The Globe and Mail รายงานว่าแอปเปิลอาจจะเลิกจ้างซัมซุงในการผลิตชิ้นส่วนให้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ของแอปเปิลแล้ว โดยทั้งหมดนี้เกิดจากปัญหาความสัมพันธ์ที่แย่ลงระหว่างสองบริษัทนี้ หลังจากการต่อสู้คดีละเมิดสิทธิบัตรกันและกัน
ในรายงาน ความสัมพันธ์ระหว่างแอปเปิลกับซัมซุงทางด้านสายการผลิตมีมูลค่าสูงถึง 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ทั้งหมดนี้สามารถดูได้จากรายงานผลประกอบการของซัมซุงครั้งล่าสุด โดยกำไรของส่วนผลิตชิ้นส่วน semiconductor และจอภาพของซัมซุงนั้นลดลงถึง 3.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจจะเป็นผลของการที่แอปเปิลได้เลิกจ้างซัมซุงในการผลิตชิป A5 และจอภาพสำหรับไอโฟนและไอแพ็ด
หากดูจากยอดขายมือถือของซัมซุงที่กำลังเป็นไปได้สวยแล้ว สาเหตุที่ฟังดูเหมาะสมที่สุดก็คงหนีไม่พ้นการเลิกจ้างจากแอปเปิล
ที่มา - 9to5Mac
Comments
วันนี้ที่ลอยคอ รอคอย
จริงๆ ทำเองขายเอง ใช้แบรนด์ตัวเอง กำไรกว่ารับจ้างผลิตเห็นๆ
เอากำลังการผลิตชิพกับจอภาพที่ถูกแอปเปิลยกเลิก เอามาเพิ่มศักยภาพให้กับสินค้าแบรนด์ตัวเองเลยดีกว่า
ออเดอร์มูลค่าถึง 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เลยนะครับ ใครเปิดกิจการอะไรสักอย่าง แล้วเพิกเฉยต่อออเดอร์มูลค่าขนาดนี้นี่ก็ไม่รู้คิดอะไรอยู่
อีกอย่าง ถ้ายกเลิกจริงๆจะมีใครมาให้อินสไปเรชั่นกับรุ่นต่อๆไปเนี่ย : P อิอิ
มันต้องเลือกระหว่างเลิกขายสินค่าตัวเอง แล้วเอาเงินจาก apple กับ ขายสินค้าของตัวเองที่น่าจะมีกำไรมากกว่า ผมว่าชัมชุงเลือกถูกแล้ว
ส่วน apple ก็ต้องจ่ายค่าชิ้นส่วนแพงขึ้น ชึ่งการทำแบบนี้อาจจะถูกในแบบของ apple ก็ใด้
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ผมว่ามาถึงจุดนี้แล้ว SS ไม่มีทางเลือกที่ว่าแล้วครับ
+1
ที่เหลือก็คือจะเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสอะไรได้หรือเปล่า หรือว่า...
ผมว่ายังเลือกได้ ss ก็เลือกแบบเดิมครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ขายสินค้าตัวเอง+กำไรจาก apple = รายได้สองทาง
ขายสินค้าตัวเองที่มีกำไรมากกว่า = รายได้ทางเดียว ว่าแต่ขายไรอ่ะ ทุกวันนี้สินค้าซัมซุง ล้นตลาด มีทุกอย่างไม้จิ้มฟันยันเรือรบ โทรศัพท์ มีวี ซอยรุ่นถี่และเยอะมาก แล้วที่สำคัญ ยังไม่เคยมีข่าวว่า ขายดีจนผลิตไมทัน หรือต้องไปต่อแถวเข้าซื้อแบบไม่ต้องลด แลก แจก แถม
