น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที กล่าวว่าโครงการ Wi-Fi ฟรีของกระทรวงนั้นเตรียมเปิดให้บริการได้เร็วที่สุดในเดือนธันวาคมนี้ โดยอาจอยู่ในช่วงปลายปีหรือช่วงปีใหม่เพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชน
ทั้งนี้บริการ Wi-Fi ฟรีในช่วงแรกจะมีจุดให้บริการราว 20,000 จุด โดยเป็นบริการผ่านสองผู้ให้บริการคือทีโอทีและกสท. มีความเร็วสูงสุด 2 เมกะบิตต่อวินาที ส่วนรายละเอียดขั้นตอนในการเข้าไปใช้งานนั้นยังไม่ได้กำหนด
ที่มา: Voice TV
Comments
มันจะใช้ได้จริงๆ เร้ออออ~?
Dream high, work hard.
เนียนให้หลอกทดสอบ ก่อนเปิดบริการจริง
ขอที่มันฟรีแบบจริงใจหน่อยเหอะ ต้องไปแย่งลงทะเบียนกัน แถมเร็วแค่ 64Kbps (ใช้จริงโมเด็มยังลื่นกว่า) แบบนี้ไม่เอานะ
64Kbps ตอนนี้เต็มแล้วครับ เปิดใช้ได้อีกทีก็ช่วงมกราคมโน้น
คนละผู้ให้บริการกันครับ อันนั้น Green WiFi โครงการของ กทม
ทำไปทำไมว้า เอาเงินไปปรับปรุงอย่างอื่นๆ ดีกว่า
ทำไปให้คนที่เค้าไม่มี ได้เข้าถึงบ้างไงครับ ที่ว่าเอาเงินไปทำอย่างอื่น นี่แนะนำหน่อยทำอะไรดี?
@mamuang
+1
ผมเข้าใจว่าโครงการมันไปทับซ่อนกับ Green wifi bangkok น่ะครับ และน่าจะนำเงินไปใช้พัฒนาที่เก็บสือการสอนสำหรับอนาคตมากกว่า เพราะการที่สนับสนุนไปนั้นมันส่งผลให้กับคนมีเงินระดับหนึ่งมากกว่าไปสนับสนุนคนระดับรากหญ้า
"ทับซ่อนกับ Green wifi bangkok"
แล้วจังหวัดอื่นล่ะ???
ใช่ ต่างจังหวัดแทบไม่มีเลย
+1
"มากกว่าไปสนับสนุนคนระดับรากหญ้า"
แล้วท่านขึ้นมาตรงนี้ไม่ใช่เพราะมีการสนับสนุนเหรอครับ?
I need healing.
ดูเหมือนเขาจะหมายความว่า wifi นี่ต้องเป็นคงมีฐานะระดับหนึ่ง แต่ถ้าเป็นสื่อการสอนจะถึงรากหญ้ากว่ามั๊งครับ?
ถ้าอิงจากข่าวนี้ http://www.blognone.com/news/28166
มันก็ต้องกระจาย WiFi ไปทุกทีให้ได้แล้วล่ะครับ
I need healing.
(เดาต่อ) ว่าคงหมายถึง คนที่จะใช้ wifi ก็ต้องมีอุปกรณ์รองรับใช่ไหมครับ? ทีนี้อุปกรณ์ที่รองรับปัจจุบัน ก็มีราคาระดับหนึ่ง และคนที่จะมีน่าจะต้องมีเงินซื้อมันได้ เช่น โทรศัพท์ บางคนอาจใช้แค่รุ่นถูก ๆ แค่รับ-โทรได้ แต่ไม่มี wifi/3g อะไรแบบนี้มั๊งครับ แต่ถ้าสื่อการสอนนี่ไปถึงทุกคนที่ได้เรียน (มั๊ง?)
ถ้าจะว่าเดาผิด สื่อการสอนฯ ก็ไม่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนมีฐานะได้มากกว่าคนรากหญ้านะ ยิ่งจะทำให้คนรากหญ้ามีโอกาสได้เรียนรู้สื่อการสอนที่มีคุณภาพเดียวกันกับคนมีฐานะ (แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะไม่ใช่ตัวผู้พูดเอง)
ผมว่ามันไปด้วยกันได้ดีกับโครงการ tablet เลยล่ะครับ
ที่เรากังวลกันว่า content ไม่มีๆ แต่ถ้าเด็กเข้าเนตได้ search ได้ ก็ไปได้สวยขึ้นเยอะแล้วครับ
ปัจจุบันมีทั้ง google wiki dict.longdo ผมคิดว่า ถ้ามันทั่วถึงจริงๆ น่าจะไปได้สวยเลยล่ะ
โทรศัพท์ที่ผมใช้อยู่ ราคา 4,310 บาท (Galaxy Mini) ก็ใช้อยู่ทั้ง Wi-Fi/3G นะครับ ผมใช้อยู่ทุกวัน
หลายครั้งผมนั่งมอเตอร์ไซต์รับจ้าง คนขับใช้มือถือรุ่นแพงกว่าผมครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ผมเจอพี่วินแถวซอยอารีย์ ใช้ iphone4 แล้วเล่น ipad
พี่วินซอยนี้ นั่ง 7 บาท จ่ายใบพันพี่แกทอนได้นะเออ
I need healing.
!
ไอน้องเอ้ย
รู้หรือเปล่าว่ามอไซค์รับจ้าง ที่นั่งเพิงหมาแหงนผุๆ รายได้วันละเท่าไหร่
ถ้าซอยอารีย์ พี่ว่ามากกว่าเงินเดือน SA บ.ใหญ่ๆ แน่ๆ
รู้หรือเปล่าว่าเสื้อวิน ตัวละเท่าไหร่
ถ้าซอยอารีย์ พี่ว่าพอๆกับ civic นะ
ออกมาจากกะลาบ้าง
นะน้องนะจ๊ะ
เดี๋ยวจะหน้าแตก
!
คำว่ารากหญ้าในความคิดผมไม่ได้หมายความถึง อาชีพใดอาชีพหนึ่งหรอกนะครับ และผมไม่แน่ใจว่าได้ลองถามคนขับคนนั้นดูไหมครับว่า เค้าซื้อมาได้ยังไง เช่น ซื้อมาเอง, ผ่อน 10 เดือน/15 เดือน, ยืมเพื่อนมา, พ่อ-แม่ซื้อให้, ขโมยมา ฯลฯ มันก็ยังเป็นไปได้หลายทาง
สมมติว่ากรณีนี้เรามองคนที่เป็นรากหญ้าจากค่าครองชีพที่ต่ำ ไม่รวมว่าที่บ้านแต่ละคนจะฐานะดีหรือไม่ ใช้จ่ายอะไรจากเงินของตัวเองทั้งหมด โทรศัพท์ที่คุณซื้อมาราคาแค่ 4310 บาทที่ว่า คุณต้องทำงานกี่่วันถึงจะซื้อได้? เทียบกับ พนักงานรายวันที่ได้ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 200-300 เลยก็ได้เห็นชัดดี คิดว่าเค้าต้องทำงานกี่วัน? (เพราะจริง ๆ คนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง อาจได้เงินเยอะกว่าเงินเดือนผมด้วยซ้ำ อันนี้ผมไม่รู้นะ ผมเลยไม่ขอยกตัวอย่าง ผมอาจจะรากสุด ๆ ของหญ้ากว่าเค้าอีก) มันเลยทำให้ผมบอกว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่สามารถซื้อมันได้ ให้ลองคิดถึงคนที่ไม่มีเงินจะกิน คนที่ไปขโมยนมในห้างให้ลูก ฯลฯ ดูบ้างสิครับว่าเค้าจะมาคิดถึงเรื่องเก็บเงินซื้อ Wifi Dongle ตัวละไม่กี่ร้อย หรือ โทรศัพท์ราคา 4310 นั่นไหม?
ในความคิดผม คิดว่าการที่มีเงินแล้วไม่ใช้ กับไม่มีเงินแล้วใช้เกินตัว มันไม่เกี่ยวกับที่เราบอกว่าโอกาสในการเข้าถึงมันแตกต่างกันนะครับ
และที่ผมอธิบายไปด้านบนนั้น เพราะผมอ่านข้อความเค้าแล้วเดาว่าเค้าต้องการจะสื่ออย่างนี้ครับ (ดูจะเป็นไปได้มากกว่า)
คุณเป็นคนตัดสินเองหรือครับว่าเงินที่เขาใช้อยู่ขณะนี้เกินตัวหรือไม่?
การผ่อนซื้อของถือว่าเป็นการใช้เงินเกินตัวหรือครับ งั้นเวลาผมจะซื้อมือถือ ซื้อรถ ซื้อบ้าน ต้องเก็บเงินเพื่อซื้อเป็นเงินสดเท่านั้น?
คุณหมายถึงว่าถ้าประเทศไทยมีคนจนโคตรๆอยู่แม้แต่ 1 คน ก็ไม่สมควรมี wifi?
และคุณก็คิดว่าในอนาคต เขา ลูกหลานเขา ก็ไม่มีโอกาสเติบโตขึ้นมามีเงิน มีฐานะมากพอจะมีอุปกรณ์พวกนี้?
ถ้าคุยกันแบบนี้ก็ไม่จบหรอกครับ
การผ่อนซื้อของเป็นการใช้เงินเกินตัวหรือเปล่า? คุณตอบได้เหรอ? หรือคุณบอกว่าไม่ใช่? คุณมีข้อมูลแค่ไหน? มันก็เป็นไปได้ทั้งใช่และไม่ใช่หรือเปล่า? อย่างน้อยถ้าคุณผ่อนสำเร็จก็อาจจะถือว่าไม่ใช่ก็ได้ แต่ถ้าคุณผ่อนไม่สำเร็จแล้วโดนยึดล่ะ? หรือจนไม่มีเอาไปทำอย่างอื่นที่ควรทำล่ะ? แบบนี้เรียกว่าอะไรครับ?
ตอนจะผ่อนมันง่ายครับ แต่ผ่อนให้ครบมันยากกว่า
ยิ่งถ้าจะเอาความพอใจส่วนตัวมาคุย ยิ่งไม่จบหรอกครับ เกิดคุณบอกว่าคุณพอใจที่จะกินมาม่าทุกวันหรือไม่ให้เงินลูกไปโรงเรียนแล้วเอาเงินเดือนทั้งหมดไปผ่อนมือถือ อันนี้มันก็ชีวิตแต่ละคนแล้วครับ
ที่คุณยกตัวอย่างมานั้น อีกมุมหนึ่งคือ ทำไมทุกคนไม่ผ่อนบ้าน ผ่อนรถกันคนละคัน 2 คันกันหมด แล้ว คนไม่มีบ้าน ไม่มีรถ คงไม่มีแล้วล่ะครับ
ผมแค่ต้องการเปรียบเทียบให้เห็นว่า การที่เขามองค่าของ 4000 ว่าถูก คนที่เป็นรากหญ้าจริง ๆ และจำเป็นต้องใช้เงิน เค้าไม่คิดว่ามันถูกหรอกนะ เค้าอาจจะใช้เงินเกินตัวอยู่ก็ได้ หรือถ้าจะมองว่าของราคาเท่ากัน คนที่รายได้เยอะกว่าไม่ได้มีโอกาสซื้อมันได้ง่ายกว่าคนรายได้น้อย เพราะคนรายได้น้อยบางคนก็ยังซื้อได้ อันนี้ผมก็ไม่เห็นด้วยครับ
คนรายได้เยอะกว่า อาจจะอยากซื้อของชิ้นนั้นหรือเปล่าก็ได้ ถ้าไม่ซื้อก็ไม่ได้ใช้ ในขณะเดียวกัน คนที่รายได้น้อยกว่า ก็อาจจะอยากได้แทน จนต้องเก็บเงินมาซื้อ (หรือ ผ่อนเอาก็ตาม) แต่ถ้าเทียบกันแล้ว คนแรกสามารถซื้อได้ง่ายกว่าไหมล่ะ?
ใจเย็นๆครับ
สิ่งที่ผมติดใจก็คือ คุณไปตัดสินเอาเองว่าคนอื่นใช้เงินเกินตัว ไปมองว่าคนอื่นเห็นว่าของสิ่งนั้นแพงสิ่งนั้นถูก
จริงๆแล้วมันเป็นแค่มุมมองของคุณคนเดียวไม่ใช่หรือครับ?
คุณจะเหมารวมว่ารากหญ้าทั้งหมดคิดว่ามันต้องแพง
ซึ่งตรงนี้เองคุณก็บอกว่าเป็นความพอใจส่วนตัว
ต่อให้เป็นคนที่รวยมากๆ ถ้าเขาขี้เหนียวเขาก็เห็นว่า 4000 มันแพงได้เหมือนกัน
หากเขาสามารถผ่อนได้ และผ่อนได้ในราคาถูกเขาก็น่าจะรู้สึกว่ามันถูก หรือแพงก็ได้ไม่ใช่หรือครับ
การผ่อนก็เหมือนการใช้เงินในรูปแบบอื่นๆแหละครับ คนใช้เงินเป็นก็จะไม่ใช้เงินเกินตัว
คนใช้เงินไม่เป็น ยังไงก็เกินตัว
แต่ที่สำคัญอย่าเพิ่งเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในใจของคนที่คุณเรียกว่ารากหญ้าเลยครับ คุณไม่รู้ใจเขาหรอก คุณแค่เดาเท่านั้น
ปล.เริ่มงงตัวเองว่าข้อความใครต่อใคร @ @ ถ้าผมเข้าใจการ reply ของใครผิดก็ขอโทษด้วยนะครับ
ถึงบอกไงครับว่า คุยแบบนี้มันไม่จบหรอก ทำไมถึงไม่โต้แย้งเรื่องที่ผมอธิบายว่า คนที่มีรายได้มากกว่า "มีความสามารถ" (ขอเปลี่ยนคำเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น) ซื้อของราคา 4000 ได้ง่ายกว่าคนมีรายได้ต่ำกว่าไหมครับ? (ผมบอกตั้งแต่ต้นแล้วด้วยนะว่าไม่เอาปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้อง เอาแค่เรื่องรายได้อย่างเดียว) ขอคำตอบชัด ๆ และไม่ต้องบอกผมใจเย็น ๆ หรอกครับ เพราะถ้าผมไม่ได้ใจเย็น ผมไม่นั่งตอบคุณอยู่แบบนี้หรอก
แล้วประโยคที่ผมบอกว่า
ยังไม่ชัดพอเหรอครับ? คุณก็ยังคงไม่ได้ตอบเลยนะว่าที่คุณถามผมมาน่ะ คุณตอบได้เหรอครับ?
ถ้ายังงง ผมถามให้อีกครั้ง คุณถามว่า การผ่อนของ = การใช้เงินเกินตัว?
ผมถามคุณกลับว่า แล้วคุณตอบได้ไหมล่ะจากข้อมูลแค่นี้?
แต่คุณตอบมาแค่ว่า
ตกลงคุณถามเรื่องถูกหรือแพงหรือ? แล้วเกินตัวไหม?
ส่วนเรื่องคน ๆ เดียว ผมถามคุณจริง ๆ เหอะ คุณเห็นว่ามีคนที่เป็นแบบนั้นคนเดียวในประเทศเราเนี่ย คิดอย่างนั้นจริง ๆ น่ะเหรอ?
