ผมรวมข่าวต่อเนื่องจาก พนักงานแอปเปิลยืนยัน มัลแวร์บนแมคระบาดจริง เป็นข่าวเดียวเพื่อประหยัดที่นะครับ
ข่าวแรกคือเรื่องนโยบาย "ไม่แก้มัลแวร์ให้ลูกค้า" ของแอปเปิลที่ ZDNet รายงานในข่าวก่อนหน้านี้ ทางคุณ Ed Bott นักข่าวของ ZDNet ก็ได้เอกสารภายในของแอปเปิลที่กำหนดขั้นตอนว่าพนักงานควรทำอย่างไรถ้าเจอปัญหา Mac Defender มาเผยแพร่อีกรอบหนึ่ง
เอกสารชิ้นนี้ยืนยันนโยบายของแอปเปิลว่าห้ามไม่ให้พนักงานแก้มัลแวร์ให้ลูกค้าจริง ห้ามยืนยันกับลูกค้าว่าซอฟต์แวร์นี้ถูกติดตั้งลงในเครื่องจริงหรือไม่ และห้ามบอกให้ลูกค้านำเครื่องไปส่งให้ร้าน Apple Retail Store เพราะที่ร้านก็ไม่มีบริการแก้มัลแวร์เช่นกัน
ทางออกที่แอปเปิลแนะนำคือบอกลูกค้าให้ซื้อซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสจาก Mac App Store หรือ Apple Online Store มาติดตั้งกันเอง
เพื่อความแฟร์ Ed Bott เลยหาข้อมูลนโยบายการแก้มัลแวร์ของผู้ขายพีซีรายอื่นๆ มาเทียบ
ที่มา - ZDNet
ข่าวที่สอง ถึงแม้นโยบายของแอปเปิลจะดูไม่ช่วยอะไรลูกค้าเลย แต่กระบวนการแก้ Mac Defender ก็ทำเองได้ไม่ยาก เพราะไม่ใช่มัลแวร์ร้ายแรงอะไร
เว็บไซต์ TUAW ได้เผยแพร่คำแนะนำการกำจัด Mac Defender พร้อมภาพประกอบ หลักการก็คือ
TUAW ยังแนะนำให้ติดตั้งแอนตี้ไวรัสคือ Sophos for Mac Home Edition หรือ ClamXav 2 ซึ่งฟรีและไม่รกเครื่องทั้งคู่
ที่มา - TUAW
Comments
Dell แพงมาก -0-"
แต่ก่อนผมเคยเห็นตอนสั่งประกอบเครื่อง จะมีจ่ายก้อนนึงเพิ่มเหมือนซื้อประกันด้วยครับ
แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่แน่ใจ
รายครั้งแพงมากเป็นปรกติครับ ถ้าซื้อรายปีน่าจะถูกกว่านี้มากๆ
lewcpe.com, @wasonliw
อ่านดูแล้ว สิ่งที่เรียกว่า Apple Care นั้นดูเหมือนว่าจะแค่ Care เฉพาะก่อนซื้อของออกไป หรืออยู่ในอนาเขตของ Mac Store เท่าั้นั้นเอง
คล้่ายๆกับ
"คุณป่วยมาเหรอ คุณก็รับผิดชอบตัวเองก็แล้วกัน ไปหาซื้อยาที่ร้านเภสัชกรนะ ผมเอารายชื่อยาให้แล้ว"
Technology is so fast!
Apple Care คือประกันครับ ติดมัลแวร์มาเครื่องไหน ประกันก็ไม่แก้ให้ทั้งนั้น มี MS ที่มี Support OS ด้านความปลอดภัย
twitter.com/djnoly
เอาแพะมาชนอาแปะแล้วท่าน = ="
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
อย่าว่าคนเมา
ยังไม่ต้องแก้หรอกครับ
ลูกค้ายังไม่ฟ้อง งิ
เวลาดูสาวชอบดูสาวขาวๆ Sex Sex เวลาดู Notebook ชอบแบบ"ถึกๆดำๆ"
Twitter : @Zerntrino
G+ : Zerntrino Plus
MS ดู Evil น้อยลงเลย เมื่อเทียบกับรายอื่น - -*
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
"ทางออกที่แอปเปิลแนะนำคือบอกลูกค้าให้ซื้อซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสจาก Mac App Store หรือ Apple Online Store มาติดตั้งกันเอง"
เยี่ยมจริงอะไรจริง เป็นเงินได้หมด..
