เราทุกคนคงชินกับบัตรเครดิตหรือบัตร ATM ที่มีแถบแม่เหล็กอยู่ด้านหลังแล้วใช้ข้อมูลในบัตรนั้นเพื่อจ่ายเงิน ปัญหาสำคัญของบัตร ATM แบบเก่านั้นคือมันไม่มีกระบวนการป้องกันใดๆ ทำให้การปลอมแปลงบัตรหรือการทำสำเนาทำได้ง่ายมาก ในช่วงหลังมานี้การใช้สมาร์ตการ์ดเพื่อเพิ่มความปลอดภัยถูกใช้อย่างเต็มที่แล้วในสหราชอาญาจักรและช่วยลดปัญหาธุรกรรมปลอมไปได้มาก จนถึงตอนนี้ทางมาสเตอร์การ์ดก็ออกมาประกาศแผนการเลิกใช้บัตรแม่เหล็กไปใช้บัตรสมาร์ตการ์ดทั้งหมดแล้ว
มาสเตอร์การ์ดประกาศว่าบัตรทั้งหมดจะเปลี่ยนไปใช้บัตรแบบ EMV ซึ่งเป็นมาตรฐานบัตรสำหรับการจ่ายเงินที่ใช้กันหลายธนาคาร หรือบัตร M/Chip ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของทางมาสเตอร์การ์ดเอง
กำหนดการเปลี่ยนแปลงนี้จะเริ่มด้วยการเปลี่ยนเครื่องอ่านทั้งหมดให้เป็นเครื่องอ่านสมาร์ตการ์ดในเดือนเมษายน 2013 ส่วนกระบวนการเปลี่ยนตัวบัตรนั้นยังไม่มีช่วงเวลาชัดเจนว่าจะมีการเปลี่ยนอย่างไร แต่ธนาคารจำนวนมากก็ออกบัตรเป็นแบบแถบแม่เหล็กและสมาร์ตการ์ดไปพร้อมๆ กันอยู่แล้วทำให้หลังจากเครื่องอ่านทั้งหมดถูกเปลี่ยนแล้วการใช้งานจริงคงเป็นสมาร์ตการ์ดทั้งหมดไปเอง
บัตร EMV มีกระบวนการป้องกันต่อการปลอมแปลงด้วยการยืนยันบัตรแบบ public-key infrastructure (PKI) ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ และการรายงานบัตรหายจะทำให้การยกเลิกบัตรได้รวดเร็ว รวมถึงมีกระบวนการจ่ายเงินจากในตัวบัตรที่ไม่ต้องการการออนไลน์หากความเสี่ยงอยู่ในระดับยอมรับได้
ที่มา - MasterCard
Comments
แบบนี้น่าจะดีกว่าน่ะครับ อย่างน้อยก็ไม่มีปัญหา แถบแม่เหล็กเสีย
ผมใช้บัตร ATM แบบ chip EMV มานานแล้วครับ บัตร be1st ของ แบ้งกรุงเทพ
อยากบอกว่ามันค่อนข้างปลอดภัย เพราะ
1 แอบอ่านข้อมมูลจากแถบแม่เหล็กไม่ได้ ข้อมูลอยู่บนชิพ
2 การเข้ารหัสของมันเวลาใช้ ต้องเสียเวลาเล็กน้อยในการอ่านบัตร...ทำให้พวกที่แอบอ่านจากแถบแม่เหล็กทำไม่ได้
ทั้งสองอย่างทำให้ค่อนข้างปลอดภัยว่าจะไม่โดนแอบอ่านแถบข้อมูลแล้วไป write กับบัตรเปล่าได้
แต่ ปัญหา อย่างเดียวที่ผมเจอคือ
ต้องใช้ตู้กด ของ กรุงเทพเท่านั้น และต้องมีตรา smart ด้วย (ส่วนใหญ่ก็มี) ลำบากเวลาจะกดตัง ... แต่ถ้าจ่ายบัตร เดบิตก็ยังสะดวกเพราะเครื่องอ่านอ่านได้จากชิพ
ตอนถูกบังคับทำบัตร จนท บอกว่า ธ เริ่มจะเปลี่ยน มาใช้เทคโนโลยีนี้กันแล้ว ใครใช้เราก็สามารถกดต่างตู้ได้...(แต่ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นมีธ ใหนมาทำระบบนี้กันเลย งือๆ)
ผมกำลังสงสัยเลยว่าทำไมบัตร ATM ไม่เอาบ้าง ถือเป็นข่าวดีนิด ๆ ที่ในไทยมีเริ่มใช้ และเป็นข่าวร้ายอีกนิดที่ในไทยเพิ่งใช้เจ้าเดียวครับ
ปัญหาคือต้องอัพเกรดหรือเปลี่ยนตู้ ATM ทั้งหมดครับ ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่
