ตอนงาน Google I/O ผมเขียนเรื่อง ทิศทางที่เริ่มแจ่มชัดของ Android และ Chrome OS ไปแล้ว คราวนี้งานแถลงข่าว Windows Phone Mango ก็อยากเขียนบทความลักษณะเดียวกันสักหน่อย
เพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น อาจจะต้องย้อนไปอ่าน Windows Phone 7: ก้าวที่ไม่หวือหวา แต่เป็นก้าวที่สำคัญของไมโครซอฟท์ ซึ่งเขียนเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เมื่อครั้งที่ Windows Phone 7 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
ผมมีประเด็นที่อยากนำเสนอ 4 ข้อ
1) พัฒนาการของ Windows Phone
ถึงแม้ไมโครซอฟท์จะโฆษณาว่า Windows Phone "Mango" จะมีฟีเจอร์เพิ่มขึ้นถึง 500 อย่าง แต่สังเกตว่าไม่มีฟีเจอร์ใหญ่มากนัก (ใหญ่สุดน่าจะเป็น IE9) ซึ่งเป็นทิศทางที่ถูกต้องแล้ว
ตามที่เขียนไว้ในบทความชิ้นก่อน Windows Phone 7 ถือเป็นการ "รีเซ็ต" ตัวเองของแพลตฟอร์ม Windows บนอุปกรณ์พกพา ซึ่งไมโครซอฟท์เองก็ทำการบ้านมาดี มีแนวทางการออกแบบที่ล้ำสมัยหลายอย่าง ตัวแกนหลักของแพลตฟอร์มเปิดตัวมาได้น่าสนใจ
แต่ฟีเจอร์รายละเอียดปลีกย่อยที่ยังทำไม่ทัน ก็ทำให้ WP7 ลดความน่าสนใจลงไปเยอะในช่วงแรก เช่น มัลติทาสกิง, ความเร็วการตอบสนอง, การเชื่อมต่อกับ Twitter ฯลฯ
ไมโครซอฟท์ใช้เวลา 7 เดือนนับจาก WP7 รุ่นแรกมาถึง Mango ผ่านช่วงเวลาขลุกขลักพอสมควรกับ NoDo แต่พอมาถึง Mango ก็แก้ปัญหาปลีกย่อยไปแล้วหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง API, อัพเกรดเบราว์เซอร์, ปรับปรุงเครื่องมือพัฒนา ฯลฯ
แน่นอนว่า Mango ยังขาดฟีเจอร์สำคัญๆ อีกหลายอย่างที่คู่แข่งอย่าง iPhone/Android มี แต่นั่นก็เป็นเพราะคู่แข่งล้ำหน้ามาในตลาดก่อนหลายปี ถ้ายังจำกันได้ 7 เดือนแรกหลัง iPhone/Android รุ่นแรกออก ตัวระบบปฏิบัติการยังด้อยกว่า WP7 ในเวลา 7 เดือนอยู่เยอะ (แต่ก็แน่นอนว่าสภาพตลาดก็ต่างกันเยอะ)
ไมโครซอฟท์ยังฉลาดที่ประกาศอัพเกรด Mango ให้ฟรีกับมือถือ WP7 ทุกเครื่อง ช่วยรักษาความภักดีของแฟนๆ รุ่นแรกที่ช่วยสนับสนุนแพลตฟอร์มตลอดมา
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือการขยายตลาดของ Windows Phone Marketplace ซึ่งขยายจากยุโรปตะวันตก+สหรัฐ มาครอบคลุมยุโรปตอนกลาง เอเชียตะวันออก และอเมริกาใต้บางประเทศแล้ว ด้วยอัตราการขยายตัวแบบนี้ก็น่าจะครอบคลุมประเทศเศรษฐกิจสำคัญของโลกได้ในไม่อีกปี
สรุปก็คือไมโครซอฟท์ใช้เวลาค่อนข้างดีในการพัฒนา Windows Phone ให้เติบโตและเข้มแข็งมากขึ้น (ถ้าไม่ไปทำเสียเรื่อง NoDo ให้แฟนๆ เซ็งจะดีกว่านี้) ถ้าให้เวลาไมโครซอฟท์อีกสัก 1 ปีก็น่าจะต่อกรกับคู่แข่งได้สมน้ำสมเนื้อมากขึ้น
2) แอพ
ตัวเลขจำนวนแอพใน Windows Phone Marketplace ที่ไมโครซอฟท์ประกาศเมื่อวานคือ 18,000 แอพ (ภาพจาก Engadget)