ปล.MSE แจกฟรีนะจ๊ะ..
+1
+100
+1 That's Apple
SPICYDOG's Blog
Apple เป็นบริษัทขาย HW,,
//อย่าจริงจังนะ = ='
May the Force Close be with you. || @nuttyi
จะแก้ให้ทำไม ก็ในเมื่อไม่ใช่ความผิดของนาย Ap นิน่า ชาลาล๊า~
ก็เคยบอกไปแล้วว่าให้ซื้อแอนติไวรัสมาลงก็ไม่เชื่อ โฮ๊ะๆๆๆๆๆๆๆ
ปล. ถ้าข่าวนี้เป็นนาย Ms คงเล๊ะ!!
เห็นด้วยครึ่งหนึ่ง
คนที่โดนมัลแวร์ตัวนี้เป็น user ที่ไม่ติดตามข่าวสาร และไม่อ่านอะไรที่ขึ้นมาบนหน้าจอแน่ๆ เพราะถ้าไม่กดรหัส root เข้าไป ยังไงก็ไม่มีทางติด
ส่วน apple ทำตัวเหมือนว่า user โง่เอง ไม่เกี่ยวอะไรกับกุ เอ่อ... mac นี่มีเจ้าอื่นขายด้วยเหรอ? ถ้าผมซื้อ dell แล้วโทรไปถาม hp ก็ว่าไปอย่าง ทำตัวไม่น่ารักเลย...
User 99% เป็นแบบที่คุณบอกครับ
เดี๋ยวก็มีคนมาถามอีกว่า 99% มาจากไหน?
แต่ถึงยังไงคนส่วนใหญ่ที่ผมเจอก็มักจะติดมัลแวร์พวกนี้แบบไม่รู้ตัวทั้งนั้นแหล่ะ (มีใครบ้างรู้แล้วอยากลองติดเล่น ๆ???) และถึงอาจจะไม่เกี่ยวกับคนขาย แต่อย่างน้อยก็ควรให้คำปรึกษา "ที่แท้จริง" กับลูกค้า ไม่ใช่รู้ทั้งรู้ว่าติด และ มีทางแก้อื่น แต่อยากขายของอย่างเดียวแบบนี้ ถ้าไม่ซื้อกับชั้น ชั้นไม่สน - -
มันก็น่าจะเป็นแบบนั้น Apple พยายามบอกว่าลูกค้า....ดันไปลงเอง ก็ต้องแก้เอง ซึ่งไม่ยากอะไร
เพราะลูกค้าเชื่อว่า แมค ไม่มีไวรัส
อ้อ ลืมไป กรณีนี้เป็นมัลแวร์ ไม่เข้าข่าย
เข้าใจว่าไวรัสก็เป็นมัลแวร์ชนิดนึงครับ
เป็นมุกครับ ตอบเอาฮา(หรือเปล่า?)
ระบบปลอดภัย ถามไรมาก็ตอบสิ วู้!
ตรงที่มีแสง
ในความคิดผม ถ้ามองในแง่ของผู้ประกอบการผมถือว่าแอปเปิลทำแบบนี้ก็ถูกแล้ว เพราะว่าปัญหามันไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของระบบ แต่เป็นปัญหาของผู้ใช้มากกว่า เพราะผู้ใช้มีความรู้ไม่พอ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็เลยคลิกติ้ตั้งมัลแวร์ตัวนี้ไป ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะต้องให้แอปเปิลออกมาแสดงความรับผิดชอบ
แต่แอปเปิลพลาดอย่างมากก็คือการที่ปล่อยให้ข้อมูลเหล่านี้หลุดออกมาถึงประชาชน ซึ่งควรจะเป็นนโยบายที่รู้เฉพาะภายในเท่านั้น ถ้าผมเป็นลูกค้าผมคงคิดว่า "ไม่แคร์ตรูเลย เครื่องก็แพงกว่าชาวบ้านชาวช่อง"
เรื่องของเรื่องก็คือ
คนขายมันชอบบอก ใช้ MAC ไม่มีไวรัส
เวลาดูสาวชอบดูสาวขาวๆ Sex Sex เวลาดู Notebook ชอบแบบ"ถึกๆดำๆ"
Twitter : @Zerntrino
G+ : Zerntrino Plus
คนขายในบางประเทศรึป่าวครับ สตูดิโอ อะไรเนี่ยแหละ
twitter.com/djnoly
+1
Studio-i หรือเปล่าครับ ชื่อคุ้นๆ
Studio A?