ผลิตเยอะๆ เกินความต้องการ ขายไม่ออก จมทุนตาย ยิ่งสมัยนี้เทคโนโลยีไปไวมากๆ
แต่อย่างว่า Apple ไม่จ้าง คงมีคนอื่นมาจ้างเยอะแยะ แต่โวลุ่มจากมากน้อยก็อีกเรื่อง nexus s ของผมเป็นตย. ^ ^
ที่คุณว่ามามันต้องในสภาวะที่มีกำลังผลิตเหลือเฟือครับ
คือรายได้ลดก็ส่วนนึงแหละ แต่ไม่ได้ลดไป 5000 หรอกครับ เพราะก็สามารถเอากำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นมาชดเชยได้ระดับนึง
ถ้าจำไม่ผิดจอ Samsung Amoled ขายดีจนผลิตไม่ทันนะครับ หุหุ
มันต้องดูในทาง Managerial Accounting ด้วยครับ
ว่ากำลังการผลิตเต็มที่ทั้งหมดที่มีเกินความต้องการของตลาดรึเปล่า
ถ้าเกิน ส่วนที่ผลิตเกินนี่แทบจะกลายเป็น waste ไปเลย เพราะเกิน demand ขายไม่ออก ต้นทุนจม แถมยังจะพาลฉุดราคาสินค้าให้ร่วงอีก ตามหลักสมดุล Demand Supply
สู้เอาส่วนเกินนั้นมารับทำให้คนอื่น เงินหมุนชัวร์ๆ + กำไรชัวร์ๆ (ถึงจะน้อยหน่อย) น่ะครับ
ป.ล. อันนี้ว่าตามทฤษฎีนะครับ เพราะเอาเข้าจริงไม่มีคนนอกที่ไหนรู้กำลังการผลิตแล้วก็ปริมาณ demand ที่แท้จริงของ SS น่ะครับ
+1 ครับ
ถ้ากำลังผลิตอยู่ในระดับที่เหมาะสมตอน Apple จ้างผลิต
การที่ Order ส่วนนี้หายไป ไม่รู้ว่าจะสามารถผลิตสินค้าแบรนด์ตนเองเพิ่มได้มากพอไหม
แต่ผมว่า Line ที่ทับกันจริงๆส่วนมากน่าจะเป็น Smartphone เป็นหลักนะ
เพราะสินค้าอื่นๆ ก็ไม่ได้ทับกันรุนแรงมาก อาจจะมีจอมอนิเตอร์อีกหน่อย
แต่กลายเป็นเสีย Order สินค้าทั้งหมดไปเลย จากประเด็นเรื่อง Smartphone อย่างเดียว
ก็เลยไม่รู้ว่าจะคุ้มค่าจริงหรือเปล่า
+1 ในแง่ของผู้ผลิตแล้ว การที่สามารถดำเนินการผลิตได้เต็ม Capacity ของกระบวนการถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว พูดแบบชาวบ้านก็คือได้เดินเครื่องผลิตก็ยังดีกว่าปล่อยให้เครื่องจอดนิ่งๆ หรือเดินๆ หยุดๆ น่ะครับ
เมื่อยอดขายลดลง อาจจะมีเครื่องจักรที่ต้องถูกสั่งหยุด หรือต้องเดินๆ หยุดๆ มากขึ้น ถ้าหากภาวะนี้ต่อเนื่องยาวนานอาจจะต้องมีการเลิกจ้างพนักงานบางส่วนด้วยซ้ำ ยอดขาย smartphone จะโตทันหรือ??
มันต้องเลือกระหว่างลดกำลังการผลิตชิ้นส่วนให้ apple กับ ลดกำลังการผลิตชิ้นส่วนให้ตัวเอง ดังนั้นเมื่อตัวเองทำกำไรใด้มากกว่า ก็เป็นการเลือกที่ถูกต้องแล้ว
แถมกำลังการผลิตที่เหลือจะทำชิ้นส่วนขายให้คนอื่นที่ไม่ไช้ apple ก็ใด้
