วันนี้เป็นวันที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้แจกเอกสาร "คำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี" ที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรกำลังจะแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งเป็นการแปลงคำหาเสียงต่างๆ มาเป็นนโยบายอย่างให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตราต่างๆ ผมยกประเด็นไอทีที่เราถกกันใน Blognone ก่อนหน้านี้หลายครั้งมานะครับ
ประเด็นแท็บเล็ตอยุ๋ในข้อ 1.15 เรื่อง "จัดหาคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตให้แก่โรงเรียน" ระบุว่าในปี 2555 ที่จะถึงนี้จะทดลองในโรงเรียนนำร่องชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ควบคู่ไปกับการพัฒนาเนื้อหาตามหลักสูตรเพื่อบรรจุลงในคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต
ยังไม่มีการระบุว่าโรงเรียนนำร่องเหล่านี้จะมีกี่โรงเรียน แต่ก็คาดได้ว่าจะยังจำกัดมาก และแท็บเล็ตปริมาณ 800,000 ตัวสำหรับนักเรียนป. 1 ทั้งประเทศก็คงยังไม่ได้ซื้อในปีนี้
นโยบายด้านสารสนเทศ (3.6) นั้นโดยทั่วไปจะพูดไว้กว้างๆ ว่าจะลดความเหลื่อมล้ำและใช้งานทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ที่น่าสนใจคือหัวข้อ 3.6.2 ที่ระบุอย่างชัดเจนว่าจะมีการส่งเสริมการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสาธารณะโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยกำหนดสามพื้นที่ให้บริการคือ พื้นที่สาธารณะ, สถานที่ราชการ, และสถานศึกษาที่กำหนด
ข้อนี้แม้จะมีความชัดเจนด้านสถานที่ แต่ยังไม่มีความชัดเจนด้านกรอบเวลาว่าเมื่อใหร่ที่เราไปเขต/อำเภอ แล้วจะสามารถเช็คเมลไปด้วยได้ ในส่วนนี้จุดที่ผมเห็นว่าเร่งด่วนมากที่ต้องทำทันทีคือ "ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ" ที่นอกจากไม่มีอินเทอร์เน็ตฟรีแล้วยังมีป้ายประกาศว่า "ไม่ฟรี ต้องซื้อ" ตามจุดประชาสัมพันธ์เป็นที่น่าอับอายของคนไทยอย่างหนึ่ง
นโยบายอื่นๆ สามารถอ่านได้ในที่มา (Scribd) ครับ
ที่มา - Scribd
Comments
น่าจะแจก เด็กม.4นะ
ผมเชื่อว่า Tablet นี่เป็นประโยชน์กับเด็กที่อายุน้อยกว่านะครับ อย่างน้อยถ้าเอามาเล่นมันก็ยังเป็นการเพิ่มทักษะการใช้งานไอที เป็นการเพิ่ม Exposure ให้เด็กครับ (เกมแบบ Simple อย่างบวกเลขยังช่วยได้)
@TonsTweetings
พอขึ้น ม.ปลาย ก็ได้ใส่แว่นกันหมด เพราะตาเสีย จ้อง Tablet วันละ 6ชั่วโมง lol
อันนี้ผมถามแบบ เป็นการเป็นงานเลยนะครับ ไม่ได้กวนใดๆทั้งนั้น ใครรู้ข้อมูลก็ช่วยตอบด้วยนะครับ
การเล่น Notebook หรือโทรทัศน์อะไรทำนองเนี่ย มันทำให้สายตาเสียได้ซักกี่ % เห็นคนพูดจัง