ตัวเลขนี้เทียบไม่ได้เลยกับ 500,000 แอพของ iTunes App Store แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าไมโครซอฟท์ดึงผู้พัฒนาแอพรายสำคัญๆ ที่ผู้ใช้มักจะถามหามาได้เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น Flickr, Facebook, Twitter, Netflix, LinkedIn, Groupon, YouTube, Angry Birds รวมถึงแบรนด์ใหญ่ๆ อย่าง British Airways ที่โชว์ในงานแถลงข่าวเมื่อวานนี้
ส่วนฐานผู้พัฒนาเกมก็มีจาก Xbox บางส่วน และผู้พัฒนาเกมบนมือถือรายใหญ่ทั้ง GameLoft, EA มากันพร้อมหน้า
ผู้ใช้ Android สมัยแรกๆ น่าจะพอระลึกได้ว่าช่วงแรกนั้น Android Market แทบไม่มีแอพจากเจ้าของแบรนด์รายใหญ่ทำเองเลย ต้องรอจนกระทั่ง Android จุดติด แบรนด์ทั้งหลายถึงแห่มาพัฒนาแอพของตัวเองกันในตอนหลัง
ไมโครซอฟท์ไม่ซ้ำรอยความผิดพลาดนี้ และเข้าไปเจรจากับผู้พัฒนาแอพล่วงหน้า ซึ่งยุทธศาสตร์นี้ทำให้จำนวนแอพใน Windows Phone Marketplace ที่น้อยกว่าคู่แข่งไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่าไรนัก เพราะผู้ใช้เองก็มีแอพที่จำเป็นครบถ้วนในเบื้องต้น
3) ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ที่เพิ่มเข้ามา
ชัยชนะเล็กๆ ของ Windows Phone เมื่อวานนี้คือผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ที่เข้ามาร่วมวงอีก 3 ราย ได้แก่ Acer, Fujitsu และ ZTE
เมื่อรวมกับผู้ผลิตรายเดิมคือ Samsung, LG, HTC ก็ได้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายใหญ่ของโลกมาเกือบครบแล้ว (ขาดแต่ Sony Ericsson, Motorola, Huawei) และที่สำคัญอย่าเพิ่งลืมยักษ์ใหญ่อย่าง Nokia ที่ประกาศเข้ามาเป็นพันธมิตรตั้งแต่ต้นปี
ด้วยโมเมนตัมระดับนี้ คงทำให้ Windows Phone มีพันธมิตรฮาร์ดแวร์ไม่ด้อยไปกว่า Android เท่าไรนัก และน่าจะช่วยให้ Windows Phone เดินหน้าต่อไปในยุทธภูมิมือถือได้อย่างมั่นคงแล้ว
ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เหล่านี้มีจุดร่วมกันอย่างหนึ่งคือ "กลัวกูเกิลมีอำนาจต่อรองมากเกินไป" ซึ่งก็ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่า Android
แต่เมื่อ Windows Phone เริ่มแสดงให้เห็นศักยภาพของตัวมันเอง ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรที่ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เหล่านี้เข้าร่วมเพื่อ "คานอำนาจกูเกิล" และทำให้ไมโครซอฟท์มีอำนาจต่อรองมากขึ้น
4) โมเดลธุรกิจของ Windows Phone
สิ่งที่ไมโครซอฟท์ยังไม่พูดชัดเจนในตอนนี้คือ ไมโครซอฟท์จะหาเงินจาก Windows Phone ได้อย่างไร
จริงอยู่ที่ไมโครซอฟท์คิดราคาค่าใช้งาน Windows Phone จากผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ แต่รายได้จากตรงนี้คงไม่เยอะนัก เพราะผู้ผลิตฮาร์ดแวร์จะถูกบีบด้วยการแข่งขันในสงครามมือถือที่ดุมาก และคู่แข่งอย่าง Android ที่ลดราคาจนเหมือนให้เปล่า
