และแล้ววันที่หลายคนไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้นแล้วครับ เพราะวันนี้ USPTO ได้ประกาศสิทธิบัตรที่เกี่ยวกับ Multi-touch บนอุปกรณ์พกพาทั้งหมดว่าตกเป็นของ Apple แล้ว หลังจากที่ Apple ยื่นขอสิทธิบัตรตัวนี้เป็นเวลานานตั้งแต่เปิดตัว iPhone รุ่นแรก การจดสิทธิบัตร Multi-touch ในครั้งนี้จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ของวงการอุปกรณ์พกพาที่หลายคนไม่อยากจะจดจำเลยทีเดียว เพราะนั่นหมายความว่าอุปกรณ์ที่หน้าจอเป็นทัชสกรีนทั้งหมด จะมีสิทธิ์โดนแอปเปิ้ลฟ้องในเรื่องนี้ได้เลยทีเดียว
งานนี้เราต้องดูกันต่อไปล่ะครับว่า Accenture (Symbian), Google (Android), Linux Foundation (MeeGo), Microsoft (WP7) จะพากันพร้อมใจปิดฟังก์ชั่น Multi-touch หรือไม่ หรือจะยืนหน้าสู้กันต่อไป งานนี้มียาวครับ
Comments
ข่าวต่อไป : Apple ไล่ฟ้องบริษัทข้างต้นเรื่องสิทธิบัตร Multi-Touch
ข่าวถัดไป android ทำ patent pool
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ผมว่าวงการ IT จะพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นก็เพราะข่าวนี้แหละคับ
รอดูว่าฝั่งตรงข้ามแต่ละคนจะมีไม้เด็ดอะไรมาให้ยลกันบ้าง
positivity
เห้นด้วยนะ นึกย้อนไปวันก่อนที่จะมี iPhone เกิดขึ้นว่าโลก ของโทรสัพเป้นยังไง และ smart phone เคยเป้นยังไงมาก่อนหน้านั้น
ต่อไปนี้ ถ้าจะเอา Apple ให้หนาว ก็ต้องมีสิ่งที่เจ๋งกว่าจริงๆออกมาสู้ มันเป้นสิ่งที่จะไปกดดัน คู่แข่งให้ ต้องคิดออกมาให้ได้ดีกว่าเท่านั้น
+1
ความเห็นของผมคือ
ก่อนมี iphone โลกของโทรศัพท์แข่งกันที่ "function"
แต่ตั้งแต่มี iphone ผมเห็นว่าโลกของโทรศัพท์วัดกันที่ "fashion"
ผมอาจจะมองแค่ผิวเผินเกินไป ถ้ามีมุมมองของคุณโปรดบอกด้วยนะ ผมอยากรู้ว่าคนอื่นๆ คิดว่าอย่างไรกันบ้าง
จะเหมารวมทั้งหมดคงไม่ถูกนักครับ แน่นอนว่าการตลาดของ Apple นั้นทำให้ดูแบบนั้น แต่สิ่งที่ต้องยอมรับคือ Apple ก็เป็นคนบุกเบิกตลาด mobile apps ระบบ UI ระบบทัชสกรีนมัลติทัช ซึ่งต่อมาก็มี Android กำเนิดขึ้นในแนวทางที่คล้ายกัน
ผมว่ามันก็เหมือนตอน Windows สร้างมาตรฐานให้วงการ PC และ Apple ได้สร้างให้ Smart Phone ครับ
รวมๆ ก็เห็นด้วยนะ
แต่เฉพาะเรื่องสิทธืบัตรตัวนี้ผมว่ามัลติทัชที่เค้าเขียนมันก็เป็นของ "ทั่วไป" ไปแล้วนะ แต่ผมก็ไม่ได้เล่นของแอปเปิ้ลครบทุกตัว และ ไม่ได้ตามของเจ้าอื่นมากนะครับ
เห็นด้วยค่ะ
คิดเช่นกันครับ... . . .
เพื่อนผม (เรียกได้ว่า 9 ใน 10 คนเลยก็ว่าได้)
เพื่อนได้ผลิตภัณฑ์ของ apple มาในครอบครองแล้วเกิดเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น... .
เพื่อน : app store คืออะไรเหรอ ไม่ใช้ได้ไหม
ผม : แล้วก่อนจะซื้อไม่รู้อะไรเลยเหรอว่าไอ้เจ้า device ที่ได้ควักเงินจ่ายมาเป็นเจ้าของเนี่ยะ มันทำอะไรได้บ้างน่ะ ?
เพื่อน : ก็เครื่องมันสวยดี มีระบบแผนที่ กล้องมี Flash ก็เนี่ยะ ที่อยากได้มานานแล้ว
ผม : โทรศัพท์รุ่นอื่นๆมันก็ทำได้นี่นา อย่างเช่น ก, ข, ค, ง, ฯลฯ
เพื่อน : ก็มันไม่สวย ดูดี มีราคา เหมือนอย่างของ apple นี่นา
ผม : .. . . . . ..