เพราะส่วนตัว กับครอบครับ ไม่มีใครใส่แว่นเลย และผมเองก็ดูโทรทัศน์ เล่นเกม มาตั้งแต่เด็ก 6 ชม นี้ธรรมดาสำหรับผมเลยละ พอโตๆมายิ่งหนัก แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะสายตาสั้นแต่อย่างใด เลยเชื่อว่าปัจจัยหลักน่าจะเกี่ยวกับกรรมพันธ์มากกว่า
ผมสายตาสั้นเพราะกรรมพันธุ์ครับ ตอนที่เป็นประมาณ 13 ช่วงนั้นดูทีวีไม่ใกล้ด้วย จู่ ๆ มันก็เบลอต้องหาแว่นมาใส่ ผมว่ามันมีผลด้านแสงที่เข้านัยตามากกว่า จะเป็นโรคประมาณตาแห้ง อักเสบ หรือต้อจำพวกนั้นมากกว่านะครับ
ไม่มีข้อมูลยืนยันนะครับ ความคิดเห็นส่วนตัวล้วน ๆ
การดู TV มีระยะห่างที่เหมาะสมในการดูนะครับ ถ้าไม่ไกล้จนเกินไปก็ไม่มีปัญหา
แต่เรื่องจอ Tablet นี่ผมว่าปัญหามันเยอะนะ เช่น
-จอมันเหมาะสมที่ใช้แทนหนังสือหรือปล่าว จะมีปัญหาอะไรไหมถ้าจ้องมองแสงที่ออกมาจาก Tablet เป็นเวลานานๆ
-จอสู้แสงได้แค่ไหน เหมาะสมกับสภาพห้องเรียนของเด็ก ประถมบ้านเราหรือปล่าว
ที่เคยอ่านเจอ แม้แต่ในทางการแพทย์ ก็ยังไม่สามารถ ระบุสาเหตุ ชัดๆลงไปได้ ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้ ตาเสีย
แต่สาเหตุที่เชื่อกันโดยมาก คือ พันธุกรรม นั้น ค่อนข้างมีผลการวิจัย รองรับมากที่สุด
ในขณะที่สาเหตุอื่นยังเป็นเพียงแค่ ความเชื่อ เท่านั้น
สายตาจะสั้นลงเพราะ เลนส์กระจกตาบางลงตามอายุและ พันธุกรรม ครับ
ที่ใช้คอมหรือ notebook แล้วสายตาจะสั้นน่าจะเกี่ยวกับว่าตาจะต้องการเพ่งค่อนข้างมาก
ฉะนั้น ถ้าทำงานกับพักสลับเป็นระยะคิดว่าไม่น่าจะมีผลครับ ที่เค้าบอกว่าอยู่หน้าคอม 1 ชม พัก 5-10 นาทีนั่นแหล่ะครับ
ส่วนที่เป็นปัญหาเพราะว่าบางทีทำงานตลอด 4-6 ชม แล้วไม่ได้พักเลยสายตาเลยใช้งานหนัก และถ้าทำแบบต่อเนื่องมันก็ต้องมีเสื่อมสภาพกันบ้างหล่ะครับ
จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมว่าน่าจะเป็นกรรมพันธ์+สภาพแวดล้อม+วัย มากกว่าครับ
ช่วงวัยรุ่นนี่ผมสายตาสั้นเรื่อย ๆ เลยจนเริ่มหยุดเมื่อตอนอายุราว ๆ 25 ปีได้ ซึ่งก็เล่นเกมทีวีเป็นปกติครับ แต่ตอนนี้อายุ 30 ปีก็ใช้คอมทำงานทุกวัน วันละ 8 ชม. สายตาก็ไม่สั้นลงแล้วครับ ซึ่งโดยรวมแล้วก็ใช้สายตาไม่ต่างจากวัยรุ่นเท่าไร
มีลูกรอให้โตซัก 15 ก่อนค่อยซื้อให้ลูกเล่นนะครับ lol
ลูกตา หยุดการเจริญเติมโต ตั้งก่ะ 2 ขวบ แล้วครับ
บางประเทศห้ามเด็กต่ำกว่า๖ขวบดูทีวีเพราะส่งผลต่อพัฒนาการ หลายประเทศก็มีนโยบายแบบนี้ ประเทศเราน่าจะศึกษากันก่อน นำร่องก็คิดว่าไม่ควรเพราะยังไม่ศึกษาผลกระทบ แต่เอาเข้าจริงคิดว่าแค่การเมือง หาเสียง พยายามทำ แล้วก็ปล่อย
ผมพยายามหาแล้วหาไม่เจอนะครับว่าประเทศไหนห้ามเด็กต่ำกว่า 6 ขวบดูทีวี????
