วรู้ว่าอยู่ถึงดึกๆเช่นเที่ยงคืน, ตี1
ต้องคอยห้ามใจไม่ให้หยิบมากดเล่นเยอะเท่าปกติ เพราะแบตอยู่ไม่ถึงครับ
"ผู้ใช้งานต้องการโทรศัพท์ที่แบตเตอรี่ทน มีความปลอดภัยของข้อมูลสูง จัดการอีเมล์ได้ดี ใช้งานเน็ตเวิร์กไม่สูง รวมถึงมีคีย์บอร์ดที่ให้ประสบการณ์ในการใช้งานที่ดี" ข้อดีของ iphone แค่ส่วนนึงเท่านั้น
เหมือน bb จะไม่มี bug เลยนะเนี่ย...
ถ้าชอบ keyboard ทำไมไม่ซื้อ android ตัวที่มีแป้นพิม?
ถ้าชอบ bbm ลองใช้ google chat มั๊ย? คนพิมมาจากไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้อง os เดียวกัน จะแช็ตจากเวปเข้ามือถือ หรือจาก iphone มา android ก็ทำได้
หรือจะ voip ที่ ios + andriod ก็มีอยู่แล้ว แต่ bb ยังไม่มี
อ่านแล้วอึ้ง!! นี่ล่ะหนอ
จริง ๆ RIM จะเล่นแค่ในตลาดองค์กรเหมือนเดิมก็ได้ และเค้าก็คงคิดแบบนั้นมาตลอด จนกระทั่งโดนรุกรานจาก Android แลพ iOS ซึ่งพอจะกลับลงมาที่ตลาด Consumer ก็พบว่า "มันไม่เวิร็ก" (ยกเว้นแถว ๆ นี้)
ตามกระแสไอโฟนไม่ได้แปลว่าไม่มีจุดยืน
แต่เป็นกระแสของผู้ใช้ต่างหาก
นึกถึงการ์ตูนที่ล้อ iPhone Androind และ BB ว่ามองตัวเองและมองคนอื่นอย่างไร
เด็กทารก เด็กส่งพิซซ่า และไดโนเสาร์
ชอบรูป
@TonsTweetings
ชอบ
น่าจะเพิ่ม Symbian อีกซักแถวนะครับ
ไม่เก็ตเด็กส่งพิซซาแฮะ แต่เจ๋งดี
May the Force Close be with you. || @nuttyi
เหมาะสำหรับเดลิเวอร์รี่ คือ การแชท/ส่งข้อความ เพราะคีย์บอร์ดออกแบบมาเพื่องานนั้น
คนใช้ BB มองคนใช้ Android ว่าเป็นแค่เด็กส่งพิซซ่าครับ ประมาณว่ารายได้น้อย
เปรียบเทียบได้เห็นภาพชัดเจนดี แต่สงสัยตรงด๋อยกับบีบีมองผู้ใช้ไอโฟน ทำไมถึงได้ความรู้สึกนั้น ออกแนวแก่หง่อมอะไรงี้
ดูสลับกันแล้วมั้งครับ -*-
บีบีมองผู้ใช้ไอโฟนว่าเป็นเด็กทารก ส่วนแอนดรอยด์มองผู้ใช้ไอโฟนว่าเป็นสาวก
ฮามากๆอะ ชอบๆๆ
มันก็จริงนะ สมัยไอโฟน 1
มันไม่มีอะไรเลยนอกจอก interface ที่สวยงามหวือหวา ,multitouch อะไรพวกนั้น
แต่นั่นแหละที่ผู้บริโภคชอบ
ตลาดองค์การไม่ต้องการความหวือหวา แต่ถ้าทำได้แค่เพียงทำงานผู้บริโภคทั่วไปคงไม่สนใจ มันต้องมีอะไรมีมากกว่าว้าว อิอ
ต่อให้ RIM ทำอะไรอย่างที่ iPhone ทำได้ ก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จนะ
มันมีอะไรมากกว่านั้น ทั้งรูปแบบ สไตล์ และที่สำคัญคือศาสดา
iPhone มี wow factor ที่ BB ไม่มี
ผมว่าแนวคิดของ RIM ไม่ผิด แต่ Apple สร้างกระแสอย่างหนัก และกลบจุดอ่อนของตัวเองด้วยApp จำนวนมหาศาล จนผู้บริโภคพอใจพอที่จะไม่สนใจข้อเสียพวกนั้น
วันนี้มีรายงานจาก RIM ต่อเนื่องกับรายงานนี้ มีเพียงตัวหนังสือสั้นๆ คำเดียวเท่านั้น ว่า
Touche~