และย้ำอีกครั้งแล้วกันว่า ผมแค่อธิบายว่าผมอ่านข้อความที่เค้าพิมพ์แล้วแปลมาเป็นอย่างนี้เท่านั้น เพราะเห็นว่ามีคนตีความไปอีกแบบ ถ้าเห็นว่าผมแปลความหมายผิดก็อธิบายสิครับว่าอ่านแล้วแปลได้ว่ายังไง ไม่ใช่มาโต้แย้งความคิดนั้นกับผม
ผมว่าผมตอบไปแล้วนะครับ
การใช้เงินเกินตัวไม่เกินตัว ไม่ใช่สิ่งที่เราจะไปตัดสินคนอื่นได้ครับ โดยเฉพาะกับคนที่เราไม่รู้จักเขาเลย
ผมยอมรับว่าผมอาจจะอ่านไม่แตกหรืองงเอง ผมยังไม่เข้าใจว่า ถ้าเขาซื้อของราคา 4000 ได้ยากกว่า มันจะมีปัญหาอะไรกับนโยบาย wifi นี้เหรอครับ หากเขาต้องการที่จะใช้ wifi และเขาเห้นความจำเป็นที่จะซื้อมัน ต่อให้ยากกว่า 4000 ผมว่าเขาก็คงซื้อครับ
อันนี้ผมก็คงงงหรืออ่านไม่แตกเอง โอกาสเข้าถึงแตกต่างกันคือโอกาสอะไรครับ ที่ผมเข้าใจคือคุณหมายถึงโอกาสการเข้าถึง wifi แตกต่างกัน เนื่องจากคนจนมีเงินน้อยกว่า เขาเลยลำบากในการหาซื้ออุปกรณ์ต่อ wifi ใช่ไหมครับ? แต่หากเขาต้องการใช้เขาก็ซื้อมาเองครับ จะลำบากหรือไม่เป็นเรื่องที่เขาตัดสินใจเองนะครับ
จะคนเดียว สิบคน ร้อยคน ล้านคน โลกก็ต้องหมุนต่อไปครับ โดยเฉพาะโครงการนี้อาจจะเป็นการเปิดโอกาสให้ใครอีกหลายคนไม่ใช่หรือครับ?
ผมเห็นว่าคุณแปลความหมายได้ดั่งไปนั่งอยู่ในหัวใจของเขา(อีกแล้ว) ผมจึงต้องตามประเด้นที่คุณซิครับ
ไม่ต้องคิดอะไรมากนะครับ ถือซะว่าคุยกันเล่นๆแบบเพื่อนคุยกัน
ผมงงกับคุณแล้วล่ะ เอ้าลองไล่ตามนี้นะ
-ย่อหน้าแรก ผมถามว่าเค้าถามรึยังว่าได้มายังไง->แปลว่า ผมตัดสินว่าใครใช้เงินเกินตัว?
-ย่อหน้า 2 ผมสมมติว่าผมพูดถึงคนที่มีรายได้ต่ำ 200-300 ว่าเค้าต้องเก็บเงินแค่ไหนถึงจะซื้อของ 4000 ได้->แปลว่า ผมตัดสินว่าใครใช้เงินเกินตัว?
-ย่อหน้า 3 ผมบอกว่า คนมีเงินแล้วไม่ใช้ กับที่ไม่มีแต่ใช้เกินตัว มันไม่เกี่ยว->ผมเปรียบเทียบกับคนที่ไม่มีแล้วใช้เกินตัวตรง ๆ ซึ่งก็ไม่ได้ระบุว่าใคร?
-ย่อหน้า 4 อันนี้คงไม่เกี่ยว
ไม่รู้ทำให้คุณเข้าใจมากขึ้นหรือเปล่า แต่ถ้าแปลได้อย่างอื่นก็ไม่รู้ว่าผมจะอธิบายยังไงแล้วล่ะ
หมายเหตุ ส่วนหนึ่งจะเห็นว่าผมก็ไม่ได้ตัดสินเรื่องคนขับฯ คนนั้นว่าเค้าเหมาะสมที่จะมีโทรศัพท์ที่แพงกว่า 4000 นั่นหรือเปล่า? เพราะผมก็ไม่ได้รู้ข้อมูลอื่นเพิ่มเติมเช่นเค้าไปนั่งที่ไหน อยู่ซอยไหน เพราะถ้าเป็นวินแถวบ้านผม อาจจะไม่ได้รายได้ดีมากนักเหมือนกรุงเทพฯ ก็ได้ ผมก็ไม่ได้ใช้คำอะไรที่ตัดสินตรงนั้น แถมก็บอกอีกว่าให้ตัดเรื่องแวดล้อมออกที่อาจมีผล เช่น บ้านเค้าอาจรวย ฯลฯ
ooo
เรื่องซื้อยาก กับนโยบาย อันดับแรกขอบอกที่มาอีกครั้ง ว่าผมแปลความจากคนที่ตอบไว้ ว่าเค้าหมายความว่าอย่างนี้มั๊ง? ซึ่งการเปรียบเทียบของเค้าเป็น Wifi กับ สื่อการสอน ผมก็เลยบอกว่า เค้าคงหมายความว่า Wifi เนี่ย คนจะใช้ก็น่าจะเป็นกลุ่มที่มีเงินซื้อของมาใช้กับมันได้ (อันนี้ผมยังไม่ได้รวมไปถึงปัจจัยอื่น เช่น เวลาที่เค้าจะมีมาใช้ หรือ ส่ิงที่จำเป็นต้องใช้จากการที่มี) ต่างจากสื่อการสอนที่มันไปถึงทุกคนที่ไปเรียน ไม่ต้องใช้เงินซื้อ ซึ่งมันน่าจะครอบคลุมมากกว่า และบอกไปแล้วว่า ผมเดา!
ซึ่งผมขยายความต่อไปว่า คำว่ามีเงินซื้อของมาใช้กับมันได้เนี่ย ของแต่ละอย่างมันมีราคา ซึ่งในมุมมองแต่ละคนมันต่างกัน (ว่าถูกหรือแพง) อันนั้นผมไม่พูดถึง แต่ผมบอกว่าถ้าเทียบกับแค่รายได้เนี่ย คนมีรายได้น้อยจะมีโอกาสเข้าถึงยากกว่ามันเข้าใจยากเหรอครับ? คนเงินเดือน 50,000 จะซื้อของ 4,000 ซื้อได้กี่ชิ้น? คิดยากมั๊ย? แล้วถ้าเป็นคนเงินเดือน 6000 ล่ะ? เหมือนที่ผมถามคุณลิ่วไงครับว่าเค้าต้องเก็บเงินกี่วันถึงจะซื้อได้ ส่วนแรงงานรายวัน เค้าต้องเก็บกี่วัน? มันยากกว่าหรือเปล่า?
ส่วนถ้าคุณเอาเรื่อง "บางคน" มาเกี่ยวอีก บางคนรวยใช้เงินไม่เป็นมั่ง อะไรมั่ง ผมก็ต้องย้อนถามคุณว่า แล้วถ้ามีแค่คนเดียวที่มันเป็นแบบนั้น มันจะทำให้อะไร ๆ มันเปลี่ยนไปเลยงั้นหรือ?
ooo
เรื่องโครงการนี้ ผมไม่ได้ไม่เห็นด้วยนะ อ่านข้างล่างที่ผมโพสต์หรือเปล่าว่าผมก็โต้แย้งเค้าเหมือนกัน! (โพสต์ก่อนหน้าแต่มันอยู่ด้านล่าง) แล้วก็อย่างที่ผมบอกว่า ผมเห็นว่ามีคนเข้าใจข้อความของเค้าผิดจากที่ผมเข้าใจ ผมจึงบอกว่าผมเข้าใจว่าแบบนี้นะ และบอกว่า "เดา" "คิดว่า" "น่าจะ" ตลอด แล้วจะมาโต้แย้งเนื้อหาในนั้นกับผมทำไม!? ถ้าผมไม่ได้เข้าใจผิด ก็ไปโต้แย้งเขา หรือถ้าผมเข้าใจผิด ก็บอกผมสิว่ามันต้องแปลยังไง?
ถ้าคุณบอกว่าผมแปลได้ดั่งเข้าไปอยู่ในหัวใจของเขา ก็อย่างที่บอกไปด้านบน คุณก็ลองบอกผมมาสิว่าคุณอ่านแล้วแปลได้ว่ายังไง? ต่างจากที่ผมแปลไหม? แต่ที่แน่ ๆ จากแต่ละข้อความที่คุณพิมพ์มา คุณคิดเกินเลยแทนผมไปเยอะเลยล่ะ
ooo
อันนี้แถม ตอบคุณ Thaina ตรงนี้เลยแล้วกัน (กลัวโควต้าหมด - -' เดี๋ยวตอบหรือ edit ไม่ได้) คำว่า "โอกาส" ผมคงใช้สื่อความหมายให้คนเข้าใจผิดอีกแล้ว (อุตส่าห์เปลี่ยนเพราะกลัวไม่เข้าใจ) คือผมพยายามจะอธิบายให้เข้าใจเหมือนข้างบนเนี่ยครับว่า มันเกิดขึ้นได้ยากกว่า
จริงอยู่ว่าคนเก็บขยะ อาจจะเก็บเงินซื้อ Wifi เพื่อมาต่อเน็ตเล่นอย่างที่คุณว่า จนรวยขึ้นมาเพราะทำอะไรซักอย่างบนนั้น อันนั้นผมไม่ได้โต้แย้งว่ามันไม่มีประโยชน์ตรงนี้ ถึงแม้จะโอกาสน้อยแต่ก็เห็นด้วยว่ามัน "มีประโยชน์แน่นอน" (เหมือนที่ผมตอบไว้ด้านล่างเหมือนกัน)
แต่ที่ผมพูดเรื่องโอกาสการเข้าถึง ก็แน่นอน สัญญาณมันปล่อยไปทั่ว ๆ ใครมีเครื่องรับก็รับไป แต่การที่คุณจะเล่นได้มันมีองค์ประกอบอื่นด้วยใช่ไหมครับ? ลุงเก็บขยะกี่คนจะมี Galaxy Mini? ลุงเก็บขยะกี่คนจะมี PC ต่อ Wifi Dongle หรือ ลุงเก็บขยะกี่คนจะมี Tablet, Notebook แล้วในขณะเดียวกันถ้าเป็นคนมีฐานะหน่อย ที่กล่าวมาอาจจะมีมากกว่า 1 อย่างด้วยซ้ำ ต้องเป็น "คนละกี่อย่าง" จาก "จะมีกี่คน" ผมหมายถึงโอกาสตรงจุดนี้ครับ
และอย่างที่บอกไปว่า มันเป็นการขยายข้อความที่คนนั้นเค้าตอบมา ซึ่งผมก็เห็นด้วยว่ามันก็มีผลอย่างนั้นอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้เห็นด้วยกับข้อความทั้งหมด ดังนั้นผมจึงอธิบายเฉพาะประเด็นนี้น่ะครับ
คุณคิดว่า WiFi มันใช้ได้เฉพาะ Tablet,Notebook,Phone รุ่นใหม่ๆ ที่ต้องราคาระดับคนจนซื้อไม่ได้เท่านั้นน่ะเหรอ?
เอาแค่ PC กระจอกรุ่น 10 ปีก่อน ผมว่าไปหาจากกองขยะมายังได้เลยมั้ง ไหนจะโทรศัพท์สมาร์ทโฟนมือสอง ที่ราคามันไหลร่วงทุกปีๆ ผมถามหน่อยว่าปี 2013 ราคาไอโฟน 1 จะเหลือเท่าไหร่?
มันไม่ใช่แค่ความรวย แต่มันคือโอกาสเข้าถึงความรู้และข้อมูลข่าวสาร การติดต่อสื่อสารกัน ประโยชน์ที่ได้รับมันมากกว่าการที่จะ "ต้องทำเงินได้" เอาแค่สามารถอ่านเว็บบอร์ดอย่างที่เราอ่านกันนี่ได้ก็มีประโยชน์ไม่รู้เท่าไหร่แล้ว
นี่ผมพูดแค่ลุงเก็บขยะมันก็เหมือนจะฝังเป็น MindSet ของคุณไปเลยนะ ไหนจะมีคนฐานะปานกลางถึงสูง แต่ไปทำไร่อยู่ชนบทห่างไกล หรือชุมชนบนดอยที่พอมีเงินแต่ความเจริญเข้าไม่ถึง รวมไปถึงร้านข้างทางต่างๆที่บางทีไม่ใช่คนแถวนั้นใช้ แต่เป็นนักท่องเที่ยว
แทนที่คุณจะมานั่งถามว่ามีกี่คนที่จะทำอะไรได้จากโอกาสตรงนี้ ถามตัวเองก่อนดีกว่าว่าการที่คุณมีอินเตอร์เน็ตใช้เถียงชาวบ้านตอนนี้คุณกำลังเอาเปรียบคนกี่คนในประเทศ ในขณะที่คนที่มีความสามารถที่จะใช้มันสร้างประโยชน์กลับไม่ได้ใช้ ส่วนคนที่ใช้ได้กลับมาคอยถ่วงความเจริญไม่ยอมให้คนอื่นได้ใช้แบบนี้
สงสัยผมต้องเปลี่ยนมาตอบคุณ Thaina แทนแล้วล่ะ แต่อันดับแรกต้องขอโทษก่อนว่า ผมคงพิมพ์ให้มันจัดหน้าไม่ถูกจึงทำให้ข้อความมันเรียงมั่วซั่วแบบข้างบน
ผมขอเอาย่อหน้าสุดท้ายของคุณมาตอบก่อนเลยที่บอกว่า ผมเอาอินเทอร์เน็ตมาใช้เถียงชาวบ้านเนี่ย ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผมต้องมานั่งอธิบายเรื่องที่ผมไม่ได้พิมพ์ให้คนเข้าใจด้วย (ตั้งแต่หลายข้อความก่อน ๆ) ลองอ่านต่อดูสิครับว่า ผมบอกว่าผมไม่ได้พิมพ์ยังไง?
ผมบอกอย่างนั้นหรือ? ผมบอกว่า "แต่การที่คุณจะเล่นได้มันมีองค์ประกอบอื่นด้วยใช่ไหมครับ?" ที่ผมยกตัวอย่าง ผมก็ไม่ได้พิมพ์ตรงไหนว่ามันจะต้องรุ่นใหม่ล่าสุด แล้วถ้าจะไปหาจากกองขยะที่คุณว่ามันเป็น PC ครบ Set พร้อมใช้ Wifi ได้จริง ๆ น่ะหรือ? หรือจะมือถือมือ 2-3-4 มันก็ต้องซื้ออยู่ดีใช่ไหมครับ? ส่วนราคามันจะคนจนซื้อได้หรือเปล่า ผมก็ไม่เคยบอกว่าเค้าจะซื้อไม่ได้นี่ครับ (หรือว่ามีบอกอย่างนั้น?)
ผมบอกแค่ว่า "เค้าซื้อได้ยากกว่า"
ส่วนหนึ่งที่คุณ Thaina ตอบ ก็ไม่ได้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นหรือครับว่ามันลำบากกว่า? ถ้าผมมีเงินเหลือ 4000 ผมจะเอาไปซื้อ Galaxy Mini ที่ไหนที่มีขายก็ได้ แต่ที่คุณยกมา เค้าก็ต้องไปตามหาโทรศัพท์มือ2-3-4ที่ถูกกว่าหรือพอจะมีเงินซื้อได้ และใช้ Wifi ได้ด้วย ซึ่งของมือ 2 ก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะได้ของเสียจากคนอื่นอีก นอกจากนี้เงินที่เค้าจะเอาไปซื้อของนี้ เค้าอาจจะต้องคิดรอบคอบมากกว่าที่คนมีเงินเหลือคิดหรือเปล่า? แบบนี้เรียกว่าลำบากกว่าไหมครับ? (คำถามผมที่ถามคุณมีแค่นี้จริง ๆ)
นี่ก็เป็นอีกอย่างที่ผมไม่ได้พิมพ์ ผมก็อธิบายไปก่อนหน้าแล้วว่า ผมแสดงความเห็นไปด้านล่างแล้ว และผมก็เห็นประโยชน์จากโครงการนี้ว่ามีประโยชน์แน่นอน ซึ่งพิมพ์ไปก่อนที่จะมาพิมพ์ข้อความที่ทำให้ต้องมาตอบยาว ๆ แบบนี้อีกด้วยซ้ำ ข้างบนนี้ก็พิมพ์อีกหลายรอบ และหลังจากนั้นก็ไม่มีประโยคไหนที่ผมบอกว่า อย่า! อย่าทำโครงการนี้ อย่าไปให้โอกาสคนจน ฯลฯ เลย
ที่คุณบอกว่าผมเถียง ก็เพราะคุณกำลังกล่าวหาในสิ่งที่ผมไม่ได้พูด เมื่อคุณยังไม่หยุดกล่าวหา ผมก็จึงต้องชี้แจง เพื่อไม่ให้ "คนที่อ่าน" เข้าใจผมผิด หรือผมต้องปล่อยให้คุณมาด่าผมฟรี ๆ โดยที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเลย?