มีแต่ต่ำกว่า 2 ขวบที่เป็นข้อเสนอของออสเตรเลียที่จะให้รัฐบาลออกเป็นคำแนะนำสำหรับผู้ปกครอง
lewcpe.com, @wasonliw
เด็กต่ำกว่า 6 ขวบวันๆ เอาแต่ดูทีวีทำให้เป็นออทิสติกเทียมได้ครับ อันนี้ประสบการณ์จากคนใกล้ตัวเลย
เรื่องนี้ในไทยก็เจอกันเยอะ พ่อแม่ไม่มีเวลาให้ลูก ให้คนอื่นเลี้ยง บางคนเขาก็เลี้ยงด้วยโทรทัศน์ ตั้งแต่ตั้งไข่จนสามขวบ วันๆ ดูแต่หน้าจอ เลยทำให้สมาธิสั้น ต้องเสียเวลารักษาไปหลายปีกว่าจะดึงกลับมาให้เข้าสังคมปกติได้
เรื่องนี้ผมไม่ค่อยเห็นด้วยถ้าจะแจกเด็กเล็กเป็นของส่วนตัว ควรจะให้โรงเรียนเป็นคนถือไว้ ส่วนเรื่องอื่นที่คนสงสัยเช่น Application การเอา tablet มาสอนนี่เท่าที่รู้ตอนนี้พวกครูหลายที่เขาก็เริ่มเตรียมปรับบ้างแล้วว่าจะเอา Tablet มา apply ยังไง จะสร้าง Content สำหรับเด็กแบบไหน การจะ block content ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเรียนการสอนมันทำได้หมดล่ะครับ เพียงแต่อาจจะไม่เป็นข่าว
ส่วนตัวผมไม่ตั้งแง่นะถ้าจะเอา Tablet เข้ามา บางทียังนึกแปลกใจว่าสมัยก่อนโรงเรียนไหนมีพีซีใช้นี่คนเห่อมาก แต่พอเป็น Tablet คนกลับตั้งแง่ ผมมองยังไงมันก็เป็นแค่ Device ไอทีตัวนึงที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย จะว่าไปพีซีในห้อง lab โรงเรียนสมัยก่อนพวกที่ใช้เป็นก็ลงโปรแกรมลงเกมกันจนเละเหมือนกัน
ผมไม่ทราบว่าอะไรคือออทิสติกเทียม แต่ทราบว่ามีเด็กแถวบ้านหลายคนที่ไม่ค่อยตอบสนองต่อการสนทนา, พูดไม่ได้, ไม่สนใจสิ่งรอบตัว
เดาเอาว่าเป็นเพราะเด็กไม่ได้ฝึกการมีปฏิสัมพันธ์ต่อสิ่งรอบด้าน เพราะว่าพ่อแม่ไปทำงาน หาเช้า-กินค่ำ ก็ซื้อ VCD การ์ตูนมาเปิดให้ลูกดู แล้วก็ปล่อยให้ลูกอยู่ในบ้านโดยฝากคนข้างบ้านเลี้ยงดู หาข้าวหาน้ำให้
อยากรู้ว่าที่ผมพูดมาใช่ "ออทิสติกเทียม" มั้ยครับ
ขอบคุณครับ
ผมเองก็ไม่รู้รายละเอียดมากนะครับ เท่าที่ทราบคือ ประมาณว่าออทิสติกเทียมจะไม่ได้เป็นโดยพันธุกรรม หรือความผิดปกติโดยกำเนิด แต่เกิดจากการเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมที่ทำให้เป็นน่ะครับ มีข้อดีคือถ้าพ่อแม่ไหวตัว รีบเอามารักษาก็ช่วยได้เยอะ คนที่ผมรู้จักกว่าลูกจะเริ่มสื่อสารกับคนรอบข้างได้ก็ใช้เวลาเป็นปีเหมือนกัน
