U.S. Patent and Trademark Office (USPTO) หรือสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายทางการค้าของสหรัฐได้ออกมาปฏิเสธคำร้องขอสิทธิในเทคโนโลยีมัลติทัชของแอปเปิลแล้ว โดยแอปเปิลได้พยายามยื่นจดสิทธิบัตรดังกล่าวในวันที่ 9 มกราคม 2007 วันเปิดตัวไอโฟนครั้งแรกนั่นเอง
โดยนักกฎหมายของ USPTO ได้ออกมาบอกว่าการใช้งานและเครื่องหมายทางการค้าที่แอปเปิลขอมานั้นกว้างเกินไป ทำให้บอร์ดของ USPTO ตัดสินใจที่จะปฏิเสธคำร้องในการขอสิทธิดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำว่า "มัลติทัช" กว้างมากเกินไป และสิ่งต่าง ๆ ที่แอปเปิลเอามาแสดงตั้งแต่ยอดขาย การใช้งานก่อนใครจริง และจำนวนเงินที่เทลงไปกับโฆษณาก็ไม่สามารถที่จะนำมาบอกว่าเทคโนโลยีดังกล่าวเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของแอปเปิลและสินค้าต่าง ๆ ของแอปเปิลได้
ที่มา - MacRumors
Comments
TED Talk, 2005
@TonsTweetings
ขอโทษครับ ซ้ำ.....
ชัดเจนมาก......ว่าก่อนแอปเปิล
เรื่องสิทธิบัตรครอบคลุมนี่ก็น่าคิดนะครับ
มันดูหาคำจำกัดความยากยังไงก็ไม่รู้
ปล. ในคลิปเขียนว่า 2006 นะครับ
คนนี้ใช่คนเดียวกับที่ แฮครีโมทของเครื่อง Wii เปล่าครับ
อันนี้ละครับที่มาก่อนจริงๆ เพียงแต่เค้าไม่ได้จดสิทธิบัตร ทั้งๆที่สาธิตแนวคิดเทคโนโลยีนี้ก่อนการเปิดตัวของไอโฟนตั้งนาน เผลอๆอาจจะ Inspire ด้วยซ้ำไป หนังเรื่อง Minority Report ก็อีกเรื่อง
ตัดสินได้ถูกใจผมมากๆๆ
+1
เหอะๆ ผมอยากให้แอปเปิ้ลได้อะ
ถ้าแอปเปิ้ลไม่เอามา ทุกวันนี้เราอาจจะใช้
ปากกาจิ้มจออยู่เลยก็ได้
ถ้า Apple ได้ไป ไม่อยากนึกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
ก็คล้ายๆ กับบริษัทอื่นที่มี สิทธิบัตรพื้นฐานการสื่อสารอะครับ
ฟ้องไปฟ้องมา ปัญหาหลักๆอยู่ที่กฏหมาย
แต่ผมก็งงๆนะ
ผมอ่านหัวข้อสิทธิบัตรหลายๆอย่างมัน พฐ มากกๆๆๆๆๆ
ก็ได้เป็นสิทธิบัตร แต่แบบนี้กลับไม่ได้เป็นสิทธิบัตร
ผมว่าคงมีการเปลี่ยนแปลงกับกฏหมายเกี่ยวกับสิทธิบัตร
เร็วๆนี้แหละครับ วุ่นวายน่าดู
ปล แต่เราก็แค่คนดูคนใช้ไม่ได้เกี่ยวอะไร^^
โทรศัพท์ส่งข้อความ / ส่งอีเมล์ได้ พวกนี้หรือเปล่าครับที่พื้นฐานมาก ไม่น่าจะให้จด
อันนี้ผมไม่ได้มองว่าใครถูกใครผิดนะครับ เห็นด้วยว่าสิทธิบัตรอื่นๆอาจจะเป็นเรื่องพื้นฐานยิ่งกว่านี้อีก
และไม่แน่ Apple จะได้สิทธิบัตรไปก็อาจจะไม่ได้เอาไปฟ้องใครก็ได้ เหมือนที่ Google ได้สิทธิบัตรจาก Motorola ไปป้องกันตัวเอง