เรื่องนี้ยิ่งห่างไกลจากที่ผมพิมพ์ไปใหญ่
-คนมีฐานะไปอยู่ชนบทห่างไกล -> เรียกว่ารากหญ้า? ที่ผมใช้เจาะจงกลุ่มตั้งแต่แรก และบอกด้วยซ้ำว่า
-ตรงไหนที่ผมกล่าวไปถึงเรื่องการพัฒนาไปที่ห่างไกล? ว่าอย่าไปทำนะ? ผมห้าม!?
จะบอกให้นะครับว่าผมนี่แหล่ะอยู่ต่างจังหวัด และผมนี่แหล่ะที่เคยอยากมีเน็ตใช้ จนต้องทนใช้เน็ตมือถือมาหลายปี เคยขอเน็ตฟรี TOT เสียค่าเดินสายหลายพัน เพื่อให้ใช้ modem 56k แก้ขัดได้ จนย้ายบ้านถึงได้ติด adsl ได้ ทำไมผมถึงจะไม่อยากให้พัฒนามาถึง???
คุณเอาแค่ที่ผมยกตัวอย่างลุงเก็บขยะ (ที่คุณเป็นคนตั้งมาเอง) มาใช้ ตีความไปได้ขนาดนั้นเชียวหรือ?
ผมถามใครเหรอครับว่า "ได้อะไรจากโอกาสตรงนี้?" อ่านมาถึงบรรทัดนี้ผมคิดได้อย่างเดียวว่าคุณอ่านผิดกระทู้หรือเปล่า?
ถ้าเป็นที่ผมถาม ผมถามว่าคนเก็บขยะ กับคนมีฐานะหน่อย "มีโอกาสต่างกันหรือเปล่า?" ไม่ได้พูดถึงเลยว่าได้อะไรจากตรงนี้ ไม่ได้ถามเลยว่าแต่ละคนจะเอาไปทำอะไร คุณไปอ่านจากที่ไหนมา!?
ที่สำคัญอินเทอร์เน็ตที่ผมใช้อยู่ ผมขอใช้ถูกต้อง จ่ายเงินถูกต้อง ผมไม่ได้ไปโกง ไปแอบใช้ของใคร และไม่ได้ไปร้องขอให้เค้าเดินสายมาให้ผมโดยเฉพาะครับ แต่ผมเลือกที่จะอยู่ในพื้นที่ที่มันเข้าถึงได้เองครับ
และหากคุณคิดว่าคุณได้รับประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตจริง คุณต้องไม่อ่านข้อความที่คนอื่นเชียนแล้วคิดไปเองได้เลยเถิดขนาดนี้
กลับมาที่ประโยคสุดท้าย การที่คุณเอาเรื่องไม่จริงมากล่าวหาผมตามที่ผมอธิบายมาด้านบนนี้ มันสะท้อนตัวคุณว่าเป็นอย่างนั้นได้หรือเปล่าครับ?
จากข้อความ คุณ darkleonic
-นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ข้อความของพวกคุณ ทำให้เค้าเข้าใจผิดเพี้ยนไปได้ขนาดนี้
-คุณ darkleonic ลองอ่านที่ผมอธิบายไว้ด้านบนอีกทีครับ
คนที่มีโอกาสซื้อยากกว่า ไม่มีสิทธิ์ซื้อหรือใช้เหรอครับ
การขยายตรงนี้เป็นลดช่องว่างทางเทคโนโลยีนะครับ ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำการ Infra ควรจะนำหน้า Device ไปก่อน ไม่ใช่ Device เต็มประเทศแล้วค่อยทำ Infra ตาม แบบนั้นคงไม่มีแน่ๆ ทาง Device จะเพิ่มจำนวนได้
ท่านบอกว่าท่านเลือกที่จะย้ายไปหาพื้นที่ ADSL เอง มันเป็นภาวะจำยอมจากการทางการขยายตัวของ Broadband Internet นิ่งสนิทของบ้านเราไงครับ เพราะไม่มี Infra แล้วคนใช้มันจะตามไปใช้ไหมนั่น แล้วเป็นความผิดของคนห่างไกลหรือเปล่า ที่เขาดันไปอยู่ตรงนั้นเอง?
I need healing.
T_T ผมว่าหรือผมจะยอมให้เข้าใจกันไปอย่างนี้ดีกว่า...
ปล.ทำกลม ๆ ข้างหน้าใส่ตัวอะไรเหรอครับ? ผมตอบแบบนี้แทนแล้วกันนะ
1.อย่างที่ผมพิมพ์ตัวหนา ๆ ด้านบนน่ะครับ? ผมถามแค่ว่า ยากกว่าหรือเปล่า? ส่วนมีสิทธิ์ซื้อและใช้ไหม ผมก็เห็นด้วยว่าควรจะมีแน่นอนแต่การที่มีสิทธิ์ตรงนี้ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้มันเปลี่ยนคำตอบเรื่องความยากง่ายไปนี่ครับ? ก็อย่างที่ผมบอกไปว่า ผมเห็นด้วยในเนื้อหาบางส่วนของผู้พูดทีแรกตรงจุดที่ว่าเออ...มันน่าจะมีประโยชน์กับคนที่มีฐานะระดับหนึ่งมากกว่าคนรากหญ้า เมื่อเทียบกับเรื่องสื่อการสอนนะ (ถ้าเขาหมายความอย่างนั้น) แต่ผมไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมด คือถ้าเปรียบเทียบกับประโยชน์ผมก็เห็นว่าควรทำไงครับ แต่ที่เค้าโต้แย้งผมกันเนี่ย มันคล้าย ๆ กับที่คุณถามผมนี่แหล่ะ
2.เรื่องนี้ไม่รู้นะครับ ไม่ขอแสดงความเห็น (จากข้อ 1 ที่เห็นด้วยอยู่แล้ว)
3.อันนี้จากข้อความก่อนหน้านี้ผมก็ไม่ได้บอกว่าคนไปอยู่ที่ห่างไกลผิดนะ ผมอธิบายว่า ถ้าผมจะเป็นคนที่ไปคัดค้าน หรือ ไม่อยากให้ที่ห่างไกลมีเนี่ยมันเป็นไปไม่ได้ เพราะผมเองนี่แหล่ะที่ได้ประโยชน์ถ้าเค้าขยายมาจริง เพราะก็เคยเสียประโยชน์จากเรื่อง adsl หรือ 3g มาแล้ว
และที่บอกว่าผมย้ายบ้านมาที่มี ADSL เนี่ย เพราะเขาบอกว่าผมไปเอาเปรียบคนที่ไม่มีเน็ตใช้อยู่ ผมจึงบอกให้เค้ารู้ว่าผมได้เน็ตนี้มาด้วยความยากลำบากและไม่ได้โกงใครมา
ส่วนที่ชวนให้คุณเข้าใจว่าผมไปปิดกั้นโอกาสตรงนั้น คุณลองไปถามเค้าว่าเค้าเอามาจากไหนแล้วกัน
ก็คุณจะพยายามโน้มน้าวคำว่า "ยากกว่า" ไปทำไม ถ้าคุณไม่ได้ต้องการต่อต้านนโยบายนี้
เอาง่ายๆคือมีคนสามคนแล้วที่เห็นคุณพูด ก็เข้าใจไปว่าคุณต้องการต่อต้านนโยบายนี้ ถ้าคุณไม่ได้จงใจก็คงจะมีปัญหาในการสื่อสารแล้ว และผมจะชี้ให้คุณฟังว่า การที่คุณมานั่งย้ำให้ทุกคนเชื่อว่ามัน "ยาก" มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะคำว่า "ยาก" มันก็เป็นมายาคติของคุณ ความเป็นไปได้มันมีอีกมากถ้าหากเราเปิดโอกาสให้
การที่ผมพยายามอธิบายยกตัวอย่าง มันก็เป็นแค่เคสของ Possibility ในความจริงคือถ้ามีโอกาสตรงนี้ให้แล้ว มันยังมี Possibility อีกมาก นี่ผมแค่ยกตัวอย่างเท่าที่ผมนึกออก มันยังมีสิ่งที่ผมนึกไม่ออกอีก
แต่ถ้าปิดโอกาส ทุกอย่างก็จบ ไม่มีอะไรที่จะเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
สรุปก็คือแล้วคุณจะต้องมานั่งโน้มน้าวให้คนอื่นเชื่อว่า "ลำบากนะ" "ยากนะ" ทำพริกเกลืออะไร? ถ้าคุณยอมจบๆไปว่า เออ มันยาก แต่ถึงไงนโยบายนี้ก็ควรเกิด ไอ้เรื่องปัญหาค่อยมาว่ากันได้ว่าจะหาทางแก้ยังไง ไม่ใช่พยายามโน้มน้าวว่า สร้างความยุ่งยากซะตั้งแต่เขายังไม่ได้ลงมือทำ ซึ่ง อย่างที่บอก คนอ่านสามคนแล้วที่เห็นว่าคุณพยายามจะต่อต้านนโยบายนี้ให้ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณจงใจ ก็คือคุณมีปัญหาในการสื่อสารแน่ๆ
ยิ่งพยายามแก้ตัว คุณก็ยิ่งพยายามอธิบายเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ระดับที่ว่ายอมไม่ได้เลยกับแค่เรื่องว่าคุณต้องการชี้ให้เห็นว่ามันยาก มันกลายเป็นข้ออ้างให้คนที่ต่อต้านซะมากกว่า
มองมุมกลับด้วยครับ ไอ้การสร้าง WiFi ฟรี เนี่ย แทบจะเป็นการ Spoil ประชาชนระดับคอมมิวนิสท์เลยด้วยซ้ำ โดยปกติแล้ว การที่ประชาชนจะขวนขวายหาเทคโนโลยีมาให้ถึงบ้านตัวเอง มันลำบากยากเข็ญและราคาแพงกว่านี้มาก ผมถึงได้บอกว่าไอ้ความยากของคุณมันเป็นแค่มายาคติล้วนๆ คุณเทียบความยากของคุณกับอะไร ? ไอ้นโยบาย WiFi ฟรีนี่แหละ "ง่าย" แล้ว จะต้องให้มีอะไร "ง่าย" กว่านี้อีก ?
และ วิธีง่ายๆสำหรับใช้ WiFi นะครับ แค่ PC หรือ NoteBook กากๆ เครื่องนึงที่มี USB กับมือถือรุ่นซักหกปีที่แล้ว ที่มีพอร์ทต่อ USB ได้ ก็ใช้ WiFi ได้แล้ว มันจะต้องเอาอุปกรณ์อะไรมากมาย? มันจะแพงซักแค่ไหน? ดีไม่ดีกองล้นอยู่ในตะกร้าของโชว์ห่วยด้วยซ้ำ
ในหลายๆประเทศก็เริ่มมีการผลิตมือถือ "รุ่นใหม่แบบกากๆ" แบบที่ว่าราคาถูก ไม่มีฟีเจอร์ฮาร์ดแวร์อะไรหรูหรา แต่ถ้ามันต่อ WiFi ได้ ก็นี่แหละคือโมเดม แถมใช้รับเข้าโทรออกได้ด้วย
เอาจริงๆ NoteBook มือสองรุ่นต่ำสุดที่ต่อ WiFi ได้มันจะราคาเท่าไหร่ ยิ่งถ้ามีระบบแยกขยะ ของแค่นี้อาจจะประกอบเอาจากชิ้นส่วนในกองขยะเลยก็ได้ ถ้าหากว่า มีโอกาสใช้ Internet ฟรี มันก็จะกระตุ้นให้คนสนใจที่จะทำ
สุดท้าย
ผมก็เห็นชนชั้นกลางก็อ้างงี้ทุกที คุณจ่ายเงินแล้ว คุณทำถูกต้องทุกอย่าง
ย้ำอีกทีนะครับ ผมไม่ได้บอกว่าคุณขี้โกง แต่ผมบอกว่าคุณเอาเปรียบ สองคำนี้ต่างกัน
ถ้าคุณกำลังวิ่งแข่ง คนอื่นต้องสตาร์ทจากจุด 400 เมตร แต่คุณได้สตาร์ทจากจุด 100 เมตร คุณอาจไม่ได้โกง ไม่ได้จงใจที่จะโกง แต่มันคือการที่คุณได้เปรียบ คนอื่นเสียเปรียบ
การที่โอกาสเกิดมาในสภาพแวดล้อมที่ดี มันทำให้คุณได้เปรียบกว่าคนอื่น แล้วคุณก็เอาความได้เปรียบตรงนั้น มาเพิ่มพูนความได้เปรียบของตัวคุณเอง นี่คือสิ่งที่ประเทศเมืองหลวงทำกับคนต่างจังหวัดมาหลายร้อยปี อ้างว่าตัวเองเป็นเมืองหลวง กวาดภาษีต่างจังหวัดมารวมที่ตัวเอง แล้วก็เอามาพัฒนาเมืองหลวง พอพัฒนาเมืองหลวงได้ ก็เก็บภาษีในเมืองหลวงได้มากขึ้น แล้วก็ไปดูถูกคนต่างจังหวัดว่าจ่ายภาษีน้อยกว่า ทั้งที่สูบทรัพยากรต่างๆเข้ามาในเมืองหลวงในราคาถูกๆ สุดท้ายก็พัฒนาแต่เมืองหลวง เอาเมืองหลวงเป็นใหญ่ ต่างจังหวัดจะพัฒนาอะไรก็ยากเย็นแสนเข็ญ กะอีแค่จะวางเครือข่าย WiFi ครอบทั้งประเทศก็ออกมาโวยวายโหวกเหวก คนต่างจังหวัดยังไม่พร้อมมั่งล่ะ ลำบากมั่งล่ะ คิดข้ามช็อทไปในแง่ร้ายให้มากที่สุด ทั้งที่ตัวเองก็กำลังพิมพ์เถียงฉอดๆ นี่ก็มาจากผลประโยชน์ที่ได้จากการเอาเปรียบคนต่างจังหวัดมา
คุณอาจจะคิดว่าคุณจ่ายเงินซื้อข้าวกิน แต่จริงๆคือคุณจ่ายเงินซื้อข้าวในราคาที่เอาเปรียบชาวนา และคุณก็โยนว่าเป็นความผิดของพ่อค้าคนกลาง ไม่ใช่ความผิดคุณ ใช่ คุณไม่ผิด แต่สุดท้ายผลมันก็เหมือนกัน คุณได้ซื้อข้าวราคาถูก มีเงินเหลือไปใช้อย่างอื่นที่เป็นประโยชน์กับชีวิต ในขณะที่ชาวนามีกินไม่อิ่มท้อง สมองไม่แจ่มใส โอกาสในชีวิตหดหาย นี่คือความเป็นจริง
ในขณะที่ผมเองก็เอาเปรียบคนต่างจังหวัด แต่ผมสำเหนียกตัวเอง ดังนั้นผมจะสนับสนุนการพัฒนาอะไรขึ้นมาทั้งประเทศเสมอ โดยไม่มานั่งหาข้ออ้างเรื่องยากลำบากบ้าบออะไรให้กลายเป็นประเด็นอย่างที่คุณกำลังทำ
คุณอาจจะไม่ได้จงใจทำให้มันเป็นประเด็นว่าคุณต่อต้านนโยบายนี้ แต่ช่วยรู้ไว้เถอะครับว่า คุณไม่จงใจทำ แต่ผลมันออกมาเป็นอย่างนั้น
เหตุผลผมก็บอกไปแล้วนี่ครับว่า ผมเห็นด้วยใน "บางส่วน" ที่เค้ากล่าวมา ว่ามันเข้าถึงได้น้อยกว่าจริง ๆ ผมถึงบอกว่า ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับผม สิ่งที่คุณควรจะโต้แย้ง ก็คือเรื่องนี้ ไม่ใช่มานั่งพล่ามกับผม ว่าผมไปกีดกันไม่ให้เค้าทำนโยบายนี้ มาโพนทะนาว่าผมไปเอาเปรียบใครอย่างที่คุณทำไงครับ
เผื่อคุณหาข้อความผมไม่เจอ ผมเอามา quote ให้อ่านชัด ๆ เลยแล้วกัน
ซึ่งผมพิมพ์ก่อน
และเป็นที่มาของการโต้แย้งของพวกคุณไงครับ เจตนาผมก็บอกไปแล้วแต่คุณก็ยัง "คิดเอาเอง" ว่าที่ผม "เห็นด้วยว่ายากกว่า" ก็คือผม "ต่อต้าน" แล้วคนที่ฝัง Mindset นี่มันไม่ใช่คุณเองหรอกหรือ? ผมอธิบายยังไงคุณก็ยืนยันว่าไม่เชื่อทั้ง ๆ ที่ลำดับเวลามันก็บอกอยู่แล้วว่าผมไม่ได้แก้ตัว
ถ้าเค้าบอกว่าแมวมี 4 ขา และเป็นสัตว์ที่สวยที่สุดในโลก ผมก็บอกว่าอืมจริง ธรรมชาติมันมี 4 ขา และะผมก็ไม่เคยเห็น 5 ขาเลย คนนึงก็มาบอกว่าแถวบ้านผมมีแมว 5 ขา คุณไม่เห็นเองน่ะสิ (มันเลยใช้ตัดสินได้ว่า ต่อไปนี้เราต้องพูดว่า แมวอาจจะไม่ได้มี 4 ขาแทน?) พอผมบอกไปว่าให้คิดจากธรรมชาติ ว่าทั่วไปมันมี 4 ขา ก็มีบางคนอีกที่มาบอกว่าเคยเห็น 3 ขามั่ง 6 ขามั่ง และอีกประเภทก็มาว่าผมว่า แมวไม่สวยหมาสวยกว่าพร้อมเหตุผลล้านแปด โดยเฉพาะคุณที่มาถึงก็มาวิพากย์วิจารณ์ว่า การที่ผมไปสนับสนุนคำว่าแมวมี 4 ขานี่ มันเป็นความผิดมหันต์ ผมเป็นคนที่ไม่รู้จักมองโลก ไม่เคยเห็นสัตว์อื่น พูดมาได้ไงว่าแมวสวย! (อ้าว!...)