เท่าที่ดูก็คล้ายๆ กันนะครับ คือพ่อแม่เขาสังเกตุว่าลูกรู้เรื่อง แต่ไม่ยอมพูด แล้วทำอะไรไม่ค่อยสนใจใคร นึกอยากจะวิ่งก็วิ่ง กระโดดโลดเต้น บอกให้หยุดก็ไม่หยุด คือไม่ใชดื้อนะครับ จะออกแนว ignore คนรอบข้างออกไปเลย โลกส่วนตัวสูงมาก หมอเขาจะวินิจฉัยและบอกพ่อแม่ได้ครับว่าเคสนี้เป็นแท้หรือเทียม
จริง ๆ สุวรรณภูมิฟรีเฉพาะผู้ที่จ่ายภาษีสนามบิน (ว่าง่าย ๆ คนที่เข้าไปใช้ฝั่ง Airside แล้ว) ครับ แต่ฟรีแบบแปลก ๆ คือต้องไปขอรหัสเข้าจากเคาท์เตอร์ ซึ่งเสียเวลามาก แต่ตอนนี้ทุกอย่างง่ายขึ้นเพราะเขา Roam กับ Boingo
แต่ถ้าจะดำเนินนโยบายอินเทอร์เน็ตฟรีจริง ๆ แล้วละก็ ต้องแก้ไขด่วนตามสถานที่สาธารณะแบบสนามบินแน่นอนครับ อาจจะเริ่มต้นที่การอนุญาตให้ผู้ให้บริการ Wi-Fi ทั่วไปเข้าถึงได้ (เพราะการท่าแบน Wi-Fi ยี่ห้ออื่นในสนามบินหมด Starbucks สาขาสนามบินเป็นสาขาเดียวที่ไม่มี Wi-Fi เป็นของตัวเอง)
@TonsTweetings
ตอนนี้ เมื่อผ่านตม.ไปแล้ว (ขาออกไปต่างประเทศ) หากจะใช้บริการฟรีอินเตอร์เน็ต ต้องติดต่อเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ โดยต้องลงทะเบียนในสมุดค่ะ โดยต้องระบุชื่อ และข้อมูลอื่นๆ (เหมือนจะเป็นเลขพาสปอร์ต, เบอร์โทรศัพท์) ถึงจะได้รับรหัสเพื่อล็อคอินเข้าสู่ระบบค่ะ ก็ค่อนข้างยุ่งยากจริงๆ เมื่อเทียบกับบริการฟรีอินเตอร์เน็ตของประเทศอื่นที่สามารถใช้บริการได้เลย
ปล. ส่วนตัวคิดว่าเพราะ พรบ.คอมพิวเตอร์หรือปล่าว? ที่ต้องให้คนที่ต้องการใช้บริการกรอกข้อมูลก่อน
จริงๆ ถ้าจะว่าต้องการเก็บข้อมูลผู้ใช้จริงๆ ทำไมถึงไม่ทำ web authentication ไม่ง่ายกว่าเหรอครับ ประหยัดทั้งแรงงานและเวลาของทั้งเจ้าหน้าที่และผู้โดยสาร
ยังไงการท่าหลังจากผ่านตม.เข้าส่วน concourse ไปแล้ว ทางตม.ยังไงก็ต้องมี db ของหมายเลข passport กับหมายเลขเที่ยวบินอยู่แล้วใช้เป็นตัว identity เข้าใช้ net ก็ได้นิ แบบประมาณต่อไปที่ access point กับรับ IP ชั่วคราวไว้ redirect ไปหน้า authen กับ radius เสร็จก็จ่าย IP ตัวใหม่มา แล้ว forward traffic ไปก็จบ
