ซีอีโอของ Western Digital ออกเตือนผู้ลงทุนว่าผลกระทบของน้ำท่วมในไทยนั้นกระทบต่อ Western Digital มากกว่าผู้ผลิตรายอื่นๆ โดยส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดของบริษัท 375 ล้านถึง 475 ล้านดอลลาร์ ไม่นับค่าเสียหายแบบครั้งเดียว เช่น ค่าซ่อมแซมและค่าเปลี่ยนเครื่องจักร
Western Digital ระบุว่าบริษัทยังมีสต็อกสินค้าให้พอผ่านเดือนธันวาคมนี้ไปได้ "อย่างจำกัด" แต่ปัญหาหนักคือปีหน้า โดยบริษัทจะต้องแก้ปัญหาต่อไปโดยตอนนี้เตรียมโยกสายการผลิตไปยังโรงงานในมาเลเซียและฟิลิปปินส์
ส่วนราคานั้น ผลกระทบในประเทศไทยจะทำให้ต้นทุนด้านลอจิสติกส์สูงขึ้น การสั่งสินค้าจำนวนมากๆ เพื่อให้ได้ราคาถูกจะทำไม่ได้เช่นเดิม ส่งผลให้ราคารวมสูงขึ้น
กำไรไตรมาสที่แล้วของ Western Digital คือ 239 ล้านดอลลาร์ คิดง่ายๆ ว่าน้ำท่วมครั้งนี้ทำกำไรของบริษัทหายไปประมาณครึ่งปี
ที่มา - The Register
Comments
เวรแล้วไหมล่ะ (- -" )
งานเข้าแล้วไหมล่ะ
ผมเห็นใจ WD นะ เป็นผมก็ต้องพิจารณาย้ายฐานการผลิต ในเมื่อครั้งนี้ท่วมได้ อนาคตก็รับรองไม่ได้ว่าจะไม่ท่วมอีก ลดความเสี่ยงดีกว่า
คนตกงานกันเยอะแน่
ตามหลักการแล้วถ้ามีรายหนึ่งประกาศย้ายแบบนี้อีกไม่นานเราคงเห็นอีกหลายร้อยรายตามมา
@TonsTweetings
+1
รู้สึกเศร้าใจเลยครับ ผลิตที่บ้านเราเยอะซะด้วย แล้วเล่นย้ายฐานการผลิตแบบนี้ คนที่เดือนร้อนก็แรงงานพวกที่กำลังจะโดนลอยแพนี่แหละ
เพิ่มอีก 200-300 แน่นอน
เพิ่มไปแล้วครับ +200 ถึง 300
เป็นผมก็ไม่อยู่ครับ เครมเงินประกัน แล้วไปทำโรงงานใหม่ที่อื่นดีกว่า
เพราะท่วมปุ๊บ รัฐบาลดันประกาศปีหน้าขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 อีก
ได้เงินมาทำโรงงานใหม่ แล้วจะอยู่ทีเดิมให้โง่เหรอ
+1 ถ้าในกรณีผมเป็นคนลงทุน ก็ตามนั้นเลยครับ
จบกันประเทศไทย...
คิดว่าแค่กระจายความเสี่ยงเท่านั้น เพราะยังมีปัจจัยเรื่องแรงงานฝีมือ นโยบายส่งเสริมภาครัฐ และแหล่งเงินทุน
ผมยังไม่เห็นว่าตอนนี้รัฐบาลจะมีอะไรดึงดูดนักลงทุนเลยครับ ค่าแรงขั้นต่ำก็เพิ่ม น้ำท่วม การบริหารจัดการห่วยแตก .. ผลกระทบไม่จบแค่คนตกงานแน่นอน เพราะคนตกงานคงเช่าหอหรือซื้อบ้านใกล้ที่ทำงาน ร้านค้า ร้านขายข้าว ฯลฯ
น้ำท่วมมันมีเยอะทำไงละครับ ก็ไม่รีบปล่อยต้องนานแล้ว
บริหารน้ำห่วยครับ ครั้งนี้น้ำมาเยอะจริงแต่ถ้าบริหารดีๆ ค่อยๆ ทะยอยปลอ่ยคงไม่ท่วมเยอะขนาดนี้
ทยอยปล่อยนี่ต้องการกี่เดือนครับ รัฐบาลนี้เป็นมาแค่สองเดือน
ต้องนับจากวันเริ่มงานได้ครับ วันแถลงนโยบายเสร็จ ก่อนหน้านั้นเป็นความรับผิดชอบรัฐบาลรักษาการ
สองเดือนก็ทำได้เยอะครับถ้าไม่มัวไปเตะบอลกันอยู่
นายก ไม่ได้ไปเตะบอลด้วยอะนะ ไม่เกี่ยวเลย
คุณคิดว่าทยอยปล่อยน้ำนี่สองเดือนจะปล่อยหมดมั้ยครับ
ถ้าปล่อยหมดนี่ผมไม่เรียกว่าทยอยปล่อย
ไปหากราฟดูก็ได้นะครับว่าอัตราการปล่อยน้ำเพิ่มขึ้นทันทีในเดือนที่รัฐบาลใหม่เข้าทำการ แต่ก็ขึ้นมาในระดับ "ทยอยปล่อย" นั่นแหละ
ส่วนรัฐบาลเก่าสั่งกักน้ำไว้ อัตราปล่อยออกในระดับต่ำมาก เพื่ออะไร? ไม่อยากพูดว่าคนอื่นเขาก็คิดว่าวางยาไว้ทั้งนั้น
แล้วสลิ่มก็พยายามหาเรื่องรัฐบาลใหม่มั่วซั่วกันตลอดเวลาแบบนี้ ไม่รู้จักไปดูหลักฐาน
รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร ก็คนเดียวกันกับรัฐบาลนี้ครับ ถ้าถามได้ฝากถามด้วยแล้วกัน
ใช่กราฟนี้หรือเปล่าครับ ความชันเพิ่มขึ้นจริงๆหลังเดือนก.ค. แต่เป็นปริมาตรน้ำในเขื่อนนะครับ
http://water.rid.go.th/flood/flood/res_table.htm
ไม่รู้จักกราฟอัตราปล่อยน้ำ ก็ไปหาดูได้ก่อนจะพูดอะไรไร้สาระนะครับ
ตลกนะ คนนึงก็พยายามพล่ามว่าไม่ดูหลักฐาน แต่ไม่หาอะไรมายืนยันว่าตัวเองถูก ต้องให้คนโดนว่าไปหาเอง ตลกดี..