ซ้ำ
ไอ้...สตูดิโอ อะไรสักอย่างนี่ล่ะครับ นึกไม่ออก ไอ้อะไรน้า ...
ทั้งโลกครับ
โฆษณาเมื่อหลายปีก่อนที่บอกว่าไม่มีไวรัสไม่ได้หมายความว่าปัจจุบันจะยังคงไม่มีนะครับ
55555+
มันสะสมกันอยู่ในใจเรา ชาว PC ที่ดูแลตัวเองมาตลอด และ โดนถากถางจากสาวกบางกลุ่ม
เขาจะได้หัดโต และดูแลตัวเองเสียที
Apple ไม่ผิดหรอก ถูกแล้ว ต้องหัดโต ดูแลตัวเองกันบ้าง หัด กด ชักโครก เองบ้าง
(ไม่ใช่แค่ anti virus เรื่อง Driver เอย, install OS เอย , ... ยิ่งกลุ่ม Linux เขาดูแลตัวเองอย่างมากมานาน เหลือกลุ่มเดียวนี่แหละ)
Features UAC ของ vista, W7 ก้อ กัน Mal ware ได้เยอะแล้ว
+10 เลยครับ
จริงๆ ในช่วงเวลาก่อนหน้านั้น (ซั้ก2-3ปี) ถ้าจะบอกว่า"ไม่มีไวรัสบนแมค" คนที่วิสัยทัคน์ไกลๆหน่อยก็บอกกันเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า "ถ้าตอนนี้อ่ะใช่... แต่มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยในระยะยาว..."
ถ้าอะไรนิยมมากๆก็ยิ่งมีคนไม่ชอบมากเหมือนกัน
บุคคลที่ชอบลองของก็ลงมาเจาะระบบเยอะขึ้น เจาะระบบที่นิยมๆกันเยอะขึ้น เพราะมีเหยื่อให้เลือกเยอะ
ย่างขาลงสู่สังคมวงกว้าง.. แต่ยังมัวนั่งติ๊สแตกอยู่คนเดียว.. มันก็อยู่ร่วมกับชาวบ้านเค้าไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ
แต่ควรให้ "ข้อเท็จจริง" ครับ ไม่ใช่ลูกค้ามีปัญหามาปุ๊บ ฟังอาการก็รู้ว่าเกิดจากตัวนี้ หรือตรวจเจอแล้ว บอกให้ "อย่าบอกลูกค้า" หรือ "อย่าแก้ให้" ถ้าทำได้ (และจะทำให้และคิดเงิน) ก็ว่าไป มันจริงใจกว่ากันนะ
"ซึ่งก็ไม่ยากอะไร"
ก็แล้วถ้ามันมีความร้ายแรงกว่านี้ และแก้ยากกว่านี้ล่ะ คงสนุกพิลึกนะ
ผมยังไม่ติด ไม่มีปัญหาแต่น่าจะใส่ใจลูกค้ามากกว่านี้
ก็ถูกแล้วในเมื่อไม่ใช่หมอก็ควรบอกให้คนใข้ไปหาหมอหายามากิน
ส่วนไมโครซอฟท์นั้นเขารวยที่สุดในโลกอยู่แล้วจะทำอะไรก็ได้
ผมมองว่า User ผิดเองที่หลงกลมุขโบราณแบบนี้ บริษัทจะไปช่วยอะไรได้ แต่คนขาย (และพวกสาวกที่ชอบชวนเพื่อนให้หันมาใช้แมค) เองก็ผิดเหมือนกันที่ชอบพูดว่า แมคไม่มีไวรัส แต่ที่จริงบริษัทก็ผิดมากเหมือนกันที่ห้ามพนักงานทำนู่นทำนี่ "เพื่อลูกค้า"
ที่เขาห้ามพนักงานยุ่งและแก้ปัญหานี้ให้ลูกค้า ผมเข้าใจว่ามันจะเป็นการสร้างระเบียบบางอย่างขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ถ้าพนง.ช่วยกันแก้ปัญหานี้ และต่อไปมีไวรัสหรือมัลแวร์ตัวใหม่ๆขึ้นมามากมายมันจะโหลดงานพนง.เยอะมากครับ
