จากข่าวก่อนหน้านี้ที่ Bill Gates ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft ได้เปิดกระทู้ตอบคำถาม Ask Me Anything (AMA) บน Reddit ว่าเขาใช้สมาร์ทโฟน Samsung Galaxy Z Fold4 ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย
มีผู้ใช้คนหนึ่งถามว่า Gates คิดว่าขณะนี้มีเทคโนโลยีอะไรที่สำคัญมากๆ บ้าง โดยเขาตอบว่า AI เป็นสิ่งสำคัญและจะมาปฏิวัติวงการ (AI is quite revolutionary) ในขณะที่ Web3 นั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ รวมถึง Metaverse ก็ไม่ใช่ของที่จะปฏิวัติวงการ (I don't think Web3 was that big or that metaverse stuff alone was revolutionary) นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้อีกคนถามว่า Gates คิดอย่างไรกับ ChatGPT ซึ่งเขาตอบว่านี่เป็นเพียงน้ำจิ้มของสิ่งที่กำลังจะมาในอนาคต และเขาประทับใจในความเร็วของการพัฒนา
บิล เกตส์ ตอบคำถาม Ask Me Anything บน Reddit (นับเป็นครั้งที่ 11 แล้ว) หนึ่งในคำถามที่น่าสนใจคือเขาใช้โทรศัพท์รุ่นใดอยู่ เพราะคราวก่อนเขาตอบว่าใช้ Galaxy Z Fold 3
คำตอบของเกตส์คือตอนนี้เขาอัพเกรดมาใช้ Galaxy Z Fold 4 แล้ว หลังจากได้พบกับ JY Lee ประธานของซัมซุงที่ประเทศเกาหลีใต้ และ JY Lee มอบ Z Fold 4 ให้เป็นของขวัญ เขายังบอกว่าใช้ Outlook และซอฟต์แวร์อื่นๆ ของไมโครซอฟท์อีกหลายตัว
กลุ่ม SK ของเกาหลีใต้ประกาศลงทุนในบริษัท TerraPower ผู้พัฒนาโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กที่ก่อตั้งโดย บิลล์ เกตส์ โดยทาง SK ลงทุนรอบนี้ 250 ล้านดอลลาร์ พร้อมกับตัวบิลล์ เกตส์ เองและนักลงทุนกลุ่มอื่นๆ รวมมูลค่าการระดมทุน 750 ล้านดอลลาร์
TerraPower พยายามพัฒนาโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กและติดตั้งเป็นโมดูล (Small Modular Reactors - SMR) ทำให้ต้นทุนการดูแลรักษาต่ำ ใช้ชื่อว่า Natrium เป็นเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์ที่ส่งความร้อนออกมาภายนอกด้วยเกลือเหลว (molten salt) คาดว่าแต่ละชุดจะผลิตไฟฟ้าได้ 345 เมกกะวัตต์ และเร่งได้ถึง 500 เมกกะวัตต์ในช่วงต้องการพลังงานสูง
บิล เกตส์ ประกาศยกทรัพย์สินส่วนตัวให้มูลนิธิ Bill & Melinda Gates Foundation อีก 2 หมื่นล้านดอลลาร์ (7.3 แสนล้านบาท) ในเดือนนี้ เพื่อให้มูลนิธิมีกำลังเงินสนับสนุนโครงการต่างๆ ให้มากขึ้นกว่าเดิม
เกตส์บอกว่าโลกตอนนี้มีปัญหาเกิดขึ้นหลายอย่าง ทั้งโรคระบาด สงครามยูเครน การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และประเด็นเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ-ความขัดแย้งเรื่องการทำแท้งในสหรัฐ เขาจึงอยากแก้ปัญหานี้โดยการลงทุนกับโครงการของมูลนิธิให้มากขึ้น ตอนนี้มูลนิธิจ่ายเงินปีละ 6 พันล้านดอลลาร์ และตั้งเป้าเพิ่มเป็นปีละ 9 พันล้านดอลลาร์ในปี 2026 จึงเป็นเหตุผลที่เขาบริจาคเงินก้อนใหญ่เข้ามูลนิธิ