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ผมก็ว่าผมผิดเองล่ะนะที่ขี้เกียจไปนั่งขุดมาเพราะคิดว่ามันจะหาง่าย
แต่ถ้าคิดว่าไม่มี ก็คิดผิดแล้วครับ
ขอให้อ่านให้จบนะครับ มีกราฟหลายกราฟอยู่
เปล่าครับ ผมไม่เคยคิดว่าไม่มี ผมเห็นมันหมดแล้วทุกอันนั่นแหละ แต่แค่แปลกใจตามที่บอก ตรรกะมันแปลกๆ
May the Force Close be with you. || @nuttyi
http://webboard.serithai.net/topic/690-%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b9%8c%e0%b8%95%e0%b8%9a%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b8%b9%e0%b8%a5%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b9%87%e0%b8%88-%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%99/
ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันครับ
ก็หามาให้ดูแล้วดูกันรึเปล่าล่ะครับ
ผมก็พยายามหาอยู่เหมือนกัน ก็เจอแต่กราฟที่คุณ ksirik เอามาแปะ
ถ้าคุณมี(แบบที่ไม่ได้วาดเอาเอง)ก็เอามาแปะบ้างสิครับ จะได้ไม่ต้องมาเถียงกันต่อ
คนอื่นที่ว่างมาคิดว่าวางยาก็มีแต่เสื้อแดงหมกมุ่นการเมืองนั่นล่ะครับ
ผมก็ว่าคนที่คิดแต่ว่าเป็นความผิดของรัฐบาลนี้เท่านั้น คงจะหมกมุ่นแต่กับเสื้อแดงซะมากกว่าล่ะครับ
รัฐมนตรีเกษตรก็คนเดิม ถ้าวางยาแล้วรัฐบาลจะเอามาเป็นรัฐมนตรีอีกทำไม
อย่างนี้ก็แปลว่ารัฐบาลนี้คิดว่ารัฐมนตรีทำถูกทำดีสิถึงเอามาเป็นรัฐมนตรีอีก
รัฐบาลของพวกตัวเองไม่เคยผิดหรอก
วางยา หาแพะ ไม่รู้ใครมันไร้สาระกันแน่
รัฐมนตรีคนเดิม แต่คนทำเป็นคนอื่นไงที่ไม่ใช่รัฐมนตรี
ซ้ำ
อันนี้ ใช่ไหมครับ?
http://water.egat.co.th/old-web/sumdam-rep/dam-bb/graph-bb.htm
http://water.egat.co.th/old-web/sumdam-rep/dam-sk/graph-sk.htm
ใช่ครับ
มีข้อโต้แย้งมั้ยครับ?
ไม่มีครับ :)
ถ้ารู้แล้วว่าตัวเองพูดอะไรไร้สาระก็จำไว้แล้วช่วยแก้ข่าวกันด้วยนะครับ
ไม่ใช่เวลาไม่รู้ก็ปกป้องกันใหญ่ แต่พอเจอความจริงเข้าไปก็ทำไม่รู้ไม่ชี้
กราฟทั้งหมดนั่นแหละครับไร้สาระ จะปัดสวะให้ลอยไปทางไหนละ ประเด็นไม่ใช่น้ำน้อยน้ำมากครับ น้ำเริ่มท่วมก่อนรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศซะอีก สองเดือนที่เข้ามาไม่รู้หรือไงว่าน้ำท่วม รัฐบาลไม่มีข้อมูลเรื่องน้ำหรือไม่สนใจปัญหาน้ำท่วมกันแน่ครับ ทั้งๆที่รัฐมนตรีที่คุมน้ำอยู่ ก็คนเดียวกันกับรัฐบาลที่แล้ว รัฐบาลทำหน้าที่บกพร่องไปหรือปล่าวครับ มีการให้ข้อมูลมีการสื่อสารกับประชาชนอย่างถูกต้องหรือปล่าว นี่แค่เริ่มต้นนะครับผมยังไม่เห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอันจากรัฐบาลเลย หลังจากน้ำลดรัฐบาลก็เตรียมตัวกันไว้บ้างนะครับ พื้นที่การเกษตรจมน้ำไปหมดแล้ว นักลงทุนย้ายฐานการผลิตออกไปที่อื่น คนตกงานอีกหลักล้านคนหวังว่า อันนี้ของจริง หวังว่าจะมีการจัดการที่ดีกว่านี้นะครับ
ไม่ทำไม่รู้ไม่ชี้ หรือลืมแน่นอนครับ
แล้วต้องการอะไรล่ะครับ ที่เอาเรื่องความชันของปริมาณน้ำมาอ้าง เสร็จแล้วก็นั่งโควทคำพูดคนอื่นเล่น โดยไม่อธิบายแก้ไขสิ่งที่ตัวเองชี้นำคนอื่น ???