(ผมเลยสรุปว่า ตอนนี้เราอยู่ในยุคของการวัด device ที่ "fashion" เช่นกันครับ)
อันนั้นมันอยู่ที่คนใช้แล้วครับ
ผมเห็นด้วยนะครับ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะตีมูลค่าของศิลปะเท่าไหร่
พวกเราชาวโปรแกรมเมอร์มักจะมองข้ามสิ่งที่เรียกว่าศิลปะเสมอ
อย่างน้อยๆ พอ iPhone เริ่มออกมายี่ห้ออื่นๆ ก็เริ่มปรับปรุงรูปร่างของโทรศัพท์
(แต่ส่วนใหญ่มันก็คือการลอกเลียน ดัดแปลงทั้งนั้นแหละคับ
เพราะมันคือหัวใจหลักของศิลปะมีคนเคยกล่าวเอาไว้ "ศิลปะคือการเลียนแบบ")
แต่ผมว่ามันก็เป็นแค่ปัจจัยนึงเท่านั้นแหละครับ
...โดยเฉพาะกับคนไทย
positivity
ผมจำกัดความของ iPhone ว่าเป้นการมอบประสบการณ์การใช้งาน ที่ดีกว่าให้กับผุ้ใช้ครับ แต่ Technology ดีที่สุดที่เค้าใช้หรือเปล่า ก็ไม่นะ และบางทีก็ไม่จำเป็นสักเท่าไหร่ด้วย ยกตัวอย่างเช่น การเขียนบันทึกลงใน Notebook ด้วยดินสอ เป็นประสบการณ์ในการใช้งานที่ดีหรือไม่ ผมว่าใช่นะ
เรื่องมูลค่าของศิลปะนี่ผมเห็นว่าเจ้าอื่นไม่ได้สู้ไม่ได้นะ แต่กลับเป็นว่าแอปเปิ้ลให้ประสบการณ์เฉพาะแบบ"แอปเปิ้ล"มากกว่า แต่ผมว่าต่อไปก็อาจจะกลับกันแล้ว เพราะผมว่าตอนนี้สินค้าแอปเปิ้ลมัน"ตลาด"ไปแล้วสำหรับผม
ส่วนเรื่องปัจจัยนี่ไม่เฉพาะคนไทยแน่นอน เพราะเพื่อนผมไปเจอแถวต่อคิวจองไอโฟน4 ยาวเป็นกม. ที่ลอนดอน
ผมเห็นด้วยกับความเป็น"ตลาด"ในย่อหน้าแรกนะครับ และความเป็นศิลปะยี่ห้ออื่นก็สู้ได้แน่นอนครับ
ดูตัวอย่าง smartphone และ tablet ที่แต่ละค่ายออกแบบมาก็รู้แล้วครับว่าสู้ได้สบายมูลค่ามันถึงพอๆ กันไง
ย่อหน้าสองผมหมายถึงคนไทยซื้อด้วยปัจจัยในความเป็นแฟชั่นแบบที่คุณ treastress บอก
แต่คนต่างประเทศเค้าอาจจะซื้อกันด้วยปัจจัยอื่นมากกว่าน่ะครับ
สังเกตุได้จากการที่คนไทยมีความนิยมในตัว blackberry มากกว่าเมืองนอก
positivity
ในมุมมองของผม ยุคปัจจุบันนี่แหละ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่า มือถือราคาแตกต่างกัน มันมี function ที่ทำให้การใช้งานแตกต่างกันได้อย่างชัดเจน ต่างจากเดิมที่รู้สึกว่ามือถืออะไรก็เหมือนๆ กันไปหมด
ถ้าย้อนกลับไปสักต้น 2000s มือถืออย่าง Nokia 8250 มันไม่ได้มีฟังก์ชันอะไรที่รู้สึกว่าช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้นมากไปกว่า Nokia 3310 นอกจากว่ามันสวย เล็ก เบา ดูดีกว่า
perception ต่อมือถือของผมในอดีตคือ ฟังก์ชันที่แตกต่างกันมันเล็กน้อยมากสำหรับมือถือแต่ละรุ่น ช่วงสักปี 2004 มือถือโนเกียราคาหลักหมื่นบางรุ่นก็ยังให้ความแตกต่างแค่ เบา สวย มีกล้อง (ที่เอารูปไปใช้งานอะไรไม่ได้)
แต่ยุคปัจจุบัน ผมรู้สึกชัดเจนกว่าว่า มือถือแต่ละรุ่น แต่ละกลุ่มราคา มันมีความสามารถที่แตกต่างกันให้พิจารณา มีผลต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างชัดเจน จนทำให้รู้สึกว่า เราสามารถ "จ่าย" เงินให้มือถือราคาหมื่นกว่าสองหมื่นเพื่อเพิ่ม productivity เราได้จริงๆ
เห็นด้วยเลยครับ Feature Phone ราคาหมื่นกว่า ๆ กับ Smart Phone แตกต่างกันค่อนข้างเยอะแล้ว
ได้อาวุธอานุภาพสูงอีก 1 ชิ้น
^
^
that's just my two cents.
ขาก๊อปสะเทือน!!!!