(ที่ที่ผมทำงานอยู่ ผมก็เคยอยากจะทำ service บางอย่างให้บางคนเหมือนกัน จะได้สะดวกๆแต่หัวหน้าทีมห้ามไว้เพราะมันจะกลายเป็นว่าสร้างมาตรฐานใหม่และโหลดงานเราโดยไม่จำเป็นที่จะต้องมาคอยดูตรงนี้เรื่อยๆ - เอาให้ทีมงานอื่นที่ดูแลโดยตรงมาทำดีกว่า)
ผมตอบเหมือนเข้าข้างแอปเปิลนะ แต่จริงๆผมไม่เคยใช้แมคนะขอบอก พยายามคิดหาเหตุผลเฉยๆ อิอิ
ผมรู้สึกเห็นด้วยมากๆไงไม่รู้นะครับ ต่อไปก็อาจจะมีการฝังแอนตี้ไวรัสทำเองแบบพอใช้ได้มากับ OSXเลย เพื่อแก้บางอย่างให้ก็ได้คับ
สักพัก Apple คงเปลี่ยนท่าทีแน่ คนนิยมมากขึ้นปัญหาก็มากขึ้นตาม ต้องปรับปรุงนโยบายการ Support ด่วน อิอ
ผมว่าน่าจะท่าทีเหมือนเดิมแหละครับ ที่พอจะเป็นไปได้ก็คือฝังระบบจัดการไวรัสแบบพอใช้งานได้มากับเครื่องครับ แต่คงไม่ได้โชว์แบบชัดเจนเพราะปัญหายังไม่หนักมากนัก
เป็นที่นิยมคนใช้จำนวนมากและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น iPhone iPad iPod
ตลาด antivirus บน ios ถือว่ายังเป็น Blue Ocean และผู้ใช้เกิน 99% ไม่ได้ติดตั้งโปรแกรม antivirus
...ชั้นนำลงขันกันสักนิดจัดแบบหนักๆ แล้วก็ตามกระแสไป เงิน เงิน และ เงิน
ถ้าจะบอกว่า user ผิดเองที่หลงมุกหลอกโบราณ งั้นถ้ายูสเซอร์บอกว่า 'ก็คุณบอกว่าไม่มีไวรัส มัลแวร์ สบายใจได้ไม่ต้องกลัว' ผมว่าแอปเปิล (ออธอไรซ์สโตร์) ผิด (ผมไม่รู้ว่า apple เองเคลมเรื่องตัวเองไม่มีไวรัสด้วยไหม)
ผมมองว่าถ้าบอกยูสเซอร์ว่าไม่มีไวรัสมัลแวร์สบายใจได้ แล้วยูสเซอร์เซ่อไปติดเอง มันผิดทั้งคู่ แต่คนขายผิดมากกว่า เพราะคุณทำให้ยูสเซอร์ติดนิสัยไม่ระวังตัว
ว่าแต่อารมณ์เหมือนตอน iPhone 4 antenna gate เลยนะ ไม่ยอมรับว่ามี (แต่ครั้งนี้ไม่ได้ปฏิเสธ แค่ห้ามบอกยูสเซอร์ว่าติดแหงแก๋เท่านั้นเอง) ผมว่าอันนี้ไม่ดีนะ ให้ยูสเซอร์รับรู้ว่ามีภัยแบบนี้ดีกว่า ยูสเซอร์จะได้ระวังบ้าง ไม่ใช่ชิว ยังไงฉันก็ไม่ติดไวรัส ฉัวะเข้าให้ ลูกค้าจะพาลติดภาพลบนะคุณณณ
มีแต่เฉพาะในไทยแหละครับที่เคลมเรื่องไม่มี Virus ที่อื่นเท่าที่ติดตามข่าวมาไม่เคยเห็นเอามาเป็นจุดขายกัน
It doesn’t get PC viruses.
A Mac isn’t susceptible to the thousands of viruses plaguing Windows-based computers. That’s thanks to built-in defenses in Mac OS X that keep you safe, without any work on your part.