แหม่ยาว
ผมขอตำหนิรัฐบาลในเรื่องการประกาศเตือนและวิธีบริหารจัดการน้ำได้มั้ยครับ
1.ไม่มีประกาศที่เข้าใจง่าย ส่วนมากบอกเป็นปริมาณน้ำไหลอัตราเท่านั้นเท่านี้ แล้วก็บอกระดับน้ำทะเลกลาง ฯลฯ ที่เป็นข้อมูลเชิงสถิติ - บอกเพื่อ? ทำไมไม่บอกไปเลยน้ำใกล้จะมาแล้ว หรืออะไรก็ว่าไป แล้วที่สำคัญเลิกแถ เลิกเอียงเข้าข้างตัวเองซะที ไอพวกคำพูดปลอบใจหลอกตัวเองไปวันๆ นี่ผมรู้สึกว่ารับไม่ได้มากๆ วันที่คลองประปาเริ่มท่วมก็ยังบอกว่าเล็กน้อย น้ำท่วมมาถึงรังสิตแล้วยังบอกว่าเอาอยู่ ฯลฯ
2.วิธีการจัดการน้ำ ผมก็เข้าใจว่า รบ. อาจไม่มีผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะอยู่ในทีม แต่มีคนเตือนแล้วก็ไม่ค่อยจะฟัง การรับมือกับน้ำบอกตามตรงว่าเหมือนคนไม่เคยเล่นน้ำ ไม่รู้จักพลังน้ำ ผมเห็นแล้ว facepalm
ที่เบื่อก็มีเท่านี้ ผมคิดว่าน่าจะทำอะไรได้ดีกว่านี้ แต่หลังจากเหตุการณ์ที่บางบัวทองผมเห็นว่าก็ปรับปรุงพัฒนาดีขึ้นมาหน่อย
ได้ครับ แต่ผมไม่ค่อยเห็นด้วยครับ
1 - เรื่องวิธีการประกาศ การประสานงาน ก็เป็นปัญหาจริงๆครับ
แต่เรื่องแถ เรื่องพยายามพูดกั๊กๆ เห็นจะไม่ได้หรอกครับ เพราะพอออกมาพูดความจริง ก็โดนรุมกระหน่ำโจมตีว่าทำให้คนแตกตื่น พูดโอเวอร์เกินจริง "ปลอดประสบการณ์" แล้วก็ไม่มีใครเชื่อถือ จนถึงวันนี้ท่วมแล้ว ก็ยังไม่มีใครไปขอโทษคนที่ออกมาเตือนอย่างแม่นยำและถูกต้อง
พวกสลิ่มก็เปลี่ยนเรื่องโวยวายไปเรื่อยๆทุกวันๆ ส่วนที่ไปด่าเขาก็ทำลืมๆเงียบๆ แล้วจะให้คนกล้าพูดความจริงได้ยังไง
2 - ไม่ค่อยเห็นด้วยครับ เพราะจริงๆแล้ว ก็มีทีมนักวิชาการกลุ่มนึงที่เสนอนั่นนี่ตรงกับที่รัฐบาลทำ พอรัฐบาลเลือกที่จะเชื่อฝ่ายนึง อีกฝ่ายก็ไปโวยวายออกสื่อว่ารัฐบาลไม่เชื่อนักวิชาการ รัฐบาลหยิ่ง รัฐบาลโง่ สื่อก็สบโอกาสเอาคนกลุ่มนี้มาเป็นพระเอก พอรัฐบาลพลาดก็มาตีฆ้องร้องป่าวว่าเห็นมั้ยเพราะไม่เชื่อผม ดังกันไปใหญ่
คนที่ออกมาพูดก็มีหลายแนวครับ แม้แต่คนที่ยืนตรงข้ามกับรัฐบาลก็มีหลายแนว ไม่มีอะไรรับประกันว่าทำตามคนนึงแล้วจะถูกต้อง ทำของคนนึงพลาดก็ยังมีอีกลายคนรอซ้ำ
แผนของรัฐบาลที่ทำมาตลอดคือพยายามที่จะต้านน้ำให้ไปออกที่อื่นโดยไม่ผ่านกรุงเทพ นี่เป็นเป้าหมายสำคัญที่พยายามทำมาตลอด พอต้องเปลี่ยนแผนเป็นยอมให้ผ่านกรุงเทพแล้วค่อยระบายจะดีกว่า มันก็เลยฉุกละหุกวุ่นวาย (ที่เปลี่ยนแผนเป็นให้น้ำผ่านกรุงเทพ ก็เป็นความคิดของนักวิชาการอีกกลุ่มนึง)
มีคนนึงที่ผมว่าพูดไว้น่าฟังคือ "ถ้ามันคาดการณ์ได้ถูกต้อง รับมือได้แน่นอน เราคงไม่เรียกมันว่าภัยพิบัติ"
ตอนนี้คงต้องมีแต่แผนซ่อมแซมฟื้นฟู
"ถ้ามันคาดการณ์ได้ถูกต้อง รับมือได้แน่นอน เราคงไม่เรียกมันว่าภัยพิบัติ"
มันคือภัยพิบัติ แต่มันไม่ได้เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่สามารถควบคุมได้ครับ น้ำมาตามถนน เห็นอยู่คาตาว่ามันมายังไง มันก็เดินทางมาตามเส้นทางตามถนนต่างๆ อย่างเห็นได้ชัด วันนี้มาอยุธยา วันนี้มาปทุมธานี แล้วทำไมคิดไม่ออกว่ามันจะเข้าบางบัวทอง เข้ารังสิต ฯลฯ
ถ้ามันมาใต้ดิน หรือมาในรูปแบบฝนผมจะไม่บ่นสักคำ
แต่เอาล่ะ รัฐบาลเรียนรู้ช้าไปเยอะมาก แต่ก็ถือว่ายังไม่สาย สำหรับผมในตอนนี้ ... รัฐบาลทำงานได้ดีขึ้นมาก มีการแจ้งเตือน กล้าคาดการณ์ กล้าสั่งอพยพ ฯลฯ ในตอนแรกๆ คงโดนด่าแบบที่น้าปลอดประสพมั้ง
ตอนนี้รออีกอย่างคือ รอให้จัดการไอ้พวกแกนนำเสื้อแดงต่างๆ ที่คอยฉวยโอกาสเอาหน้านี่แหละ
ก็ถึงได้ไปกั้นมาสามนิคมแล้วไงครับ ก็กั้นล่วงหน้ารอมาตั้งแต่แรกแล้ว ปัญหาคือกำแพงกั้นมันทานน้ำไม่ไหว ไม่ใช่ไม่ได้เตรียมตัว
ตอนนั้นถามใครก็มั่นใจ เอาอยู่ ไม่มีใครคิดว่านิตมอุตสาหกรรมที่มีกำแพงกันน้ำแข็งแรง จะท่วมหมด
