บิล เกตส์ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ The Telegraph ของอังกฤษในหลายประเด็น ทั้งเรื่องงานที่มูลนิธิ หลักการดำเนินชีวิต วิธีการเลี้ยงลูก และไลฟ์สไตล์ส่วนตัว
แต่ส่วนสำคัญในบทสัมภาษณ์คือเรื่องที่เกตส์พูดถึงสตีฟ จ็อบส์ โดยเกตส์บอกว่าทั้งสองคนเป็นทั้งคู่แข่งและเพื่อน ถึงแม้จ็อบส์เคยวิจารณ์เกตส์แรงๆ หลายครั้ง แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีขึ้นมากโดยเฉพาะหลังเกตส์ออกจากไมโครซอฟท์
ก่อนจ็อบส์ตายไม่กี่เดือน เกตส์ไปเยี่ยมจ็อบส์ที่บ้าน ทั้งคู่ใช้เวลาหลายชั่วโมงพูดคุยในเรื่องต่างๆ รวมถึงพูดคุยเกี่ยวกับอนาคต และในช่วงที่จ็อบส์ใกล้เสียชีวิต เกตส์เขียนจดหมายไปหาจ็อบส์ โดยเนื้อหาในจดหมายบอกให้จ็อบส์ภูมิใจกับบริษัทที่เขาสร้างขึ้นและสิ่งที่เขาทำ รวมถึงพูดถึงลูกๆ ของจ็อบส์ที่เกตส์รู้จัก
หลังจากจ็อบส์ตาย เกตส์ได้รับโทรศัพท์จากลอเรน ภรรยาของจ็อบส์ เธอบอกว่าเนื้อหาในหนังสือไม่ได้แสดงให้เห็นว่าทั้งสองคนเคารพซึ่งกันและกัน และบอกว่าจ็อบส์ซาบซึ้งกับจดหมายของเกตส์ โดยเขาเก็บจดหมายฉบับนี้ไว้ข้างเตียงจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
เกตส์ยังบอกว่าระหว่างเขากับจ็อบส์ไม่ต้องมีคำขอโทษหรือการให้อภัยระหว่างกัน เพราะทั้งสองคนไม่เคยทะเลาะกัน ถึงแม้จะเคยแข่งกันในธุรกิจแต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ดีต่อวงการ
ประเด็นอื่นๆ ตามไปอ่านต่อกันเองตามลิงก์นะครับ
ที่มา - Telegraph via The Next Web
Comments
The Spirit.
ชอบ เกตส์มาก เสียดายที่ลุง job ไม่น่าเสียเร็ว เราอาจได้เห็น อะไรที่ 2 คนนี้ทำด้วยกันก็ได้
บิล เกตส์ คุณสุดยอดมาก
นี่แหละ เพื่อนแค้น เพื่อนรัก...
ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูที่ถาวร จริง ๆ
ก็ หนังสือมันไม่ได้เขียนโดยจ๊อบส์นินะ คนเขียนจะใส่ไฟยังไงก็ได้ = =
แต่กลับกัน ในโลกความจริงก็คือ ไม่ใช่มิตรแท้และศัตรูที่ถาวร
ผู้เขียนหนังสือ หัวเอียงจ๊อบส์หรือเปล่า
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ลองอ่านดูครับ สำหรับผมคิดว่าเค้าเขียนใช้ได้เลยนะ ไม่ได้เข้าข้างจ็อบส์ไปซะทีเดียว มีหลายๆเรื่องที่ค้านกลับด้วย
ที่อยากจะติมีนิดเดียวคือใช้ศัพท์ยากชิบ (ยังดีมีดิก)
ในหนังสือมีบางช่วงที่ jobs ดูน่ารังเกียจ เลยล่ะครับ
เห็นรูปเกตส์ใน telegraph แล้วตกใจ แต่ก็นึกได้ว่าคนเรามันก็ต้องมีแก่ มีตายเป็นเรื่องธรรมดา
+1 แต่ได้ข่าวว่าไปลุยแดดลุยอะไรต่อมิอะไรแถบแอฟริกาอะไรเทือกนั้นมาเยอะ ก็คงโทรมล่ะ (มั้ง) ครับ
เค้าไม่เคยทะเลาะกัน แต่สาวกทะเลาะกัน(อิบหาย) -..- ยิ่งกว่าเจ้าของบริษัทอีกนะเนี้ย
+1
555+
WE ARE THE 99%
+1
+1
+1 ด้วย
wow
เป็นเรื่องดราม่าอีกเรื่องที่กินใจผมโดยแท้
ในหนังสือเขาก็เขียนกลางๆ นะครับ เพียงแต่เนื้อหาช่วงที่สองคนนี้มานั่งคุยกันที่บ้านจ๊อบส์เขาไม่ค่อยลงรายละเอียดมาก ผมคิดว่าเขาคงคุยกันเรื่องส่วนตัวมากกว่าเรื่องงานนะ
คู่แข่งแบบนี้น่าเอาเป็นแบบอย่างครับ
เขียนด้วยลายมือบนกระดาษรึป่าวนะ ^^
twitter.com/djnoly
MS Office Word 2012
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
for MAC :)
ของ Mac 2011 ครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ใช่ 2 คนนี้เขาทำเพื่อวงการนะ !!