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ถ้าเอาตรงๆตามข่าวซัมซุงอาจไม่ใช่คนเลือกนะครับ เพราะแอปเปิลเลือกให้แล้วคือ"ไม่จ้าง"
ผลิตให้ตัวเองแล้วกำไรมากกว่า...จริงหรอครับ
สมมุติคุณสามารถผลิตจอได้ 3ล้านจอต่อเดือน ยอดขายคุณเองคือล้านนึง ขายให้คนอื่นอีกสองล้าน ปรากฏว่าลูกค้าที่มีออเดอร์ห้าแสนเลิกจ้างคุณ คุณจะเอาห้าแสนต่อเดือนนี่ไปไว้ไหน
ในเมื่อยอดขายของคุณเดิมทีไม่ได้ถูกจำกัดด้วยกำลังการผลิตอยู่แล้ว มีจอเหลือเพิ่มอีกห้าแสนต่อเดือนก็ไม่ได้ทำให้คุณขายมือถือได้มากขึ้นเลย แถมบริษัทมือถือเจ้าอื่นก็มีผู้ผลิตของตนเองอยู่แล้วอีก ถ้าทำจนของค้างสต็อกก็กลายเป็นต้นทุนจม หรือไม่ก็โดนต่อรองเรื่องราคาอีก
จะหยุดผลิตก็ไม่ได้เพราะยังต้องมีค่าบำรุงรักษา ยังต้องจ่ายค่าจ้างคนงาน และอื่นๆอีก
ซัมซุงไม่ค่อยอยากเสีย 5000ล้านนี้ไปหรอกครับ
อันนี้ไม่ได้แปลว่าแอปเปิลจะไม่เสียอะไรนะครับ แน่นอนเขาต้องเสียเวลาไปเจรจาเรื่องต่างๆกับผู้ผลิตรายใหม่ ต้องเตรียมเจอความเสี่ยงเรื่องกำลังเรื่องคุณภาพเรื่องราคาและอื่นๆ กับผู้ผลิตรายใหม่ซึ่งอาจไม่เคยรับงานกับตนมาก่อนเลย แน่นอนเขาต้องตรวจสอบมาอย่างละเอียดแล้ว แต่ก็ยังเสี่ยงอยู่ดี แต่ก็แน่หล่ะ ไม่ยอมใคร นี่แหละแอปเปิลที่เรารู้จัก
จริงๆ แล้วมันไม่ต้องเลือกมากหรอกครับ ถ้าซัมซุงไม่เดินมาทางนี้แต่แรก (ลอกแบบ iPhone 4)
ซึ่งถ้าซัมซุงไม่ลอกแบบ iPhone 4 ... ซัมซุงก็จะได้กินทั้งสองทางครับ
ตอนนี้ก็เลือกเอาว่าจะเอายังไง แอปเปิลชอบซัมซุงที่ยอดการผลิตสูง ต้นทุนต่ำนี่แหละครับ
ซึ่งผมว่าอีกหลายเจ้าจ่อยื่นใบเสนอราคาแล้ว
กำไรกว่าจริงเหรอครับ การจะขายสินค้าสักตัวมีต้นทุนเยอะนะครับ ไม่ใช่ว่าพอตัวเองผลิตชิ้นส่วนได้ทุกอย่าง ก็จับเอามาประกอบๆ แล้วขายได้เลย ต้องเริ่มตั้งแต่การออกแบบ ทดสอบ ปรับแต่งความเข้ากันได้ของฮาร์ดแวร์ แต่ละชิ้น แล้วเรื่องของซอฟท์แวร์ แล้วไหนจะเก็บข้อมูลผู้บริโภคเพื่อกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาด การสต็อกสินค้า การขนส่ง หาช่องทางจัดจำหน่าย บริการหลังการขาย ตลอดจนการสร้างแบรนด์ ฯลฯ
เทียบกับ รับแปลนมา-เปิดไลน์การผลิต-เสร็จสิ้น-ส่งมอบ-รับเงิน อันไหนน่าจะกำไรง่ายกว่ากันครับ? สต็อกก็ไม่ต้องถือ ทำตามจำนวนที่สั่ง ได้เงินแน่นอน.
samsung ห่วยจริง พังเร็วทุกอย่าง
หมายรวมถึงสินค้า apple ที่ข้างในเป็น samsung ด้วยหรือปล่าว ?