เมื่อคืน Bill Gates ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft ที่อุทิศตนให้กับงานการกุศลมาเกือบ 15 ปี ได้ตั้งกระทู้ Ask Me Anything หรือถามอะไรก็ได้ บนเว็บบอร์ด Reddit ซึ่งนี่เป็นครั้งที่ 10 แล้วที่เขาทำกิจกรรมนี้
ระหว่างการถามตอบดังกล่าว ได้มีผู้ใช้คนหนึ่งถามว่าขณะนี้ Gates ใช้โทรศัพท์มือถืออะไรอยู่ โดย Gates ตอบว่าเขาใช้มือถือแอนดรอยด์จอพับ Samsung Galaxy Z Fold3 อยู่ พร้อมระบุว่าเขาชอบทดลองใช้หลายๆ รุ่น แต่หน้าจอของ Z Fold ทำให้คล้ายกับการใช้คอมพิวเตอร์ PC ขนาดพกพาที่โทรศัพท์ได้ด้วยเลยทีเดียว
Bill Gates ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์เปิดเผยผ่านบัญชี Twitter ของเขา ว่าได้เข้ารับการตรวจโควิด 19 และผลออกมาเป็นบวก มีอาการป่วยเล็กน้อย ซึ่งเขาก็ปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อกักตัว จนกว่าจะมีอาการดีขึ้น
ทั้งนี้ Gates บอกว่าเขาได้รับวัคซีนและบูสเตอร์แล้ว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Gates เพิ่งออกหนังสือเล่มใหม่ How to Prevent the Next Pandemic เพื่อจุดประเด็นปัญหาโรคระบาดที่มีโอกาสเกิดและรุนแรงมากขึ้นในโลก เหมือนกับหนังสือ How to Avoid a Climate Disaster ที่เขาเขียนเมื่อปีที่แล้ว
เรื่องนี้เริ่มจาก The New York Times เปิดเผยแชตระหว่าง Elon Musk ซีอีโอ Tesla และ Bill Gates ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ ที่ตอนนี้มาเน้นทำมูลนิธิแก้ไขปัญหาโลก โดย Musk เริ่มถาม Gates ว่าเขายังถือสถานะชอร์ตหุ้น Tesla มูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์อยู่หรือไม่? ซึ่งแปลว่าการลงทุนนี้ของ Gates จะมีกำไรหากหุ้น Tesla มีราคาลดลง
Gates ตอบว่าเขายังไม่ได้ปิดสถานะชอร์ตนี้ และบอกว่าต้องการชวนคุยเรื่องโครงการแก้ไขปัญหาโลกร้อน แต่ Musk ก็ตอบปัดทันทีว่าไม่สามารถคุยกับคนที่กำลังชอร์ตหุ้นบริษัทเขาต่อได้ พร้อมบอกว่า Tesla คือบริษัทที่มีกิจกรรมจำนวนมากทำเพื่อแก้ไขปัญหาโลกร้อนอยู่แล้ว
กลุ่มโรงแรม Four Seasons Hotels and Resorts รายงานว่าบริษัทการลงทุน Cascade Investment ซึ่งเป็นของ บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตซีอีโอไมโครซอฟท์ ได้เข้าซื้อหุ้นบริษัทเพิ่มเติมจากบริษัทการลงทุน Kingdom Holding ของซาอุดิอาระเบีย เป็นจำนวนเงินรวม 2,210 ล้านดอลลาร์ ทำให้ Cascade เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน Four Seasons ด้วยจำนวนหุ้น 71.3%
กองทุน Cascade ลงทุนในโรงแรม Four Seasons มาตั้งแต่ปี 1997 ปัจจุบันโรงแรมมีผู้ถือหุ้นหลักนอกจากสองกองทุนนี้คือ Isadore Sharp ผู้ก่อตั้ง ซึ่งถือหุ้นอยู่ 5% เครือโรงแรมนี้มีโรงแรมที่บริหารจัดการอยู่รวม 121 แห่ง ใน 47 ประเทศ