ไหนๆหลายตู้โดนน้ำท่วมไป น่าจะเป็นเวลาดีในการเปลี่ยนนะครับ
ผมอยู่ที่แจ้งวัฒนะ ช่วงก่อนน้ำจะมาเขาเอาอุปกรณ์ที่อยู่ในตู้ออกไปหมดครับ + ปิดเทปไว้ที่หน้าตู้ด้วย
เค้าเปลี่ยนกันเกือบหมดแล้วน่ะสิครับ
1 ต้องเปลี่ยนตู้ ....มีค่าใช้จ่าย Hardware Software System License
2 ต้องเปลี่ยนบัตร ... มีค่าใช้จ่าย
3 ถ้ายังไม่แพร่หลาย ลูกค้าบ่นแน่ๆ (แต่ผมชินแล้ว)
ผมเกือบเปลี่ยนเป็นแบบติดชิปละ พอพนักงานบอกกด ATM ได้เฉพาะตู้กรุงเทพ ไม่เอาทันทีเลย เอา be1st ธรรมดาๆ ดีกว่า สถานที่ๆ ที่ผมชอบไปๆ มามันไม่มีตู้กรุงเทพสักตู้เลย
เพื่อนผมก็ใช้ เวลาตังหมดทีต้องยืมคนอื่นตลอด เพราะหาตู้กดไม่ได้
บัตร Mastercard ผมชิปเสียตลอด เป็นบัตรที่มีปัญหาในการรูดมากสุด
เมื่อไหร่ในไทยจะบูมบ้างครับบัตร สมาร์ตการ์ด!
positivity
เข้าสู่การพัฒนาครั้งใหม่คงในไม่ช้าจะหมดยุคแทบแม่เหล็กแน่ๆ
เดี๋ยวนี้เวลาซื้อของ ผมเห็นเสียบชิปกันทุกที่ละนะ ไม่ค่อยเห็น edc แบบที่มีรูดอย่างเดียวแล้วด้วย
iPAtS
ตอนทำ cer EMV ของ VISA เจอบัตรแต่ 47 ใบ แต่ของ Mastercard นี่แทบหมดสติเลยเจอบัตร test เป็นร้อยใบ ผ่านยากจีิงๆถ้าเขียนโปรแกรมไม่ดี
ขนาดบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ด
ไปติดต่อราชการหรือที่ไหน ๆ
ผมก็ยังต้องถ่ายเอกสารอยู่เลยครับ
555+
ของพวกนี้พูดให้แฟร์ บัตรมันต้องไปก่อนครับเครื่องอ่านถึงจะตามไป และบัตรช่วงแรกก็เป็นบัตรที่มีแถบแม่เหล็กพ่วงไปด้วยอย่างที่ผมบอก มันมีช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของมันจะบอกว่าอยากเลิก xerox แล้วพรุ่งนี้ให้ทุกคนเอาบัตรไปเปลี่ยน ทุกหน่วยราชการซื้อเครื่องอ่าน, พัฒนา app ใหม่ ฯลฯ ในไม่กี่วันมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ตัว Mastercard เองก็ปล่อย EMV ออกมานานมากกว่าจะประกาศแผนการนี้ออกมาได้
คือเล่าเอาขำก็เรื่องนึง แต่ในแง่ของ "ความรู้" ผมมองว่าอ่านข่าวนี้แล้วควรกระตุ้นให้คนไปศึกษาว่ากว่าเขาจะเปลี่ยนเขาเตรียมตัวกันอย่างไร มันใช้เวลานานแค่ไหน และสร้างค่าใช้จ่ายอย่างไร ไม่ใช่ว่าอยากเลิก xerox แล้วก็บ่นไปเรื่อยๆ แบบนั้นมันไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกครับ
lewcpe.com, @wasonliw
เข้าใจครับ แต่การใช้งานเรื่องนี้มันต้องมี cost มากมายและตัวแปรในการเปลี่ยนอีกมากครับ อย่างเช่น ความเห็นบนๆ ของธนาคารกรุงเทพ ก็ยังมี M/Chip มาให้ใช้กันนานมากแล้ว หรือแม้แต่บัตรเครดิตก็ยังถูกผลิตให้ใช้ได้ทั้ง 2 ระบบ ซึ่งก่อนๆ เครื่องอ่านก็ยังมีแต่แบบรูดอย่างเดียว แต่พอเวลาผ่านไปจะเห็นได้ว่าเดี๋ยวนี้การรูดแถบแม่เหล็กเริ่มหมดไปแล้ว ซึ่งต้องใช้เวลาในการปรับปรุง พัฒนา เปลี่ยนแปลงกันไปครับ
ปล. ที่ทำงานผมมีโปรเจคของรัฐบาลที่ใช้การอ่านข้อมูลจากบัตร Smart Card อยู่ในสายการทำงานมาสักพักแล้ว