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
เค้าอาจจะหมายถึงสินค้า apple ที่ข้างในเป็น samsung แต่ผ่านการ QC ที่ไม่เหมือน Samsung ก็ได้ครับ
ผมไม่ได้บอกว่า QC ของ Apple ดีนะ แต่ส่วนตัวผมคิดว่าดีกว่า Samsung
เมื่อก่อนซื้อ Projection TV ตัวละห้าหมื่น ยี่ห้อ SS นี่แหละ ไม่ได้เปิดดูแค่ 4 เดือน เปิดไม่ติดเฉยเลย
dvd ยี่ห้อเดียวกันก็เจ๊งเหมือนกัน
แต่ผมก็ไม่คิดว่า ss จะห่วยทุกอย่างนะ มันน่าจะมีสักอย่างสองอย่างที่มันทนสิน่า :)
อยู่ที่ QC ของแต่ละยี่ห้อเค้าด้วยครับ ว่าเค้าตั้งมาตรฐานไว้ตรงไหน ยกตัวอย่าง Asus เองก็เคยผลิดให้กับ Apple ถ้าผมจำไม่ผิดนะ
สมุติว่า สินค้าของ Asus เอง มีรอยต่อของชิ้นส่วนมากถึง 1mm ก็ได้ แต่เมื่อเป้นของ Apple เค้าอาจจะยอมรับได้ที่ 0.05mm ถ้ามากกว่านี้จะไม่จ่ายเงิน ซึ่งแน่นอน Asus ทำให้ได้ แต่ถ้าจะให้ทำกับ สินค้าตัวเอง เค้าก็ไม่ทำ เพราะว่านั้นจะเป็นการสร้างปัญหาในการผลิดอย่างมากทีเดียว และอาจจะทำให้ต้นทุนบานปลาย ซึ่งเรื่องต้นทุนสูง อาจจะเป็นเรื่องที่ Apple ยอมรับได้เมื่อแลกกับคุณภาพ เพราะอย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่าสินค้าของ Apple ไม่ใช่สินค้าที่อยู่ในกลุ่มตลาดล่าง ซึ่งต่างกับ จุดที่ Asus ยืนอยู่
Asus หลายหมื่นบาทของผมเป็นกลุ่มสินค้าตลาดล่าง เหมาะกับคนโลว์ๆ หรือนี่...
ก็ไม่ได้แปลว่า Asus จับแต่ตลาดล่างนี่ครับ เพราะผมมองว่าจุดยืนของ Asus นั้นจับทั้งล่างกลางบนเลย
ลูกค้าบางคนเค้าเจ็บแล้วจำครับ สำหรับผมก็ยังซื้อ ss อยู่ ก็ซื้อมือถือถูกๆ มาให้ลูกน้องพก แต่ถ้าจะให้ซื้อใช้เอง.. คิดหนักครับ :)
หลังๆ คุณภาพแย่มาก เริ่มถอยตั้งแต่เจอ SyncMaster 793MG
จอคอม (8 จอ) และ LCD TV อีก 1 เครื่อง อีกทั้ง Notebook Sumsung 2 ตัว Galaxy Tab 1 ตัว แล้วก็โทรศัพท์ทั่วไปอีกตัว เคยเสียทั้งหมดนี้รวมกันไม่ถึง 5 ครั้งใน 5 ปี นะครับ (บางตัวอายุไม่ถึงปีนะ แต่พวก LCD จะนาน ๆ แล้วทั้งนาน LCD TV ก็หลายปีแล้ว
และที่สำคัญ ผมไปซ่อม (ในระยะเวลาประกัน) ที่พันธ์ทิพย์ ไม่เคยเกิน 1 ชั่วโมง (ส่วนใหญ่ครึ่งชั่วโมง) ก็รับของกลับมาใช้ต่อที่บ้านได้
ผมว่าดวงด้วยแหละครับ เพื่อนผมทำงานรับประกอบเครื่องคอมให้กับหน่วยงานต่าง ๆ จะประกอบที่เยอะมาก เวลาสินค้าชุดไหนส่งมาเสีย ก็มักจะมีเสียเยอะ ชุดไหนไม่เสียก็ไม่เสียเลย ไม่ว่ายี่ห้อไหนก็ตาม แต่ก็คงต้องยอมรับว่า "ดู ๆ แล้ว" (เดานั้นแหละ แต่ไม่น่าจะเดาผิดกัน) Apple น่าจะมีการตรวจสอบที่เข้มงวดกว่าหรือเปล่า (แต่ก็เห็นมีรายงานเรื่องจอมีปัญหา อื่น ๆ มีปัญหาให้เห็นออกมาบ่อย ๆ นะ (สรุป ผมไม่แน่ใจว่า ระบบการตรวจสอบสินค้าของใครดีกว่าใครกันแน่
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
และใครจะผลิตจอให้หละ sony ? LG ?
หาา LG แสงรอดเต็มเลย !!
Retina Display ก็จ้าง LG นี่ครับ.