แต่ Apple ได้ไปในสถานการณ์ที่มีสงครามสิทธิบัตรระหว่าง Apple กับ Samsung เชื่อว่าจะเป็นเชื้อไฟอย่างดีเลยครับ เผลอๆ Smartphone เจ้าอื่นอาจโดนหางเลขไปด้วย
ถ้าจำไม่ผิดสมัยก่อน Multitouch บนเครื่อง Nexus One ในอเมริกาถูก disable ไว้นะครับรู้สึกจะเพราะ Apple ยื่นจดสิทธิบัตรนี่แหละ ส่วนต่อมาทำไมถึงได้ไม่กลัวโดนฟ้องแล้วกลายๆจะเป็นมาตรฐานที่ Smartphone ต้องมีอันนี้ผมไม่รู้แฮะ
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
เค้ากลัวจะฟ้องมั่วซั่วนี่แหละจึงมีการยกเลิกอันนี้
ของบางอย่างที่เรามองว่ามันพื้นฐาน ในสมัยที่เขาจด มันอาจจะไม่ใช่เรื่องพื้นฐานก็ได้น่ะครับ มันอาจจะเป็นเทคโนโลยีใหม่ เป็นระบบใหม่ๆ ในสมัยนั้นเลยก็ได้น่ะครับ
ถ้า apple จดได้ ก็เรียกว่า ยุคไอทีคอมมิวนิส ละกัน ยกโลกให้มันไปเลย ไอ้ตีฟนี่มันยิ่ง งก งก อยู่ด้วย
คนประดิษฐ์ keyboard mouse ก็คง ออกมาเรียกร้องสิทธิ ค่าลิขสิทธิ เอากันให้หมดทุกชิ้น
ถ้า apple จดได้ ก็เรียกว่า ยุคไอทีคอมมิวนิส ละกัน ยกโลกให้มันไปเลย ไอ้ตีฟนี่มันยิ่ง งก งก อยู่ด้วย
คนประดิษฐ์ keyboard mouse ก็คง ออกมาเรียกร้องสิทธิ ค่าลิขสิทธิ เอากันให้หมดทุกชิ้น
คือ มัลติทัช สมัยที่แอปเปิลทำออกมา ไม่มีใครเหมือน แม้กระทั่งจอ capactive ที่แค่สัมผัสก็ตอบสนองได้ ในยุคนั้นไม่มีอะไรที่ล้ำไปมากกว่านี้แล้ว เค้าคิดได้ก่อน ทำได้ก่อน แล้วจด ก็ไม่เห็นจะผิดตรงไหน ถึงเราจะมองว่ามันกว้างเกินไปหรือมันเป็นพื้นฐานของสมาทโฟนก็ตาม แต่อย่าลืมครับ ว่าก่อนนหน้าที่ไอโฟนจะออกมา สมาร์ทโฟนยุคนั้นยังใช้ stylus กันอยู่เลย ถ้าแอปเปิลไม่คิด ก็ไม่มีมัลติทัช แล้วถ้าเค้าจดสิทธิบัตรทางปัญญา(ที่พลิกโฉมสมาร์ทโฟน)ได้ เค้าก็มีสิทธิที่จะจดเต็มๆครับ เพราะเค้าเป็นผู้ริเริ่ม แต่ทางค่ายมือถือฝั่งต่างๆต่างหาก ที่นำเทคโนโลยีของเขาไปใช้จนกลายเป็นของธรรมดา ทั้งๆที่กว่าจะคิดได้ อาจจะต้องใช้ความพยายามอย่างสูงเลยก็ได้ครับ
การเอาเทคโนโลยีของคนอื่นมาทำให้แพร่หลาย ไม่ได้ทำให้ได้สิทธิในการจดสิทธิบัตรครับ
นึกถึง Android กับ Java เลย
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
ผมไม่รู้นะ แต่คิดว่ามันไม่แน่หรอก แต่ก็ยอมรับถึงการกล้าก้าวกระโดดของ apple
xxx
ซ้ำ (ได้ไง)
@TonsTweetings
มัลติทัชมันเป็นอะไรที่ general ไปแล้วล่ะครับ เหมือนกับการคลิก หรือดับเบิลคลิกนั้นล่ะ