งานนี้ Android อาจจะมีราคาแฝงที่สูงขึ้นอย่างน่าตกใจ
@TonsTweetings
แน่นอนว่าเมื่อ Apple ได้รับสิทธิบัตรดังกล่าวอย่างเป็นทางการแล้ว พวกที่เตรียมตัวซวยก็ได้แก่บรรดาคู่แข่งคนสำคัญทั้งหลายอย่าง Samsung หรือ HTC เพราะถือว่าเป็นการละเมิดสิขสิทธิ์ตรงนี้เต็มๆ ไร้ข้ออ้างแก้ตัวใดๆ และยิ่งไปกว่านั้นมีการพูดถึงขนาดที่ว่าตัวลิขสิทธิ์ดังกล่าวนั้นกว้างพอที่จะครอบคลุมอุปกรณ์ที่ไม่ใช่โทรศัพท์มือถืออ่าทิเช่นพวก Tablet หรือ Media Player ขนาดพกพาที่สามารถใช้ Multi-Touch ได้ด้วย
แล้ว Apple Inc. จะโดนฟ้องด้วยไหม
ใช้ชื่อบริษัทเขามาเป็นชื่อยูสเซอร์? =]
edit: อย่าบอกนะว่า official account O_o"""
^
^
that's just my two cents.
ฮาหงายเงิบบบ บ บ บ
Ps. โดนกี่ล้านอย่าลืม pm. มาบอกด้วยนะครับ คุณ Apple Inc.
ผมว่า Apple จะไม่สู้กับบริษัท อื่นถ้าบริษัทอื่นไม่พยายามเลียน Apple จนมากเกินไป นะครับ
คุณมองแอปเปิ้ลในแง่ดีมาก... เกินไป
ไม่จริง
ค่ายนี้เขา evil มาหลายอยู่นะครับ ลองกลับไปดูที่ข่าวเก่าดูนะครับ :)
The war has been declared (again)
บริษัทอื่นโดนแอ๊บเปิ้ลจัดหนักแน่ อยากให้บริษัทอื่นๆ ลงขันรุมคืนบ้างจัง คงสะใจน่าดู :)
อ่านข่าวแล้วขึ้นเลยครับ
ทั้งขึ้นทั้งขำ
อยากเห็นพี่เขาโดนรุมกระทืบอยู่ อิอิ
เป็นเรื่องธรรมดาของเมกาครับ ฟ้องกันไปมา ถ้าก็อปเขาจริง ก็ต้องยอมจ่าย ถ้าไม่อยากโดนฟ้องก็อย่าทำขึ้นมาหรือไม่ก็ซื้อสิทธิบัตร.. โดยการซื้อบริษัทที่ถืออยู่ หุหุ
+69
ส่วนตัวเชื่อว่า Apple คงไม่ไปไล่ฟ้องอะไร
น่าจะเก็บไว้เป็นไม้ตายสำหรับเบิกทางในอนาคตมากกว่า
อยากได้อะไรก็ต้องได้ ... ไม่งั้น ... หุหุ
นึกว่าที่ทำ ๆ กันไม่มีใครฟ้องใครได้แล้วซะอีก
My blog
แย่ล่ะ Apple ได้(โรงงานผลิต)นุ๊กมาแล้ว
ดูจากประวัติ แอปเปิ้ลไม่น่าเกลียดขนาดไล่ฟ้องเหมือน Oracle แต่จะใช้สิทธิบัตรเป็นอำนาจในการต่อรองในกรณีที่รู้สึก "ไม่พอใจ "คู่แข่งมากกว่า
Apple คงไม่ไล่ฟ้องดะ หรอกมั้ง - -
ไม่ไล่ฟ้องดะ ฟ้องเฉพาะตัวเป้งๆ
...
ผมสงสัยจังว่าปกติการอนุญาติสิทธิบัตรพวกนี้เค้าดูกันยังไงเหรอครับเพราะอย่างกรณีตัวนี้เนี่ยเค้าอนุญาติออกมาหลังจากที่ทุกๆคนทำกันแล้วเนี่ย ถ้าตามกฏหมายก็ต้องเลิกทำกันหมดเหรอครับ มันก็เหมือนปิดช่องทางแข่งขันในตลาด
การยื่นขอมัน pending มานานครับ ช่วงที่ยังไม่ตัดสินคนอื่นก็ยังมีสิทธิ์จะก๊อบได้
คงจดไว้ป้องกันตัวเองมากกว่า
twitter.com/djnoly
เหมือนจัด divine rapier มาเลยทีเดียว เฮ้อ !!
ข่าวต่อไป: google จดลิขสิทธิ์ notification บนอุปกรณ์พกพาแล้ว ขณะนี้กำลังไล่ฟ้อง...
:-)
กดไลค์เมนต์นี้ครับ :D
WP7 ไม่โดน ...เพราะมันไม่มี!
Muti-touch มีนะ
เขาหมายถึง notification
WP7 ไม่โดน ...เพราะ nokia มี cross license กับ apple ตะหาก
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ชอบบบบบบบบบ
^
^
that's just my two cents.