คิดเหมือนกันค่ะ ว่ามันมีวิธีที่ง่ายกว่า การมาเขียนลงบนสมุด ฮาาาา
ทุกที่แหละครับ ต้องขอ ID , training center ก้อเหมือนกัน
ถ้าไม่ขอ ID, เขาก้อใช้ net สนามบิน ถล่มคนอื่นได้ครับ
อย่างน้อย เกาหลีใต้ และฮ่องกง ไม่ต้องใช้นะคะ
ลอนดอน เมลเบิร์น สต็อคโฮม เฮลซิงกิ ก็ไม่ต้องใช้
ที่เห็นต้องใช้ก็มีที่สิงคโปร์นี่ล่ะ ที่ต้องผูกติดกับหมายเลขโทรศัพท์
@TonsTweetings
london ไม่มี free internet ครับ
มีครับ departure lounge ของ T3 ต้องต่อผ่าน Boingo แต่ฟรี
@TonsTweetings
ขอยืนยัน เกาหลีใต้ และขอเพิ่ม ออสเตรเลีย ที่สนามบิน Brisbane อีกที่ครับที่ใช้ได้แน่นอน
SPICYDOG's Blog
เพิ่มเติมที่ Canada สนามบิน Vancouver กับ Calgary ก็ไม่ต้องใช้ครับ :)
เพิ่มเติม ญี่ปุ่นก็ไม่ต้องขอครับกดเข้าได้เลยทั้ง ฮาเนดะ จิบะ โอซาก้า
ยืนยันโอซาก้าอีกคนครับ
ไม่ได้มายืนยัน แต่อยากมีส่วนร่วม XD
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
ส่วนร่วมด้วยคน
เบิ้ล
สรุปว่าต้องใช้ทุกที่แหละครับ
ห๊ะ
[ไม่เกี่ยวกับข่าว]
เบิ้ลแบบนี้เสียโควต้า คอมเม้นต์ต่อวัน -1 เลยน่ะสิ :P
^
^
that's just my two cents.
เป็น Contributor ครับ รอดไป
onedd.net
ใครโดนล็อค2คอมเม้นแล้วเบิ้ลนี่ลงแดงตายพอดี
/เพิ่มเติม
Sepang ก็ไม่ต้องใช้ แต่ไม่ค่อยทั่วถึง ต้องหาที่นั่งใช้ดีๆ หน่อยครับ
เพิ่มเติมครับ ที่สนามบิน Abu Dhabi, Munich ก็ไม่ต้องใช้ครับ
ถ้าไม่ใช้ผมว่าผิด พ.ร.บ. คอมฯ บ้านเรานะครับ
อ๋อ link ที่สุวรรณภูมิแพงกว่าข้างนอกมากๆมหาโหด
Anchorage - Alaska หรือพวกเมืองโนเนมอย่าง Memphis, Panama City, ก็ฟรีนะครับ
บ้านเราต้องใช้ เพราะ มาจาก พรบ.คอมพิวเตอร์ครับ เพราะในกรณีที่มีปัญหา แล้วไม่สามารถ Track ตัวตนได้
Admin ติดคุกครับ
แอบฮาเรื่องสนามบิน
ปัญหาคือ พรบ.คอมฯ 50 นี่แหละครับ จะให้ทำอย่างไรถึงจะรู้ว่า "ใคร" เข้ามาใช้งาน
ใน scale ขนาดใหญ่แบบนี้ การทำโรมมิ่ง account เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน?