Samsung กับ Sony จับคู่กันครับ รวามกันพัฒนาเทคโนโลยี
LG กับ Philips ก็จับคู่กันพัฒนาจอภาพ แต่เดี๋ยวนี้ Philips ก็ไม่ได้เน้นตรงนี้อีกแล้ว
นอกจากนี้ยังมี Sharp ที่ผลิต LCD ได้ดีเหมือนกัน
ยังมีอีกหลายโรงงานที่ทำได้ และ ยังงัยเทคโนโลยี AMOLED ของ Samsung Apple ก็ยังไม่เอามาใช้ครับ
เพราะราคาที่สูง และไม่สามารถผลิตของได้ตามคุณภาพ จำนวน และราคาที่ต้องการ
อ่านข่าวจับใจความได้ว่าแอปเปิ้ลเป็นฝ่ายเลือกที่จะเลิกจ้าง
แต่อ่านคอมเมนต์ไหงกลายเป็นซัมซุงเลือกที่จะไม่ผลิตให้แอปเปิ้ลล่ะเนี่ย ^^
+1
สงสัยเป็นคนมองโลกในแง่ดี้ดี~~
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
เออ อ่านมาถึงคอมเมนต์คุณแล้วต้องกลับไปอ่านข่าวอีกรอบ -*-
แอปเปิ้ลคงหาตัวตายตัวแทนที่จะผลิตชิ้นส่วนให้ได้แล้วแหงๆ แต่จะราคาต้นทุนเท่ากันกับ SS รึเปล่าไม่แน่ใจ
สอดคล้องกับข่าว "LG ลดเป้ายอดขายสมาร์ทโฟนลง 20% เพราะการแข่งขันสูง" เพื่อเอากำลัง 20% มาเพิ่มการผลิตให้ Apple?
= =!! จะไหวเร้อผลิตของตัวเองยังห่วยเลย จะไปผลิตให้ apple
อะไรก็ตาม ขอให้ลดราคาแข่งกันอีกนะครับ ฮ่าๆ
ว่าแต่ทำสัญญากันกี่ปี แล้วหมดหรือยังล่ะนี่ ?
จำได้ว่า samsung เค้าเพิ่งลงทุนขยายโรงงานผลิตรองรับ order จาก apple ไม่กี่ปีนี้เองไม่ใช้เหรอ ถ้าเป็นตามข่าวผมว่า samsung เจ็บเอาเรื่องทีเดียวเลย
เพราะสาเหตุนี้หรือเปล่า ช่วยกระตุ้นให้ติดสินใจยกเลิกการจ้างซัมซุงผลิตได้ง่ายขึ้น
เจ็บครับแต่ระหว่าง apple หยุดซื้อกับหยุดขาย galaxy ตามใจ apple อย่างหลังเจ็บกว่า
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
จริงๆคงไม่อยากให้หยุดขาย แต่คงบอกว่าหยุดคล้ายกันสักที
apple เริมฟ้องหลัง android แซง ios ตอนนี้ก็ฟ้อง htc ซึ่ง ความคล้ายน้อย แน่ใจหรือว่าการฟ้องไม่ใช้เพื่อขัดขา ?