มีตั้งแต่สมัย Windows Mobile แล้วไม่ใช่เหรอครับ แต่ก่อนหน้านี้ผมไม่แน่ใจน่ะครับ
เค้าหมายถึงรูปแบบการเตือนมั้งครับ
ถ้าจะว่าไปการเตือนมันมีมาก่อน ppc ย้อนไปสมัย palmOS นู่น แต่รูปแบบมันไม่แนวอย่างเดี๋ยวนี้
ฮาหงายเงิบบ บบ บ บ (อีกแล้ว)
เปิด opensource android ไปแล้ว เท่ากับยอมให้ notification เป็น open ไปด้วยหรือเปล่า
เพราะมันอยู๋ใน android เลยนิ
ไม่เกี่ยวครับ "ลิขสิทธิ์" ในตัวโค้ด ไม่จำเป็นต้องไปพร้อมกับ "สิทธิบัตร" ในการสร้างสรรค์
ยกเว้นเฉพาะ "สัญญาอนุญาต" บางชนิด เช่น GPL 2.0 ขึ้นไปที่ระบุเรื่องสิทธิบัตรที่เกี่ยวกับโค้ดไว้ด้วย
ผมเข้าใจว่า Android ในส่วนของ UI มีสัญญาอนุญาตเป็น Apache License ก็ต้องไปดูกันอีกทีว่ามันบังคับ "ส่งต่อสิทธิ" ในสิทธิบัตรไว้ด้วยรึเปล่า
lewcpe.com, @wasonliw
opensource ไม่ได้แปลว่าฟรีครับ ต้องดูไลเซนต์อีกที
อาจต้องรออีกซัก 4 ปี ถึงจะฟ้องได้
จะเป็นแบบ Apple ต้องจ่าย Nokia หรือเปล่า
kurtumm
น่าจะเหมือน HTC จ่ายให้ไมโครซอฟย์เครื่องละ 5 USD มากกว่าครับ
และแล้ว Apple ก็หารายได้จากจุดนี้ได้อีกเป็นกอบเป็นกำ.. .. . :S
ผมคิดว่าแอปเปิลไม่น่าจะไล่ฟ้องดะครับ แต่น่าจะจดไว้ป้องกันตัวจาก Patent troll ครับ
ผมไม่เคยเห็นแอปเปิลไปลุยใครก่อนนะ แต่ถ้าปกป้องสิทธิของตัวเองนี่เค้าก็เต็มที่เหมือนกัน
แต่แบบนี้ ติดต่อให้บริษัทด้านบนเป็น licensee ได้สบายๆ
?
ถ้า Apple ยอมติดต่อก็คงดีกับพวกเขานั้นแหละ ถ้าฟ้องกันคงได้บานกว่าเดิม
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
สาวก droid ดิ้นพลาดๆ เลย -_-
แล้ว mouse multi touch ที่เคยเห็นก่อนหน้านี้ละครับ มันผิดกฏด้วยไหม
ไม่ครับ ใน patent นี้ระบุว่าเป็น portable multifunction device ที่มีจอ touch screen ครับ
mouse multi touch ลุงแกไปจดนานแล้วครับ
USPTO ซื้อบื้อได้โล่ห์..
USPTO งี่+เง่าด้วยคน เพราะเรื่อง Mutitouch นี็เป็นเรื่องพื้นฐานไปแล้วนะแล้วยังดันอนุมัติอีก ผมว่า USPTO แหละทำให้สิทธิบัตรเละเทะ
ผมว่าเขาขอจดตั้งแต่เปิดตัว iPhone รุ่นแรกแล้วนะครับแค่เปิดตัวยังไม่วางขายเลย สมัยนั้นเห็นครั้งแรกในงานเปิดตัวมีแต่คนตื่นเต้นคิดมาได้ยังไงใช้ 2 นิ้วซูมรูปถ่ายได้ (รุ่นอื่นยังใช้ปากกาจิ้มอยู่เลย จะซูมก็กดแว่นขยายเอา)
เขาจดตอนนั้นนะถูกแล้วครับแต่ผิดที่การพิจารณามันนานมากจนคนอื่นก๊อบกันหมดแล้วพึ่งพิจารณาเสร็จ
ช่วย + ด้วยคนครับ
ตอนนนี้เรื่อง Mutitouch มันก็เหมือนกับการคลิกเมาส์ปุ่มซ้าย-ขวานั้นล่ะ
ผมเคยได้ยินว่า MS เคยจะจดสิทธิบัตรการคลิกเมาส์ปุ่มซ้าย (ข่าวนี่ผมได้ยินมาประมาณ 10 ปีแล้ว)
แต่ถูกไม่อนุมัติเพราะว่ามันเป็นเรื่องสามัญไปแล้ว
เขาขอจดก่อนที่มันจะเป็นเรื่องสามัญครับ น่าทึ่งดีนะ เอาการเคลื่อนไหวของนิ้วมาควบคุมการทำงานของโปรแกรม
ก่อนคิดออกมาได้มันเหมือนเส้นผมบังภูเขามีแต่เอามาเขียนตัวหนังสือ พอมีคนคิดออกมาแล้ว เฮ้ยมันง่ายๆเองนี่หว่า แถมใช้ดีด้วย ก็เลียนแบบกันใหญ่จนเป็นเรื่องสามัญไป
ก็จ่ายเงินขอใช้ สิทธิบัตร
ดู ๆ แล้ว GG มีสิทธิ์งานเข้าอีกแล้วครับ พี่น้อง อิอ
BB น่าจะรอดเพราะเน้น keyboard
เพิ่งมีข่าวว่าจะโดนไมโครซอร์ฟกับเดลกำลังจาซื้อไม่ใช่หรอ อิอิ