เรื่องเอาเปรียบกับขี้โกง คุณก็พูดเองทั้งนั้น คุณจะหมายความอย่างไร ผมก็ไม่เกี่ยว คุณยกตัวอย่างวิ่ง 400 เมตร แล้วบอกว่าผมอยู่ที่ 100 เมตร แล้วผมจะไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไง ก็ผมบอกว่าผมก็หาอินเทอร์เน็ตมาใช้ด้วยวิธีการปกติ จ่ายเงินปกติ มีแต่คุณที่จับผมไปวางอยู่ตรงนั้น แล้วก็มาว่าผมเอาเปรียบ ทำไมไม่คิดว่า ผมก็ยืนอยู่ตรงจุดสตาร์ทปกติ แต่คนที่แข่งกับผม บางคนเค้าถอยไป 5 ก้าวบ้าง 10 ก้าวบ้างเอง นี่เรียกผมเอาเปรียบเขาหรือ? เรื่องชาวนาก็เหมือนกันผมไปขโมยข้าวเขามากินหรือ? ถ้าจะบอกว่าการที่คุณเอาเรื่องที่ไม่จริงมาใส่ร้ายผมเนี่ยเป็นการเอาเปรียบผมมันจะตรงกว่าไหม?
ถ้าคุณวิ่งก้าวนึงเท่ากับเด็กวิ่ง 2 ก้าว แล้วเอาคุณกับเด็กมาวิ่งแข่งกัน เส้นชัยก็เท่ากันเนี่ย ถามว่าเด็กไปถึงเส้นชัยได้ไหม? คำตอบก็คือได้ แล้วถ้าผมถามว่าเด็กเค้าต้องวิ่งมากกว่าคุณ 2 เท่าเนี่ยเค้าลำบากกว่าหรือเปล่า? แต่เรื่องที่คุณจะขี้เกียจวิ่งจนแพ้เด็กอะไรแบบนั้น ถ้าคุณเอามารวมกันมันก็คุยไม่จบ
และถ้ายังคิดว่าไม่พอ... ผมยอมถอนคำพูดก็ได้ ว่าโทรศัพท์ราคา 4000 เนี่ยคนค่าแรง 200-300 หรือคนที่ไม่มีจะกิน เค้าจะไปซื้อหามาใช้กันทั่วบ้านทั่วเมืองถ้ามี Wifi ฟรีแบบนี้ เค้าเลือกที่จะซื้อมันมากกว่าซื้อข้าว ซื้อน้ำ ฯลฯ ไม่ได้แตกต่างกับคนที่มีฐานะเลย อืมม แบบนี้ทำให้พอใจขึ้นไหมครับ? ผมหวังว่าคำพูดที่ผมถอนไปจะทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้จริง
ผมย้ำอีกทีว่า คุณอาจจะต้องการชี้จุดเล็กๆน้อยๆ แต่พอคุณเอามาพูดแล้วมันไม่ใช่กลายเป็นเรื่องเล็กน้อย คุณพยายามพูดเหมือนคอขาดบาดตาย คุณพูดว่า "ก็เห็นด้วยกับนโยบายนี้" สั้นๆ แต่ใส่ว่า "แต่.............." ยาวเป็นไร่ วิธีแบบนี้เป็นวิธีการพูดว่า "ไม่" แบบอ้อมๆ ในหลายภาษา ซึ่งคุณอาจจะคิดว่าคุณต้องการสื่อว่า "ใช่" แต่วิธีการของคุณมันสื่อไปตรงกันข้าม
แล้วการที่คุณพยายามจะอธิบายสิ่งที่คุณเองก็ไม่เห็นด้วยอย่างเอาเป็นเอาตายจนบดบังหัวข้อหลัก มันจะทำไปเพื่ออะไร "ผมไม่เห็นด้วยนะ แต่................................" ยาวเป็นไร่(อีกเช่นกัน) มันก็ไม่ต่างกับเหล่านักวิชาเกินมาบอกว่า "ผมไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร แต่................................" สรุปจริงๆคือหาความชอบธรรมให้คนอื่นยอมรับ แล้วลอยตัวว่าบอกไปแล้วว่าไม่ยอมรับนะ (ไม่ได้อยากโยงการเมือง แต่นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนและดึงมาใช้ง่าย)
คุณพยายามพูดว่าคุณสนับสนุน แต่การกระทำของคุณมันไม่ใช่อย่างนั้น นั่นคือสิ่งที่คนอื่นเห็น ไม่ว่าคุณจะจงใจหรือไม่
และ
การที่คุณคิดว่าตัวเองทำเป็นปกติ มันไม่ใช่การเอาเปรียบ นั่นแหละคือความผิดปกติของโลกนี้ ความจริงคือคุณรับมรดกแห่งการเอาเปรียบมาจากสังคม คุณได้อยู่ในที่ๆลากสายอินเตอร์เน็ตมาได้ ได้จ่ายเงินในราคาปกติ แต่มีคนอีกมากที่จ่ายเงินมากกว่าคุณสามเท่าก็ไม่มีวันลากสายไปถึง นี่คือความจริงว่าประเทศเราไม่ได้กระจายความเจริญ มันทำให้มีคนที่สตาร์ทที่ 100 เมตร และอีกคนที่สตาร์ทที่ 400 เมตร คุณไม่ได้ขี้โกง คุณไม่ได้จงใจ แต่สุดท้ายคือคุณเอาเปรียบเขา และคุณก็เป็นว่ามันคือเรื่องปกติที่คุณได้รับอะไรที่ง่าย ในราคาที่ถูก ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่ การที่คุณได้อะไรที่ง่าย ก็เพราะความเจริญที่กระจุกตัวอยู่แค่บางที่ มันทำให้ที่ๆมีก็จะง่ายและราคาถูก ส่วนที่ๆไม่มีน่ะคนละเรื่อง นี่คือการเอาเปรียบ ที่คุณไม่เคยรู้สึก นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาของเด็กกับผู้ใหญ่ แต่เป็นผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่ด้วยกัน เด็กกับเด็กด้วยกัน ที่แม้จะเกิดพร้อมกัน แต่พอเกิดคนละที่ ก็เหมือนต้องแข่งกันทั้งที่สตาร์ทห่างกันเป็นโยชน์
สุดท้าย
วิธีการมันมีมากมาย และไอ้แค่โทรศัพท์ 4000 ก็เป็นแค่วิธีนึง โทรศัพท์ที่ถูกกว่านั้นทำไมจะใช้ WiFi ไม่ได้ คุณเองต่างหากที่คิดว่าคนที่จะเล่น WiFi ได้ ต้องมีปัญญาหาแมวห้าขามาใช้ เอาน่องไก่มาผูกหางแมวก็ใช้ได้แล้ว
ก็ยังดีที่ครั้งนี้คุณอ่านคำตอบผมมากขึ้น แต่จะดีกว่านี้ถ้าคุณอ่านมันจริง ๆ จากความที่ผมกลัวว่าข้อความมันจะยาว มันก็เลยทำให้ผมรู้ว่า คุณมั่วได้ยังไง จากประโยคเต็ม ๆ นี้
ผมไปหยุด...ตรงคำว่า แต่ จนทำให้คุณคิดว่าที่ต่อมานั่นมันมันเป็นการอธิบายสิ่งที่ตรงกันข้ามกับประโยคหน้า ซึ่งมันจะเป็นไปได้ยังไงถ้าคุณอ่านประโยคหลัง?
โดยเฉพาะที่ผมบอกว่า
เอ้าประโยคไหนที่ทำให้คุณคิดว่าผมไม่อยากให้ทำโครงการนี้? คุณคิดเองอีกแล้วใช่ไหม? แล้วสิ่งที่ผมโต้แย้งคืออะไร? ผมโต้แย้งว่า Wifi มันเข้าถึงคนบางกลุ่มได้น้อย/ยากกว่าคนบางกลุ่ม มันไม่เกี่ยวกับหัวข้อ? แล้วที่ผมโต้แย้งก็เพราะ คุณไม่ใช่หรือที่เอาจินตนาการต่าง ๆ มาใส่ ซึ่งนอกจากไม่เกี่ยวกับหัวข้อ ยังไม่เกี่ยวกับคนที่คุณตอบอีกต่างหาก ไม่รู้จะโทษอะไรก็โทษคนที่พิมพ์ไว้ก่อนแทนว่าดันมาตอบอะไรเยอะแยะ เผลอตอบมั่วไปเลย อายแล้วนะ!?
ใช่ครับมีโทรศัพท์ที่ถูกกว่านั้นและใช้ Wifi ได้ครับ ทุกคนซื้อได้หมดเลยครับ ก็ไม่มีตรงไหนที่ผมบอกว่าซื้อไม่ได้เหมือนกันถ้าคุณอ่านจริง ๆ ราคามันมือ 1 อย่างต่ำก็สูงกว่าครึ่งหนึ่งของเงินเดือนแรงงานขั้นต่ำที่ต้องใช้ทั้งเดือน (ไปหาดูเอา)
ปิดหูปิดตาจนไม่เข้าใจคำว่า ประโยชน์ที่เอื้อกับคนบางกลุ่มมากกว่าเป็นยังไง ตัวเองเอาเรื่องที่เกิดมาอยู่ในที่ที่สาธารณูปโภคเข้าถึงมากล่าวว่าเป็นความผิด แต่ไม่ยอมรับที่คนอื่นบอกว่า โครงการนี้มีเป้าหมายครอบคลุมเฉพาะกลุ่มจริง ในเมื่อเป็นเรื่อง Wifi คนไม่ใช้ Wifi มันก็ไม่ได้ประโยชน์แล้วมันเข้าใจยากตรงไหน? แล้วยังไม่ยอมรับว่าคนมีรายได้น้อย (ผมระบุเฉพาะกลุ่มนั้น) มีความสามารถในการซื้ออุปกรณ์ Wifi ได้น้อยกว่าจากราคาของมันในปัจจุบัน มันก็ไม่เกี่ยวกับราคาอีกกี่ปีข้างหน้า (จะเอามาพูดทำไม ในเมื่อผมพูดถึงราคามันตอนนี้?)
กลัวจะหลงไปเด็นไปอีกรอบ ย้ำอีกครั้งว่า ยอมรับว่ามีประโยชน์กับคนบางกลุ่ม ไม่เท่ากับ ไม่เห็นด้วย! เหมือนที่บอกว่า ยอมรับว่าคุณเอาน่องไก่ไปผูกขาแมวได้ แต่มันไม่ได้ช่วยให้มันมีขาเพิ่มขึ้น! (หรือต้องเอาปีกนกไปติดที่หลังคุณดู เผื่อคุณจะบินได้?) ผมชอบนะที่คุณแสดงความเห็นแบบนี้มันแสดงความเป็นตัวคุณได้ดีจริง ๆ
ก็อย่างที่บอกไปครับ ว่าผมถอนคำพูดแล้ว เพราะผมพูดกับคุณยังไงผมก็ผิด เพราะผมเกิดมาผมมีเน็ตใช้ผมก็ผิด ผมนั่งพิมพ์ตอบคุณผมก็ผิด แม้กระทั่งผมยอมรับความคิดเห็นบางส่วนของคนที่ผมไม่เห็นด้วยผมก็ยังผิด ผมทำอะไรมันก็ผิด เพราะในขณะเดียวกันมันมีคนที่ทำเหมือนผมไม่ได้อยู่เต็มไปหมดบนโลกใบนี้ และผมกำลังเอาเปรียบพวกเขาอยู่ เขากำลังต้องเจ็บปวดดิ้นรนกับสิ่งที่ผมเอาเปรียบเค้าอยู่...พระเจ้า...ผมผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้ผมด้วย....
ผมไม่ได้มีปัญหากับการ "แต่" ตรงนั้น ที่ผมเป็นปัญหาคือการที่ต้องมานั่ง "แต่" กับคำว่ามัน "ยาก" และนั่นคือประเด็นปัญหาของคนสามคนก็ทนไม่ได้จนต้องมาเถียงกับคุณ ถ้าคุณจะหยุดเถียงแล้วพิเคราะห์ดูจะรู้ว่าคนอื่นเขามาซัดกับคุณด้วยเรื่องอะไรกันแน่ และดูเหมือนจะชัดเจนแล้วว่าใครกันแน่ที่ไม่อ่านสิ่งที่คนอื่นเขียน
คนที่ไม่ได้ใช้ WiFi เขาก็ไม่ใช้ของเขา แต่ไม่ได้เกี่ยวกับคำว่า "ยาก" ที่อะไรตรงไหน คนที่เขาอยากจะใช้ก็ได้ใช้ คนที่เขาไม่อยากใช้ก็ไม่ต้องใช้ ถ้าคุณไม่มานั่งพูดเรื่อง ยาก เรื่องราคาแพง เรื่องบ้าบอแมวห้าขา คนอื่นเขาก็ไม่เถียงกับคุณหรอก
แต่พอไล่บี้ก็ไปยกประโยคอื่นมาบังหน้าแบบเนี้ยเหรอ?