เท่าที่อ่านดู จะเน้นแค่ว่า "PC viruses", "Windows-based" เท่าันั้นครับ ไม่ได้บอกว่า Mac-Based จะไม่มี
เลี่ยงบาลีครับแบบนี้
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
อันบนไม่ขอนับนะครับ แต่อันล่างนี่ชัดเลย โฆษณาคลุมเครือ
เออ นิดๆหน่อยๆก็น่าจะช่วยแนะนำลูกค้าบ้าง
อย่างน้อย Review วิธีการแก้ให้ User ไปทำกันเองก็ได้
นี่อะไรต้องให้ TUAW เป็นคน Review ให้ สินค้าของตัวเองแท้ๆ
หรือกลัวว่าถ้ายอมแก้ให้ลูกค้า ก็เท่ากับยอมรับความจริงว่า ios ไม่ปลอดภัย
ชัว.. ผมว่า Apple ไม่กล้ายอมรับความจริงแน่ๆ
OSX ครับ
ผมไม่เคยเห็นข่าวทำนองว่า "Apple ยอมรับ....", "Apple ขอโทษลูกค้า" เลยครับ
คือถ้า Apple มีบริการ Support เรื่องแก้ไวรัส
เท่าเท่ากับยอมรับแล้ว ว่าตังเองมีไวรัส ไม่ได้ปลอดภัจากไวรัสแบบที่เคยโฆษณา
แต่แนะนำให้ซื้อ Antivirus แปลว่า...
ที่ Apple โฆษณาคือบอกว่า OS X ไม่ติดไวรัสจาก Windows ครับ ไม่ได้บอกว่าไม่มี
อันนี้จริง
iVirus
ผมว่าจะแมคหรือพีซี ผู้ใช้ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบในการติดไวรัส/มัลแวร์ด้วยนะ ไม่ใช่จะไปโบ้ยให้ผู้ผลิดอย่างเดียว ถ้าผู้ใช้ไม่สำส่อนโหลดไฟล์มั่วซั่ว ไม่ไปใช้บริการเวปที่มันอโคจร และอ่านข้อความที่โอเอสแสดงก่อนที่จะใส่แอดมินพาสเวิร์ด ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะ
เห็นด้วยเลยครับ ถ้ารู้จักหาได้มันก็ต้องรู้จักอ่านบ้างมีไหวพริบบ้าง มันไม่เกี่ยวหรอกครับว่าเป็นโอเอสอะไร แต่ก็ต้องยอมรับว่า User ที่ไม่สนใจมีไม่น้อยทีเดียว
End user ทั้วไปมีความรู้ด้าน IT น้อยมากนะครับ
บางทียังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เขาใช้เข้า Website นั้นเรียกว่า browser
รู้จักแต่ Internet explorer, firefox, safari
และ End user ทั้วไปไม่ค่อยอ่านคำสั่งหรือ popup ที่ขึ้นมา
รู้แต่มีอะไรขี้นมาไม่รู้มี ปุ่มให้กด OK, หรือ Yes กับ No
อย่างพวกเราๆ น่ะมันคนส่วนน้อยครับที่รู้เรื่อง IT
End user ส่วนใหญ่จะใช้ Next Technology ครับ (กด nextๆๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ) ^^
พอเจอ ปุ่ม Finish งงเลย ไปต่อไม่ได้
บอกให้เปิด IE... ไม่รู้จัก
บอกให้เปิด Internet Explorer... ไม่รู้จัก
บอกให้เปิด ตัว e สีฟ้าบนหน้าจอ... อ๋อ!!
^
^
that's just my two cents.
+1 ความรู้น้อยแต่เราจะเอาแต่โทษพวกเขาไม่ได้เหมือนกัน (อย่างพี่สาวผมเป็นต้น ไม่รู้อะไรเลย ต้องคอยสอนเรื่อยๆ ^^)
บางคนเขายังนึกว่ามันเหมือนกับ TV อยู่เลย
I need healing.