รุ่นใหม่ๆก็ Multi-touch ได้นะครับ bold อะครับ
torch 9800 ก็มีนะครับ
เอ่ออ อยากรู้ว่าใช้เหตุผลอะไร ในการออกสิทธิบัตร หรือว่าใครขอจดก่อนก็ได้ก่อนครับ
ในประเทศอเมริกา คนจะจดได้ต้องสร้างสิ่งนั้นขึ้นมาได้ก่อนครับ แต่ประเทศอื่นเขียนขึ้นมาลอยๆก็ได้
search ว่า first to file or first to invent ครับ
อีกใจหนึ่งก็แค้น อีกใจหนึ่งก็สงสาร Apple กว่าจะจดได้รอไป 4 ปีกว่า 5555+
แต่มาคิดดูมันก็สิทธิของเค้าอ่ะนะ
อย่าเอาไปใช้รบกวนโดยใช่เหตุละกันครับ
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
ถ้าจำไม่ผิด สิทธิบัตร มันต้องฟ้องได้ก็ต่อเมื่อได้จดไว้ในประเทศนั้นๆครับ
มันแยกประเทศใครก็แยกจดประเทศนั้นครับ
เหมือนตอนพันธุ์ข้าวหอมมะลิของเราที่โดนหลายประเทศไปแอบจดก่อนเรา
รอดูต่อไป อิอิ
คำว่าอุปกรณ์พกพา(portable multifunction device)นี่ 3DS กับ Vita ถือว่าเข้าข่ายมั้ย
ปู่นินกะโทรมหนี้จะซวยไปด้วยหรือไม่
หลายคนที่ไม่ได้อ่านสิทธิบัตรคงจะตกใจ แต่ลองอ่านแล้วไม่มีปัญหานะครับ พอสรุปสิทธิบัตรแล้วนั้นจะได้ใจความว่ามันครอบคลุมโปรแกรม Browser ซึ่งแสดงเว็บเพจที่สามารถ Scroll หน้าด้วยนี้เดียวและหากบนหน้าเว็บมีเนื้อหาที่สามารถใช้ Multi-Touch ได้(เช่นหากเว็บมีการ Embedded Google Map ลงไปและสามารถซูมได้ด้วย 2 นิ้วเป็นต้น) ซึ่งหาก Browser ไม่ได้มี 2 Function นี้หรือมีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งจะไม่ถือว่าละเมิดสิทธิบัตรครับ ก่อนตกใจหาข้อมูลให้ดีก่อนนะคร้าบผม
เหมือนจะแปลผิดเล็กน้อยนะครับ
1.ไม่ได้จำกัดแค่ browser หรือ webpage นะครับ ใน patent ใช้คำว่า page พูดง่ายๆ ก็คืออะไรก็ได้ที่กำลังแสดงอยู่บน display นั่นเอง
2. เอานิ้วเลื่อนแล้วทำให้เพจเลื่อนไปแสดงส่วนอื่นได้ - โดยระบุ N นิ้ว ไม่ว่าจะใช้กี่นิ้วรูดแล้วทำให้จอไปแสดงผลส่วนอื่นได้ ก็เข้าข่ายครับ - อันนี้หนักครับ แทบจะทุก Application ใช้วิธีการนี้ในการแสดงผลส่วนอื่นของเพจ เช่น Photos Safari หรือแทบทุกอย่าง
3. เอานิ้วรูดในเฟรมในเพจอีกที - โดยใช้ M นิ้ว ไม่ว่าจะกี่นิ้วอีกเช่นกัน เนื้อหาที่แสดงในเฟรมเลื่อนโดย เนื้อหาในเพจส่วนอื่นไม่เลื่อน - อันนี้ลองมองดูคือ เอาไว้กันวิธีแก้ขอด้านบนอีกทีครับ นั่นคือเลื่อนแค่ส่วนหนึ่งของเพจนั่นเอง
4. ยังไม่ได้พูดถึงการซูมใน patent นี้ครับ
ผมว่าเขาอธิบายถูกแล้วนะครับ
ว่ากันตาม Patent นี้นะ ตามข้อ 3-7 ใน patent
ขออธิบายตามข้อที่คุณกล่าวถึงละกัน
1.Page ในที่นี้ (ตามข้อ 4 และ 5 ใน patent) define ว่าหมายถึง webpage, email และจำพวก Office เท่านั้นครับ
2.N นิ้ว (ตามข้อ 3 ใน patent) หมายถึง 1 นิ้วเท่านั้นครับ
3.M นิ้ว (ตามข้อ 3 อีก) หมายถึง 2 นิ้วครับ
4.อันนี้ไม่มีในข่าวจริงนะ แต่(ส่วนตัว) pinch-to-zoom ผมเข้าใจว่าเป็นส่วนหนึ่งของ M-finger translation gesture
Edit: แก้คำผิดครับ T.T
ทำให้ผมต้องรีบเขียนข่าวนี้อย่างไวเลยครับ 555+
อ้อครับ ถ้ามีการ define ครบแบบนี้ก็ถือว่าไม่กว้างจนเกินไปครับ
Amen
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
แบบนี้ใครผิด? google? ผู้ผลิต?