จาก
คุณบอกว่าผมแปลผิดเหรอ?
แค่คำที่คุณพิมพ์คุณยังไม่รับผิดชอบแบบนี้น่ะนะ?
ผมถึงอธิบายว่า ถ้าประโยคหน้าพูดเรื่องหนึ่ง แล้วตามด้วย แต่ต้องทำนั่น แต่ต้องทำนี่ ซึ่งมัน "ขัดแย้ง" กับประโยคหน้า ผมเห็นด้วยครับว่ามันคือการบอกว่าไม่แบบอ้อม ๆ แต่นี่ประโยคหลัง ผมชี้ให้เห็นจุดที่ทำให้เค้ามองไม่เห็นประโยชน์ เป็นการสนับสนุนข้อความหน้าด้วยซ้ำ คุณยังบอกว่ามันเป็นการบอกว่า "ไม่" ยังไง?
คือผมไม่อยากจะอ้างอิงแบบนี้กับคุณหรอกนะ ถ้าเป็นคนอื่นผมยังไม่ค่อยติดใจ ผมถามจริง ๆ เพราะเห็นคุณโต้แย้งกับคนอื่นเรื่องการเมือง การที่ผมบอกว่า ผมเห็นด้วยว่ามันยากกว่า ผมผิดถึงขนาดที่คนอื่น "ทนไม่ไหว" ต้องโต้แย้งเลยเหรอครับ? ผมเพียงแต่พิมพ์มั่ว ๆ โดยไม่ได้บอกเหตุผลเหรอครับ? ถ้าคนอ่านเห็นต่างจากผม เค้าก็โต้แย้งผมมาด้วยเหตุผล มันก็ปกติไม่ใช่หรือ
ผมก็บอกหลายรอบแล้วว่า เค้าจะใช้ไม่ใช้ผมไปว่าอะไรเขาเล่า บอกด้วยซ้ำว่า มีเงินแต่ไม่ใช้ กับมีแต่ใช้เกินตัวไม่ให้เอามาเกี่ยว (เพราะมันคุยไม่จบ) ผมไม่ได้ติดใจอะไรเรื่องนั้น? ก็ผมพูดเรื่องว่ายากกว่า ถ้าคุณไม่ติดใจตรงนั้นคุณก็ไม่เห็นต้องมาโต้แย้งผมนี่ เหมือนที่ผมยกเรื่องแมวมาเป็นตัวอย่างว่าผมคุยเรื่องมันมี 4 ขา คุณก็มาแย้งกันว่าไม่เกี่ยวกับมี 4 ขามันไม่สวยต่างหาก! ผมถึงบอกว่าผมก็งงว่าจะมานั่งตอบทำไม???
คุณก็น่าจะเห็นอยู่แล้วว่าทำไมถึงมีคนสามคนที่มาเถียงกับคุณ ก็เพราะเห็นคุณพูดประโยคที่เห็นแล้วมันขัดใจไม่งั้นจะมาเถียงทำไม
ผมยกตัวอย่างประโยคที่ว่า "ผมก็เห็นด้วย แต่......" มันเป็นแค่วลี มันไม่ใช่ว่าประโยคมันต้องเป็นแพทเทิร์นแบบนี้ตรงๆถึงจะนับ แต่มันหมายถึงทั้งหมดทั้งมวลที่คุณพูดมา
ถึงได้บอกว่าประเด็นมันอยู่ที่ คุณจะพยายามโน้มน้าวให้คนอื่นเชื่อตามคุณทำไม ว่ามันยากอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้ามันไม่ใช่ประเด็นจริงๆ คุณจะพยายามพูดเรื่องนี้ทำไมระหว่างที่คุณบอกว่า คุณเห็นด้วยกับนโยบายนี้ วิธีการพูดปฏิเสธมันไม่จำเป็นต้องพูดว่าไม่ตรงๆ แต่การที่คุณอ้างว่า คุณเห็นด้วย แต่พยายามโน้มน้าวให้คนอื่นเชื่อในข้อเสียของนโยบาย(ที่จริงๆคุณก็จินตนาการเอาเอง) คุณจะทำไปเพื่ออะไร?
คุณบอกว่า คุณแค่มาเห็นด้วยกับคนอื่นว่ามัน "ยาก" แต่คุณกลับพยายามปกป้องแนวความคิดว่ามัน "ยาก" ทั้งที่หลายๆคนพยายามชี้ให้เห็นว่ามันไม่ยาก คุณก็ทำละเลยไปว่า ยังไงคุณก็จะบอกว่ามันยากอยู่ดี ไม่ว่าผมจะหาวิธีอะไรมาบอก ก็โยนไปโยนมาว่า มันก็คงมีโอกาสไม่มาก อุปกรณ์มือสองเสียง่าย มันอย่างนั้นมันอย่างนี้ เรื่องมากไปเรื่อยๆทั้งที่จริงๆคือมันเรื่องของคนที่เขาได้รับโอกาสแล้ว เขาอาจจะต้องลงแรงเพิ่มอีกหน่อยแต่จริงๆคือมันง่ายกว่าไม่มีอะไรเลยแต่แรกเยอะมาก แต่ตรงนี้คุณกลับไม่คิด
ก็ถึงได้บอกว่ามันไม่ต่างกันเลย กับนักวิชาเกินที่ออกมาบอกว่า "ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร" จบประโยคนี้เสร็จ ก็ไปยกเอาข้อเสียอย่างงั้นอย่างงี้ของรัฐบาลที่โดนรัฐประหาร พยายามโน้มน้าวให้คนอื่นเชื่อว่ารัฐประหารครั้งนี้มันดีแล้วโดยไม่พูดออกมาตรงๆ นี่คือสิ่งที่คุณกำลังทำ คุณบอกว่า คุณเห็นด้วยกับนโยบาย แต่นอกจากนั้นคุณก็พยายามยกเอาเรื่องไม่ดีมาโน้มน้าวให้คนอื่นเชื่อ ในระดับที่เรียกว่าจะเป็นจะตายก็ต้องให้คนอื่นเชื่อตามคุณว่าการที่มีนโยบายนี้แล้วมันยากเหลือเกินที่คนรากหญ้าจะหาอุปกรณ์มาใช้
คุณจะพูดให้ได้อะไร นอกซะจากต้องการพยายามโน้มน้าวให้คนอื่นเชื่อตามคุณว่านโยบายมีข้อเสีย จากที่ผมไม่แน่ใจว่าคุณจงใจรึเปล่า ผมชักจะรู้สึกแล้วว่าคุณจงใจทำลายนโยบายนี้ เห็นด้วยแต่ปากแต่จริงๆคือโน้มน้าวให้คนเชื่อว่านโยบายนี้ทำโดยรัฐบาลนี้ต้องมีปัญหา ส่วนคุณลอยตัวไปว่า "แต่เห็นด้วยกับนโยบายนะ" แล้วก็จบแค่นั้น
คุณอ่านเหตุผลที่แต่ละคนอธิบายผมมาหรือยังครับว่าเค้าพูดถึงเรื่องอะไรกัน รวมไปถึงคุณที่มาโต้แย้งผมในตอนแรก (ตอนนี้คิดว่าเข้าใจมากขึ้นแล้ว) แต่ละคนพยายามจะบอกผมว่า เห็นเค้าซื้อของแพงใช้กันบ้าง บอกว่าผมต่อต้านโครงการนี้ ไม่ให้โอกาสคนลืมตาอ้าปากบ้าง ไม่ให้ประเทศพัฒนาบ้าง
แทนที่คุณจะว่าผมว่ามาปกป้องประเด็นนี้ทำไม ทำไมไม่ไปว่าคนที่โต้แย้ง (คุณด้วย) ว่าให้อ่านดี ๆ ว่าผมพูดแค่ไหน? และผมก็พยายามอธิบายให้เขาเข้าใจ (เพราะอาจผิดที่ผมเองที่สื่อสารไม่ดี ผมรับผิดชอบตรงนั้นเหมือน ๆ กับที่ผมอธิบายคุณตอนนี้) ส่วนคำโต้แย้งที่บอกเหตุผลของคุณหรือเค้ายังไม่สามารถทำให้ผมยอมรับได้ว่าไม่ยากกว่าจริงนี่ถือว่าผมไม่รับฟังหรือเปล่า? งั้นที่ผมบอกคุณว่ามันเป็นอย่างนั้น แล้วคุณไม่เชื่อผม ก็ถือว่าคุณไม่รับฟังเหมือนกันน่ะสิ!?
จะเห็นว่าเวลาคุณบอกอะไรมา ผมก็พยายามโต้แย้งว่ามันไม่จริง (ไม่ทำให้เห็นว่าลำบากน้อยกว่า) โดยอธิบายเหตุผลหรือถามคุณกลับไปตลอดมาว่ามันเป็นจริงน่ะเหรอ (ให้คูณคิดเอง) อย่างคุณยกตัวอย่างว่าคุณหาของมือ 2 มาใช้ก็ได้ มันก็ถูกกว่า 3-4 พัน ผมก็อธิบายไปว่า แค่การที่เค้าต้องไปนั่งหาของมือ 2 มาใช้ ก็ถือว่าลำบากกว่าหรือเปล่า? ของมือ 2 มีโอกาสได้ของไม่ดีมากกว่าหรือเปล่า? ฯลฯ ถ้าคุณเห็นว่าไม่ถูก คุณก็บอกผมมาสิว่าการที่หาของมือ 2 มาใช้ไม่ลำบากยังไง? ของมือ 2 เป็นของดีเหมือนมือ 1 ยังไง? หรือแม้แต่ที่ผมถามว่า ไปหา PC ในกองขยะที่คุณว่าเอามาใช้แทนก็ได้ แล้วหาได้ครบ Set พร้อมใช้สภาพยังดีอยู่เนี่ยมันมีจริงไหม? (นี่ยังไม่รวมว่าคุณคิดว่า iphone 1 ปี 2013 มันจะยังใช้ได้อยู่ไหมหรือคุณจะไปหามันที่ไหน?) เหมือนล่าสุดที่คุณพิมพ์มาว่า
ก็คุณทำซะแบบนี้ คุณก็หาเรื่องด่าผมได้ไม่จบนอกจากผมจะบอกว่าผมเชื่อตามคุณ ก็นี่เราคุยกันเรื่อง ลำบากกว่าหรือเปล่า? คุณก็มาบอกว่า เรื่องที่ผมพูดจะไปสนใจทำไม ทำไมไม่คิดว่ามัน ง่าย กว่าไม่มีอะไรเลย ถ้าจะให้ผมตอบสั้น ๆ ก็ผมพูดเรื่องนั้น แล้วคุณมาบอกว่าผมพูดผิด ทำไมไม่คิดเรื่องนี้ มันคนละเรื่องกันนี่ครับ!
ถ้าจะเอาแบบยาว ๆ ก็คำว่าง่ายกว่าของคุณคืออะไร? ราคามันลดลงจากเดิม 4000->3000/2000/1000 หรือเงินเดือนคนซื้อเพิ่มขึ้น (ย้ำอีกครั้งว่านี่เราพูดเรื่องรายได้ที่มากกับน้อย กับราคาของระดับนี้ ว่ามันทำให้ซื้อได้ยากกว่าหรือเปล่า) คุณก็ยังบอกให้ผมไปคิดเรื่องแมวไม่สวยๆๆ อยู่ได้ ก็ผมบอกว่าผมพูดแค่ว่าแมวมันมี 4 ขาครับ (นี่ยังไม่ได้รวมไปถึงว่า ผมพูดไปแล้วด้วยซ้ำว่า ผมก็ว่าแมวมันไม่สวยด้วยนะ ถ้าคุณยังพูดเรื่องแมวไม่สวยต่อ ผมจะไปนับให้ว่าผมพูดไปกี่ครั้งแล้ว)
เอามาโชว์เลยครับ ว่าผมเอาเรื่อง "ไม่ดี" อะไรมาโน้วน้าว ถ้าเรื่องซื้อยากกว่าภาษาผมเรียกว่าเป็น "ข้อจำกัด" มันไม่ใช่เรื่องไม่ดีครับ
บางครั้งคุณต้องเข้าใจว่า ทุกสิ่งมันอาจไม่ได้ดีเลิศไปทุกอย่าง เรื่องที่ดีเป็นประโยชน์แต่ถ้ามันมีจุดเล็ก ๆ ที่เป็นข้อจำกัดของมันอยู่ ผมก็บอกว่าอืม มันมีข้อจำกัดนะ แล้วนั่นทำให้ประโยชน์ของมันหมดไปได้หรือเปล่า? หรือทำให้สิ่งที่ดีนั่นกลายเป็นไม่ดีไปเลย? ไอ้การที่ผมยอมรับคำพูดของคนที่ผมเพิ่งโต้แย้งเขาไปบางส่วนจนมานั่งตอบพวกคุณอยู่แบบนี้นี่ผมยังรับฟังไม่พออีกหรือ?
อ่านดูก็โอเค ผมอาจจะคิดเกินเลยไปเยอะจริงๆก็ได้ครับ :)
เดี๋ยวๆๆๆๆๆ
ผมอ่านแล้วเหมือนจะบอกว่าต้องเอาคนที่ไม่มีโอกาสมาหยุดความเจริญของทั้งประเทศเหรอครับ?
การมอบโอกาศก็อย่างหนึ่ง (อาจจะอยู่ในนโยบายที่ไม่ได้ PR) แต่มันไม่ควรเอาไปรวมกันแน่นอน
I need healing.
คนมีความสามารถ ไม่จำเป็นต้องมีรายได้เท่าความสามารถเสมอไปครับ
คนวิจัยออกแบบ สุดท้ายก็ได้เงินน้อยกว่านายทุน นี่เป็นธรรมดาโลก
สุดยอดนักเขียน เขัยนสารคดี บางทีก็ทำยอดขายไม่ได้เท่าผลงาน Mass Product
แต่ทุกคนควรมีโอกาสเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเท่าเทียมกัน คิดว่าลุงเก็บขยะจะไม่อยากอ่านอะไรที่พวกเราอยากอ่านเหรอครับ
การมี WiFi ฟรีนี่ก็ลดค่าใช้จ่ายที่คนจะต้องไปขวนขวายหาอินเตอร์เน็ตราคาแพง แค่มีอุปกรณ์ที่อาจจะโละมาจากมือสอง และการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตก็ยังเพิ่มโอกาสที่ตัวเองจะมีรายได้ มีคุณค่า คนเขียนหนังสือบางคน เอาไปเสนอสำนักพิมพ์ไม่รับ แต่ขายได้ทางคินเดิล (เบสท์เซลเลอร์ของ Amazon มีครั้งนึงเป็นคนที่โดนปฏิเสธจาก สนพ. 50 รอบ แบบนี้คุณยังเรียกอยู่มั้ยว่าคนเรามีรายได้จากความสามารถ ? พวกกอง บก.ที่ปฏิเสธนี่ไม่น่าได้รับเงินเดือนซักบาท)
ลุงเก็บขยะอาจสร้างโอกาสด้วยการเปิดเว็บโชว์ศิลปะรีไซเคิลก็ได้ ใครจะรู้
เดี๋ยวนี้ ตามบ้านเกิดผม (ที่ท่านๆ ว่ากันรากหญ้า) บ้านไหนมีลูก เขาก็มีคอมพ์กันแล้วนะครับ
จะ ADSL ก็อีกเรื่อง
ท่านมองว่าถ้ามีสัก 1 คนที่ไม่อาจจัดหาได้ ทั้งประเทศไม่สมควรทำหรือครับ
แบบนี้บ้านเราแค่เกวียนคงไม่มีทางหรอกครับ
I need healing.