ยุทธศาสตร์การหาเงินของคู่แข่งไมโครซอฟท์นั้นชัดเจน แอปเปิลและ RIM ทำเงินจากการขายเครื่อง (ตรงไปตรงมา) ในขณะที่กูเกิลก็มาแบบพิสดารที่ทำเงินจากโฆษณาและบริการเสริมอื่นๆ
แต่ไมโครซอฟท์เองไม่ได้ทำฮาร์ดแวร์ และบริการออนไลน์ของไมโครซอฟท์ก็ยังไม่โดดเด่นเท่ากับกูเกิล จึงน่าสนใจว่าไมโครซอฟท์จะทำเงินจาก Windows Phone ในระยะยาวได้อย่างไร (แม้ว่าไมโครซอฟท์จะมีเงินถุงเงินถังในมือเหลือเฟือ พอที่จะยอมขาดทุนกับ Windows Phone ได้อีกหลายปี แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องมีโมเดลการสร้างรายได้อยู่ดี)
Comments
เป็นบทความที่เยี่ยมอีกเช่นเคย
อาจมาทำนองใช้ WP ควบคู่กับ Windows License เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น แค่นี้ก็คุ้มแล้ว
เรื่องหาเงินและการทำตลาด Microsoft น่าจะคุ้นเคยกับตลาดนี้มากกว่าชาวบ้าน (มาก่อนแอปเปิลนานเลยด้วยซ้ำ)
ช่วงหลังซอฟท์แวร์จากฝรั่ง MS ก็เชื่อถือในคุณภาพได้นะ ทั้ง Win 7, Office 2010 หรือแม้แต่ Bing
อยากเห็น MS Office กับ XBox บน Windows Phone ที่สมบูรณ์เต็มที่เลย :)
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
ถ้าเอาสิ่งที่ MS มีอยู่แล้วมายัดลงโทรศัพท์ได้ทั้งหมดผมว่าก็ไม่มีใครสู้ได้แล้วล่ะ
อย่าง remote server หรือ remote คอมฯ ที่บ้านผ่านโทรศัพท์ก็ไม่เลว
หรือจะทำ tool ตกแต่งรูปผ่าน cloud service แข่งกับ photoshop ก็ไม่เลว
อะไรที่มันเกินประสิทธิภาพโทรศัพท์ก็ทำให้เป็น cloud service ให้หมดแล้วคิดตังค์ก็รวยเละแล้ว
กำลังอ่านเพลินๆ จบกึ๊กลงซะงั้น.. = =
เห็นด้วยเลย ตัวบทความเหมือนเขียนไม่เสร็จนะ ขาดบทสรุป
นั่นนะสิ
คงเพราะคุณ MK จั่วหัวไว้แล้วครับ "เห็นอะไรใน Mango" จึงไม่ต้องมีบทสรุป เป็นคำถามทิ้งท้ายนะครับ
----------------- Yokey My Blog
ประเด็นมันแยกๆ กันน่ะครับเลยต้องแบ่งเป็น 4 ข้อ
พวกนี้สรุปลำบากเพราะมันเปลี่ยนทุกวัน เขียนอันนี้เสร็จวันถัดมาก็มี Marketplace ภาคเว็บออกมาอีกละ -_-'
สำหรับคนที่ไม่ได้ตามข่าวเก่าอาจจะงงว่าทำไมถึงทำให้ผู้ใช้ WP7 หงุดหงิดงุงิกับ NoDo ยิ่งนัก
ผมสรุปสั้นๆ ให้ว่ามี 2 ประเด็นหลักๆ คือ 1.ล่าช้า 2.มันทำเครื่องบริคไปหลายเครื่อง
อ่านต่อข่าวนี้เลยครับ "WP7 NoDo" มาแล้ว (บน HTC Arrive)
ขอบคุณคร๊าบ :)
ช้าไม่พอ ยังปล่อยอัพเดต ไม่พร้อมกัน และ ไม่แจ้งรายละเอียด หรือ บอกสาเหตุแห่งความล่าช้า เลยแม้แต่นิดเดียว
ผู้ใช้ส่วนใหญ่ เข้าใจว่าการ อัพเดต จะเป็นการ อัพเดตตรงจาก MS เหมือนที่ iOS เป็น
และจะได้พร้อมๆกัน
ในความเป็นจริง การอัพเดต นอกจาก MS จะ Approve แล้ว ต้องให้ทาง Carrier Approve ด้วย อีกที ถึงจะ อัพเดต ได้