ก่อนซื้อเป็นนาย หลังจ่ายกลายเป็นบ่าว
ถ้าเปลี่ยนจาก Apple เป็น Microsoft คงออกไปอีกแนวหรือเปล่า ส่วน Microsoft คิดในใจ "เข้าใจเราหรือยัง พวกเรามันผิดโดน default" .... หึๆๆ
เคยได้ยินตำนาน Boogeyman ป่าว อย่าตื่นตูม เดียวมันก็หายไปเองถ้าเราไม่สนใจมัน
แต่กลับกัน ถ้าคิดถึงมันเริ่มซื้อ โปรแกรม anti virus ที่นี่แหล่ะเสร็จเลยทั้งโปรแกรม anti ทั้ง virus
ออกขาย ออกระบายให้วุ่น ถ้ายิ่ง talk of the town นี่เข้าทางมันเลย
อาจจะถูกครับสำหรับ hacker ที่ต้องการชื่อเสียง ถ้า apple ทำนิ่งก็เบื่อไปเอง
แต่ถ้าผมเป็น cracker ที่ต้องการหาผลประโยชน์จากเรื่องนี้ ผมยิ้มเลยครับ เขียนไวรัสที่ล้วงข้อมูลบัตรเครดิตจาก Itune มาสักตัวให้มันทำงานเงียบๆ osx user ก็ยังจะหลงละเมอไปว่าปลอดภัยไร้ไวรัส แล้วยิ่ง apple เก็บข่าวเงียบเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรวยขึ้นเท่านั้น 5555
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ผมคิดว่า Mac Defender เป็นแค่การลอง Concept เฉยๆ ว่ามันสามารถทำงานได้จริง
และยิ่ง Apple ไม่สนใจที่จะแก้แล้ว
อีกอย่าง Database Virus ของฝั่ง MAC ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่
มันจะกลายเป็นการกระตุ้นให้คนอื่นๆ อยากเขียน อยากลองขึ้น
และถ้าคนที่คิดลอง "เก่ง" โอกาสที่จะเขียนถึง OS ฮู้ว์ ไม่อยากคิดต่อ
คงทำอะไรได้ต่างๆ นาๆ
และคำโฆษณาที่ว่า "Mac ไม่ติดไวรัส" คงต้องเอาออก
แต่ถึงจะเอาออก หรือไม่ ก็ไม่สำคัญ เพราะว่า "คุณซื้อไปแล้ว ก็เรื่องของคุณ"
White Ocean ของ บรรดา Antivirus (หรือแหล่งผลิต virus - - !)
นี่ขนาด มัลแวร์ อ้อนอ่อน ยังเปิดตัวได้สวย
เตรียมตัว เจอ กับ กองทัพ มัลแวร์
ถ้าเจอ พวก worm / Tor-jun แล้วจะรู้ว่า อะไรคือ ของจริง (ต้องเปลือง Resource กับ Antimalware อย่างมาก)
(อ๊ะมีตังหนิ เขวี้ยงทิ้ง ซื้อใหม่ ได้ -- อ๊ะล้อเล่น ^ ^)
คือผมคิดไปเองคนเดียวรึเปล่า แต่ว่าไอ้วิธีการกำจัดมัลแวร์อะไรนั่นมันช่างครอบจักรวาลอะไรเช่นนี้ !!
ช่างเป็นมัลแวร์ที่อันตราย ติดเชื้อง่ายเสียนี่กระไร
พอลองทำธุรกิจดูเอง จึงได้เข้าใจครับว่า งานบางอย่างแม้เราอยากทำให้ลูกค้า
แต่ไม่สามารถทำได้ในช่วงเวลา หรือไม่สมควรทำจริงๆ แม้เป็นสิ่งที่ลูกค้าเรียกร้องมาก็ตาม
และมันเป็นการเพิ่ม Load ให้กับธุรกิจโดยไม่จำเป็น (ตามนโยบายของบริษัท)
ซึ่งตรงนี้ ผู้บริหารคงกำหนด หรือคิดมาแล้วมั๊ครับ ว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ
อันนี้ในแง่ส่วนตัวนะครับ