ผมเห็นคนขายลูกชิ้นปิ้งใช้ iPhone4
แต่ผมยังใช้ Optimus One มือ2 ที่ผ่านการ flash rom มานับครั้งไม่ถ้วน
^^
เดี๋ยวนี้เราจะตัดสินว่าใครรากหญ้า ใครรวย ใครจนโดยดูจากอาชีพไม่ได้เลยนะครับ
คนขับ Taxi เก็บตังดีๆ รายได้เขาเดือนนึงสามหมื่นอัพเลยนะ
คนขายลูกชิ้นรถเข็นหน้าออฟฟิศผม เคยคำนวณกันเล่นๆ ว่าขายดีขนาดนี้เดือนนึงน่าจะไม่ต่ำกว่าสี่หมื่น
และก็คนกลุ่มนี้แหล่ะที่หลายคนมองว่าเขาซื้อมือถือเกินกว่าสี่พันคือเกินตัว ใช้ iPhone, iPad คือเกินตัว
ผมเห็นมนุษย์เงินเดือนสองสามหมื่นผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เป็นล้านๆ จ่ายค่างวดกันยันเกษียณ กลับไม่ค่อยมีคนมองว่าคนกลุ่มนี้ใช้เงินเกินตัวแฮะ
วันก่อนเห็น รปภ.คุมเส้นเหลือง ที่ BTS ยืนกด iPhone เล่นอยู่ระหว่างที่รถไฟยังไม่มา
งั้นก็ได้โอกาสรวมกันแล้วล่ะครับ
ต้องลองมาอยู่ต่างจังหวัดครับ บางพื้นที่ไม่มีจริงๆ จะติด adsl ยังยากเย็นแสนเข็ญ
ประเทศไทยไม่ได้มีแค่ กทม นะครับ -_-
ที่บ้านพ่อแม่ผม กว่าจะลากสาย ADSL มาลงบ้านได้ ใช้เวลาขอถึง 7 ปี
+1
เห็นด้วยครับ "ประเทศไทย ไม่ได้มีแค่ กทม."
ที่ทำงานพ่อผมค่าลากสาย ADSL ของ TOT เค้าคิด 2,000 บาทเลย T_T
แปลกใจที่เห็นความเห็นแบบนี้ในเว็บนี้ คือถ้าเป็นเว็บแนวอื่น แล้วเห็นการลงทุนด้าน IT แต่มองว่าอยากให้เอาไปทำอย่างอื่นดีกว่าก็อาจจะธรรมดา ๆ
ทำไปทำไม? ผมว่ามันมีประโยชน์อยู่แล้วนะ แต่สิ่งที่น่าจะมีประโยชน์กว่า คือปัญหาเหมือนกับบาง comment ที่มันควรแก้ที่ "วิธีการ" ที่จะทำมากกว่าหรือเปล่า? คือ "เป้าหมาย" น่ะมันดี แต่ถ้าวิธีการหรือการวางแผนที่จะทำมันไม่ดี (รวมไปถึงการทุจริต ฯลฯ) หรือ สักแต่ทำให้เสร็จ ๆ ให้ได้ชื่อว่าออกโครงการนั้น ออกโครงการนี้ ใช้ได้จริง ไม่ได้จริงไม่เป็นไร ซึ่งในกรณีนี้จาก "ข้อมูลในข่าว" ถ้าในแง่ความเร็วที่บอก ก็ถือว่าใช้ได้ ส่วนวิธีการให้ใช้ ก็ยังไม่ได้ระบุ จำนวนจุด หรือ วัตถุประสงค์ที่บอกก็ไม่น่าเกลียดอะไร ก็ยังไม่เห็นว่ามีจุดที่ควรจะทำให้คิดอย่างนั้นเลยนะครับ หรือถ้าจะเอา Wifi ฟรีเดิมมาอ้างถึง คนทำโครงการก็ไมน่าใช่คนเดียวกันนะ?
สรุปคือโดนคอมเม้นท์ยับเลย แต่ไม่เป็นไรนะครับ ความคิดเห็นเราสามารถแสดงได้
ใครเคยเห็น wi-fi ของ TOT กับ กสท บางอะ นานๆผมจะเจอของTOT
ผมเจอตาม MacDonald
อยากให้มีบนรถไฟบ้างนั่งขึ้นเหนือ 6-7 ชั่วโมงโคตรเซ็ง
ขึ่นเหนือยังดีครับ สัญญาณโทรศัพท์ยังมี ผมเล่นเอดตลอดทางแทบไม่หลุด(DTAC) ไปภาคอื่นนี่ดับ
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ของขวัญอะไร ก็ภาษีกรู...
ภาษีตรูเอามี ดีกว่า ภาษีตรูเอาไป คริคริ
*รักในหลวง
*รักพ่อ
ก็เขาให้คืนแล้วไงครับ
มันเป็น "ของขวัญ" ที่ต้องซื้อเอาเองใช่มั๊ยครับ ^ ^
แลกเปลี่ยนกัน ฮ่าๆ
เหมือนตอนเด็กๆซื้อของขวัญให้พ่อแม่ไงครับ ขอเงินใครล่ะ 555
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ภาษีคุณเยอะขนาดนั้น? รู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเหลือเกิน
ก็เยอะครับ
แต่คุณอย่าเปลี่ยนประเด็นสิ
ประเด็นของผมคือ มันก็เงินของประชาชน ทำไมถึงมาบอกว่าเป็นของขวัญ ทำไมถึงบอกว่าฟรี แค่นั้นครับ
คำว่าฟรีหมายถึงไม่คิดค่าใช้จ่ายในการใช้งานไม่ใช่หรือครับ ส่วนค่าใช้จ่ายในการติดตั้งก็ต้องมาจากภาษีอยู่แล้า ส่วนคำอื่นๆมันก็ขี้ปากนักการเมืองครับ มีแบบนึ้ทุกยุคทุกสมัย
ใจเย็นครับพี่ขิง (ใช่ป่ะ ?)
คิดว่าอีกหน่อยอาจจะโดนสั่งให้เปลี่ยนชื่อโครงการเองแหละมั้ง ? น่าจะทำเหมือนรถเมล์ฟรีแหละครับ (คิดว่าการใช้ชื่อว่า "ฟรี" ผิดกฎหมายอะไรสักอย่าง ไม่รู้ 55)
เงินภาษีจากประชาชนนำมาใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะก็ถูกแล้วนี่ครับ? ในโลกความจริงมันไม่มีอะไรที่มันจะถูกใจไปซะทุกคน และคน 100% เข้าถึงได้หรอกครับ อย่างไรก็ต้องมีคนส่วนน้อยทั้งสิ้น แต่กลับกันก็ไม่ใช่ว่าเราจะต้องทำเฉพาะเพื่อคนส่วนที่มากที่สุดเท่าที่ทำได้เสมอไป ไม่อย่างนั้นคนส่วนน้อยก็ไม่ต่างจากติ่งของสังคมเลย
ใครเคยนิยามเหรอครับว่าของขวัญต้องไม่มาจากเงินที่คุณเคยจ่ายไปแล้ว? ผมให้ตัวอย่างลองคิดดูนะครับ
-ถ้าคุณเป็นเด็ก คุณเคยซื้อของขวัญวันเกิด วันพ่อ วันแม่ ให้คุณพ่อคุณแม่บ้างไหม? แล้วถ้าเคยคุณเรียกของเหล่านั้นว่า "ของวัญ" หรือไม่?
-ถ้าคุณเป็นผู้พ่อหรือแม่แล้ว คุณเคยให้เงินค่าขนมลูกหรือไม่? และถ้าเคยคุณเรียกสิ่งที่ลูกคุณซื้อมามอบให้คุณในโอกาสสำคัญ ว่า "ของขวัญ" หรือไม่?
คำว่า"ฟรี"ในที่นี้คนทั่วไปเข้าใจกันได้ง่ายๆว่า "ใช้ฟรี" ครับ ลองคิดดูว่าตอนใช้คุณได้เสียค่าใช้จ่ายเพื่อจะใช้มันมั้ยล่ะครับ? มันฟรีให้ทุกคนสามารถใช้ได้เท่าเทียมกันนั่นก็ถูกแล้ว
แต่หากคุณนิยามคำว่า "ฟรี" ว่าไม่มีต้นทุน นั่นมันก็ผิดตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะไม่มีอะไรหรอกครับที่จะไม่มีต้นทุน ของแถมที่ว่าฟรีๆๆ นั้นคำนวนต้นทุนรวมมาแล้วในสินค้าอื่นๆทางอ้อมกันทั้งสิ้น
ทั้งนี้ทั้งนั้นผมไม่ได้สนใจเลยนะครับ ว่าคุณจะเห็นด้วยกับนโยบายนี้หรือนโยบายใดๆหรือไม่ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของผม แต่การที่เอาคำต่างๆมาเหน็บแนมแบบนี้ผมมองว่ามันไม่เกิดประโยชน์ใดๆเลยครับ
อีกอย่างเบื่อกับมุมมองภาษีแบบไทยๆที่มองว่ามันเป็นเงินที่ "จำใจ" ต้องจ่ายไปเพราะถูกบังคับจึงควรจะกลับมาเข้าตัวให้คุ้มค่าที่จ่ายไป ทั้งๆที่มุมมองภาษีที่สร้างสรรค์ควรจะเป็นเงินที่้เรา "ยินดี" จ่ายเพื่อสาธารณประโยชน์ เพื่อนำไปทำนุบำรุงรักษาพัฒนาส่วนรวมและประเทศชาติต่างหาก
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
ไม่มีคำว่าฟรีในโลกนี้ ไม่ว่ายังงัยก็ต้องจ่ายไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง
เจ้านี้ก็เป็นงี้แหละครับ วันดีคืนดีอาจจะมีคนมาเปลี่ยนชื่อเป็นเน็ตฟรีจากภาษีประชาชน
คงไม่ได้ทำออกมาแล้วเป็นไวไฟดัมมี่นะครับ ^.^
กรุงเทพที่แรกอีกอ่ะแหล่ะ
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
คุณภาพคงจะดีกว่า Green Bangkok Wifi นะครับนี่
ชอบครับนโยบายนี้ จะให้ดีบล็อคพวกโหลดบิตด้วยนะครับ
ทีตอนกรุงเทพทำห่วยแตกจะตาย คนด่าเยอะแบบนี้มั๊ยน้า
นี่ยังไม่ได้ลองเลย ด่ากันไว้ก่อน เรื่อง tablet ก็เหมือนกัน
หรือว่าเพราะเป็นรัฐบาล ที่ไม่ชอบ ทำอะไรก็ผิดหมด โถ
บางคนอาจจะเป็นเหมือนผมก็ได้นะ บางช่วงผมก็อยู่กรุงเทพฯ แต่ผมไม่เคยได้ใช้ เลยไม่รู้จะบ่นอะไร เพราะจุดที่เค้าใช้ได้อาจจะดีก็ได้ (มั๊ง?) และแถวที่ผมอยู่คงไม่มีสัญญาณ (มั๊ง?) คือ ไม่รู้ว่าเรามีสิทธิ์ได้ใช้มั๊ย? ต้องเล่นผ่านมือถือแทน ถ้าเป็นสิ่งของที่จับต้องได้ ถ้าเจอเมื่อไหร่คงต้องไปถ่ายรูปคู่เลยทีเดียว - -
ผมก็ไม่เข้าใจ ยิ่ง กทม ทำกับบริษัทเอกชนหน้าตาเฉย ไม่รู้มีขั้นตอนการประมูลหรือสนับสนุนอะไรกันหรือเปล่า ไม่เห็นสามารถตรวจสอบได้ แต่กลับไม่มีใครว่า บางคนบอกว่าไม่ต้องประกวดด้วยซ้ำ เพราะจำเป็นต้องมีมาก
เอาใจเหมือนกันนะครับ คนบางคน
@TonsTweetings
แต่ตอน Green Wi-Fi มันห่วยจริงๆนะครับ ให้มาได้ไง 64 k แถมต้องมา Log in ทุกชั่วโมง แล้วยังต้องไปลงทะเบียนใช้บัตรประชาชนอีก
แบบว่ากว่าจะได้ต้องทำเรื่องมากมาย แต่ที่ได้มานี่ไม่วิ่งเลย
ก็รอดูครับ ถ้างานนี้ห่วยเหมือนก่อนหน้านี้ผมว่าก็(คง)มีคนด่าแหละครับ
คุณภาพเกินรับได้จริงครับ ขนาดเวปที่ใช้แบนวิดธ์น้อยๆแบบพันทิปยังเปิดไม่ขึ้นเลยครับ
เอาเงินไปช่วยผู้ประสบภัยก่อนดีมั้ยครับ คนตกงานตั้งหลายแสนคน
เขาก็ประกาศแล้วนี่ครับมีงบเท่านั้นเท่านี้
ถ้าเอาไปช่วยหมดแล้วถนนไม่ต้องซ่อม?? โรงเรียนไม่ต้องอุดหนุน?? เขื่อนไม่ต้องซ่อม?? ฯลฯ
I need healing.
อันนี้ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้วครับ คนที่โดนน้ำท่วมก็ได้รับการเยียวยาไปเรื่อย ๆ เหมือนกัน แต่ไม่ใช่หมายความว่าตอนนี้รัฐต้องสนใจเฉพาะเรื่องน้ำท่วมเท่านั้น ประเทศต้องเดินต่อไปเหมือนกันนะครับ ทำงานพร้อม ๆ กันหลายเรื่องเดี๋ยวนี้ก็ไม่ให้ทำแล้ว?
@TonsTweetings
ประเทศต้องหยุดนิ่งเพราะน้ำท่วมสินะ ไม่ต้องทำอะไรแล้ว เด็กนักเรียน/ข้าราชการ/ ... ทั้งหมดต้องทิ้งหน้าที่ของตัวเองแล้วมาช่วยน้ำท่วมสินะครับ อย่าลืมว่าคนทุกคนมีบทบาทหน้าที่ของตัวเองนะครับ
จะมามัวนั่งพิมพ์อยู่ตรงนี้ทำไมครับ ทำไมไม่ไปช่วยคนน้ำท่วม (โหมดสุดจะทนครับ XD)
ดีครับ ติดกระจายๆนะครับ ตลอดมายังไม่เคยได้ใช้ฟรีไวไฟหลวงเลยซักครั้ง คนฝั่งธนก็เงี้ย
ความคิดแรกเลยที่อ่านข่าวนี้
"ขอต่างจังหวัดหลายๆจุดหน่อยน่ะครับ"
อย่างนี้เน็ทบ้านผมจะช้าขึ้นไปอีกแน่ๆ เลย T_T
มาไวๆ นะแถวบ้านผม EDGE/3G แย่มากๆ ไปเล่นที่ตลาดใกล้บ้านเร็วต่างมาก
รีบทำดีแล้วครับ เกิดปัญหาจะได้ปรับปรุงให้ดีขึ้น กว่าที่โทรศัพท์จะมีคลื่นทั่วประเทศก็เริ่มจากหนึ่งนี่ครับ ตอนนี้เป็นไงก็ดีขึ้น ยังไงประชาชนก็ได้ประโยชน์ครับ เกิดการแข่งแล้วก็ผู้ให้บริการอื่น ๆ จะได้ให้ค่าบริการที่ดีขึ้นและถูกกว่านี้ไปอีก
+1 เอกชนที่ต้องจ่ายเงินจะได้ปรับปรุงบริการให้ดีขึ้นบ้าง
Let's the black hat time begins!