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ผมว่า Apple ฉลาดพอที่จะรู้ครับว่าระบบปิด ทำเจ้าเดียว มันจะไปขายสู้ระบบเปิดอย่าง Android มันสู้ไม่ได้อยู่แล้ว
เหมือนทำ mac ขายอยู่คนเดียว มันจะไปสู้ Windows ที่ขายไลเซนท์ให้คอมหลายๆยี่ห้อได้ยังไง
เพราะฉะนั้นผมจึงเขื่อว่า ที่ฟ้อง ไม่ได้ฟ้องเพราะโดนแซงหรือขายดี แต่เพราะฟ้องเพราะมันคล้ายกันจริงๆ อาจจะมีขัดขาบ้างอย่างที่คุณบอก แต่ไม่น่าจะใช่ประเด็ดหลัก
ผมว่าเรื่องฟ้องเนี่ยน่าจะมองเป็นกรณีไปนะว่าฟ้องเรื่องอะไร ฟังขึ้นหรือเปล่า ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่หน้าที่คนอย่างเราๆมาตัดสินอยู่ดี ^ ^
ถ้าแล้วถ้าถามกลับ Apple ฟ้องซัมซุงเพราะขายดี แล้ว HTC ขายดีขนาดซัมซุงเลยเหรอครับ เลยต้องขัดขา(อันนี้ถามผมไม่รู้จริงๆ)
ปล.อยากให้ Apple เล่นเรื่อง multitouch ที่ได้ลิขสิทธิ์ไปจัง เอาแบบไม่ยอมความ ไม่ขายสิทธิ์ให้ด้วย อยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ถ้าให้แฟร์จริงๆก่อน iphone ไม่มี multitouch หลัง iphone ก็ไม่ควรมี multitouch สำหรับยี่ห้ออื่นๆนะ (smartphone)
มันติทัชไม่ได้เกิดโดย apple
ที่ได้ไปคือถ่างนิ้วเพื่อขยายและใช้สองนิ้วหมุนรูปเท่านั้นนะครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
แต่ก่อนหน้าที่ Apple จะออก iPhone มาเจ้าอื่นไม่รู้จักคิดและทำออกมาขาย ? พอ iPhone ออกก็มากันใหญ่เลยทีเดียว
ทางนิตินัยแล้วก็ต้องไปดูกันล่ะครับว่าใครเป็นเจ้าของ patent แต่ในทางพฤตินัยแล้วสิ่งนี้มันเห็นได้ชัดเจนมากอยู่แล้ว
ถ้าไม่มี Apple ป่านนี้เรา "อาจจะ" ยังใช้ stylus กันบน smartphone กันอยู่ก็ได้
That is the way things are.
meizu ?
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
M8 miniOne mobile phone, released February 2009 ?
ขยายความหน่อยก็ดีครับ พิมพ์มาคำเดียวไม่รู้จะสื่ออะไร
That is the way things are.
เชื่อใหมครับว่า ผมเองก็ไม่รู้ว่าใครคิด multitouch แล้วก็
เชื่อใหมครับว่า reply บนผมพิมพ์ๆลบๆอยู่นานเรื่อง multitouch เเพราะคิดว่า ต้องมีคนมาบอกว่า Apple ไม่ได้คิดเอง ซึ่งผมก็กลัวหน้าแตกเหมือนกัน แต่ก็อุตส่าห์วงเล็บไว้แล้ว ว่าเราคุยเรื่อง Smartphone นะ
สงสัยถ้า Apple ไม่ได้ทำโทรศัพท์ อีกไม่นาน Samsung HTC Nokia คงผลิตคิดค้น ระบบนี้ขึ้นมาแหงๆ
ป่านนี้ OviStore อาจจะใช้ชื่อ Appstore แล้วมี App เป็นแสนๆตัวให้ดาวน์โหลด (ประเทศสารขัณฑ์อาจจะต้องโหลดผ่านทาง *xxxxx แล้วรอลิ้งค์ทาง sms)
ฯลฯ
แหม้ แทงหวยไม่แม่นงี้บ้าง พ่อจะซื้อแจกคนละเครื่องเลย อิอิ ^ ^
ปล.ทำไมเอาชื่อ Meizu ไปส่องดู เจอแต่ iPod Like, iPhone Killer ทั้งนั้นเลย ???