ข้อดี คือ เราจะได้เช็ค 2 ทาง ว่าที่อัพเดตมา มันปลอดภัย
ข้อเสียคือ มันช้ามากๆๆ ถึงมากที่สุด ทุกวันนี้ เครื่อง AT&T ได้อัพเดต No-do เอาเดือน พฤษภาคม และ อัพเดตนี้ ยังไม่ได้ ตัวที่ Fix ใบ Certified ด้วย ทั้งๆ ที่ชาวบ้าน เค้าได้ ทุกอย่าง ตั้งแต่ เดือน เมษายน
(ไม่รู้ว่า ถ้าโดน Phishing แล้วจะฟ้อง AT&T โทษฐานปล่อยให้มีความเสี่ยง ได้หรือไม่)
ในอนาคต หาก Windows Phone 8 มา ถ้าทาง Carrier ไม่ อนุญาติ เราก็จะไม่ได้ อัพเดต แม้เครื่องจะสามารถ อัพเดตได้ ก็ตาม
เรื่อง carrier ไม่มีผลกับบ้านเรามั้งครับ ขายแต่เครื่องเปล่าอยู่แล้ว
เครื่องศูนย์ไทยได้รับ CID แบบ Global ครับ
ดังนั้นรับ Update ตาม Global ครับ
หรือแม้ถ้าจะเป็นเครื่อง Carrier ก็สามารถ Flash รอมแบบ Global ได้ครับ
อยากได้ Mozart มาเก็บไว้เล่นๆนะ
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
ใช้อยู่ ชอบUIล้ำมาก แต่ เมื่อไหร่จะมีคีบอร์ดไทยกับซื้อแอฟได้หว่าขี้เกียจ unlock
"ไมโครซอฟท์ยังฉลาดที่ประกาศอัพเกรด Mango
ให้ฟรีกับมือถือ WP7 ทุกเครื่อง ช่วยรักษาความภักดีของแฟนๆ
รุ่นแรกที่ช่วยสนับสนุนแพลตฟอร์มตลอดมา"
ถ้าตามคำพูดนี้ คนใช้ทั่วไปคงจะมีความสุขกับ Mozart มากเลยละครับ(ก็อีกนั่นแหละ แล้วเมื่อไหร่ละ)
ปล.ผมคิดว่าโมเดลการหารายได้ของ Microsoft ผมว่าคงหนีไม่พ้นเกี่ยวกับบริการองค์กรนั่นแหละครับ
ก็คงจะเป็น SmartPhone ที่ใช้ Office Service แบบเต็มรูปแบบ
ผมว่าจะไปสอย Mozart ที่งาน mobile expo นี่ล่ะครับ
ภาษาไทย อย่าลืมละ วินโดส์ยังมี ทำไมใน Wp7 ไม่มีหว่า
ไปอ่านเอกสารที่ให้มากับ เมาส์ MS เอง ภาษาไทยแย่มากๆ เลย สระไม่ตรง ดูแปลกๆ มาก
ชอบยูไอนะ ไม่เหมือนใครดีอะ
ไอยูก็น่ารักดีนะครับ
รายได้การหาเงินของ M$ เท่าที่ผมคิดไว้คือ ขายแอพมี demo+trial api ให้ใช้(มั้ง)ครับ
ของค่ายอื่นคือต้องเขียนรุ่น demo + trial เอง
ถ้ามีมาเลยคงจะสะดวกสุดๆ
แล้ว Microsoft ได้เงินจากไหนล่ะครับ
license os + license mobile os + license visual studio + หัก % แอพ ครับ
บอกแล้วผมเดา v___v
SDK โหลดฟรีครับ
แต่สมัครเพื่อส่งแอพเสียเงินครับ
ดูแล้วมีครบทุกอย่างยกเว้นคนที่จะซื้อใช้
My blog
Microsoft ไม่ได้เพิ่งเริ่มทำนี่ มี windows mobile6 มี windows CE ทำมาก่อนชาวบ้านตั้งนานไม่ใช่เหรอ
Windows Mobile เคยครองตลาด PDA และ Smartphone มานานมาก หลังจากที่ล้มยักษ์อย่าง Palm ลงไปได้ แล้วจากนั้น Windows Mobile ก็นิ่งครับ (ไมโครซอฟท์เป็นอย่างนี้เสมอๆครับ)
จน iOS ออก Windows Mobile ก็ถอยไปเรื่อยๆ ยิ่งในตอนหลังเจอ Android มาซ้ำเติมอีก Windows Mobile ก็เลยหลุดจากวงโคจรไป ไมโครซอฟท์เลยรีบู๊ตใหม่ และเข็น Windows Phone 7 ออกมา
