Tags:
Node Thumbnail

จากข่าวลือเรื่องที่ว่าอเมซอนกำลังวางแผนซื้อตัวนักเขียนเมื่อสามเดือนก่อน มาบัดนี้ข่าวเป็นจริงแล้วครับ

อเมซอนเปิดตัวแคมเปญที่ชื่อว่า "KDP Select" โดยที่ผู้เขียนที่ร่วมโครงการนี้ต้องขายอีบุ๊คเล่มนั้นกับอเมซอนเท่านั้น สิ่งที่นักเขียนจะได้รับพิเศษนอกเหนือจากส่วนแบ่งรายได้ซึ่งสูงสุดถึง 70% (นับว่าสูงสุดในบรรดาสำนักพิมพ์ทั้งหลาย) นั้นก็คือส่วนแบ่งในเงินกองกลาง 500,000 เหรียญต่อเดือนทุกๆเดือนนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปีนี้ไปถึงสิ้นปีหน้า ถ้าอีบุ๊คของนักเขียนถูกยืมมากครั้งก็จะได้ส่วนแบ่งจากเงินก้อนนี้มากขึ้นโดยตามสัดส่วนไป ส่วนสิทธิ์ในการตีพิมพ์เป็นเล่มนั้นตัวนักเขียนจะเลือกพิมพ์กับสำนักพิมพ์ไหนก็ได้

จริงๆ สำหรับอเมซอนก็แค่จ่ายเงินก้อนหนึ่งสำหรับดึงหนังสือให้ขายเฉพาะกับอเมซอนจำนวน 6.5 ล้านเหรียญตลอดทั้งปี ซึ่งจำนวนนี้นับว่าไม่มากนัก คิดเสียว่าเป็นการทดสอบวิธีการสร้างชื่อเสียงให้แก่นักเขียนหน้าใหม่ๆ แต่ถ้าสามารถดึงหนังสือจากนักเขียนมาขายเฉพาะอเมซอนได้และเกิดเล่มนั้นมันดังเปรี๊ยงปร้างก็คิดว่าน่าจะคุ้ม และยังเป็นการเริ่มเข้าไปขอส่วนแบ่งในบริการยืมอีบุ๊คในห้องสมุดที่อเมริกาเพื่อที่จะได้ลดการพึ่งพึงสำนักพิมพ์ในห้องสมุดมากขึ้น

เพิ่มเติม: หนังสือที่เข้าร่วมในโครงการ "KDP Select" นั้น ทางผู้เขียนอนุญาตให้ทางอเมซอนสามารถแจกฟรีได้สูงสุด 5 วันในรอบสามเดือน เพื่อเป็นการทำโปรโมชัน

ที่มา: Amazon.com via
BlogKindle.com

เกร็ด: ในปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา อเมซอนก็มีปัญหากับสำนักพิมพ์เพนกวินบุ๊คส์ สำนักพิมพ์ฯถอดหนังสือตัวเองทั้งหมดจากบริการให้ยืมอีบุ๊คในห้องสมุดที่อเมริกาโดยที่บรรดาห้องสมุดไม่รู้ตัวล่วงหน้า มีผลทำให้ผู้ใช้งานเครื่องอเมซอนทั้งหมดไม่สามารถยืมหนังสือของสำนักพิมพ์เพนกวินบุ๊คส์ได้ ทำให้ห้องสมุดต่างๆโวยวายอย่างมาก (เพราะในอเมริกา การที่ห้องสมุดจะให้ยืมอีบุ๊คได้จะต้องซื้อสิทธิ์การยืมหนังสือจากสำนักพิมพ์ แต่แล้วถึงเวลากลับให้บริการไม่ได้ เพราะสำนักพิมพ์เพนกวินบุ๊คส์ถือลิขสิทธิ์จำนวนไม่น้อย) แม้ต่อมาห้องสมุดต่างๆ สามารถให้บริการหนังสือจากสำนักพิมพ์เพนกวินบุ๊คส์ได้ แต่กับเครื่องคินเดิลจะไม่สามารถยืมหนังสือเล่มใหม่ๆจากสำนักพิมพ์เพนกวินบุ๊คส์ได้อีกเลยจวบจนปัจจุบัน

Get latest news from Blognone

Comments

By: Ready2go
ContributoriPhoneWindowsIn Love
on 10 December 2011 - 23:11 #362998

นักเขียนได้ส่วนแบ่งมากขึ้น ผมว่าน่าจะวินๆ สำหรับ Amazon กับนักเขียนทั่วไป

แต่ร้านหนังสือเจ้าอื่น ตายแน่


Technology is so fast!