ก่อนจะเป็น general แบบนี้ ถ้าไม่มี iPhone ออกมา เราคงใช้ปากกาเป็นอุปกรณ์หลักบนมือถืออ่ะ
ไม่ได้อยากให้ Apple ได้สิทธิบัตรไปฟ้องคนอื่นนะ แต่ต้องยอมรับว่าตอนนั้นวงการมือถือไม่มีใครคิดเรื่องนี้จริงๆ
ในเชิงเดียวกันครับ ถ้า Microsoft ไม่ออก Windows มาเราคงได้ใช้เมาส์ปุ่มเดียวจนทุกวันนี้เหมือนกัน
และคุ้นๆ ว่า Microsoft เคยขอจนสิทธิบัตรคลิกขวาแต่ไม่ได้เหมือนกัน ตอนนั้นผมได้บอกว่า Microsoft นี้ล่ะ True Evil แต่ตอนนี้คงต้องยกให้ Apple ไปแทน ส่วน Google นั้นให้เป็น Evil in the dark ไปละกัน
ทำไมจะไม่มีคนคิดถึงล่ะครับ ก็พวกนักเขียนนิยายหรือคนดูหนังไง อีกหน่อยรถบินได้, ไม้เท้าเวทย์มนต์, ผ้าคลุมล่องหนอาจจะมีให้เราใช้กันเป็นเรื่องธรรมดาก็ได้
การจดสิทธิบัตรก็ควรจะจดได้แค่ในเชิงเทคนิคที่จะทำให้มันทำงานได้จริงตามนั้น ไอเรื่องกั๊ก Look&Feel ไว้ใช้คนเดียวมัน Evil เกิ๊น ให้จดได้ไง (เค้าก็ไม่ได้ทำหน้าตาเหมือนจนคนซื้อแยกไม่ออกซะหน่อย)
ตามหลักแล้วคนจดสิทธิบัตรได้ จะต้องเป็นคนคิดขึ้นมา ไม่ใช่คนที่ทำให้มันแพร่หลาย ไม่ใช่เหรอครับ
ในคำตัดสินก็เขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่า สิ่งต่างๆที่ แอปเปิลเอามาแสดงตั้งแต่ยอดขาย การใช้งานก่อนใครจริง และจำนวนเงินที่เทลงไปกับโฆษณาก็ไม่สามารถที่จะนำมาบอกว่าเทคโนโลยีดังกล่าวเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของแอปเปิลและสินค้าต่าง ๆ ของแอปเปิลได้
สมัยก่อนมี iPhone โทรศัพท์แบบ Touch จะให้ปากกา Stylus มาด้วย ถ้าไม่มี iPhone ป่านนี้คงจะต้องใช้ปากกาจิ้มจออยู่เลย
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
แปลกใจนิดนึง ที่คราวนี้สำนักงานสิทธิบัตรรู้สึกตัวว่าเขายื่นจดแบบเหวี่ยงแหเกินไป แล้วพวกสิทธิบัตรก่อนหน้านี้ล่ะ จะมีการแก้ไขบ้างรึเปล่า? หรือจดแล้วจดเลย ทำอะไรไม่ได้?
จริงๆๆ ก็น่าจะให้ apple หาจุดเด่นของเขามา เพื่อจะจดสิทธิบัตร แล้วใครทำไปลอกจุดเด่นตรงนั้นก็โดนฟ้องเอา
แต่ถ้าจดรวมๆๆอย่างที่ apple อยากทำมันกว้างไปจริงๆๆ
ความลื่นของมัลติทัชไง ใครทำออกมาลื่นเหมือนที่แอปเปิลทำอยู่ก็จัดเลย
จดสิทธิบัตรความลื่นของทัชสกรีนเหรอครับ ?? จดไงดีล่ะ ??
สุดท้ายค่ายอื่นทำมาไม่ลื่นเหมือน แต่ลื่นกว่าเพราะเคลือบเทฟลอน
นั่นสิ จอ iPad มันก็หนืด ๆ นิด ๆ เวลาใช้ไปสักพัก
delete : ซ้ำ
สรุปคือใครทำมัลติทัชดีแสดงว่าลอก ต้องทำให้มันไม่ดีงั้นเหรอคะ?