ต้องบอกอย่างนี้ครับ พรบ. 50 ให้อำนาจ "รัฐมนตรี" ในการประกาศ "กฏกระทรวง" เพื่อสั่งเก็บ log ได้ไม่เกิน xxx วัน
ตรงนี้เป็นอำนาจของรัฐบาลครับ รัฐมนตรีบอกว่า อินเทอร์เน็ตที่อยู่ในโครงการอินเทอร์เน็ตฟรีไมต้องเก็บ log ก็ประกาศได้
lewcpe.com, @wasonliw
ถ้าทำได้จริงตามนั้น ก็แจ๋วเลย
หรือเป็นไปได้ไหม ที่กระทรางมหาดไทยจะตั้ง Radius server ขึ้นมาเอง
ให้หน่อยงานต่างๆ มาโรมมิ่งด้วยรหัสประจำตัวประชาชน
ใครอยากให้เน็ตฟรี ก็ไปขอ Password ที่ว่าการอำเภอใกล้บ้าน
เท่าที่ผมเห็น ก็ไม่มีอะไรที่บอกว่าทำไม่ได้นะครับ
ตรงนี้ผมยกตัวอย่างง่ายมากๆ (over simplified) เพื่อให้เห็นภาพครับว่าเป็นอำนาจของรัฐบาล ของจริงคนตัดสินใจต้องฟังความหลายข้างเช่น ตำรวจที่รับผิดชอบเวลาเกิดคดีเขาก็จะอยากให้เก็บข้อมูลเยอะๆ, หรือตัวผู้ให้บริการที่หากต้อง setup ยุ่งยากก็ทำไม่ไหว, ตลอดจนผู้ใช้ที่หากต้องติดตั้งโปรแกรมอะไรเยอะก็จะไม่ใช้กันอีก
lewcpe.com, @wasonliw
Authen กับระบบทะเบียนราชของไทยผมว่ามีล่มครับ ไม่ก็รอจนหมด session ก็ยังไม่มีการตอบกลับผล 55555
คำแถลงนโนยบายของคณะรัฐมนตรี
ผมว่าเด่วเด็กโดนโจรปล้นแน่ๆ แต่ผมชอบท่านปุรชัยมากกว่าที่ส่งเสริมให้เด็กรักการอ่านนะ เด็กเด่วนี้อ่านน้อยเล่นเกมส์เยอะ สมาธิสั้น
บีเบี้ยวกับบีบึ้ง
ผมว่าเรื่องนี้ทำในแทบจะทุกๆ โรงเรียน เลยนะครับ
คือมันกระจาย จากระดับบน ลงไปสู่ท้องถิ่นนานแล้ว
แต่มันไม่ได้ผล
อย่ามาออกคำสั่งให้สถานที่ราชการต้องลงทุนทำ wi-fi บริการประชาชนฟรีล่ะกัน
เพราะหลายๆครั้งมีคำสั่งให้ทำระบบ IT แบบนั้นแบบนี้ ต้องมีเวปไซด์ ต้องไม่ใช้เมล์ฟรีเมืองนอก หน่วยงานก็ต้องตั้งงบ ทำอะไรเอง แต่ไม่มีงบอะไรมาให้เลย ซึ่งบางเรื่องก็พอไหวอยู่ ... แต่ถ้าต้องสั่งขนาดทำ wi-fi ให้ประชาชนใช้ฟรีนี่ ต้องใช้งบนะครับ... ไม่งั้นท่านๆก็ต้องสั่ง CAT, TOT หรืออื่นๆ ไม่ต้องคิดค่าใช้จ่ายใน B/W ที่จำเป็นต้องเพิ่มขึ้นล่ะ...