ส่วน Windows CE ส่วนมากผมเห็นไปอยู่ในอุปกรณ์เฉพาะทางเท่านั้นครับ และไมโครซอฟท์ก็ข้าม Windows CE6 ไป ไม่ยอมเอามาทำ Windows Mobile โดยดื้อออก Windows Mobile 6 ที่ใช้แกนเป็น CE5 อยู่ ก็เลยกลายเป็น OS ที่โบราณและผุมากๆ (หากจาก Meizu M8 ได้ นั่นเป็น Windows CE 6 ครับ) ก็กลายเป็นอีกเหตุที่ทำให้ Windows Mobile ต้องตายไปในที่สุด
ว่ากันตามเนื้อผ้าแล้ว ไมโครซอฟท์มีเทคโนโลยีแทบทุกอย่างที่คู๋แข่งมีอยู่ในมือมานานมากแล้วครับ เพียงแต่ไม่เห็นจะรวมเข้าไปในระบบแบบดีๆสักที
+1 ไมโครซอฟต์นั้นดูเหมือนชอบเป็นผู้ตาม ชอบสร้างความเสียเปรียบให้ตัวเองเป็นแรงฮึด เห็นในหลายตลาด/ผลิตภัณฑ์ละ
ลอกเรียนเป็นวิธีที่ดีที่สุด เหมือนเวลาเรียนหนังสือ ประหยัดเวลาดีและมั่นใจได้เนื้อหานั้นๆดีแน่นอนแล้ว เสียอย่างเดียวถ้าคนรู้แกวแล้วอาจทำให้ความเชื่อถือลดลงบ้าง
ปวดหัวกะการ unlock มัน
เทียบกะการแงะ 3 เครื่อง ในเชิง power user ไม่ใช่ hacker นะ
ผมยังไม่ Unlock เลยครับ แค่ Link Contacts ก็แทบสิ้นสติ เล่นเอาปวดหัวเลย
+1 น่าจะง่ายกว่านี้หน่อย
พอทำเสร็จ แล้วซิ้งใว้ในเมลหลักครับ ที่นี้เวลาเอาเมลไหนเข้ามาอีก อย่าให้มันซิงคอนเทคอีกนะครับ ไม่งั้นก็ต้องทำแบบนี้ไปตลอตชาติ เจอมาเอง 555 แล้วเบอร์ต่างๆก็ต้องบันทึกใหม่ในตัวเมลหลักของเราด้วย ไม่งั้นก้ตลอดชาติอีกเช่นกัน 555 แทบง่อย กว่าจะเข้าใจ
WP7 + Kinect การหวังผลระยะยาว อาจต้องยอมขาดทุนในช่วงแรกบ้าง แต่ XBox ก็เคยขาดทุนนะ ตอนนี้ชนะ PlayStation ขาดลอย
Playstation 3 พลาดเองด้วยนะครับ
- ราคาแพง
- เกมพัฒนายาก ต้นทุนสูง
- เล่นแผ่นก๊อปไม่ได้ (สำหรับบางคน ในตอนนั้น กว่าจะแฮ็คได้ก็นานมาก)
ect.
เล่นแผ่นก๊อบไม่ได้ น่าจะเป็นปัญหาของบางประเทศมากกว่าครับ
Technology is so fast!
สารขัณฑ์?
ยังไงผมก็มองว่าถ้า MS เลือกที่จะแตกตัว WP ออกมาจาก windows จริงยังไงซะมันก็เป็นเรื่องที่ผิดเทรนในระยะยาว
ลองคิดถึงกองทัพ tablet ที่กำลังบุกทะลวงสิครับ
ต่อไปจะ 3.5 4.0 4.3 4.7 5.0 7.0 8.9 10.1 นิ้ว
กลายเป็นว่าก้ยังต้องมีคอมพิวเตอร์อีก 1 เครื่องที่จะต้องทำงานจริงจัง และมักจะเป็น windows
ทำไมไม่ทำแบบเดิมที่ MS ถนัดครับ คือทำ windows phone ที่เป็น windows จริงๆซะเลย
เอาให้มันลงได้กับทุกเครื่องที่ยอมทำ driver ให้ไปเลย
เข้าใจว่ามันเป็นไปไม่ได้ในกรณี x86 กับ arm แต่มันต้องมีทางทำอะไรแนวนั้นได้บ้างสิ ??
ขนาด windows 8 ยังมี tablet ui แล้วจะปรับอีกซักนิดจะเป็นไรไป
ข่าวก่อนๆนี้ ผมเข้าใจว่าเพราะสถาปัตยกรรม ARM มันทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ครับ ต้องมีไดรเวอร์เฉพาะ บลาๆ อะไรเนี่ยแหละ ครั้นจะเอา WP มาใส่บน x86 ก็เหมือนจะกินแบตเกินไป
เอา Windowns 8 ARM ให้รอดก่อนดีกว่าครับ..
คุณ mk เขียนบทความได้ดีมากครับ อ่านเพลินเลย ซึ่งปกติผมไม่ค่อยอ่านบทความยาวๆ นะเนี่ย