คนที่บอกว่า "กทม.ไม่ท่วมแน่นอน เอาหัวเป็นประกัน" ก็ไม่ใช่รัฐบาล รัฐบาลเตือนมาตั้งแต่แรกแล้วว่ามีความเสี่ยง ที่บอกว่าเอาอยู่ก็เพราะพยายามมากแล้ว น่าจะเอาอยู่ แต่ก็บอกอยู่ว่าให้เตรียมตัวด้วย ขนของขึ้นที่สูง แล้วก็ไม่เชื่อกัน
ศปภ.ประกาศถูกก็ไม่เห็นจะเชื่อจะฟัง รอฟังแต่ตอนประกาศผิดเพื่อจะได้ด่าเท่านั้น ตลอดมาผมก็รู้ว่า ศปภ.มันก็อ่อนจริงๆ เลยไม่อยากบ่นอะไร แต่ตอนนี้ผมก็ชักทนไม่ไหวละ ด่ากันสนุกปากไม่ได้คิดเลยว่าตัวเองก็เป็นหนึ่งในสาเหตุนั่นแหละ ข้อมูลเท็จปลิวว่อน สักแต่จะด่าไม่เคยตรวจสอบ แถมไม่เคยขอโทษด้วย
ทำไมมันเยอะกว่าปีอื่นๆ มากเลยเนี่ย
ตอนนี้เรียกได้ว่าวิกฤตกันทุกภาคส่วน แรงงานไม่มีงานทำ โรงงานปิดเพื่อซ่อมบำรุงเป็นแถวๆ ถ้าผมเป็นนักลงทุน โอกาสย้ายแบบถาวรมีสูงเลย เพราะปัจจัยในประเทศไทยไม่เกื้อหนุนแล้ว ค่างานสูง แล้วการบริหารจัดการยังไม่ดีอีก ความเชื่อมั่นเตี้ยติดดินทันที
งานงอก...
รู้สึกเศร้าใจมาก :'((
ราคาคงสูงไม่เกิน 20% หรอกครับ เพราะยังมีผู้ผลิตรายอื่นอยู่ แม้ไทยจะเป็นผู้ผลิตสำคัญของ WD, Seagate, Hitachi แต่ผู้ผลิตก็ยังมีฐานการผลิตที่อื่นอยู่
ถ้าจะห่วงตอนนี้อยากให้ห่วงเรื่องราคาของอุปโภค-บริโภคที่ใช้เป็นประจำทุกวันดีกว่าครับ
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
แย่เลย มีแผนจะซื้อฮาร์ดดิสช่วงนี้ซะด้วย..
ของแพงหนะไม่กลัวหรอกครับของพวกนี้ขายแพงก็แข่งไม่ได้ แต่คนตกงานสิครับเศร้าใจ
น้ำท่วมครั้งนี้ นักลงทุนย้ายหนีกันไปหมดแล้วครับแต่รัฐบาลไม่ออกข่าวครับ ต้องหาอ่านข่าวต่างปทเอา คนจะตกงานเยอะมาก หลังน้ำลดยังคิดไม่ออกเลยครับ คนตกงานเป็นแสนคนจะเกิดอะไรข้ึน ......
จากที่ฟังข่าว TV ช่อง 3 ยอดแรงงานจากโรงงานที่โดนผลกระทบจากน้ำท่วมทั้งหมดไม่ใช่หลักแสนครับ .. สูงกว่า 2 ล้านคน! o_O!
my blog
2 ล้านคน!!! หาตังซื้อปืนก่อนดีกว่าชั่วโมงนี้
ปืน? เอาไปทำไรน่ะ - -a
ป้องกันตัวไงครับ 2 ล้านกลายเป็นโจรซัก 0.1% ก็อันตรายมากแล้ว
ป้องกันครอบครัวครับ แค่กระสอบทรายก็จะฆ่ากันตายแล้วครับ นี่คนสองล้านคนตกงาน ถ้ามีบางคนลำบากมากๆ
จนส่วนหนึ่งต้องเข้าสู่ด้านมืดไป เราก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อนครับ
คิดเอาเองว่าการย้ายการลงทุนครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องน้ำท่วมอย่างเดียวแน่ๆ
แต่การที่น้ำท่วมจนเค้าต้องลงทุนกันใหม่(แถมได้เงินประกัน)มันเป็นชนวนให้เค้าย้ายความเสี่ยงไปยังประเทศที่มีความมั่นคงมากกว่านี้ ในเมื่อประเทศอื่นๆมากมายที่พร้อมเปิดรับการลงทุนมากมายรออยู๋ จะจมปลักกับประเทศที่มีแต่ความขัดแย้งทำไมในเมื่อไม่มีอะไรจะต้องเสียแล้ว
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
ประเทศอื่นก็ท่วมครับ
จริงๆ การเลือกสถานที่ในการลุงทุน คือแรงงาน "คุณภาพดี" ที่ "ค่าแรงถูก"
+1 คิดเหมือนผมเป๊ะ
เสียดายที่จะย้ายสายการผลิตไปประเทศอื่นเนี่ยแหละ
แต่ทำไงได้ล่ะ เป็นผม ผมก็ไม่อยู่หรอก โดนเข้าไปแบบนี้
อยากรู้ว่ารัฐบาลจะออกมาเต้นท่าไหน เจอข่าวแบบนี้ออกไป
น่าเห็นใจอยู่นะ แต่ก็.... เอ้อ พูดยากแฮะ
ต้องรอดูยาวๆ ครับว่างานนี้กระทบแค่ไหน ผมอยากรู้ว่าพวกเราจะแก้ปัญหายังไงหลังน้ำท่วม ที่บริหารผิดพลาดไปแล้วก็ปล่อยมันไปเพราะทำอะไรไม่ได้แล้ว ช่วยกันแกปัญหาดีกว่า :)
ส่วนตัวคิดว่า เขาอ้างเรื่องน้ำท่วมก็จริง แต่ปัจจัยอีกอย่างน่าจะเกิดจากค่าแรงขั้นต่ำที่กำลังจะสูงขึ้นแบบพรวดพราดด้วยล่ะ
น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ แต่จังหวะนี้น้ำมาพอดีก็เลย "ส่งแขกตามน้ำ" ไปเลย
เป็นห่วงเรื่องคนตกงานจังครับ = ="
ได้ยินว่า nidec ก็กำลังจะย้ายไปจีนครับ
http://www.whereisthailand.info/2011/10/jap-damange-flood/
ผมเป็นนักลงทุน ผมก็ย้ายครับ
Technology is so fast!