ถ้าจะทำจริงๆ เค้าคงไม่ได้ให้สถานที่ราชการมานั่งติดตั้ง wifi hotspot กันเองหรอกครับ คงจะเป็นลักษณะจ้างเหมาให้เอกชนดำเนินการมากกว่า เพราะนอกจากติดตั้งแล้วยังต้องมีการบำรุงรักษาเป็นระยะๆ อีกด้วย
แอบฮาเรื่องสนามบินเหมือนกัน ... แถมมีคนมาให้ข้อมูลเพิ่มอีกด้วยว่าที่ไหนฟรีมั่ง กด Like ให้คนละทีเลย :)
+1
แบบนั้นมันก็ไม่มาตรฐานสิครับ ถ้านโยบายไม่มีกรอบแบบนั้น
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
มหาลัยที่ผมเรียนอยู่ยังไม่ฟรีเลยเก็บตังผมอยู่เลย แล้วจะแจกฟรีได้ยังไงครับ
หยุดเก็บก็ฟรีแล้วครับ
แต่การแถลงนโยบายเป็นภาพกว้าง (ที่ชัดเจนขึ้น) รายละเอียดเพิ่มเติมน่าจะออกมาเรื่อยๆ ครับ อย่างที่บอกว่าสถานศึกษาที่กำหนดนี่จะกำหนดยังไงก็ไม่มีบอกไว้
lewcpe.com, @wasonliw
+1000 เน็ตฟรี อย่าลืมบล็อกโปรแกรมช่วยโหลดต่างด้วยนะ
มีคดีมา ตำรวจทำอะไรแทบไม่ได้เลยนะครับ
กว่าจะได้เรื่องอาจจะมีหลายทอด
บางทีก็เจอ "ตอ" ครับ
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
เท่าที่เคยติดตามข่าวสารบ้าง
คดี hacker ดังๆที่จับได้ แทบไม่ได้ใช้ประโยชน์จากระบบ log เก็บข้อมูลเลยครับ ใช้พยานบุคคลอื่นๆมากกว่า
แต่คดีที่ใช้ log ip เป็นหลักฐานอยู่เป็นประจำมีคดีแบบเดียว คือพวกคดีหมิ่นประมาท (ทั้งหมิ่นประมาททั่วไป และหมิ่นฯ112) นั่นคือดูเหมือนเป้าหมายของการตั้งระบบเก็บหลักฐานจะเป็นไปเพื่อการควบคุมสื่อฯ มากกว่าเพื่อจะป้องกันอาชญากรรมทาง cyber แบบตปท.ครับ
ผมว่า ถ้าเก่งจริงๆ log ก็สามารถปลอมได้
เพราะงั้น เมื่อไปอยู่ในศาล มันก็ไม่สามารถจะนำมาใช้เป็นหลักฐาน ได้เลย(ในต่างประเทศ)
มันไม่แน่หนาพอจะ ทำให้ ผู้บริสุทธิ์ ต้องกลายเป็น ผู้ร้าย
แต่ในไทย บางคดีที่ผมยกตัวอย่างไป ไม่ว่าคุณจะผิดจริงหรือไม่ แต่คุณอาจต้องเข้าไปในคุกโดยห้ามประกันตัว จนกว่าจะตัดสินเสร็จนะครับ
เพิ่งเห็นคดีนึงยกฟ้อง เพราะไม่มีหลักฐานว่าคน post เป็นคนนี้จริงๆ(ตอนแรกจับมาได้ไงหว่า?) แต่กว่าจะัยกฟ้อง ก็ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาไปนอนในคุกกว่าครึ่งปี โดยห้ามประกันตัว เพราะถือว่าเป็นคดีร้ายแรง(กว่าฆ่าคนตาย?)
พูดโดยสรุปก็คือ ผมยังไม่ค่อยเห็นประโยชน์ของการเข้มงวดการเก็บ log ในไทย เพราะที่ผ่านมา มีแต่การไปใช้ปรักปรำในคดีที่เกี่ยวข้องกับการเมืองเสียมากกว่า อย่าลืมว่าจุึดเริ่มต้นของพรบ.ฯนี้ บังคับใช้ในรบ.ทหาร โดยมีการปรับแก้จากร่างฯแรกมากพอสมควร โดยเฉพาะกับโทษในการเผยแพร่ข้อมูลอันอาจจะทำให้ผู้อื่นเสียหาย(ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ หรือเสียหายจริงหรือเปล่าเพราะไม่เคยมีการพิสูจน์เจตนา แค่น่าจะ็ก็โดนแล้ว) ที่ดันโทษหนักกว่าึคดีหมิ่นประมาทบุคคลฯตามปกติ ทำให้มีการใช้การกล่าวหาคดีพรบ.คอมฯ แทนที่จะเป็นคดีหมิ่นประมาท เพื่อที่จะอ้างบทลงโทษที่สูงกว่า(หมิ่นประมาทโทษสูงสุดจำคุก 6เดือน-2ปี แต่พรบ.คอมฯสูงสุด 5ปี) ในการคัดค้านการประกันตัวนั่นเอง(สุดท้ายก็การเมือง)