By: leonoinoi
AndroidUbuntuWindows
on 10 December 2011 - 23:18 #363000

หนังสือที่เป็นเล่มตายแน่นอน เหมือนกล้องที่เป็นฟิล์ม

By: tekkasit
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 10 December 2011 - 23:34 #363008 Reply to:363000
tekkasit's picture

ในที่สุดก็คงจะใช่ แต่อาจจะเป็นห้าสิบปีหรือร้อยปีจากนี้ก็เป็นไป

เพราะเทคโนโลยีการถ่ายภาพ มันแทนที่กันได้เลย แต่นี่มันงานวรรณกรม มีประเด็นเรื่องลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งมีอายุยาวมาก

สำนักพิมพ์ส่วนใหญ่จะซื้อสิทธิ์ขาดจากผู้เขียนแถมสัญญาจะครอบคลุมเรื่องไปทำซ้ำจนหมดสิ้นอาจจะรวมทั้งหนังสือเสียงและอีบุ๊คด้วย ต่อยอดขายหนังสือเล่มๆลดลง สิทธิ์ในการแปรรูปงานเขียนก็ยังไม่หมดลงพร้อมการตีพิมพ์ อาจจะเจอรายการหนังสืออีบุ๊คขายแพงกว่าหนังสือปกแข็ง ก็ปัจจุบันนี้บางสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่ก็ทำกันอยู่บ่อยไป

By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 11 December 2011 - 00:57 #363029 Reply to:363008
lew's picture

ปัญหาคือหนังสือใหม่ๆ จะรับวัฒนธรรม ebook ทั้งหมด ถึงจุดหนึ่งหนังสือที่ค่ายหนังสือเหล่านี้เคยได้รับสิทธิ exclusive จะน้อยลงเรื่อยๆ จนรู้ตัว และต้องย้อนกลับมาเจรจา

ผมเองไม่เชื่อว่า จะเกิน 5 ปีครับ สมัย Encarta กับ Britanica ก็สั้นกว่านั้นมาก


lewcpe.com, @wasonliw

By: psemanssc
Blackberry
on 11 December 2011 - 00:37 #363026 Reply to:363000

หนังสือเป็นเล่ม ไม่มีไฟฟ้าก็อ่านได้ หนังสืออีบุ๊คไม่มีไฟฟ้า ดับอนาถ

ปล ผมยังชอบอ่านนวนิยายเป็นเล่มมากกว่าอ่านอีบุ๊คนะ

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 11 December 2011 - 01:35 #363032 Reply to:363026
hisoft's picture

ผมก็ชอบเป็นเล่มมากกว่าครับ แต่คิดหลาย ๆ ด้านแล้ว เป็นอีบุ๊คน่าจะคุ้มกว่า

By: Elysium
ContributorWindows PhoneSymbianWindows
on 11 December 2011 - 01:42 #363033 Reply to:363032
Elysium's picture

+1

แต่นิยาย Eng แบบพอกเก็ตบุคเล่มหนามาก พกแบบ E-Book จึงสะดวกกว่า

ถ้าสะสม ผมก็ชื้อแบบเป็นเล่มครับ ดูเพลินๆ


คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ

By: nostalgias
ContributoriPhoneAndroid
on 11 December 2011 - 01:44 #363034 Reply to:363032
nostalgias's picture

ถ้าเทียบราคาอีบุ๊คก็คุ้มกว่าจริงๆแหละครับ

แต่ถ้าเป็นความสุขใจ/ความพอใจที่ได้อ่าน สำหรับผมแบบดั้งเดิมกินขาด :D

By: errin on 11 December 2011 - 02:08 #363035 Reply to:363026

ไม่ต้องเถียงกัน ซื้อมันทั้งคู่ครับ

(เศร้าใจหลาย เสียตังสองครั้ง)

By: Thaitop_BN
Windows PhoneUbuntuWindows
on 11 December 2011 - 11:08 #363073 Reply to:363035
Thaitop_BN's picture

ถ้าอยู่บ้านก็เปิดจากเล่ม(สะสม สะดวก รวดเร็ว) ถ้าออกนอกบ้านก็เปิดจากเครื่องอ่านอีบุ๊คสินะ XD

ปล. ผมกำลังพูดถึงหนังสือการ์ตูนอยู่น่ะ อิ_อิ

By: dokapom
SUSE
on 11 December 2011 - 05:47 #363052 Reply to:363026

ชอบเป็นเล่มเหมือนกันครับ

By: Ready2go
ContributoriPhoneWindowsIn Love
on 11 December 2011 - 20:50 #363130 Reply to:363026

ถ้างบประมาณพอจะซื้อสองเล่ม เล่มปกแข็ง(ถ้ามี) 1 เล่ม E-Book 1 เล่ม สำหรับหนังสือที่คิดว่าควรค่าต่อการเก็บไว้

ถ้าอ่านแล้วไม่ประทับใจก็เอาเฉพาะ E-Book พอ

E-Book เอาไว้อ่านเป็นปกติผ่าน e-reader

ปกหนาเอาไว้ใส่ตู้หนังสือแต่งบ้าน, เก็บไว้เป็น reference ในอนาคตให้ลูกให้หลานได้อ่าน, หรืออาจจะต้องเอามาเผาเพื่อหาความอบอุ่นในช่วงวันสิ้นโลกก็น่าจะดีครับ


Technology is so fast!