ถ้าเป็นงั้นจริงเพื่อนๆผมที่ทำงานอยู่ WD คงตกงานกันเยอะเลย
ประเทศไทย เป็นเพราะนักการเมืองฉ้อฉลเห็นแ่ก่ประโยชน์ส่วนตนโดยแท้
+1000
คนตกงานเป็นล้านยังไม่พอ อนาคตมีนโยบายบ่อนถูกกฏหมายเข้ามาอีก ทั้งโจร ทั้งเจ้าพ่อ ทั้งมือปืน คงเกลื่อนเมือง ขอนักการเมืองคิดทำในเรื่องที่ถูกที่ควรเถิด จักเป็นบุญของประเทศชาติ สาธุ
สงสารประเทศไทยจัง
ไหนๆ ก็ต้องทำโรงงานใหม่เกือบทั้งหมด
ไหนๆ ค่าแรงก็จะแพงขึ้น
ไหนๆ ไม่ค่อยสู้ดีมาตลอด สถานการความขัดแย้งก็เยอะ
ไหนๆ เคยคิดจะย้าย ก็เลยย้ายกันง่ายขึ้น
แรงงานฝีมือดี ละเอียด ผมว่าคนเอเชียตะวันออก/ออกเฉียงใต้ ถ้าฝึกกันหน่อย ชาติไหนก็ทำได้นะ เพราะความละเอียดปราณีตมันอยู่ในสายเลือดกันอยู่แล้ว ดูจากงานสมัยโบราณสิ ไม่มีเครื่องจักรอะไรเขายังทำกันได้
คิดว่าย้ายแค่ตอนนี่ หลังจากทุกอย่างคลี่คลายก็คงกลับมาเหมือนเดิม
ได้เงินค่าประกัน เอาไปลงทุนที่อื่นได้อีก
แรงงานที่มีฝีมือ มันต้องใช้เวลาในการสร้าง การย้ายฐานทั้งหมดทันที ทำไม่ได้หรอก
แรงงานฝีมือดี ราคาถูก เมืองไทย น่าจะนำเวียดนามอยู่ แต่การย้ายเพื่อลดความเสี่ยงนี่ถูกต้องกับผู้ผลิตมากๆ พักหลังการเมืองไทยเอาแน่ไม่ได้จริงๆ คนไทยเจ้าของกิจการเองอย่างเรายังต้องปรับตัวตลอด งงไปหมด หลายๆธุกิจไปเริ่มที่เวียดนามเลย อย่างโรงถลุงเหล็ก โรงสีใหญ่ๆ เมืองไทยตอนนี้ลงทุนมีความเสี่ยงเรื่องการเมือง ม๊อบ ค่าแรง ภาษี เต็มไปหมด ถ้ารัฐไม่ทำอะไร อีกไม่กี่ปี เวียดนามจะแซงไทยไปง่ายๆ
ความเห็นแก่ตัว พาชาติน้ำท่วม เพราะไม่ยอมให้บ้านตัวเองท่วม เลยต้องกักน้ำตอนบนให้นานที่สุด ก่อนที่บ้านตัวเองจะเตรียมการเสร็จ พอปล่อยน้ำมาแล้ว ก็ยังไม่ยอมให้น้ำผ่านบ้านตัวเองอีกเหมือนเดิม เลยต้องผันน้ำออกไปทางขวาทีทางซ้ายที
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
โดนใจสุดๆเลยครับ ไม่อยากจะพูดเพราะจะโดนด่่าหาว่าเป็นฝ่ายนั้นฝ่ายโน้นอีก ทั้งๆที่เห็นอยู่กับตาแท้ๆ และที่จริงถ้าจะพูดให้ถูกก็ต้องบอกว่า เพื่อให้บ้านตัวเองเกี่ยวข้าวได้เสร็จก่อน ล่ะครับจึงค่อยปล่อยน้ำที่กั๊กไว้ พอมาเจอกับพายุเลยหนักซ้ำเติมอ่วมอรทัยเข้าไปอีก มันก็เลยอย่างที่เห็น...พวกนักการเมืองสามานย์
เวียดนามค่าแรงถูกกว่าครับ นโยบายรัฐชัดเจน ไม่เปลี่ยนไปมาเพราะการเมืองมั่นคงกว่าเราเยอะ แรงงานขยันและมีวินัยสูง แต่ยังอ่อนเรื่องฝีมือแรงงาน ซึ่งระยะยาวเรื่องพวกนี้มันทันกันได้
ก็ไม่มั่นคงมาตั้งแต่ รปห เล่นกีฬาสี จะขึ้นค่าแรง เจอน้ำทีต้องตั้งโรงงานใหม่แล้ว ก็ไปตั้งที่ที่มันมั่นคงกว่าเลยละกัน
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ถามคนญี่ปุ่นเอาไปตั้งประเทศตัวเองดีไหม หรือ จะย้ายมาลำพูน ย้ายขึ้นเหนือให้หมดเหอะ
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