นึกถึงพวกนิยายจีนกำลังภายใน
มือกระบี่หลายคนโหยหาอาวรณ์ศัตรูที่จากไป
...ยิ่งกว่าคู่รักที่จากลา
เพราะว่าถ้าไม่มีศัตรู บางครั้งก็ดูเหมือนตัวเองจะไร้ค่า
ในช่วงเวลาประลองยุทธ พวกนี้คงฟินยิ่งกว่าเมคเลิฟอีก
555+
+1 นึกถึงโกวเล้ง
หรือนึกถึงกิมย้งดี...
นึกถึง กิมลัง ไปถึงก็ต้องซื้อ XD
2 คนนี้ใช้สิ่งที่เหมือนกันคือ ความคลั่งไคล้ ในคอมพิวเตอร์ นับถือทั้งคู่ ^^
เขียนซะนึกว่าเป็นคู่รักกัน เหอๆ
"ถึงแม้จะเคยแข่งกันในธุรกิจแต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ดีต่อวงการ" ชอบๆ
เป็นไฟล์ .docx ที่จ็อบส์เปิดไม่ได้เลย เอาเก็บไว้ข้างเตียงก่อนหรือเปล่า? แบบว่ารอ Office for Mac ลดราคา
สองคู่นี้เขาเพื่อนซี้สนิทกันมานานแล้วแน่ๆ ไม่งั้นจ๊อปส์คงไม่เปิดโอกาสให้เกตส์ได้ไปดูเครื่อง Mac ต้นแบบที่บ้านจ๊อปส์ถ้าไม่สนิทกันขนาดนั้นมาก่อน
ส่วนเรื่องดราม่าคู่รักคู่แค้นนั้นก็คงหลังจากที่ Microsoft คลอด Windows และอะไรต่อมิอะไรออกมา แต่แม้จ๊อปส์จะโกรธเกตส์ในเรื่องงานนี่แค่ไหน แต่ก็ยังมีความสัมพันธ์กันตลอดมา เช่น ตอน Microsoft ซื้อหุ้น Apple เป็นต้น และพอเกตส์ออกจากไมโครซอฟท์ จ๊อปส์ก็ยิ่งกลับมารู้สึกสนิทใจมากกว่าเดิม
ก็อย่างที่รู้ๆ กันล่ะว่าตาจ๊อปส์เป็นพวกขี้โมโหแค่ไหน อีโก้สูงแค่ไหน และไม่ชอบให้คู่แข่งทำอะไรตามมากแค่ไหน ก็เลยมีสารพัดบทสัมภาษณ์ที่จ็อปส์สบถถึงเกตส์อยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้เสียความเป็นเพื่อนแต่อย่างใด (อย่างกรณีลาร์รี่ เพจ ก็ด้วย)
เชื่อว่าสองคนนี้เค้าซี้กันมานานแล้วจริงๆ ครับ
ปล. เจอข่าวแบบนี้ ว่าไปแล้ว Blognone น่าจะมี tag ใหม่... Drama (พูดเล่นครับ :P)
jobs รักแรง เกลียดแรง เค้าเลือกคบแต่คนที่ฉลาดและเจ๋งเท่านัสองคนนี้อาจจะสนิทเป็นพักๆ เพราะ jobs ต้องพึ่ง microsoft ให้ทำโปรแกรมตั้งแต่รุ่น apple2 คนที่จะเรียกว่าซี้กับ jobs ผมว่าก็มีแค่แลรี่ เอลลิสันกับอีกไม่กี่คนเท่านั้น
จ็อบส์โกรธเกตส์ด้วยเหรอ ตอน Windows 1.0 ออกมาก็คงอึ้งกันบ้าง แรงบันดาลใจกันเห็นๆ
แต่หลังจากดูให้ละเอียดก็พบว่า Windows 1.0 ยังห่างชั้นแม็คมาก
จริงๆแล้วก็ไม่ได้เป็นคู่แข่งกันโดยตรงในตอนที่จ็อบส์อยู่ที่แอปเปิ้ล