By: leonoinoi
AndroidUbuntuWindows
on 11 December 2011 - 05:42 #363051 Reply to:363000

ไม่แปลกครับที่จะชอบอ่านหนังสือเล่มมากว่า เพราะถึงตอนนี้อาจจะยังมีคนชอบถ่ายรูปฟิล์ม มากกว่า แต่เรื่องจริงที่เกิดคือ ไม่มีใครทำฟิล์ม ออกมาขายแล้ว (ในทำนองเดียวกัน มันก็จะไม่มีใครพิมพ์หนังสือเป็นเล่มออกมาขาย) ถามว่าเร็วไหม (ตอนเกิดกับกล้องถ่ายรูปมันเร็วหรือเปล่า หนังสือก็จะพอพอกัน ความเห็นส่วนตัว มันจะเร็วจนช๊อกโลกเลยทีเดียว ประเมิณจากราคาแท็บเล็ต ที่มีแนวโน้มลดลงรุนแรงในปีหน้า) รู้แบบนี้ ใครทำธุรกิจโรงพิมพ์ กับร้านหนังสือ เตรียมตัวนะครับ (ในเมืองไทย ผมว่าจะยิ่งเร็วขึ้นไปอีก ด้วย 2 เหตุผล 1. คนไทยไม่ชอบอ่านหนังสือ 2. โครงการแจกแท็ปเล็ตนักเรียนจะเป็นตัวเร่งอย่างดี)

By: g-man
ContributoriPhone
on 11 December 2011 - 21:34 #363136 Reply to:363051

ตตะมีโครงการสามตามมา แจกแว่นตาให้เด็กเนื่องจากตาล้าจากการใช้แท็บเล็ต

By: leonoinoi
AndroidUbuntuWindows
on 11 December 2011 - 06:54 #363053 Reply to:363000

ขอประเมิณเรื่องเวลาครับ เห็นด้วยกับคุณ lew ว่ามันจะประมาณ 5 ปีเท่านั้นในไทย ถ้าโครงการแจกแท็บเล็ตประสบความสำเร็จ ในอีก 4 ปีข้างหน้า คาดการณ์ว่า นโยบายหาเสียงคือ แจกแท็บเล็ตให้นักเรียนทุกคน (ถ้านักเรียนทุกคนมีแท็บเล็ต มหาวิทยาลัยคงใช้ แท็บเล็ตกันหมดแล้ว ตอนนี้เห็นมหาลัยเอกชนหลายแห่งแจกกันแล้ว) หมายความว่า อีก 5 ปีข้างหน้า คนอายุน้อยกว่า 22ปี จะใช้แท็บเล็ตกันทุกคน !! ยังไม่นับคนวัยทำงาน ที่พร้อมจะซื้อแท็บเล็ตเป็นของตัวเอง (เมื่อเครื่องอ่านพร้อม แล้วยังมีอะไรที่ไม่พร้อมครับ)

By: plyteam
iPhone
on 11 December 2011 - 03:31 #363042

อ่านดูเหมือนเปิดศึกกับแค่ร้านที่ขายอิบุ๊คด้วยกันนี่ครับ สิทธิ์ในการขายเป็นเล่มก็ยังอยู่กับนักเขียน

เพราะงั้นไม่ต้องกังวลหรอกว่า ถ้าแฮรี่พ็อตเตอร์เล่มแปดลงแต่อีบุ๊คอย่างเดียว แล้วจะทำให้หนังสือเป็นเล่มตาย ยังไม่เกิดแน่ๆครับ

By: xxxooo
Windows PhoneWindowsIn Love
on 11 December 2011 - 13:12 #363087

Amazon จะโดนข้อหา ผูกขาด E-Book ไหมเนี่ย

By: Ready2go
ContributoriPhoneWindowsIn Love
on 11 December 2011 - 20:46 #363129 Reply to:363087

ผูกขาดผมว่าไม่น่าโดนเพราะ Amazon ไม่ได้ตัดช่องทางการขายหรือฮุบกิจการการขายหนังสือทั้งหมดไว้แต่คนเดียว

Amazon แค่ให้ส่วนแบ่งเพิ่มให้กับนักเขียนเท่านั้นด้วยกติกาที่ทั้งสองฝ่ายน่าจะวินๆกันทั้งคู่ จะบอกว่า Evil มั้ย ผมว่าไม่ ออกจะวินๆด้วยซ้ำสำหรับนักเขียนกับผู้ขายเพราะได้ค่าหนังสือมากขึ้น


Technology is so fast!