เจอแบบนี้บวกรัฐจะขึ้นค่าแรงงาน สู้ไปเปิดที่ใหม่ค่าแรงคนน้อยกว่าดีกว่าครับ ที่เค้ามาตั้งที่เราเพราะแรงงานถูกนี่แหละปัจจัยหลัก
อันนี้ขอกลิ่นการเมืองนิดๆ
ผมเชื่อว่าแรงงานที่ได้รับผลกระทบส่วนมากน่าจะเป็นฐานเสียงของ พท. อยู่แล้ว เจอแบบนี้เข้าไปผมก็สงสารคุณปูนะ ฐานเสียงหมดแน่นอน
นโยบาย 300 บาทนี่ต้องพับไปแน่นอนแล้ว ตอนนี้ยังมีเรื่องนักลงทุนย้ายฐานการผลิตอีก แล้วก็กลายเป็นเรื่องคนตกงานตามมาติดๆ อีก
เฮ้อ ... วิกฤติหมดทุกทาง
ไม่น่าเกี่ยวกับวันละสามร้อยหรอกครับ เพราะทำงานบริษัทพวกนี้เงินเดือนอยู่ในระดับนี้อยู่แล้ว
ไม่อะครับ พนักงานแรงงานจริงๆไม่ได้ถึง 300 ยกเว้นแรงงานบริษัทโตๆหน่อย แรงงานไม่ใช่พวกนั่งออฟฟิตนะครับ
วันละสามร้อยก็ตกเดือนละเก้าพันเองครับ พนักงานโรงงานคิดเป็นเดือน ก็ได้เงินเดือน หกเจ็ดพันกันแล้วนะ
วันละ 300 กระทบ sme มากกว่าครับ แถมหลวงยังมีแนวทางลดต้นทุนทางภาษีมาอุ้มอีก คราวนี้เป็นเรื่องของความไร้ฝีมือของการบริหารล้วนๆ
เอาตามที่คุณว่า
6 พันไป 9 พันนี่ 33.3333% นะครับ โครตของโครตๆๆๆๆๆ "เยอะ"
6000 ไป 9000 ผมนับเป็น 50%
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ทำไมผมได้ 7200 เอง (46300)
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ทำไมไม่เกี่ยวกับ 300 ล่ะครับ?
สภาวการณ์อย่างนี้จะมี บ.ไหนกล้าขึ้นค่าแรงของพนักงานในไลน์การผลิตด้วยเหรอ โรงงานที่เจ๊งๆ ในนิคมฯ ต่างๆ เป็นโรงงานผลิตซะส่วนมาก ซึ่งพนักงานเกิน 50% ของโรงงานจะอยู่ในไลน์การผลิต และมีค่าแรงเฉียดๆ 300 บาทต่อวัน
ผมก็เลยคิดว่า 300 บาท/วัน พับได้เลย
เรื่องคุณปูไม่ต้องห่วง กองเชียร์มีแผนปัดสวะ... รองรับไว้แล้วครับ
แต่แถวๆ บ้านผมเค้าเอาลอกสวะออกจากคลองไปทิ้งหมดแล้วนะครับ
(ไม่เกี่ยว)
เขาประกาศเริ่ม 7 จังหวัด 1 เมษาปีหน้าแล้วครับไม่พับ
ย้ายมาที่โคราชซิน้ำไม่ท่วม มีนิคมนวนครตั้งอยู่มาประจันหน้ากับ Seagate เลย ถ้าจะย้ายไปประเทศอื่นคิดหรือว่าจะหาแรงงานมาทดแทนได้ง่ายๆ กว่าจะฝึกด้านทักษะได้ต้องใช้เวลา
ประเทศไทยมีที่ตั้งมากมายที่น้ำไม่ท่วม รัฐควรจะหาแผนระยะยาวในการเลือกทำเลที่เหมาะสมใหม่ดีกว่า อย่างน้อยก็เป็นการกระจายความเสี่ยง ไม่ใช้ไปกระจุกตัวอยู่แต่ภาคกลาง
มันไม่แน่ครับ ถึงเสียเวลาแต่ถ้าเรื่องค่าแรงมันต้องเป็น 300 ด้วยคงคิดหนัก หักลบถ้าเสียไม่เยอะแล้วไปหาที่ใหญ่ที่มั่นคงกว่า ผมว่าเค้ายอมไปนะครับ
มันกจะมีค่าขนส่งเข้ามาเกี่ยวอีกครับ
ปีที่แล้วท่วมนะครับ จำไม่ได้แล้วหรือ
แต่ยังไงความเสี่ยงมันก็น้อยกว่าภาคกลางนั่นแหละนะ
สนับสนุนให้มาตั้งโรงงานแถวนี้เหมือนกันครับ แล้วก็ป้องกันแต่เนิ่นๆ ด้วยระบบระบายน้ำรอบโรงงานให้ดี
คนตกงานเยอะแน่ จะทำยังไงกันดี
ย้ายมาภาคเหนือ....ยังเหลือที่อยู่ป่าวหว่า - -a
^
^
that's just my two cents.