Bill Gates ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft และ Melinda Gates ภรรยา ได้ประกาศหย่าร้างกันทางทวิตเตอร์ของทั้งคู่ สิ้นสุดการแต่งงานนาน 27 ปี โดยระบุว่ามีการคิดทบทวนเกี่ยวกับความสัมพันธ์นี้มาอย่างมากแล้ว ทั้งคู่ตัดสินใจจะจบการแต่งงานลง
ทั้งคู่มีบุตรด้วยกัน 3 คน และร่วมกันก่อตั้งมูลนิธิ Bill & Melinda Gates Foundation เพื่อช่วยเหลือในด้านต่างๆ ทั่วโลกมายาวนาน ซึ่งทั้งสองคนจะยังร่วมกันทำงานให้กับมูลนิธิต่อไป แต่ทั้งคู่เชื่อว่าไม่สามารถเติบโตต่อไปด้วยกันได้อีกแล้ว
บิล เกตส์ เปิดเผยตั้งแต่ปี 2017 ว่าเขาใช้ Android เป็นหลัก ล่าสุดเมื่อคืนนี้เขาให้สัมภาษณ์กับนักข่าว Andrew Ross Sorkin บน Clubhouse (ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีบน Android) ในหลายประเด็น แต่ก็มีแตะถึงเรื่อง Android ด้วย
เกตส์บอกว่าเขามีทั้ง Android และ iPhone เพราะอยากลองใช้ทุกอย่าง แต่มือถือเครื่องที่เขาเลือกพกติดตัวเป็น Android ด้วยเหตุผลว่า Android บางยี่ห้อพรีโหลดแอพของไมโครซอฟท์ ทำให้เขาทำงานง่าย และ Android เป็นระบบปฏิบัติการที่ยืดหยุ่นกว่า
อย่างไรก็ตาม เกตส์ก็บอกว่าเพื่อนของเขาจำนวนมากใช้ iPhone ดังนั้นเรื่องนี้ไม่มีผิดถูก และไม่ใช่เรื่องศาสนาแต่อย่างใด
สหรัฐอเมริกาเริ่มฉีดวัคซีน COVID-19 ให้ประชาชนในประเทศตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 2020 ขณะนี้ผ่านมาเดือนกว่าแล้วฉีดไปได้เกือบ 20 ล้านเข็ม มีประชาชนราว 4.9% ที่ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม
ล่าสุด Bill Gates ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft ทวีตว่าเขาได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว เนื่องจากเขามีอายุ 65 ปี เข้าเกณฑ์ Phase 1B tier 1 ของรัฐวอชิงตันที่จะฉีดวัคซีนให้ผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่อายุ 50 ปีหากอยู่ในบ้านที่มีคนหลายช่วงอายุ
William H. Gates Sr. (หรือเรียกสั้นๆ Bill Gates Sr.) พ่อของบิล เกตส์ เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 94 ปี
Bill Gates Sr. ไม่ได้เป็นเพียงแค่พ่อของมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก เพราะมีบทบาทในมูลนิธิ Bill and Melinda Gates Foundation ของลูกชาย และองค์กรการกุศลอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก
บิล เกตส์ เล่าว่าปรึกษาพ่อเสมอในเรื่องธุรกิจ โดยเฉพาะประเด็นกฎหมายเนื่องจากพ่อเป็นทนายความ ซึ่งพ่อของเขาก็ยังให้คำปรึกษาแบบเดียวกันกับ Howard Schultz อดีตซีอีโอของ Starbucks ด้วยเช่นกัน
ในบทสัมภาษณ์ของ Bill Gates กับนิตยสาร Wired มีประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ COVID-19 หลายอย่าง สิ่งที่น่าสนใจคือคำพยากรณ์ของเขาว่า โลกจะสามารถจัดการกับปัญหา COVID-19 ภายในปี 2022 และถ้าเป็นประเทศที่ร่ำรวย ก็จะแก้ปัญหาได้ภายในปี 2021