ผมไม่มีความรู้ทางเทคนิคแต่สงสัย Wi-Fi 1 จุดน่าจะสามารถใช้บริการได้ไม่กว้างมาก ถ้าเปลื่ยนจาก Wi-Fi เป็นพวก 3G โดยร่วมมือกับ Operator ค่ายต่างๆแบบนี้จะครอบคลุมกว่าไหมครับ แถมเป็นการผลักดันให้ 3G โตไวขึ้นด้วย
3G router เดี๋ยวนี้การหาซื้อง่ายและราคาไม่แพงมากจุดไหนที่คนใช้เยอะก็แชร์เป็น Wi-Fi
3G ตอนนี้แบบเสียตังเดือนละ 800+ ยังแย่งกันใช้จน Bandwidth ไม่พอเลยครับ
ถ้าชดเชยให้บริษัท Access ละ 500 ต่อเครื่องไม่รู้ว่าจะต้องจ่ายกี่สิบล้านต่อเดือน O-o
เพราะ Wifi มันเพิ่มโดยการลากสายไปตั้งจุดก็ได้เพิ่มจุดนึง
แต่ 3G ถ้าลงเสาไปแล้ว สมมุติ อุปกรณ์เสาสำหรับความถี่นั้นรับได้ 300 เครื่องต่อจุด
ถ้าไม่ประมูลคลื่นความถี่อื่น เพิ่มอีกหลายหมื่นล้านก็เข้าใช้งานเพิ่มนอกจาก 300 เครื่องนั่นไม่ได้แล้วครับ
ปล. ผมแอบคิดเองนะ แต่นโยบายอะไรที่ไปกินกำไร บริษัทโทรคมนาคมค่ายหนึ่งเยอะๆน่าจะยากสำหรับรัฐบาลนี้นะครับ 555
ผมเสริมความรู้ทาง "เทคนิค" ให้นะครับ
ถ้าคุณบอกว่าจะให้เปิด 3G ใช้ฟรี ต้องตั้งคำถามว่า "จะเอาเงินที่ไหน" ด้วยครับ ผมไม่ได้บอกว่าเป็นไปไม่ได้นะครับ แต่บอกว่ามันแพงมากเพื่อให้ได้พื้นที่บริการ "กว้างมาก" ในแบบที่คุณหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณคิดจะใช้เงินเหล่านี้ "ผลักดัน" เครือข่าย 3G ด้วย
ของพวกนี้เทคโนโลยียังไม่ได้กลายเป็นของถูกซะทีเดียว เราอาจจะต้องปล่อยให้เอกชนลงทุนไปก่อน แล้วเก็บค่าบริการที่คุ้มทุนในระดับหนึ่ง มีการแข่งขันสูงพอที่ราคาจะต่ำลง แล้วรัฐค่อยแทรกแซง "บ้าง" เพื่อให้เกิดความสามารถในการเข้าถึงอย่างทั่วถึง
อย่างในหลายประเทศ เขามีบริการ 3G ความเร็ว "ต่ำ" เพื่อให้บริการกับคนรายได้น้อยให้ออนไลน์ได้ การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตแบบไม่จำกัดผ่านโทรศัพท์มือถืออาจจะมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนเพียง 150 บาท (เทียบกับค่าครองชีพแล้วนับว่าถูกมาก) แต่จำกัดความเร็วที่ 32kbps แต่นั้นคือประเทศที่โครงสร้างพื้นฐานโทรศัพท์มือถือนั้นคุ้มทุนไปแล้ว เอกชนต้องการขยายฐานลูกค้า ก็เปิดช่องทางการเข้าถึงราคาถูกกันได้เอง
lewcpe.com, @wasonliw
โอ้ 32kbps
GPRS / EDGE บ้านเราแรงกว่าแน่ ๆ เลยครับ
ใน กทม. หรือพื้นที่ๆ คนใช้งาน 3G เยอะๆ ยัง ผู้ให้บริการยังเอา Wifi มาช่วยแบ่งเบาภาระเลยครับ
แต่ 2.4Ghz นี่ มีช่องใช้งานโดยไม่ทับซ้อนกัน ประมาณ 3 ช่อง โดยไม่รบกวนกัน
เป็นไปได้ อยากให้ไปทาง 5Ghz กันเยอะๆ จะได้มีช่องใช้งานกันเยอะๆ
ผมตลกพวกคุณหลายๆคนเหลือเกิน
ของดี ที่เขาทำให้คนทั่วไปใช้ ผมว่าดีหมดเลยครับ
เบื่อพวกที่ชอบคิดว่า เอาไปพัฒนาตรงนั้น ตรงนี้ดีกว่า เพราะ คนทั่วไปเข้าถึงไม่หมด
ด้วยความเคารพ
สนามบินเนี้ย ค่าตั๋วแพงคนจน ขึ้นไม่ได้ งั้นไม่ต้องสร้าง
ห้างสรรพสินค้า ไม่ต้องสร้าง เพราะคนจนซืือไม่ได้
Blognone ไม่ต้องมี เพราะ Web Internet และ เทคโนโลยี มันต้องใช้เงินลงทุน ใช้เงินพัฒนา เอาไปลงทุนทำอย่างอื่นดีกว่า
โรงพยาบาลดีๆ แพงๆ ไม่ต้องมี เพราะคนจนเข้าถึงไม่ได้
อย่าใช้ตรรกะแบบนี้ครับ บ้านเมืองมันจะถอยหลังลงคลองกัน
ผมเห็นด้วยครับ
เบื่อตรรกะประเภทพอเห็นใครซื้ออะไรมา ทำอะไรไปก็มีคนเข้ามาบอกว่า
"เอาเงินไปช่วยเหลือเด็กที่ยังไม่มีจะกินดีกว่าไหม"
"เอาเงินไปดูหนัง ไปช่วยคนน้ำท่วมดีกว่าไหม"
"เอาเวลาไป ทำอย่างอื่นดีกว่าไหม.
ถ้าต้องเอาเงินไปถมตรงนั้นแบบนั้นอย่างนั้นหมด
หรือคิดอย่างนั้นตลอดเวลา
จะให้โลกหันไปทางไหน
ด้วยความเคารพ
คนที่มีหน้าที่เขาทำหน้าที่ตัวเองครับ
เงินส่วนไหนก็ส่วนนั้น
จะให้คนที่ได้รับหน้าที่มาพัฒนา IT บอกให้เอาเงินไปช่วยเด็กที่กำลังอดอยาก
ก็กะไรอยู่นะครับ
อย่าเอาตรรกะตลกๆ มาใช้กันครับ
อันนี้เห็นด้วยเหมือนกันครับ ในการวางแผนพัฒนาประเทศ (รวมถึงการศึกษา) มันก็ต้องมีการกันงบไว้ส่วนหนึ่งเพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนา ไม่ใช่พัฒนาคุณภาพชีวิตแล้ว จะไม่มีเงินเหลือสำหรับการพัฒนาในด้านอื่นๆ คิดแบบนี้นั่นมันบัญชีในกระเป๋าคุณนั่นหล่ะ การศึกษาเองนั้นก็มีงบของมันอยู่แล้ว แต่การพัฒนาคุณภาพชีวิตมันก็ต้องควบคู่กัน ไม่ใช่คิดอะไรไม่ออกบอกให้พัฒนาการศึกษา บอกให้ไปช่วยน้ำท่วม บอกให้ไปนี่ไปนั่น..
มันไม่ใช่ตรรกะตลกๆ หรอกครับ การที่คนส่วนใหญ่คิดไปทางเดียวกันมันนั่นน่าจะเรียกว่าสามัญสำนึกมากกว่า เราควรคิดเผื่อคนที่เค้าไม่มี หรือด้อยกว่า เพื่อให้เขาก้าวตามเราทัน
ลองคิดมุมกลับดู ถ้าคนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึง internet ได้มากกว่านี้ 20% จะทำให้มีรายได้หมุนเวียนในระบบ e-commerce เพิ่มอีกเท่าไร?
ถ้าคนส่วนใหญ่อ่านออกเขียนได้เพิ่มขึ้นอีก 10% จะเป็นผลดีกับธุรกิจสิ่งพิมพ์อีกเท่าไร
ถ้าคนส่วนใหญ่มีรายได้เพิ่มมากขึ้นอีก 15% จะเพิ่มกำลังซื้อให้กับระบบเศรษฐกิจโดยรวมอีกเท่าไร
ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเคยบอกผมว่า การที่เราอุดหนุน ค้ำจุนคนที่ด้อยกว่าได้ผลหลายประการ ที่แน่นอนคือได้บุญ ทำแล้วสบายใจ มีความสุข อีกอย่างคือได้ส่วนลดทางภาษี ส่วนผมทางอ้อมที่สำคัญมากที่สุดคือ เมื่อคนที่ด้อยกว่าเหล่านั้น มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจมากขึ้น พวกเขาเหล่านั้นจะกลายเป็นผู้อุดหนุนสินค้าของเราไม่ทางตรงก็ทางอ้อมอย่างแน่นอน
การช่วยเหลือผู้อ่อนแอกว่าไม่ใช่เรื่องตลก เราก็ไม่จำเป็นต้องหยุดเดินเพื่อช่วยพวกเขา เราทำไปพร้อมๆ กันก็ได้
แต่ผมมองว่ามันเป็นภาระหน้าที่สำคัญของรัฐที่จะต้องทำ ส่วนการก้าวไปข้างหน้าของประเทศให้เอกชนทำไปพลางๆ ก็ได้ ซึ่งทุกวันนี้เอกชนไทยก็นำหน้ารัฐอยู่แล้ว (มันเป็นของมันแบบนี้มานานนมแล้ว)
เข้าใจประเด็นสำคัญผิดไปรึเปล่าครับ
ห้างสรรพสินค้า Blognone / Web / Internet / โรงพยาบาลดีๆแพงๆ มันเป็นเงินเอกชนครับ อยากทำอะไรก็ทำไปไม่เกี่ยวกับคนอื่นอยู่แล้ว ถ้าบริษัทไหนอยากวางระบบทั่วประเทศโดยไม่รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล เอาเลยครับ ไม่มีใครค้านอยู่แล้วมีแต่สนับสนุน
แต่จะเอาเงินงบประมาณหลวงไปใช้ทำอะไรมันก็ต้องมีการคิดวิเคราะห์อยู่แล้วว่าเหมาะสมมั๊ย
ในข่าวไม่พูดถึงเลยว่า cat / tot ได้รับเงินช่วยเหลือเท่าไหร่ ถ้าไม่มากเกินไปหรือจะทำระบบ freemium ให้อยู่ได้ด้วยตัวเองก็ไม่มีใครว่า
แล้วก็ปัญหาหลักๆมันอยู่ที่ ถ้าไม่naiveเกินไปก็น่าจะรู้ว่ารัฐบาลทั่วโลกเวลาจัดซื้ออะไรราคามันสูงกว่าความเป็นจริงอยู่แล้ว เพราะงั้นประชาชนเลยยิ่งต้องสงสัยเป็นพิเศษว่ามันคุ้มรึเปล่า ไม่ใช่อยู่ดีๆเอาเงินไปให้catกะtotฟรีๆปีละไม่รู้กี่ล้าน
งั้นไม่ต้องทำอะไร เพราะเอาไปทำอย่างอื่นดีกว่า(ซึ่งดีกว่าคืออะไร)
ผมว่าเอาไปให้นักการเมืองใช้น่าจะดีกว่านะถ้าคิดแบบนี้
ท่านคงไม่รู้สินะครับว่ารัฐจะหยุดส่งเงินสนับสนุน TOT ในเร็วๆ นี้แล้ว
ซึ่ง TOT ตอนนี้กำลังปรับโครงสร้างและพัฒนาตัวเองเพื่อให้หารายได้ๆ ด้วยตัวเองอยู่ครับ
TOT จะอยู่ไม่ได้ ไม่ใช่เพราะรัฐไม่อุดหนุน มันอยู่ไม่ได้เพราะบริการมันยอดแย่ต่างหาก ต่างจังหวัดบ้านผม TOT สู้ 3BB ไม่ได้เลย ห่างชั้นกันอย่างเทียบไม่ได้ ช้า หลุดบ่อย แก้ไขอืด ฯลฯ ทนใช้ได้ถึง 4 เดือนเลยผม
บ้านนอกต่างจังหวัดไม่มีทางเลือกครับ เพราะมี ADSL เจ้าเดียวที่ไปถึง
หน่วยงานเอกชน (เช่น True, 3BB) คือหน่วยงานที่แสวงหากำไร ดังนั้นเขาจะไม่เข้ามาหรอกครับถ้าทำแล้วไม่คุ้มค่า โดยเฉพาะชนบท ดังนั้น TOT จึงกินขาดในต่างจังหวัดเสียเป็นส่วนใหญ่ (ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของประเทศ)และที่สำคัญ บริการ ADSL นั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีบริการพวก Enterprise Broadband, WAN, Cable TV, Inter-Link ฯลฯ อีกเพียบครับ ดังนั้นอย่าห่วงว่าจะเจ๊งเลยครับ
+1 กำลังจะย้ายไป 3BB ละ ไม่ไหว กากจริงอะไรจริง ตามไป กว่าจะมาทำให้เป็นอาทิตย์ ใช้ไปซักพัก ก็เป็นอีก เฮ้อ -*-
TOT ยังทนงตัวอยู่ครับ ถึงเปนเอกชน แต่ยังถือว่ารัฐถึอหุ้น 100% เลยทำแบบเช้าชามเย็นชาม
ทุกวันนี้ก้อนอนกินสัมประทานไม่ต่างอะไรกับ CAT ครับ
Destination host unreachable!!!
แก้ข้อมูลนิดนึงครับ
ไม่ใช่ว่า "รัฐจะหยุดส่งเงินสนับสนุน TOT" นะครับ เพราะปัจจุบัน TOT เป็นคนหาเงินเข้ารัฐ (หลังหักค่าใช้จ่ายของตัวเองแล้ว) ปีนึงก็หลักหมื่นล้านครับ เช่นเดียวกับรัฐวิสาหกิจอื่นๆ เช่น กฟผ.
เงินจำนวนนี้ของ TOT "ส่วนมาก" มาจากค่าสัมปทานที่ให้เอกชนรับคลื่นของตัวเองไปดำเนินธุรกิจแทน ซึ่งในกรณีนี้ก็คือ AIS (DTAC/TRUE ทำสัมปทานกับ CAT)
TOT เงินกำลังจะหมดจริง แต่เป็นเพราะสัญญาสัมปทานกับ AIS กำลังจะหมดลงครับ (และไม่มีสิทธิต่อตามกฎหมายใหม่ เพราะ AIS จะต้องไปเข้าระบบใบอนุญาตกับ กสทช. แทน เงินจะไปเข้า กสทช. แทน TOT)
ด้วยความเคารพ
+1
ผมเห็นด้วยนะที่เขาจะทำให้เล่นฟรี ถามว่าจะทับกับ green wifi ไหม ผมว่าอาจจะไม่นะครับ เพราะให้บริการผ่าน TOT และ CAT
แต่ถ้าเป็นไปได้อยากให้เปลี่ยนระบบ Wi-Fi ใหม่ทั้งกรุงเทพให้เป็นระบบเดียวกัน แล้วก็ทะยอยออกไปทำต่างจังหวัด แต่คงยาก อิอิ ถ้าประเทศไทยเรามีฟรี Wi-Fi ให้เล่นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศความเร็ว 5-6Mbps จะดีมากเลย ไปเก็บตังกับคนที่อยากได้ความเร็วมากๆ 10Mbps+ แต่ก็เป็นการดีเริ่มต้นที่ 2Mbps สู้ต่อไปครับกระทรวง ICT หวังว่าคงจะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวังนะ (ขนาด True Wi-Fi เดือนละ 100บาท / 3BB เดือนละ 99บาท ประชาชนยังบ่นกัน แล้วนี่ฟรีจะเป็นยังไงน้อ อิอิ)
ลงทุนแล้วจะดีไม่ดีคุ้มไม่คุ้ม มันไม่ได้อยู่ที่เครื่องมือมันอยู่ที่คนมากกว่า
ผมรู้จักคนบางกลุ่ม ใช้ netcut บนไวไฟ green bkk แย่งกัน
ทนโหลดบิตบนความเร็วน้อยกว่า 56k ได้พร้อมโปรแกรม login wifi เองอัตโนมัติ
แล้วคนกลุ่มพวกนี้ไม่ได้มีคนเดียว มีเยอะมากด้วย
คนมันไม่พัฒนาตามเทคโนโลยีที่มอบให้ หลายคนก็มองว่างบมันไร้ค่า
เผลอๆบางทีเด็กจะไม่ได้ใช้ เจอผู้ใหญ่พวกนี้เข้าไปก็จบ
เป็นการเริ่มต้นที่ดีนะ แต่ผลที่ได้กลับมาอาจไม่ได้เป้าอย่างที่ได้
นั้นสิทำไม green bkk ไม่เปิดแต่ 8080 นะ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
มันคือสิ่งที่ควรสนับสนุนครับ บางทีก็สงสัยเหมือนกันว่าพอมีข่าวประเทศนั้นนี้เปิด Free Wifi ก็เฮโลสรรเสริญแล้วก็ค่อนขอดว่าทำไมเมืองไทยไม่มีบ้าง พอไทยจะทำบ้างก็มาบ่นกันว่าทำไปทำไม ??