+100
delete : ซ้ำ
ไม่ใช่่ครับ อย่างตอนนั้น เครื่องเห็นที่ สิทธิบัตรที่ว่า จอ รับรู้น้่ำหนักของการกดได้อะครับ ถ้าจำไม่ผิดก็ของ apple
อีกอะละครับ เออ อะไรอย่างนี้น่าจะให้เขา นะผมว่า
"ได้ออกมาอกบว่าการใช้งาน"
น่าจะ ได้ออกมาบอกว่าการใช้งาน หรือเปล่าครับ
ผมรู้สึกดีนะ เพราะถ้า Apple จดได้มันจะถูกจำกัดเอาไว้ทำให้การพัฒนานั้นไม่แรงเท่าที่ควร อย่างไรก็ดีผมขอยอมรับว่า multi touch ที่ Apple เปิดตัวแก่ชาวโลกบน iPhone ครั้งแรกนั้น มันทำให้ยุคของ smart phone ยุคใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาจริง ๆ
+1
+99
เยี่ยม!
บล็อกของผม: http://sikachu.com
ยาวไปๆ สั้นลงๆ
เห็นควรด้วย
ยาวไปๆ สั้นลงๆ
เหมือนกับ US จะเริ่มรู้ปัญหาของสิทธิบัตรแล้วล่ะครับ เลยเกิดการปฏิวัติกันนิด ๆ หน่อย ๆ เล็ม ๆ ไปเรื่อย ๆ
ส่วนที่จดไปแล้วคงไปย้อนหลังไม่ได้ ก็คงจะทำได้แค่ของใหม่ไม่ให้เวิ่นเว้อเหมือนที่ผ่านมาเท่านั้นล่ะมั้งครับ ??
แสดงว่ามีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้น ??
เป็นข้อเสียเปรียบของเทคโนโลยีที่จะจด และกลายเป็นข้อได้เปรียบของเทคโนโลยีที่จดไปแล้วครับ เพราะคงตีความเป็นอื่นไม่ได้
แต่ถ้าว่ากันตามเนื้อผ้าจริงๆ นี่คือสิ่งที่มันควรจะเป็นนะ
ขอความรู้หน่อยครับ
พอดีผมสงสัยว่าขอไป 4 ปีแล้วทำไมเพิ่งมาปฏิเสธเอาตอนนี้ ไม่แน่ใจว่าถูกถอนหรือกระบวนการพิจารณาสิทธิบัตรถูกเตะถ่วง หรือว่าเป็นปกติที่มันกินเวลายาวนานจนลูกวิ่งได้แบบนี้
ขอบคุณครับ
กระบวนการขอสิทธิบัตรที่อเมริกาเป็นเช่นนี้ครับ การขอสิทธิบัตรจะใช้เวลาเป็นปีกว่าจะได้รับสิทธิบัตรจริง เฉลี่ยแล้วประมาณ 30 เดือนกว่าจะได้นะครับ เหตุสำคัญคือ การขอจดทำได้มาก มี backlog อยู่เป็นจำนวนมหาศาล
เพราะกระบวนการขอสิทธิบัตรมันยาวนานอย่างนี้แหละครับ ลองอ่านจากข่าวนี้ก็ได้ครับ โอบามาลงนามบังคับใช้กฎหมายปฏิรูประบบสิทธิบัตรแล้ว
ขอบคุณครับ สรุปคือใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี ... ลูกวิ่งได้เลยทีเดียว
แต่ถ้าเป็นความรู้สึกเมื่อ 4 ปีที่แล้วมันก็ wow เหมือนกันนะครับ จำได้ว่าช่วงนั้นยังอยากได้ iphone เพราะแค่มันย่อขยายรูปภาพแบบ 2 นิ้วได้ด้วยซ้ำ รู้สึกดีพิลึกเวลาเลื่อนหน้าจอไปมา --'
แต่ถ้ามาดูตอนนี้มันก็ดูไร้สาระอ่ะนะ
เข้าใจว่า Pinch and zoom น่าจะเป็นคนละสิทธิบัตรกันครับ
Pinch and zoom นี่ยังไม่ครอบคลุมมากเท่าใด แต่มัลติทัชนี่สิ ....
อ่อ ขอบคุณครับ
เอ......... แล้ว pinch and zoom จะไม่ไปชนกับ นาย Jeffhan ในคลิปของ rep1 หรือครับ??
Yes!!!!
Destination host unreachable!!!