เหตุผลของ Gates คือเขาเห็นอัตราการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นด้านการตรวจคนเป็นจำนวนมากๆ (diagnosis) การรักษา (therapeutics) หรือการคิดค้นวัคซีน ที่น่าประทับใจมาก อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจจะรุนแรงยาวนานกว่านั้น และต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าเศรษฐกิจจะกลับมาสู่ระดับช่วงต้นปี 2020
Bill Gates ให้สัมภาษณ์กับ Wired ในหลายประเด็น หนึ่งในนั้นคือเรื่องไมโครซอฟท์เจรจาซื้อ TikTok ที่เป็นประเด็นร้อนอยู่ในตอนนี้
ตอนนี้ สถานะของ Gates ไม่ได้เป็นบอร์ดของไมโครซอฟท์แล้ว (ลาออกเมื่อเดือนมีนาคม 2020) แต่ยังเหลือตำแหน่งที่ปรึกษาทางเทคโนโลยี (Technology Advisor) อยู่
Gates เตือนการซื้อ TikTok ว่าเปรียบเสมือน "ถ้วยยาพิษ" (poison chalice) เพราะการเป็นเจ้าของโซเชียลเน็ตเวิร์คในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งมี Donald Trump เข้ามาเกี่ยวข้องทำให้การเจรจาครั้งนี้มีความแปลกประหลาด (strange) เป็นอย่างมาก ไมโครซอฟท์จำเป็นต้องตระหนักถึงปัจจัยเหล่านี้ด้วย
ที่ผ่านมาเราเห็นแต่ข่าวปลอมทฤษฎีสมคบคิดในยุโรปว่าเสา 5G เป็นสื่อกลางกระจาย COVID-19 อย่างในอังกฤษและเนเธอร์แลนด์
ทว่าข้อมูลล่าสุดที่ The New York Times รายงานอ้างอิงข้อมูลที่บริษัทวิจัยสื่อ Zignal Labs รวบรวมซึ่งชี้ว่า Bill Gates กลายเป็นเหยื่อเบอร์ 1 ของทฤษฎีสมคบคิดแซงหน้ากรณีของเสา 5G โดยโจมตีว่าผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์เป็นต้นตอและเป็นคนปล่อยเชื้อโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 จากจำนวนเฟซบุ๊กโพสต์กว่า 16,000 โพสต์, ได้ไลค์และคอมเมนท์ 900,000 ครั้งและคลิป YouTube 10 อันดับแรกที่ปล่อยข่าวปลอมเกี่ยวกับ Gates มียอดวิวรวมกันกว่า 5 ล้านครั้ง
ไมโครซอฟท์ประกาศการเปลี่ยนแปลงในบอร์ดบริหารของบริษัทวันนี้ โดย บิลล์ เกตส์ ผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอไมโครซอฟท์ ได้ลาออกจากเป็นกรรมการบอร์ดบริหาร เพื่อจะใช้เวลามากขึ้นกับงานการกุศลของมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ (Bill & Melinda Gates Foundation) ที่สนับสนุนโครงการด้านสุขภาพ, การศึกษา และภาวะโลกร้อน
ทั้งนี้ บิลล์ เกตส์ ยังมีอีกตำแหน่งเดียวที่เหลือในไมโครซอฟท์ คือการเป็นผู้ให้คำแนะนำด้านเทคโนโลยี (Technology Advisor) โดยตรงกับซีอีโอ Satya Nadella และผู้บริหารระดับสูงคนอื่น
มูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ (Bill & Melinda Gates Foundation) ประกาศทุ่มงบประมาณสูงสุด 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อใช้แก้ปัญหาไวรัสโคโรนาปี 2019 (2019-nCoV) โดยงบประมาณก้อนนี้จะนำไปใช้ใน 3 ด้านคือ ตรวจจับ (detection) กักกัน (isolation) รักษา (treatment)
ก่อนหน้านี้มูลนิธิฯ เคยประกาศงบประมาณ 10 ล้านดอลลาร์ไปแล้ว แต่ล่าสุดเพิ่มเป็น 100 ล้านดอลลาร์ ตามขนาดของปัญหาที่ใหญ่ขึ้น แบ่งออกเป็น 3 ส่วนดังนี้