ในเมื่อมันเริ่มด้วยการเมือง เราก็ต้องแก้ด้วยการเมืองครับ จะแก้ไขพรบ. หรือประกาศกฎกระทรวงใหม่ทดแทน ก็น่าจะทำได้ ถ้ามองตามจริง ไม่ใช่มัวสร้างภาพเพื่อใช้เป็นเครื่องมือโจมตีผู้อื่นแบบที่ผ่านมา
ตั้ง Free Wifi ที่สนามบิน แบบที่ต้องกด Accept ใน Browser
หลังจากนั้นจะใช้ได้ 30 นาทีแบบที่สนามบินอื่น ๆ ก็ดีนะครับ
ทำให้ดีครับ ไม่ต้องไวมากก็ได้ ขอความเร็วสัก 1 เมกก็พอสำหรับการใช้งานทั่วไป
อินเตอร์เน็ตคือรากฐานครับ
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
สงสัยครับ แบบนี้แฮคเกอ ไม่ใช้เน็ตฟรีแฮคกันสบายเลยหรอครับ ตามประเทศต่างๆ
หรือเค้ามีวิธีเก็บข้อมูลผู้ใช้งานแบบไหน
ประเทศที่เข้มงวดอย่างจีนยังเปิดฟรีเลยครับ ที่สนามบินเซี่ยงไฮ้
หวังว่าคงไม่มีกระทู้ในพันทิป ประมาณว่า "Wi-Fi ฟรี จะ block torrent ทำ....อะไร" นะ
น่าจะเริ่มที่ ม.4 นะ น่าจะมีความจำเป็นมากกว่าเด็กป.1
จะแจกอะไรก้อแจกไปครับ อย่าแจก iPad ละกัน ไม่งั้นมีเคือง 555
เอ่อ พอมีข่าวเกี่ยวกับ Content และการได้มาซึ่ง Content บน tablet ที่จะแจกรึเปล่าครับ ผมละกลัวใจจริง
น่าอับอายตรงไหน ที่อเมริกาสนามบินเขาก็ไม่ฟรี เอาแค่รถเข็นใส่สัมภาระยังต้องเสียคันละ $3 ของไทยซิเจ๋งฟรีหมด ส่วน internet ฟรี เขามีจุดให้เล่น แต่ไม่มี WiFi เพื่อความปลอดภัยจากการถูก Hack จากภายนอก
แต่ผมเล่นฟรีนะ ไวไฟด้วย
ส่วนตัวผมยังคงคิดว่า ด้วยงบประมาณอันน้อยนิดของประเทศเรา นะจะพัฒนาที่ตัวครู ก่อนจะดีกว่าครับ
นี้มีมาฝากอีกบทความนึงของลุงหยุ่น
บิล เกตส์ ทุ่มเงินแก้ปัญหาการศึกษา ด้วยการยกระดับครู ไม่ใช่แจกคอมพ์
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/suthichaiyoon/20110831/407215/บิล-เกตส์-ทุ่มเงินแก้ปัญหาการศึกษา-ด้วยการยกระดับครู-ไม่ใช่แจกคอมพ์.html
บทความนี้ของสุทธิชัย หยุ่น เข้าขั้นแย่ครับ ไม่ค้นคว้าเลย
Bill Gates เคยร่วมกับ OLPC เสนอ Windows CE เพื่อให้ใช้งานแล้วแต่ถูกปฎิเสธ ตอนหลังจึงไปขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ว่าอนาคตน่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือแทน
ตัว quote ของบิลล์ เกตต์นั้นก็เน้นย้ำถึงการยกระดับครูและการศึกาาเท่านั้น ส่วน "ไม่ใช่แจกคอมพ์" นี่เป็นคำพูดของคนเขียนเอง
ผมมองว่าบทความแบบนี้เสียมารยาทครับ ไปชี้นำคนอ่านในสิ่งที่เกตต์ไม่ได้พูด
lewcpe.com, @wasonliw