ในตลาดโลกhTCดูยอดขายน้อยกว่าแบรนด์ดังหลายๆเจ้าจริงแต่ในอเมริกา ยอดขายในกลุ่มแอนดรอยโฟนHTCเยอะสุดครับ
ขัดขาแล้วจะทำไมละครับ ก็ในเมื่อเค้าฟ้องว่าไปลอกมา ถ้าศาลวิเคราะห์ว่าลอกจริง Samsung ก็ผิดจริง เราจะไปยุ่งเรื่องอื่นทำไม
1 ศาลวิเคราะห์บางทีก็พลาดครับ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่มีหลักการรองรับ ต้องใช้ดุลยพินิจ แล้วถ้าศาลพลาดทีจะแก้ยังไง
2 จากข้อ 1 นั่นเหตุผลนึงที่ทำให้ไม่มีใครอยากถูกฟ้อง แถมพอถูกฟ้องก็เสียเวลา เสียชื่อเสียง กว่าจะตัดสินเสร็จ อาจโดนสั่งระงับขาย หรือ
3 จากข้อ 2 เมื่อผลออกมาว่าไม่ผิด จะมีการชดใช้ยังไง คุ้มค่ารึเปล่า? ก็ต้องไปอาศัยดุลยพินิจอีกแล้ว
จากเหตุผลทั้งสามข้อ การไล่ฟ้องดะเพื่อขัดขาคนอื่นมันน่าเกลียดมาก ไม่ใช่เรื่องปกติแบบที่คิดง่ายๆอย่างนี้หรอกครับ
กำลังคิดว่าคุ้มไหมนะครับ เพราะมีปัญหากันแค่สินค้า Line เดียว(มือถือ)
แต่โดนยกเลิก Order ของทุกอย่างที่รับผลิตให้เฉยเลย
ปล.แต่ช่วงหลังยอมรับว่า apple ก็แอบเกรียนนิดหน่อยตอนฟ้องไม่ให้ขายเลย
จริงๆน่าจะเจรจากันไปตามปกติ ถ้าลอกแนวมามี patent อยู่ก็ฟ้องกันตามสภาพไป
ถ้าเป็นจริงขึ้นมาถือว่ากวนเขาจนเจอดีเข้าให้
มายืนยันว่า ในวงการผู้ผลิต electronics ทำขาย brand ตัวเอง กำไรกว่ารับจ้างผลิตชิ้นส่วนหรือทำ OEM เยอะครับ margin หลังการประกอบสูงมากๆ
เพียงแต่มันก็มีความเสี่ยงว่า ถ้าทำขายเองแล้วขายไม่ดี ดันกระแสไม่ขึ้น ก็เจ๊ง ก็จะขาดทุนเยอะกว่าการทำขาย by order ปกติไงล่ะ เราจึงจะเห็นว่าเมื่อผู้ผลิตเจ้าใดทำ brand ของตัวเองไปได้ดี เขาก็จะเลิกรับผลิตให้เจ้าอื่น หรือยังรับทำ แต่จะลดน้อยลง หรือถ้า brand ตัวเองขายไม่ดี เขาก็จะfade กลับไปเน้นรับจ้างผลิตเหมือนเดิม
ตัวอย่างที่ดีก็ HTC ไงล่ะครับ จากรับจ้างผลิต จนมาทำ brand ตัวเองประสบความสำเร็จ ผมว่า SAMSUNG เขาก็อยากทำแบบนี้นั่นแหละ
ส่วนจะบอกว่าใครเป็นคนเลือก ก็ต้องบอกว่าทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ ไม่งั้นเรื่องไม่ยาวมาถึงขั้นนี้หรอก SAMSUNG มองเห็นโอกาสทำกำไรจากการขายเอง จนยอมเสี่ยงที่จะเสียคำสั่งซื้อเจ้าใหญ่ไป ส่วน APPLE เขาก็ไม่มีฐานการผลิตของตัวเอง การใช้เหตุผลอื่นมาเป็นเหตุ การเปลี่ยนเจ้ารับจ้าง ก็อาจกระทบถึงคุณภาพ ต้นทุนได้ เจ้าอื่นก็อาจทำได้ไม่ดีเท่า การเสียผู้ผลิต OEM ดีๆก็มีผลต่อต้นทุนโดยรวมเช่นกัน
สุดท้ายถ้าเขาตัดสินใจผิดพลาด CEO เขาก็ต้องรับผิดชอบเองนั่นแหละ
+1 ครบถ้วนทุกกระบวนความ ชัดเจน :)
+1
ตามมา +อีก 1 ^ ^
1+ ตลาด Feature phone(low-end) ไม่โต ยังไง(อย่างไร) ก็ต้องทำ
ชัดเจนเลยครับ
ผมขอเสริมอีกประเด็นที่ตกไป
เท่าที่ทราบ HTC ไม่เคยโดนฟ้องเรื่อง Look & Feel แบบ Samsung
ถ้า Samsung คิดจะเดินเส้นทางผลิตเองขายเอง และข่าวนี้เป็นจริง แน่นอนว่ารายได้จากแอปเปิลก็จะหายไปแล้วส่วนนึง แล้วถ้าแอปเปิลฟ้องร้องชนะขึ้นมาอีกล่ะ...
ตอนจบเหนือจินตนาการ