ถ้ากรณีหลังผมว่าเค้าก็ปิดความสามารถมา แต่แอบบอกวิธีเปิดมาให้..
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ใช้ tablet จีนดิมี แน่
งั้นเชียร์ให้ Microsoft ซื้อ RIM เลยครับ น่าจะมีสิทธิบัตรเรื่องการแจ้งเตือนแบบพุชอยู่ด้วยนะ
สิทธิบัตร nokia ครับ
เตรียมตัวโดนไล่ฟ้องเลย แต่ละบริษัทที่ทำ multitouch
ได้ยุคที่ต้องใช้พลังจิต สั่งอุปกรต่างๆแล้วซินะ ในเมื่ออวัยวะ สัมผัสแล้วผิด.......
[Blog ZeroEngine] [@ZeroEngines]
55555+
ผมว่าไม่ไล่ฟ้อง เพราะเขาต้องการเปลื่ยนโลก ไม่ได้อยากเป็น 1 ในโลก" มีหลายสิ่งที่เราๆได้แต่มอง คนอื่นทำมันขึ้นมา "
-
เห็นด้วยอย่างยิ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ขอจูบปากซักจ๊วบได้มั้ยนี่
ไม่ฟ้องหรอกถ้าจ่ายมาดีๆ ^^
ผมเห็นด้วยนะ(และหวังว่า)ว่าแอปเปิลไม่น่าจะรังแกใคร นอกจากจะเอาสิทธิบัตรไว้ใช้ต่อสู้เวลาไม่พอใจใคร
หรือมีไว้ให้ใช้แลกเปลี่ยนได้ อย่างตอนกรณีสิทธิบัตร Nokia ที่ Apple ต้องจ่ายนั้น อาจจะมีเรื่องการแลกเปลี่ยนสิทธิบัตร Multi-touch ด้วยก็ได้ที่ช่วยทำให้แอปเปิลจ่ายน้อยลง
จริงๆ Multi-touch มันถือเป็นของคู่กันกับ Smartphone ยุคนี้แล้ว ถ้าแอปเปิลมองไปไกลๆ ว่าการที่ตลาดสมาร์ทโฟนโตนั้นเป็นเรื่องที่ดี (ยิ่งมีแข่งกันหลายๆ ยี่ห้อยิ่งทำให้ตลาดโต และนั่นก็จะส่งผลถึง iPhone เองด้วย) ก็ไม่น่าไปขัดขาบริษัทอื่นๆ ให้ตลาดมันสั่นคลอน
แต่ไม่แน่ใจความคิดของสตีฟจอปส์เหมือนกัน ตอนที่แกไปเหวี่ยงใส่ Google เรื่องทำ Android มาแข่ง อย่างที่บอกว่ายิ่งมีคู่แข่งก็ยิ่งช่วยทำให้ตลาดโต (และตลาดสมาร์ทโฟนตอนนี้ก็โตจริงๆ โดยมี Apple เป็นผู้นำด้วยซ้ำ และแอนดรอยด์ช่วยเสริมให้มันโต) แต่ถ้าลุงจ็อปส์เหวี่ยงใส่ Android และไม่อยากเห็นคู่แข่งเนี่ย ก็ไม่แน่ใจว่ากรณีนี้จะเริ่มไล่ฟ้องเก็บคู่แข่งรึเปล่า
แต่ต้องยอมรับอย่างนึงเลยนะว่า Multi-touch นี่ควรจะเป็น patent ของ Apple เค้าจริงๆ ยังจำได้อยู่เลยตอนดู keynote ของ iPhone รุ่นแรก ตอนที่จ็อปส์เปิดภาพแล้วใช้นิ้วถ่างขยายภาพเนี่ย คนฮือฮากันทั่วฮอล ผมดูยังอ้าปากค้างเลย มหัศจรรย์มากในยุคนั้น!!