สิทธิบัตรที่กว้างมาก ถ้า Apple ได้ไปครอบครองล่ะก็แย่แน่
เหมือนกับขับรถเกียร์ออโต้อยู่ แล้วมีคนมาจดสิทธิบัตรไป ต้องกลับมาขับรถเกียร์ธรรมดากันทุกคน
คงได้ซื้อสิทธิบัตรแทนมั้งครับเหมือนกับว่าหากต้องการ multituch ก็ไปซื้อสัญญาเอาที่ apple ไรประมาณนั้นคงไม่ต้องกลับไปใช้ปากกาจิ้มหรอกมั้งครับ
เมื่อก่อนเคยปลื้มกับสิ่งที่ APPLE ทำ
เพรา APPLE เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ช่วงชีวิตของเรามีอะไรที่ล้ำๆที่ไม่คิดว่าจะมีให้ใช้ ได้ใช้งานก่อนที่จะจากโลกนี้ไป (คิดว่ายุคนี้เป็นยุคที่ดีที่สุดแล้ว ก่อนที่ทรัพยากรณ์จะขาดแคลน)
แต่ไม่เข้าใจว่าหลังๆมาทำไม APPLE ถึงแตะตัดขาเค้าไปหมด หยุดสิ่งต่างๆไว้ไม่ยอมให้มีต่อยอดใดๆ
พูดซะเห็นภาพท่านศาสดามีแสงจากข้างหลังกำลังตรัสว่า "หยุดเถอะเหล่าสาวก! จงอย่าให้อำนาจปิศาจที่ชื่อว่าวิทยาศาสตร์มาครอบงำจิตใจเจ้า เจ้าต้องมีศรัทธา สิ่งที่พระเจ้าให้เจ้าไว้นั้นเพียงพอแล้ว..."
ความจริงแล้ว apple เค้าเริ่มยื่นการจดทะเบียนสิทธิบัตรนี้ตั้งแต่ตอนที่ไอโฟนออกแล้วไม่ใช่หรอครับ แต่ว่าพึ่งจะได้รับการพิจารณา ซึ่งทิ้งเวลามากเกินไป จนตอนนี้ใช้กันอย่างแพร่หลายไปแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาพึ่งจะขอจดนะครับ (ถ้าเพิ่งขอจดก็คงเป็นอย่างที่คุณบอกแหละครับ)
ผมไม่ได้ถือหุ้น ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับ Apple ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับเขาครับ แต่เห็นชอบด้วยที่ Apple ไม่ได้สิทธิบัตรนี้ไป ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นรายอื่นๆโดนไล่ฟ้องไปทั่ว ผลิตภัณฑ์ดีๆราคาสมเหตุผลที่ควรจะได้ใช้ก็อาจจะไม่ได้ใช้
+1 ครับเห็นด้วยเลยครับ
ผมมองว่า multi-touch มันไม่เกี่ยวกับปากกาจิ้ม ถ้าเราใช้ปากกาหลายอัน ผมว่ามันก็ยังคือ multi-touch แต่ถ้าเราใช้จอ capacitive touch screen แล้วแตะได้แค่จุดเดียว ก็ถือว่าไม่ใช่ nulti-touch (เหมือนจะได้ว่า Nexus One หรือเปล่าที่ออกมาตอนแรกแล้วจิ้มได้จุดเดียวเพราะเรื่องนี้ แล้วมีความพยายามจะทำให้มันได้หลายจุดกัน) ไม่ทราบว่าผมเข้าใจถูกปะครับ คือสงสัยเพราะข้างบนเขียนเกี่ยวกับเอาปากกามาจิ้มกัน
SPICYDOG's Blog
ผมอยากให้ Apple ได้สิทธิบัตร multi-touch with fingers on mobile device ครับ
That is the way things are.
ถ้ามีคนที่จดสิทธิบัตร เอานิ้วจิ้ม mobile device..multi touch ก็จะดับป่ะคับ
ถ้ามีคนที่จดสิทธิบัตร เอานิ้วจิ้ม mobile device..multi touch ก็จะดับป่ะคับ
ผมมองว่า claim ประเภท application แบบนี้ มันเป็นเหมือนการทำ evegreen ในสิทธิบัตรยา ไม่มีเทคโนโลยีอยู่จริง มีแต่ข้อบ่งใช้
สิทธิบัตรซอฟต์แวร์นั้นก็มีคำถามอยู่แล้วว่าควรจดได้หรือไม่ สิทธิบัตรที่มีแต่ข้อบ่งใช้แบบนี้ผมมองว่าควรขจัดออกไปจากสารระบบทรัพย์สินทางปัญญาอย่างยิ่ง
lewcpe.com, @wasonliw
+1
+1
+1
ที่ผมอยากให้ Apple ได้ไปไม่ใช่เพราะการบ่งใช้อย่างเดียวครับ เพราะคิดว่าเทคโนโลยี multi touch บนพื้นโต๊ะหรือหน้าจอใหญ่ ๆ น่าจะต่างกับบนหน้าจอเล็ก ๆ เลยคิดว่าเขาน่าจะได้ไปแค่นั้นเองครับ
That is the way things are.