ผมปฏิเสธการลงซอฟทฺ์แวร์ หรือโปรแกรมใดๆ ที่เป็นของผิดลิขสิทธิ์ทุกกรณี
แต่มักมีคนมาให้ช่วยหาให้บ่อยมาก ไม่รู้ทำไม... แต่บางคนเขาก็ช่วยเหลือเราในเรื่องอื่นๆ มาเยอะ
ปฏิเสธได้ลำบากมากเลย แต่ก็ต้องทำครับ
ส่วนตัวผมว่า หลายคนก็อยากทำให้นะ
"ถึงแม้นโยบายของแอปเปิลจะดูไม่ช่วยอะไรลูกค้าเลย แต่กระบวนการแก้ Mac Defender ก็ทำเองได้ไม่ยาก เพราะไม่ใช่มัลแวร์ร้ายแรงอะไร"
สิ่งที่แย่ก็คือลูกค้า Apple มักบอกว่าซื้อสินค้าเพราะใช้ง่าย ฉันไม่ใช่ Geek นะ ไม่อยากทำอะไรให้ปวดหัว
ใช่ครับ Apple คงต้องมีการทบทวน แต่อาจจะไม่ใช่หมายถึงการรับ Scan ให้เครื่องที่หิ้วมาที่ Apple Store อาจจะเป็นบริการผ่าน Cloud ก็ว่ากันไป
อึ้งกับวิธีลบ แค่เอาออกจาก startup ก็ลบได้แล้วเนี่ย มันช่างเป็นเป็นมัลแวร์ที่อ่อนหัดมาก -_-'
ยังอ่อนหัดนัก เทียบของวินโดว์สแล้ว ยังโตได้อีกเยอะ
อ่อนหัดสำหรับพวกเรามาก แต่ยากมากสำหรับ End User ทั่วไป (ดูจากข่าวที่พนง.รับสายแทบไหม้นี่แหละ 55+)
ถ้ามันเริ่มเล่นพวก permission เมื่อไหร่ก็มีเฮละทีนี้
อ่านลงมาเลื่อยๆ สามารถสร้างภาพยนต์ได้เรื่องเลยนะเนี่ย ผมว่าใครมีทรัพย์ก็ซื้อใช้ ไม่ดีก็ไม่ใช้ สบายใจดี
มีทรัพย์อย่างเดียวไม่พอกลับทับถมคนอื่นด้วย
วันนี้เลยโดนถมที่กลับครับ (เคยเจอนารูโตะและผองเพื่อนสายน้ำไหมครับ)
ผมอยากไล่อ่านดูสักหน่อย แต่แอดมินลบแล้ว เซง
"ก็ไหนบอกว่าไม่มีไวรัส"
"อะไรนะ หมายถึงไวรัสจากวินโดวส์ !?"
User คงรู้หรอกนะครับ ว่าไวรัสบนวินโดวส์กับแมคมันต่างกัน
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
ถ้าเกิดมีเคสแบบนี้ "เปลี่ยนใจใช้แมค" เพราะไม่มีไวรัส นี่เป็นการโฆษณาเกินจริงหรือเปล่าครับ
(แต่เอ... นี่ไม่ใช่ไวรัสแต่เป็นมัลแวร์นี่นา)
ที่มันติดมัลแวร์ตัวนี้กันเพราะ ดันตอบตกลง install ไม่ใช่หรือ ไม่จำเป็นต้องเก่ง IT ก็ได้ แค่หยุดอ่านซักนิดว่ามันจะ install อะไร จะขอ password เราทำไม ก็ไม่ติดแล้วนี่ มัลแวร์ที่ดังๆของแมคตอนนี้ นี่ 2 ตัว(?) รึเปล่า iWork จากบิท เมื่อนานมาแล้วกับตัวนี้ ซึ่งเป็นประเภท User ติดตั้งเองทั้งคู่ ไม่น่านับเป็น threat เลยด้วยซ้ำ ที่มันมีปัญหาเพราะดันโฆษณาว่าไม่มีไวรัสนั่นแล แถมไอ้ macdefender นี่ ป้องกันง่ายแสนง่าย ปิด option auto open save file ของ safari ซะก็จบแล้ว
พูดเหมือน User(โดนเฉพาะคนไทย) เคยอ่านยังงั้นแหละครับ
เวลาดูสาวชอบดูสาวขาวๆ Sex Sex เวลาดู Notebook ชอบแบบ"ถึกๆดำๆ"
Twitter : @Zerntrino
G+ : Zerntrino Plus
คุณยังไม่เข้าใจพวก End User หรือผู้ใช้ทั่วไปจริงๆนะนี่
ถ้าทำตามที่คุณว่าให้อ่านซักนิดนะ...