หลังจากนั้นไม่นานจ็อบส์ก็ออกจากแอปเปิ้ลไป คงไม่มีเวลาโกรธกันนาน
ช่วง Windows 3.0 ถล่มแอปเปิ้ลนี่ก็ตั้ง 5 ปีหลังจากจ็อบส์ลาออกมา
พอจ็อบส์กลับมาทำงานที่แอปเปิ้ลก็พาเกตส์มาซื้อหุ้นด้วย ทำได้ไงถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทกัน
บทความดราม่าแอปเปิล-ไมโครซอฟท์พวกนี้ผมชอบอ่านมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ (ชอบอ่าน IT Soft ไม่รู้ตอนนี้ยังมีอยู่หรือเปล่า) ตอนนี้เลยหาอ้างอิงบทความที่เป็นอารมณ์นั้นไม่ได้ :P แต่จำได้ว่าจ็อปส์แค้นมากเพราะเป็นคนคุมคลอดแมคเองมากับมือ โดยเฉพาะ GUI และเมาส์ซึ่งเป็นนวัตกรรมเปลี่ยนโลกด้วยในสมัยนั้น วันนึงจ็อปส์ชวนเกตส์มาดูต้นแบบเครื่องแมคที่บ้าน อยู่ดีๆ จาก DOS ก็กลายเป็น Windows ที่มี GUI พร้อมเมาส์สองปุ่มเฉย ถ้าไม่คลั่งก็ใจเย็นเกินแล้วครับ :P แต่อย่างว่าจากนั้นไม่นานจ็อปส์ก็แพ้ปัญหาภายในเอง
แต่ถ้าพูดถึงเหตุการณ์ปัจจุบันที่คล้ายๆ กัน ก็คงจะพอๆ กับการที่จ๊อปส์หัวเสียกับ Android มากล่ะครับ แต่จะไม่หัวเสียถึงขนาดนี้ ถ้าเจ้าของ Android ดันไม่ใช่ Google ที่มี CEO เป็น Eric Schmidt ซึ่งสมัยนั้นนั่งอยู่ในบอร์ด Apple และคาดว่าจะได้เห็นโปรเจกต์ iPhone สมัยที่ยังพัฒนากันอยู่ภายในด้วย แกเลยคลั่งอย่างที่เห็น
Desktop GUI ไม่มีอะไรที่น่าเห็นใจที่สุดเท่า Xerox ครับ -*- (จริงๆให้เงินสนับสนุนด้วยซ้ำ)
(แล้วสาวกสองฝั่งก็ด่าว่าลอกตามปกติ)
เท่าที่อ่านเจอมา เหมือนกับว่าท่านที่บิ๊กๆใน Xerox ไม่ดัน GUI ที่พนักงานของตัวเองคิดค้นขึ้นมาเองไม่ใช่เหรอครับ Jobs เลยขโมยขยะที่ Xerox ทิ้งๆขว้างๆมาแปลงเป็นทอง
ปล.ถ้าข้อมูลผิด ชี้แนะด้วยครับ
จ็อบส์กับเกตส์เค้าไปเที่ยว (ดูงาน) Xerox ด้วยกันครับ แล้วกรณีนี้ขโมยก็คือขโมยครับ เอาไปเปลี่ยนเป็นทอง หรืออะไรก็ตาม
เพียงแต่ทั้งคู่ก็ขโมยกลับมาเหมือนกัน แต่ของเกตส์กลับขายดีกว่า
ทั้งคู่ต่างก็ไปดูงานที่แลป Xerox (แต่น่าจะคนละรอบกัน) มีโอกาสเห็นงานวิจัย UI แบบกราฟิกจึงได้ไอเดียมาปรับเพราะต้นแบบมีส่วนของการใช้เม้าส์และหน้าต่างจริงแต่ไม่ได้เป็นหน้าต่างแบบหลายงานพร้อมกันหรือมัลติทาสก์ แอปเปิลนำมาเพิ่มส่วนการทำงานมัลติทาสก์หลายหน้าต่างและออกแบบลักษณะการซ้อนกันของหน้าต่างแบบบังกัน (อันบนทับจะบังอันที่อยู่ด้านหลัง) ส่วนไมโครซอฟท์ได้เห็นผลงานนี้จากต้นแบบแมคอินทอชแล้วนำไปทำบ้างแต่ไม่สามารถเขียนโค้ดให้แสดงผลแบบบังกันได้เหมือนแอปเปิลในตอนนั้น เรื่องประเด็นขโมยผมอยากให้อ่านในส่วนที่ถูกระบุไว้ด้วยว่า พนักงานของแลป Xerox เองก็เต็มใจเชิญจ็อบส์ไปดูผลงานวิจัยนี้ (ยกเว้นมีคนหนึ่งที่ไม่พอใจ) เพราะเป็นผลงานหนึ่งที่ถูกมองข้ามเหมือนไม่สนใจด้วยในขณะนั้น
ความเป็นเพื่อนกับการทำงาน แยกกันออกได้ นับถือสองคนนี้ครับ
TT''
คนนึงก็ยอดโปรแกรมเมอร์ คนนึงก็ยอดนักการตลาด IT
ดูแล้วเหมือนหนังจีนเลย ยอดยุทธ์ย่อมแสวงหาคู่มือที่คู่ควร
2 คนนี้ทันกันตลอด ประมือกันไปเรื่อยๆเลยมีความนับถือในวิทยายุทธของกันและกัน ในขณะที่ตำแหน่งก็คือเป็นศัตรูกัน
ถ้าเป็นสำนวนโกวเล้งคงต้องบอกว่า "หากเราไม่เจอกันในสมรภูมิก็คงจะดี" นับถือๆ
+100 ถ้าสองคนนี้ก่อตั้งแอ๊บเปิ้ล โลกคงต้องเป็นของสองคนนี้เเน่
หรือไม่ก็ได้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เปลี่ยนฮาร์ดแวร์ไม่ได้แถมระบบปฏิบัติการก็แฮงค์ตลอด
ผมไปเล่นแมคของเพื่อน มันก็ แฮงค์ได้อะนะ
ศรัทธาไม่พอครับ (อะล้อเล่งน่า)
+1 อิอิ
WinPle or AppDows
+1 แอปโด้
สำนวนหัวข้อข่าว WIN
twitter.com/exfictz
".. จ็อบส์เก็บไว้ข้างเตียงตราบจนสิ้นใจ"
ข่าวนี้มีหัวข้อข่าวที่ใช้คำได้สละสลวยที่สุดแห่งปี ;)
my blog
+10000000000000
เคยลองคิดเล่นๆ ว่าถ้า 2 คนนี้มาทำบริษัทคอมพิวเตอร์เป็นบริษัทเดียวกัน
สงสัยเราคงได้ใช้คอมเทพ
เป็นไปไม่ได้หรอกครับเพราะpcกับmacมาจากแนวคิดที่ตรงข้ามกัน คือระบบเปิดกว้าง กับระบบปิด
ซึ่งต่างก็มีข้อดีข้อเสียด้วยกันทั้งคู่ การแยกกันแล้วให้ผู้ใช้เป็นผู้เลือกเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและสองคนนี้ก็ทำถูกต้องแล้วครับ
ถ้าสองคนอยู่บริษัทเดียวกันคงขัดแข้งขัดขากันตลอด คนนึงเน้นตัดทอนให้เหลือที่จำเป็น อีกคนให้เพิ่มเพื่อจะได้รับได้ทั้งหมด
everything is possible ครับ
การเเยกกันเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่เค้าพูดกรณีที่ทำด้วยกันครับ ทั้งสองอาจจะไม่ได้ทิ้งสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ตอนนี้ แต่อาจจะสร้างโครงการใหม่ร่วมกันก็ได้
เห็นด้วยอย่างยิ่ง!!!