เยี่ยมมาก !!!
มันก็กว้างจริงๆ นั่นแล
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
มันก็กว้างจริงๆ นั่นแล
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
ชอบมากกับการตัดสินใจนี้... ก้าวที่ 1
billbuxton
จากข้อมูลข้างต้น ก็สมควรจะไม่ได้ ^^
รอด!!!!!!!!!!
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
minority report (2002)
มีครบเลย
Multitouch Tablet Kinect
เรื่องนี้มีทุกอย่าง = ='
May the Force Close be with you. || @nuttyi
เพิ่ม Final Cut Pro ด้วย
อยากเห็นนวัตกรรมจอสัมผัสแบบพื้นผิวมีมิติที่ปรับเปลี่ยนไปตาม user interface จังเลย (คือเอานิ้วคลำบนจอจะให้รู้สึกถึงความนูนตรงส่วนที่เป็นปุ่มกดบนจอแสดงผล เหมือนเป็นปุ่มจริงๆ) ได้ข่าวว่าอยู่ในแลบของแอปเปิลมานานแล้วไม่รู้ทำสำเร็จแล้วยัง แต่ถ้าทำออกมาใช้ได้จริงนี่รับรองว่า wow กันทั้งโลก ถ้าใช้กับ iPhone จะดูหล่อขึ้นมาทันใด
และจะได้มีอะไรเอาไปจดสิทธิบัตรเป็นของตัวเองได้อย่างภาคภูมิซักที ไม่ใช่อะไรๆ ก็ multi touch ที่ก็ไปเอาแนวคนอื่นมาอีกที
ถ้าแอปเปิ้ลคิดมาได้ก็อยากจะโดนคนอื่นเอาไปใช้จนแพร่หลายแบบมัลติทัช ก่อนที่จะได้อนุมัติสิทธิบัตรอีกก็ได้นะครับ -.-
เผอิญว่า Multi touch เป็นเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว แต่แอปเปิลนำมาประยุกต์และทำให้แพร่หลาย นั่นคือประเด็นว่าทำไมแอปเปิลไม่ได้สิทธิบัตร และในเมื่อมันเป็นหลักการทั่วไปที่ใครก็ใช้ได้ ผู้ผลิตชิ้นส่วนก็ทำออกมาขายให้ได้ทุกราย แอนดรอยก็เอาไปทำด้วยจนเป็นเรื่องปกติ
แต่เจ้าเทคโนโลยีที่ว่านี้ มันของใหม่แน่ๆ มนุษย์โลกไม่น่าจะยังมีใครทำสำเร็จ ตอนนี้แลบแอปเปิลคงกำลังพัฒนาอยู่ ถ้าทำสำเร็จก็เป็นผลงานแอปเปิลของจริง จดสิทธิบัตรได้ตามสบาย
ถ้าเปนไปได้นะ ถ้าเปนผม ผมจะจดและจะรอให้ได้สิทธิ์ก่อนที่ iPhone รุ่นแรกจะเปิดตัว (มันน่าจะจดตั้งนานแล้ว) แต่ทำไม่ได้เพราะ Android ก็จะออกแล้ว
จดได้ไปใครรวยโดนฟ้องคนแรกอะ
ความเห็นส่วนตัวผม จดได้นะ แต่มีอายุแค่ 3 - 5 ปี พอ
ถ้าจดเฉพาะ Capacitive น่าจะได้น่ะผมว่า แต่พี่แกเล่น Multi Touch คงไม่ไหว
เมื่อก่อน ปาร์ม หรือ อื่นๆก็ใช้ Multi Touch ก่อน Apple ตั้งหลายปีโวย
เชื่อกุดิ จดเฉพาะ Capacitive