Apple คงให้บ.ต่างๆ จ่าย Royalty Fee สำหรับสิทธิบัตรตัวนี้ ผมว่ามันคงทำเงินให้ Apple ได้ไม่น้อยเลยนะครับ
อีกหน่อยคงข้ามเทคโนลยี Multi-Touch (สัมผัส) ไปที่ Multi-Aim (เล็ง) ไปเลยมั้งครับ แล้วใครจดได้ก่อนก็สุดยอด นำชัยไปเลย
เพราะ UI อีกหน่อยคงเอามือมาวาดๆ กันกลางอากาศ เพื่อ สั่งงานกันบ้างหล่ะ Apple ก็ Apple เหอะ ถึงตอนนั้นหากเจ้าอื่น ใช้มือสั่งงานกลางอากาศกันได้แล้ว จะมามัวจิ้มหน้าจอ ก็คงไม่ไหว
มีแล้ว apple เป็นคนทำด้วย ขอจด แต่ยังไม่ได้รับการอนุญาต
/OMG
สงสัยไม่ต้องจ่ายให้ Nokia เองละ O-o ที่โดนฟ้องไป
เอาเงินที่ต้องจ่ายมาจากค่าลิขสิทธิ์ Multi touch ของ Nokia HTC Samsung LG MOto
เผลอๆจะกำไรมากขึ้นด้วย 555
ธุรกิจอีกด้านของบริษัทที่ใช้แนวทางนวัตกรรม
คือการฟ้องบริษัทที่ละเมิดหน่ะครับ
ว่าแต่ Multi Touch แปลว่า สัมผัส หลายจุด
หากบางเจ้ากำหนดสเปคมาเลยล่ะว่า รุ่นนี้ สัมผัส แค่ 3 จุด (Triple Touch)จะโดนด้วยมั้ยนี่
เลี่ยงบาลีไม่น่าจะได้ครับ ยังไง triple ก็เป็น subset ของ Multi อยู่ดี
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
apple ไม่ได้จดเรื่องการผลิต จอ multitouch ครับ แต่จดเรื่องการรูดนิ้ว
แล้วพวกเตาแม่เหล็กไฟฟ้าที่ใช้นิ้วจิ้มๆล่ะครับ กับไอ้ที่แตะปุ่มเปิดปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า
เช่นพวก PS3 ทีวีทั้งหลาย ที่ใช้ระบบสัมผัสนี่เกี่ยวด้วยไหมครับ
อ่านดีครับๆ
อุปกรณ์พกพา ที่มีหน้าจอสัมผัส...
Technology is so fast!
แตะหลังเครื่องแบบ Sony PlayStation Vita คงไม่โดนซินะ.
โทรศัพท์หรืออุปกรณ์พกพาแบบจอสัมผัสนั้นมีมานานแล้ว แต่ Apple เป็นคนแรกที่นำแนวคิด multi-touch มาใช้กับอุปกรณ์เหล่านั้น
ในขณะที่ iPhone ตัวแรกใช้นิ้วถ่าง zoom in zoom out ได้โทรศัพท์มือถือจอสัมผัสยี่ห้ออื่น ๆ ยังใช้ stylus จิ้มทีละจุดกันอยู่เลย
ผมว่า patent นี้เป็นของ Apple ถูกต้องแล้ว
That is the way things are.
เหมือนอนุญาติให้ Apple ติดตั้ง silo อาวุธนิวเคลีย หลังห้องทำงาน Steve Jobs
ผมว่าดีแล้วหละครับที่ทำแบบนี้
เจ้าอื่น กอป iphone กันถ้วนหน้า
ผมว่า Apple จดสิทธิบัตรตัวนี้เพื่อป้องกันตัวมากกว่า เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเดียวกับที่ถูก nokia ฟ้องไง ยุคนี้ บ.ต่างๆ สะสมสิทธิบัตร ทั้งการจดเอง ทั้งการซื้อ บ. ที่มีอยู่แล้วก็เพื่อป้องกันตัวจากการถูกฟ้องทั้งนั้น ถ้าเรื่องมันไม่จบแค่ขอซื้อสิทธิในการใช้งานแต่ถูกคู่กรณีฟ้องให้ยุติการขายล่ะ??? ผมว่าการมีสิทธิบัตรของ บ.ไอที ทุกวันนี้เป็นเหมือนเสื้อเกราะกันกระสุนมากกว่าอาวุธมหาประลัยนะ :-)
เทียบกับ Apple คงเป็น Blade Mail ใน Dota นะ
ฟ้องมาถล่มกลับ มีสิทธิบัตรพร้อมสวนไปเสมอ
แต่ blademail โดนรุมตีหนักก็เอาไม่อยู่นะครับ :-D
ล่อลวง แล้วค่อย Hex ก่อนสกลัม
ต้องเอาให้ลงนะ คู่แข่งคนเดียวแล้วมารุมทั้งทีม ถ้าเอาไม่ลง แถมไม่แน่อาจโดน Genocide นี่ รู้ถึงไหนอายถึงนั่นเลยนะ อายทั้งโลก
กลัวมี aegis น่ะสิครับ.. .. . สกรัมกันแล้วตาย, แต่ฟื้นเสร็จ mana เต็ม ไล่เก็บผู้ที่สกรัมทีละราย T-T
กลัวจะตายหมดหลังจาก hex หมด!
แล้วก็ไปรอกันที่น้ำพุ... วิ้งๆ ๆ ๆ ๆ :)
แอปเปิ้ลจดเพื่อคิดตังค์มากกว่า ใครจะใช้ก็จ่ายมา หรือไม่ก็เอาสิทธิบัตรมาแลกกันใช้
เอาอีกแล้วซิเนี่ย
ผมสงสัยว่า multi-touch นี่มัน ระดับ h/w หรือ s/w ที่ทำให้ multi-touch ได้?
ปล. งานนี้แก้ได้ง่ายๆ คือ ช่วยกันใช้ผลิตภัณต์คู่แข่งของแอปเปิลเยอะๆ จะได้มีตังไว้จ่ายแอปเปิลครับ
/me เผ่นน ฟิ้ววว
^
^
that's just my two cents.