เมืองในอังกฤษเตรียมให้อินเทอร์เน็ต Wi-Fi ฟรีสำหรับประชากร
Wireless@SG
ปารีสเมือง Wi-Fi
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
+1 ผมก็ว่างั้น บริการแบบนี้มันควรจะเริ่มเข้าสู่การเป็นสาธารณะเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้โดยง่ายแล้ว ถ้าจะให้ดี มีตามสถานที่สาธารณะ เช่น ห้องสมุด โรงเรียน ก็น่าจะดีไม่น้อย
+1
ถึงผมจะอยู่ห่างจากชุมชนโอกาสใช้น้อยมาก ผมยังอยากให้มันมีเลย ออกไปรอรถ หรือรอเพื่อนจะได้นั่งเล่นแก้เซ็ง
Jusci - Google Plus - Twitter
เพราะคนที่ไม่เห็นด้วยเขาจะคิด step แรกก่อน คือ นักการเมืองไทยมันต้องโกง
step ที่ 2 คือ ชาวบ้านจนๆไม่มีปัญญาซื้ออุปกรณ์รองรับ wifi หรอก (ถ้าไม่มี wifi ใครมันจะซื้อหาอุปกรณ์มาใช้ครับ เมื่อมีสิ ถึงจะขวนขวายหาอุปกรณ์)
step ที่ 3 คือ เอาไปทำอย่างอื่นดีกว่า
คนไทยบางคนชอบที่จะเหยียบหัวคนไทยด้วยกันลงไป
ทั้งที่สิ่งเหล่านี้ควรจะกลายเป็นปัจจัยพื้นฐานให้ประชาชนทุกคน
WiFi ไม่ใช่เรื่องไกลตัวครับ Usb Wireless Adapter ก็ตัวไม่กี่ตังค์
คอมพิวเตอร์สมัยนี้ก็มีใช้กันเกือบทุกบ้าน มือหนึ่งมือสองก็ใช้ได้หมด คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ชอบคิดโดยเอาตัวเองเป็นที่ตั้งครับ แต่ไม่เคยออกไปเห็นโลกในชีวิตจริง
การพัฒนาคุณภาพชีวิตมันก็ต้องเริ่มกันแบบนี้หล่ะ มีคนค้านบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าที่เราจะส่งเสริมให้ย่ำอยู่แต่ที่เดิมๆ ไม่ต้องทำอะไรเพราะตัวเองมีหมดแล้ว แต่ในโลกนี้คนที่ยังไม่มียังอีกเยอะครับ เราเป็นแค่ชนกลุ่มน้อย
ผมว่า "คนเหล่านี้" ที่คุณว่าเขาไม่ได้คิดโดยเอาตัวเองเป็นที่ตั้งหรอกครับ
แต่เขาไม่คิดอะไรเลยมากกว่า
+1 ใช่ครับ เมืองนอกเขาเป็นปัจจัยพื้นฐานไปแล้ว
ปัจจุบันอุปกรณ์ที่ใช้เล่นอินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi ก็ราคาถูกลงมาก อีกหน่อยคนไทยส่วนใหญ่จะสามารถเข้าถึงได้
Free 3G ดีกว่าไหมครับ
ประสิทธิภาพดีกว่า Wifi เยอะ Range กว้างกว่าเยอะ ได้ครอบคลุมจริงทั้วประเทศจริง
Wifi มีเป็นล้านจุดก็ไม่น่าได้ทั้งประเทศนะครับ
ขนาดช่วงเทศกาลโทรศัพท์ยังสัญญาณเต็มเลยครับ
มันเป็นแค่ของแก้ขัด รอพวกค่ายมือถือทำ 3G ครอบทั่วประเทศทีหลังครับ
และเป็นการนำร่องด้วยว่าจุดไหนมีคนหนาแน่น พวกเสา 3G ก็จะไหลตามเข้าไปทางนั้น
ตอบไปแล้วข้างบนนะครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ผมใช้อยู่นะครับ Green Wi-Fi มันเคยช่วยชีวิตผมได้หลายครั้ง
มีให้ใช้ ยังดีกว่าไม่มีครับ
น่าจะเป็นยกเว้น ภาษีเงินได้ 5 ปีมาก กว่านะได้ชื่อว่าของขวัญ
ทำอย่างนั้นแล้วจะเอาเงินที่ไหนไปใช้บริหารล่ะครับ ถึงภาษีส่วนมากจะได้จาก Vat ก้อเหอะ แต่ภาษีเงินได้ก้อไม่น้อย
Destination host unreachable!!!
เอกชน ลงทุนในเมืองใหญ่ เพื่อให้ได้กำไร
ผมว่ารัฐบาลควรลงทุนในจังหวัดเล็กๆทดแทน
และผมมองว่า internet จะเป็นตัวลดช่องว่างระหว่างคนจนและคนรวยมากกว่าที่บอกว่าเฉพาะคนรวยใช้
ทุกวันนี้ชาวบ้าน ดูข่าว,อ่านหนังสือพิมพ์ บางทีเค้าก็ยังมาถามเลยว่าไอ้ twitter, facebook เนี่ยมันเป็นยังไง ... [ในทีวีกะหนังสือพิมพ์มีแต่คำนี้ มันเป็นยังไง]
อย่างน้อยก็อยากให้มีตามศูนย์ราชการ, โรงเรียน, โรงพยาบาล, สถานีอนามัย, วัด ซึ่ง wi-fi มีข้อดีกว่าระบบวางสายคือ เมื่อเวลาที่จะต้องใช้ ไม่ต้องให้ไปในพื้นที่เฉพาะ อุปกรณ์ netbook, tablet สามารถเอาออกมาให้บริการได้
ลองคิดดูว่าถ้าวันนึง พ่ออุ้ยแม่อุ้ย สามารถ skype เห็นหน้าลูกหน้าหลานที่กรุงเทพได้ ท่านจะดีใจแค่ไหน... [555+]
"ผมว่ารัฐบาลควรลงทุนในจังหวัดเล็กๆทดแทน"
ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
คนต่างจังหวัดบางคนที่ไม่มี WiFi ฟรี หรือ 3G มันลำบากมากๆ เลยนะครับในการเข้าถึง internet
ในมุมกลับ เมืองใหญ่ๆ ก็เป็นจุดรวมผู้ที่มี Smart Device ต่างๆ เช่นกันครับ ทำให้มีโอกาสได้ใช้ wifi มากกว่า
สรุปคือคิดว่าทำไปพร้อมๆ กันแบบนี้ถูกแล้วครับ
แต่ในเมืองใหญ่มี 3G อยู่แล้วครับ ผมว่าที่วางเป็น WiFi นี่กำลังดี คือเอาง่ายๆ ถูกๆ พอใช้ได้ รัฐบาลเปิดฟรี แล้วค่อยรอเอกชนขยายเสา 3G ตามไป เพราะถ้าเป็นเมืองใหญ่มีคนหนาแน่น WiFi ก็ไม่น่าจะเอาอยู่
ทำพร้อมกับ กทม คน ตจว อย่างผมก็คงต้องรอไปอีกยาวกว่าจะมาถึง ขนาดอยู่ใกล้กรุงเทพแค่นี้ 3G ตอนนี้ยังมาถึงแค่ค่ายเดียวเอง
หวังว่าคงไม่เอาบัตรปปช. ไปถ่ายทำเรื่องที่อำเภอนะ อิอิ
บ้านนอก แถวๆ อีสาน ตาม อบต. หลายๆ ที่ทำ Free wifi แจกในหมู่บ้านมานานแล้ว
เห็นด้วยกับนโยบายนี้นะ แต่อยากให้เน้นไปที่จังหวัดที่เขายังด้อยพัฒนาอยู่(ซึ่งอาจจะมีวิธีการวัดอย่างไรก็แล้วแต่)
และอยากให้รายละเอียดโครงการนั้นมันเกิดการพัฒนาขึ้นจริงๆ ไม่ใช่ "นโยบายเพื่อเอาใจฐานเสียง"
ช่วงหลัง คงให้นักเรียนที่ได้ Tablet ฟรี ได้ใช้ wifi ฟรีด้วยมั้ง
ดีๆ เห็นประเทศอื่นเค้ามีกันมานานแล้ว
(เกี่ยวกับหัวข้อ)
ดีแล้วครับทำไปเลย แต่! ทำให้ใช้งานจริงได้ง่ายๆและมีประสิทธิภาพก็แล้วกัน
(ไม่เกี่ยวกับ หัวข้อนะ)
อยากให้ทุกท่านลองใช้ชีวิตแบบเต๋าดู
คือหัดมอง ให้ครบทั้งสองด้าน พินิจพิจารณาถืึงด้านที่ไม่ชอบ ทำความเข้าใจที่มาที่ไป เรียนรู้ และ มองหาข้อดีที่เป็นไปได้ แล้ว ก็จะได้ ช่วยกัน สร้างสรรค์ สิ่งที่ดีๆขึ้น (ให้โลกมนุษย์) ต่อๆไป ครับ
เหรีญมีสองด้านเสมอ แต่ ก็เป็นเหรีญๆเดียวเสมอเหมือนกัน...
กี่เม็กอ่ะ
ลองกดปุ่ม Home ดูครับ ;)
ฟรี WiMax ดีกว่ามั้ย เคยลองใช้ Green wifi ของกทม.แล้วก็ใช้ได้แต่สัญญาณอ่อนเกิน
ใช้ Wifi ของคอนโดก็เร็วดี แต่สัญาณเดี้ยงเป็นพักๆ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร
ศึกษาก่อนเสนอสักหน่อยจะช่วยให้ข้อเสนอสมเหตุสมผลมากขึ้นนะครับ
WiMax คืออะไรคุณรู้หรือยัง มันใช้คลื่นย่านไหน และต้องขออนุญาตใช้งานอย่างไร
lewcpe.com, @wasonliw
WiMax ตอนนี้มันไม่เหมือน Wifi อย่างที่เราเคยเข้าใจเมื่อก่อนน่ะครับ มันกลายเป็นเครือข่ายโทรศัพท์มือถือแบบนึงไปแล้ว
แต่ผมก็อยากให้มันเป็นแบบ Wifi เหมือนกันนะ
ต่างจังหวัดจะได้ใช้ไหมหนอ??? จะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายบางส่วน ^^
ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องดีนะ แต่ว่า เราจำเป็นต้องมีทันทีหลังปีใหม่หรือเปล่า ? ผมกลัวเรื่องการใช้ิเงินของรัฐบาลในช่วงนี้เพราะสำหรับเงินชดเชยเรื่องน้ำท่วมนี่มันก็เป็นเงินมหาศาลแล้ว ไหนจะเรื่องการฟื้นฟูอีก
ผมคิดว่าเรื่องนี้ (รวมทั้งเรื่อง Tablet สำหรับเด็กด้วย) น่าจะไปเริ่มเอาอีกสักสองสามปีข้างหน้าก็ยังได้ โครงสร้าง Public Wifi ในบ้านเราก็มีภาคเอกชนลงมาทำเองอยู่บ้างในจังหวัดใหญ่ ๆ ดังนั้นมันไม่ถึงกับ "ขาดแคลน" ในหลายพื้นที่ (และยิ่งกว่านั้น หลาย ๆ บ้านก็ไม่ได้ล๊อค Wifi ด้วย เช่นบ้านผม 555 อันนี้ไม่ควรทำนะครับ) นอกจากนี้เราก็ยังมีเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่รองรับการใช้งาน Internet อยู่แล้ว (ซึ่งรัฐบาลอาจจะร้องขอให้ผู้บริการเปิดบริการ internet ความเร็วต่ำ (เช่น EDGE) ไปก่อนก็ยังได้ อุปกรณ์ที่ใช้ได้ประชาชนส่วนใหญ่มีอยู่แล้ว และเครือข่ายเองก็ค่อนข้างครอบคลุม) ผมคิดว่าเราอยู่ในระดับที่พอไปได้อยู่ในช่วงนี้ เอาไว้ให้มีเงินในคลังมากกว่านี้ก่อนแล้วค่อยมาทำก็ได้ครับ
ผมเข้าใจว่างบประมาณตรงนี้นั้นถูกวางเอาไว้ตั้งแต่สมัยที่รัฐบาลเข้ามารับตำแหน่งใหม่ ๆ แต่ว่าตอนนั้นไม่มีใครคาดการณ์ว่าจะเกิดน้ำท่วม คิดว่าไม่มีงบประมาณที่ถูกกันเอาไว้เรื่องน้ำท่วมตั้งแต่ตอนที่วางงบตรงนี้ ... ยกเว้นแต่ถ้ารู้จะเกิดน้ำท่วมตั้งแต่ตอนนั้นก็อีกเรื่องนึง (อันนี้คิดว่าไม่รู้นะ) และคิดว่างบประมาณที่วางเอาไว้ก็่น่าจะโยกมาช่วยเรื่องน้ำท่วมก่อนได้
ไม่อยากเห็นประเทศเราล้มละลายน่ะครับ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
... แต่คิดดูอีกที เรื่องพวกนี้มันน่าจะเตรียมการเอาไว้นานแล้ว และเพิ่งมาใช้ได้เอาตอนนี้มากกว่า 555 เงินก็คงจ่ายไปเยอะแล้ว ... แต่เอาเถอะผมพิมพ์มาเยอะแล้ว ขี้เกียจลบ 555
ผมว่าปัญหานึงคือบางทีอะไรก็เกิดขึ้นได้ รัฐบาลนี้อาจอยู่ไม่ถึง 4 ปี
อะไรที่รีบทำได้ก็ต้องรีบทำ
แปลกใจที่ไม่มีคนท้วงด้วยเหตุผลว่า "เดี๋ยวก็มีแต่คนเอามาโหลดบิด" 555
สำหรับข่าวนี้ผมเห็นด้วยเต็มที่เลยนะ ต่างจากเรื่อง แจก tablet ให้เด็ก ป.1 ที่เรื่องนั้นก็ยังไม่ค่อยชัว
ป.ล. BKK green wi-fi นี่ จะใช้ทีไรก็ต้องสมัครใหม่ทุกที ลืม user/pass ตลอด เพราะนานๆ ทีจะได้ใช้ เดี๋ยวนี้ยอมเสียตังให้ค่า EDGE/GPRS ในมือถือแทนละ
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.
สวัสดีครับ ผมเป็นนักศึกษาที่เกษตรศาสตร์ กำลังศึกษาเรื่อง "ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการต่อคุณภาพการบริการโครงการอินเทอร์เน็ตไร้สาย วายฟายฟรีของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT Free Wi-Fi) รบกวนขอความกรุณาสละเวลาซัก 3 นาที ช่วยตอบแบบสอบถามให้หน่อยครับ ขอบคุณมากครับ คลิ้กที่ link นี้คับ +++ https://docs.google.com/forms/d/1z1R8n9OBO0keTGRQmQ9bN6Irbgt2inqNoKs_dLqkaVY/viewform?sid=f115b8622e504da&token=gk88Cz0BAAA.Fho6EK3kZrhKwTb_yGe-nQ.PtifsrTlTtBa7XRxigiYqQ