ผมคิดว่าสาเหตุที่ไม่ตั้งที่ภาคเหนือแต่แรก คงเป็นเพราะปัญหาเรื่องการคมนาคมไม่สะดวกน่ะครับ
เรื่องการขนส่งล้วนๆครับ
ทางบก - เสียเวลานานขึ้นกว่าจะถึงท่าเรือ, สนามบินหลักอย่างสุวรรณภูมิ + ค่าเดินทางแพงขึ้น
ทางอากาศ - เสียค่าเครื่องบินเพิ่ม (แต่ตัดปัญหาเรื่องเวลาได้)
ทางน้ำ - ไม่ต้องแม้แต่จะคิด
คงต้องรอดูมาตรการฟื้นฟูตอนน้ำลด ตรงนั้นแหละเป็นประเด็นสำคัญของการตัดสินใจ
อย่าลืมว่าตัวเลือกอื่นๆก็ไมไ่ด้ดีกว่าสักเท่าไร เวียดนามก็เจอพายุประจำหนักกว่าไทยด้วย อินโดฯก็มีภัยธรรมชาติบ่อย แต่ดีตรงการเมืองเขานิ่งกว่าเรามากแล้ว(เมื่อก่อนเรานิ่งกว่ามาก) มาเลย์ก็ค่าแรงแพงจนต้องจ้างแรงงานต่างด้าวแบบอินโดฯเต็มโรงงาน พม่า ลาว นี่ facilities ไม่มีตัดทิ้งไปเลย
ส่วนไทยเอง จะย้ายนิคมไปที่อื่นก็ลำบากครับ เพราะการขนส่งหลักของธุรกิจอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ก็คือทางอากาศ ต้องการสนามบินนานาชาติ ที่มีระบบ cargo ขนาดใหญ่รองรับ ซึ่งตอนนี้ในประเทศไทยมีแค่สองแห่ง คือดอนเมือง(อดีต)กับสุวรรณภูมิ อย่างตอนปิดสนามบิน เขาต้่องจ้างรถขนไปขึ้นเครื่องบินที่สิงคโปร์กันเลยนะครับ ที่อื่นๆในไทยมันไม่รองรับ
ส่วนเรื่องค่าแรง เอาจริงๆ โรงงานขนาดใหญ่พวกนี้โดยเฉพาะโรงงานในข่าว แรงงานรายวันรายได้เฉลี่ยเกิน 300 บาทต่อวันอยู่แล้วครับ(ปกติรวมค่าโอที) ถึงจะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำมา ก็มีผลน้อยมาก ที่กลัวๆกันส่วนใหญ่เป็น SME หรือโรงงานขนาดเล็กที่กดค่าแรงกันอยู่แล้วมากกว่า
แต่ก็นั่นแหละ ต้องรอดูมาตรการฟื้นฟูครับ เป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทยเลยก็ว่าได้ว่านักลงทุนจะอยู่หรือจะไป ปลายปีนี้รอชม
อ้ออีกอย่างแรงงานมีทักษะ ของไทยต้องเรียกว่าดีที่สุดในอาเซียนเลยนะครับ บอกเลยว่า หลายโรงงาน มีโรงงานกระจายหลายประเทศ แต่ yield และ quality ของไทยดีที่สุด จนบางแห่งให้ซุปฯคนไทย ไปเป็นคนฝึกสอนงานให้โรงงานอื่นที่บ.แม่เลยก็มี
จะย้ายเขาก็ต้องคิดหนักหน่อย!
เวียดนามตอนนี้กำลังสูสีนะผมว่า ๕๕
เวียดนามเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวเพราะนโยบายของภาครัฐฯ ที่ทุ่มไม่อั้นครับ แต่แรงงานไทยก็ยังมีฝีมือดีกว่า
(ส่วนเรื่องนิสัยนี่ไม่แน่ใจแฮะ)
ถ้าย้ายไป ฟิลิปปินก็คงเจอภัยธรรมชาติยิ่งกว่าที่ไทยแน่ๆ
ย้ายไป มาเลค่าแรงก็คงไม่ถูกกว่าไทยเท่าไร
ย้ายไป เวียดนามคุณภาพแรงงานก็อาจจะยังไม่ดีกว่าไทยมากมายนัก
แล้วการขนส่งจากไทยไปมันก็สะดวกกว่าตัวเลือกข้างบนในระดับหนึ่งนะครับ
ผมว่าถ้ารัฐออกมาตรการหรือนโยบายทั้งการป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต + สนับสนุนการลงทุนหรือช่วยเหลือหลังจากน้ำลดก็อาจจะไม่ทำสถานการณ์แย่อย่างที่คิดนะครับ
แล้วน้ำท่วมปีนี้มันก็ไม่เชิงว่ามาจากสาเหตุทางธรรมชาติ มันออกไปทางปัญหาแนวทางการบริหารและจัดการน้ำมากกว่า มันถึงได้ท่วมขนาดนี้... ถ้ามีมาตรการหรือแบบการจัดการที่ดี ผมว่ามันก็อาจจะบรรเทาความกังวลไปได้พอสมควรครับ
ซ้ำ
ค่าแรงมาเลย์ แพงกว่าไทยเฉลี่ย 20% ครับ ทั้งรายวันและรายเดือน(พนักงานรายวันจะเป็นแรงงานข้ามชาติมาจากอินโดฯกันซะเยอะ) แถม quality ยังทำได้ต่ำกว่าของไทยอีก(อันนี้ว่ากันเฉพาะที่ผมเคยเห็นจากอุตสาหกรรมอิเล็คฯนะ) แต่เขามีข้อดีกว่าไทยก็คือ มีengineerตรงสายงานมากกว่าไทย ตรงนี้ก็แปลกใจนิดๆ ว่ามหาลัยเขาก็มีน้อยกว่าไทย แต่ไหงเขาสร้่างคนตรงกับงานมาได้เยอะกว่าเรา จนบางตำแหน่งในไทยเองต้องนำเข้าคนจากมาเลย์หรือสิงคโปร์มาทำกันเยอะเหมือนกัน