ตัวสร้าง Multi-touch นั้นเป็นที่ hardware ครับ
ส่วนคุมให้คุมได้กี่จุดนี้อยู่ที่ software, firmware, kernel ครับ
หากมีปัญหา, คงได้ update firmware ให้เป็นแตะได้เพียงจุดเดียวแน่ๆเลย T-T
ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็จะมีคนแก้ firmware/kernel/software ให้ multi touch ได้ เกิดขึ้นมาแน่ๆ ;)
^
^
that's just my two cents.
เป็นเช่นนั้นแน่ๆอยู่แล้วครับ...
ขนาดอย่าง Motorola Atrix ตอนแรก คุมได้แค่ 2 จุด... ก็มีคนไปปลดเป็น 5 จุด...
แล้วถ้าทางกฏหมายสั่งให้ใช้แค่จุดเดียว... แล้วผู้บริโภคต้องไป Update Firmware ให้เป็นจุดเดียว, เราก็ไม่อัพซะ อิอิ (หรืออัพไป, ก็ต้องมีเหล่าด้านมืด มาปลดปล่อยกันแน่ๆล่ะครับ ^^)
ถ้าคนละ algorithm จะโดนด้วยหรือป่าวครับ
ถ้ามันหมายถึงการแตะมากกว่าหนึ่งจุด ยอมรับว่าครอบจักรวาลจริงๆ OMG แต่ก็ยังจดได้ ไม่จด multi think มั่งดีกว่า
งั้นติดกล้องหน้า แล้วใช้ AI แบบ Kinect ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของนิ้วแทนแล้วกัน เอาแบบไม่ต้องสัมผัสหน้าจอกันเลย
หรือใช้กล้อง Infrared ตรวจจับความร้อนตรวจสอบการเคลื่อนไหวผู้ใช้ในการควบคุม
หรือจะเอาแบบกล้อง Cannon สมัยก่อนที่ใช้ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของดวงตาในการโฟกัส
มันยังมีอีกหลายวิธีที่จะใช้ได้ สิทธิบัตรมันมีหลายมุมมอง ถ้ามองในมุมสร้างสรรค์ มันก็เป็นการเร่งให้บริษัทอื่นๆ เร่งพัฒนานวัตกรรมอื่นๆ ขึ้นมาแข่งขันกัน
ผมว่า แอปเปิ้ล อาจจะใช้เป็นท่าไม้ตาย
พ่อบุญทุ่ม ให้ใช้ฟรี ก็ได้ แล้วให้แปะว่า นี่ของกรูทำนะ
ต้องดูกันยาวๆ ว่าแอปเปิ้ลจะเข้าสู่ดาร์คไซด์เหมือน Darth Oracle หรือเปล่า
ผมว่าผลไม้แหว่งนี่ก็เข้าใกล้เข้าไปทุกทีแล้วนะครับ... . . . -
เป็นข่าวร้ายที่สุดในวงการ ตอนนี้ก็รวยสุดๆ อย่าฟ้องเลยนะ ทำบุญทำทานบ้างนะ ลุง job
ฮ่าาา เป็นการทำบุญด้วยเงินจำนวนมหาศาลเอาเรื่องอยู่นะครับเนี่ย
ถ้าจดได้สิทธิบัตรนี้จะเป็นปัญหาของการพัฒนาเศรษฐกิจสหรัฐเลยทีเดียว แล้วปล่อยให้ชาติอื่นพัฒนาแซงหน้าไปโดยเฉพาะเกาหลี จีน
สมมุติข่าวต่อไป google จดสิทธิบัตร Notification Super-Multi touch
สมมุติข่าวต่อไป google จดสิทธิบัตร Notification Super-Multi touch
อ่านๆดูแทบทุกคนเข้าใจว่า ที่appleจดไปนั้นคือหมายถึงอุปกรณ์ multitouch จริงๆ ไม่ใช่ครับ เขาจด gesture และ response ของมันครับ
อ้าว ข่าวใหม่
ผลกระทบที่เกิดจริง ๆ มันเกิดกับ user ไม่มาก เพราะยังไงผู้ผลิตก็ใช้ H/W ที่รองรับ Multi-touch เหมือนเดิม ส่วนการสนับสนุนด้าน Software เป็นอีกส่วน แต่ส่วนตัวเข้าใจว่า Apple จดเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรอง
ผมมองว่าดีออกครับ (ดีต่อผู้บริโภคอย่างเราๆ) อนาคตบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายจะได้ทำอะไรที่มันท้าทายใหม่ๆต่อผู้บริโภคกันเสียที ไม่ใช่มัวแต่มาเลียนแบบสิ่งเดิมๆที่มีอยู่แล้ว ก๊อปไปก๊อปมาน่าเบื่อตายชัก อิอิ
ยังจำได้เลยว่าตอนที่ iPhone รุ่นแรกออก คนถามว่าทำไมไม่มี Stylus พอมาวันนี้เงียบไม่มีคนถามแล้วแฮะ 55
แต่ iPad ผมก็ยังหาปากกามาใช้อยู่นะ อิอิ