เกตส์ หยุดทำงาน บริจากเงินก้อนยักษ์ และก็ใช้ชิวีตอย่างมีความสุขอยู่ทุกวันนี้ :)
จอบส์ ลุยงานอย่างเดียว ไม่บริจาคซักแดง ตอนนี้ตายละ
ความแตกต่างอยู่ที่ พอ --> สุข
ความฝันคนเราต่างกันครับ
+1 ความสุขของคนหนึ่ง อาจจะไม่ใช่ความสุขของอีกคนหนึ่ง เอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานไปตัดสินคนอื่นได้ไง
+1 รู้จักคนที่ทำงานจนวันสุดท้ายของชีวิตเหมือนกันครับ ยอมรับเลยคนเรามีความคิดทางการทำงานต่าชกัน
เอ่อรู้ได้ไงว่าเขาไม่บริจาค เขาอาจจะบริจาคไม่ประสงค์นามก็ได้ โครงการเพื่อสังคมเขาก็มี--*
บางคนมีความสุขจากการทำงาน บางคนมีความสุขจากการบริจาค
ความสุขของคุณละครับ คืออะไร ? ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนคนอื่น เราก็สุขได้จริงมั้ยคับ
ถ้าความสุขของเขาคือเข็น product เจ๋งๆออกให้ได้มากที่สุดก่อนตายล่ะครับ เขาก็รู้ตั้นนานแล้วว่าเขากำลังจะตาย
รู้ได้ไงว่า Jobs ใช้ชีวิตไม่มีความสุข Gates มีความสุข ??
twitter.com/djnoly
เกาเหลาเหนือนะ ความคิดแบบนี้ เกตยังบอกเลยว่าวางมือเร็วเกินไป ไม่แน่ในยุคที่ ไมโครซอฟท์ตกต่ำลง เกตอาจจะกลับไปอีกครั้ง
จำได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้เกตเคยยืนยัน (อีกครั้ง) แล้วว่าจะไม่กลับมานี่ครับ
ผมว่าถ้าจำเป็นจริงๆคงจะกลับมาครับ คงไม่มีใครหรอกครับที่อยากเห็นบริษัทที่ตัวเองสร้างมากับมือล่มสลายไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ไม่ทำอะไรเลย
คุณตันยังเคยให้สัมภาษณ์เลยครับ ว่าจะไม่กลับไปทำชาเขียวอีก
+1
もういい
อิชิตัน ไม่ใช้ชาเขียวเหรอครับ?
อิชิตันเป็น "ชาเขียวออร์แกนิค"
ไม่ใช่ "ชาเขียว" นะเออ !!
อิอิ
๕๕๕๕+++
Coder | Designer | Thinker | Blogger
555+
ว่าแล้วก็ยก "ชาเขียวออร์แกนิค" ขึ้นดื่ม เอิ้กๆๆๆ
150 ล้านดอลลาร์ให้กับศูนย์รักษามะเร็งที่ University of California, San Francisco
เกตส์ ไม่ได้เป็นโรคอะไร ทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ พักออกมาทำไปเรื่อยๆไม่เร่งร้อน
จอบส์ รู้ว่าตัวเองใกล้ตาย จึงเร่งมือทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ก่อนจะถึงวาระสุดท้าย
อะไรคือคำว่าพอ?
+1
ปรบมืองามๆให้หนึ่งชุด ^^
นี่มัน เบจิต้า โกคู
+1024 เบจิต้า ผมชอบ
นักพัฒนาพร้อมกับความเป็นมิตรไม่มีวันจาง ถึงแม้จะโจมตีด่ากันยังไง พอกลับมาสู่โลกส่วนตัวก็ยังเป็นเพื่อนแท้ได้ตลอดไปสุดยอดครับทั้งสองคน