เงินก้อนแรก 20 ล้านดอลลาร์ จะถูกนำมาใช้แก้ปัญหาในประเทศที่พบผู้ป่วยแล้ว โดยใช้ผ่านองค์กรระดับนานาชาติอย่าง WHO, องค์กรระดับชาติ CDC ของสหรัฐอเมริกาหรือจีน เพื่อให้องค์กรเหล่านี้ทำงานได้เต็มศักยภาพมากขึ้น มีเงินไปจ่ายค่าบุคลากรและอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้งาน
เมื่อปี 2015 บิลล์ เกตส์ ไปบรรยายในงาน TED หัวข้อ "The next outbreak? We're not ready" โดยระบุว่าที่ผ่านมามีการเตรียมพร้อมรับสงคราม แต่ที่จริงแล้วความเสี่ยงสูงสุดของมนุษชาติกลับเป็นโรคระบาดที่อาจคร่าชีวิตเหยื่อได้นับล้าน
เขาเตือนว่าตอนนี้เราไม่มีระบบรองรับโรคระบาด โดยกระบวนการส่งต่อข้อมูลยังล่าช้าและขาดความแม่นยำ ไม่มีกำลังคนที่เตรียมพร้อม แม้จะมีองค์การอนามัยโลกก็ทำได้เพียงตรวจตราว่าเกิดโรคระบาดขึ้นหรือไม่ แต่ไม่มีโครงสร้างรับมือที่พร้อม และเหตุการณ์ที่ผ่านมาอย่างโรคอีโบล่านั้นการระบาดไม่หนักมากเพราะตัวโรคทำให้ผู้ป่วยล้มป่วยหนักได้รวดเร็ว และโรคไม่แพร่เข้าเมืองใหญ่ แต่ครั้งต่อๆ ไปหากโรคติดไปกับคนเดินทางทางเครื่องบินก็จะพาโรคไปได้กว้างขวาง
เป็นที่ทราบกันว่าไมโครซอฟท์พ่ายแพ้ในสงครามสมาร์ทโฟนจากความล้มเหลวของ WIndows Mobile ตามด้วย Windows Phone โดย Bill Gates ได้ออกมาแสดงความเห็นเรื่องนี้ในงาน DealBook Conference ของ NYTimes ว่าต้นเหตุส่วนหนึ่งมาจากคดีความที่ไมโครซอฟท์ถูกกระทรวงยุติธรรมดำเนินคดีเรื่องผูกขาด
Gates ยอมรับว่าตัวเขาและบริษัทเสียสมาธิและโฟกัสไปกับคดีความเสียเยอะ เขาเล่าว่าไมโครซอฟท์ช้าไปเพียง 3 เดือนในโอกาสที่จะเปิดตัว Windows Mobile บนมือถือ Motorola และตลาดนี้ก็เป็นตลาดที่ผู้ชนะกินรวบ ไม่เช่นนั้นทุกวันนี้คนส่วนใหญ่คงใช้งาน Windows Mobile แทนที่จะเป็น Android ไปแล้ว
เมื่อวานนี้ Amazon ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจากสหรัฐอเมริกาได้แถลงผลประกอบการที่กำไรลดลงเป็นครั้งแรกในรอบสองปี ทำให้หุ้นของ Amazon ตกลงร่วม 4% เหลือ 1,712 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อเช้าวันศุกร์ที่นิวยอร์ก
ราคาหุ้นที่ลดลงดังกล่าวส่งผลให้ Jeff Bezos ผู้ก่อตั้งและซีอีโอมีทรัพย์สินลดลงตาม เหลือราว 107,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ น้อยกว่าทรัพย์สินของ Bill Gates ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์อยู่ราว 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามดัชนีของ Bloomberg แต่ขณะที่เขียนข่าวอยู่นี้ยังต้องรอตลาดปิดในวันศุกร์ก่อนจึงจะทราบอันดับที่แน่ชัด
Netflix ปล่อยตัวอย่างสารคดีเกี่ยวกับ บิล เกตส์ ชื่อ Inside Bill’s Brain: Decoding Bill Gates ตัวสารคดีมี 3 ตอน เล่าเรื่องอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของเขา
จากตัวอย่างสารคดี เราเห็นภาพการทำงานของ เกสต์ ความสำเร็จของไมโครซอฟท์ มีการสัมภาษณ์จากคนรอบข้างเขา รวมทั้งตัวเขาเองด้วย รวมถึงสิ่งที่ เกตส์ กำลังโฟกัสอยู่ตอนนี้คือเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ
ตัวสารคดีลงฉาย Netflix 20 กันยายนนี้
Bill Gates ไปขี้นเวทีสัมมนาของบริษัทลงทุน Village Global พูดถึงความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดของเขา
คำตอบของ Gates คือการที่ไมโครซอฟท์มองตลาดสมาร์ทโฟนพลาดไป กลับปล่อยให้ Android เติบโตจนกลายเป็นแพลตฟอร์มสมาร์ทโฟนมาตรฐานของโลก (ที่ไม่ใช่สมาร์ทโฟนแอปเปิล) ตรงนี้เป็นสิ่งที่ไมโครซอฟท์ควรทำได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
Gates บอกว่าโลกไอทีเป็นตลาดของผู้ชนะกินรวบ (winner take all) ต่อให้ไมโครซอฟท์สร้างแพลตฟอร์มที่มีแอพ 90% ของ Android ก็จะแพ้อยู่ดี เพราะมีที่ว่างให้ระบบปฏิบัติการที่ไม่ใช่ของแอปเปิลเพียงตัวเดียวเท่านั้น ความผิดพลาดครั้งนี้ทำให้ตลาดมูลค่า 4 แสนล้านดอลลาร์ กลายเป็นของกูเกิลแทนที่จะเป็นของไมโครซอฟท์
Bill Gates ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ ปกติจะมีเขียนบล็อกแนะนำหนังสือน่าสนใจที่เขาได้อ่านช่วงที่ผ่านมา (อ่าน: หนังสือ 5 เล่มที่อยากให้อ่านช่วงซัมเมอร์นี้ แนะนำโดย Bill Gates
) แต่ในบล็อกล่าสุดนั้น เขาแนะนำซีรี่ส์ที่ควรได้ชมซึ่งก็คือ Silicon Valley ซีรี่ส์ตลกของ HBO
ข่าวการเสียชีวิตของพอล อัลเลน (Paul Allen) ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ ส่งผลให้ผู้บริหารระดับสูงของวงการไอทีออกมาแสดงความเสียใจ แต่คงไม่มีใครสำคัญไปกว่า บิล เกตส์ เพื่อนคู่หูผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทมาด้วยกัน
เกตส์เขียนรำลึกถึงอัลเลนในบล็อกส่วนตัวของเขา โดยเล่าความหลังว่าเขารู้จักอัลเลนตั้งแต่เรียนเกรด 7 ซึ่งอัลเลนแก่กว่าเขาสองปี และเป็นอัจฉริยะด้านคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่ตอนนั้น ทำให้ทั้งสองคนสนิทกันอย่างรวดเร็ว และใช้เวลาด้วยกันเสมอ
อัลเลนมองเห็นภาพอนาคตที่คอมพิวเตอร์จะมาเปลี่ยนแปลงโลกตั้งแต่สมัยเรียนไฮสคูล และเป็นไอเดียตั้งต้นของไมโครซอฟท์ในเวลาต่อมา
Likewise สตาร์ทอัพที่พัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับแนะนำเนื้อหาต่าง ๆ บนโลกโซเชียล ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการวันนี้ ซึ่งแม้ฟังคุณสมบัติอาจจะเฉย ๆ แต่ที่สตาร์ทอัพนี้ดูน่าสนใจขึ้นมาทันที ก็เพราะผู้ลงทุนคือ Bill Gates ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์
โดย Likewise มีซีอีโอคือ Larry Cohen อดีตผู้บริหารระดับสูงของไมโครซอฟท์ ที่ตอนนี้เป็นซีอีโอให้สำนักงานส่วนตัวของ Bill Gates โดยแพลตฟอร์มนี้สร้างขึ้นบนแนวคิด ช่วยให้ผู้คนค้นพบสิ่งใหม่ที่น่าสนใจได้ง่ายขึ้น รวมทั้งสามารถแชร์เนื้อหานี้ให้กับเพื่อนได้