"install อะไร" - คนใช้: "โอ้วว มันบอก Mac Defender เป็น security ซะด้วย"
"ขอ password" - คนใช้: "อืมม ใช่ๆ เราจะ install นี่ก็ต้องกรอก password ซะหน่อย"
แค่นี้แหละครับ จบเลย เบสิคมากๆ
ที่คุณว่ามามันเป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากให้ user ทำครับ แต่ในความเป็นจริงมันไม่มีใครทำ แล้วแถม mac ชอบโปรโมทว่าไม่มีไวรัส user ก็คิดไปเองว่าทำยังไงก็ไม่ติด ก็เลยไม่ระวังตัวกันเลย เลยเป็นแบบนี้
สิ่งที่ใจไม่อยากทำ อย่าว่าสักบรรทัดเลย สักคำยังไม่อ่านเลย... มันก็ใช่ครับ... แต่มองแบบนี้อย่างเดียวก็ไม่ถูก
บางทีเขาอาจเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ ไม่ได้ แม้มันจะดูแล้วง่ายมากในสายตาเรา แต่สำหรับ User ทั่วไปมันยากมาก
ยิ่งยาก ยิ่งไม่อยากทำ คุณลองนึกดูว่าวันๆ หนึ่งเขาน่าจะสนใจแก้ปัญหาอะไรอย่างอื่นไหม บางทีมันก็ไม่ใช่ลำดับความสำคัญหรือจำเป็น ที่เขาต้องเสียเวลามาทำ... ซึงนั่นก็ทำให้หลายคนมีงานทำ หลายธุรกิจยังคงอยู่ไม่ใช่เหรอครับ
ถ้าคุณไม่อ่าน Manual ทุกอย่างที่ซื้อ ซ่อมทุกอย่างที่พังด้วยตัวเอง คุณไปว่าคนอื่นๆ โดยเฉพาะ User ธรรมดา
ว่าเขาผิด ที่ไม่อ่านไม่ได้หรอกครับ
บางทีเรื่องของอารมณ์ หรือแรงจูงใจ มันก็สำคัญนะครับ
อย่าไปว่า User ถ้าเขาทำไม่ได้ อย่างที่คุณคิดว่าน่าจะทำได้
อย่าไปว่าผู้ผลิต ถ้าเขาทำของออกมาไม่ได้อย่างใจครับ
มันยังมีอีกหลายวิธีการที่ทำแล้ววงการดีขึ้นครับ
ไปช่วยสอน User เท่าที่ทำได้สิครับ
หรือลองสร้างอะไรใหม่ๆ ที่มันดีขึ้น จัดการอะไรง่ายขึ้น สิครับ
+100
พี่สาวผมเองเนี่ยแหละ เกียรตินิยมอันดับ 1 อักษรศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ แต่เวลาใช้คอมพิวเตอร์เธอจะไม่เข้าใจมันเลย ทั้งๆที่ข้อมูลทั้งหมดทั้งมวลในโปรแกรมมันก็เขียนเป็นภาษาอังกฤษนั่นแหละ สุดท้ายก็กลายเป็นมนุษย์ Next แล้วก็พา toolbar หลากหลายเข้าเครื่องมาให้ผมจัดการ พอถามเข้าจริงๆ เหตุผลที่ไม่รู้เรื่องเพราะเหล่าศัพท์ Geek ที่พวกเราอ่านมันได้รู้เรื่องสบายๆเนี่ยแหละ
เหล่ามนุษย์ Next มันมีทั่วโลกแหละครับ เพราะหลายโปรแกรมยังใช้ภาษาสื่อความแบบที่พวกเราเท่านั้นถึงจะเข้าใจ
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
เหล่ามนุษย์ Next ฟังแล้วเหมือนขบวนการอะไรสักอย่างที่พร้อมจะกู้โลก ฮ่าๆ ๆ
+1 ฮา ชอบๆ เหล่ามนุษย์ next
^
^
that's just my two cents.
ผมว่าคงไม่ได้ช่วยกันกู้โลกหรอกมั้งครับ แบบนี้ :P
ขบวนการนี้ไม่ได้กู้โลกหรอก ตามคนมากู้ไฟล์อย่างเดียว
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
+100 ด้วย เหมือนพี่สาวผมเลย โอ้ววว
และพี่สาวผมจบบริหารธุรกิจคอมพิวเตอร์ด้วยนะ! (ได้แต่แต่สายบริหารนี่แหละ 55)
ใช่ครับ มีหลายคำที่ End User อาจจะไม่เข้าใจ จนบางครั้งมีเสียงด่าว่าพวกวิศวกรที่บัญญัติศัพท์แปลก ๆ เหล่านี้เป็นต้นเหตุให้เกิดความสับสน อิอ ลองนึกถึงคำว่า PnP(Plug and Play)