อ้ออีกอย่างก็เรื่องของภาษา ที่ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการของเขา ในขณะที่เด็กป.ตรีจบใหม่บ้านเรายังแทบพูดไม่เป็น อันนี้ก็มีผลเยอะพอดู ในเรื่องของการเรียนรู้งาน หรือการพัฒนาในสายงานครับ
ในภาคการผลิต แบบในโรงงานของไทย ภาษาคงไม่เน้นเท่าไรหรอกครับ หลักๆ คือเรื่องค่าแรง + ฝีมือมากกว่าที่เป็นปัจจัยหลัก
ความเห็นส่วนตัวนะครับ
ส่วนตัวผมก็มีข้อขัดใจกับ Malaysian engineer เหมือนกันครับ นั่นคือ... "เป็นพวก By the book technician"
ไม่กล้าสร้างสรร ไม่กล้าทดลอง ไม่กล้าคิดนอกกรอบ
อึดอัดมากจนต้องย้ายงาน Research ออกมาหมด
บางทีก็อาจเป็นการขู่เรียกเงินช่วยเหลือเยอะๆก็ได้
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
มาตรการเฉพาะหน้าก็คงตค้องโยกสายไปผลิตที่อื่นก่อนแน่นอนล่ะครับ แต่จะย้ายฐานนี่ผมว่ามันก็ไม่ได้ง่าย ๆ นะ ต้องดูกันต่อว่าหลังน้ำรถทางรัฐจะมีโปรโมชั่นอะไรออกมาล่อตาล่อใจให้นักลงทุนอยู่ต่อบ้าง
ผมว่าย้ายไปโซนตะวันออกจะสบายกว่า
+1
จะรวมใจกันได้ ต้องหาจุดร่วมให้เจอก่อนมั้งครับ ศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งชาติตอนนี้คืออะไร อยู่ที่ไหนครับ แล้วจะเป็นอะไรเป็นใครสำหรับตอนนี้
พึ่งไปเคลมฮาดิสมามะวาน โล่งยังมีของอยู่ 555+
ไอปรากฏการณ์น้ำท่วมนี้โทษใครไม่ได้ ได้แต่โทษตัวเองครับที่ช่วยกันสร้างภาวะโลกร้อน(ซึ่งผมก็สร้างT^T)ทำอะไรไม่ได้มากนักกับมวลน้ำเท่าเขื่อน ขนาดเขื่อนยังต้องปล่อย แล้วภาษาอะไรกับนิคมเล็กๆจะต้านน้ำไหว มันเป็นอะไรที่แปลกนะครับที่โทษกันไปโทษกันมา โทษตัวเองดีกว่าครับ ว่าเป็นหนึ่งในพันล้านคนเหมือนกันที่ทำให้สิ่งแวดล้อมโลกเปลี่ยน ตราบใดที่ทันยังมีชีวิตอยู่ท่านก็สร้างคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยการหายใจแล้ว
ดูเหมือนทุกคนจะหลอกตัวเองว่าแรงงานไทยราคาถูก และฝีมือดี
แต่จริงๆ แล้ว effective rate (ประสิทธิภาพของการผลิตต่อค่าจ้างที่จ่ายให้) ของแรงงานประเทศนี้ น้อยกว่าประเทศที่พลเมืองขยันอย่างจีนเยอะครับ
ที่สำคัญ ค่าแรงบ้านเราไม่ได้ถูกอย่างที่คิดครับ บ.พวกนี้จ่ายไม่น้อยกว่าวันละ 300 อยู่แล้วครับ
ที่ไหนจ่ายพนักงานไลน์ผลิตเกินวันละสามร้อยครับ อยากขอทราบชื่อบ. นิดหน่อย พอดีผมทำงานค่อนข้างอยู่ใกล้พนักงานไลน์ผลิตน่ะครับ
ยกเว้นพวกรายวันนะครับ
รู้สึกเขาจะเปลียบเทียบใน อาเซี่ยนนะครับ
คนจีนต้องขยันแน่ครับ การแข่งขันสูงมากที่สุด
เพราะกว่าจะเข้างานกันได้สอบแล้วสอบอีกหลายอย่างมากครับ
ไม่ขยันมาก็ไม่ได้งานทำสิครับ
ย้ายนิคมฯ มาแถวๆ มุกดาหาร อำนาจเจริญ ความเสี่ยงในเรื่องภัยภิยัติน้อยมาก อย่างโพสบนๆ เขียนเกี่ยวกับเรื่องคาโก้ ถ้าขยายสนามบิน อุบล ให้สามารถรองรับได้ ถ้าตั้งนิคมแถบนั้นก็หายห่วงเรื่องน้ำท่วม
แรงงานส่วนใหญ่ก็มาจากอีสานอยู่(หรือเปล่า?) ดังนั้นเรื่องแรงงานหายห่วง(อาจจะมีลาว เขมร เวียดนาม มาแจมด้วย)
ต้องใกล้ท่าเรือด้วยครับถ้าเป็นอุตสาหกรรมหนัก ล่องน้ำโขงคงไม่ใหว(ล้อเล่นนะครับ:))
แต่ถ้าเบาๆชิวๆ เอาแบบนิคมลำพูนก็ได้
หนีไปอยู่ฟิลิปปินส์ นิ ผมว่าโดนหนักกว่าน้ำท่วมอีก น้ะ พายุไซโคลนเข้าทุกปี แถมปีล่ะ 2-3ลูก
ซื้อ HDD มาตุนเร็ว เดี๋ยวหมด :D
ผมยังเชื่อมือพี่นายกน่ะ
ผมว่าเขาคงไม่อยู่เฉยๆแน่ๆ
รอดูอีก 3 ปีกว่าต่อจากนี้
ถ้าฉิบหายก็ หายไปเลยล่ะ พท.