ถึงแม้จะไม่ได้เป็นข่าวกับโครงการแท็บเล็ตเพื่อการศึกษาของรัฐบาลมากนัก แต่ล่าสุดแอปเปิลประเทศไทย เปิดรับสมัครงานในตำแหน่งเพื่อการศึกษา (Education Manager) พร้อมกันทีเดียวถึง 3 ตำแหน่ง ทั้งที่ ปกติแล้วแอปเปิลประเทศไทยจะรับสมัครงานในตำแหน่งที่เกี่ยวกับการขายสินค้าเป็นหลัก
เมื่อเข้าไปอ่านในเนื้องานที่ต้องทำของทั้ง 3 ตำแหน่งนี้ นอกจากจะต้องดูแลลูกค้าในสถานศึกษาแล้ว ยังจะต้องทำงานเกี่ยวข้องกับทีม iBookstore, App Store และ iTunes Store อีกด้วย โดยควรจะต้องมีประสบการณ์ในแวดวงการศึกษาระดับ K-12 (เทียบได้กับระดับมัธยมปลายในไทย)
โดยตำแหน่งงานล่าสุดที่แอปเปิลประเทศไทยประกาศรับคือ
จุดสังเกตุอีกอย่างหนึ่ง คือตำแหน่งงานที่เปิดรับนี้ ประกาศหลังจากที่แอปเปิลจัดงาน Education Event ในนิวยอร์กเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น
ถึงแม้ประเทศไทยจะไม่ได้เป็นตลาดที่ทำรายได้ในการขายสินค้ามากมายนักเมื่อเทียบกับฮ่องกง, จีน หรือสิงคโปร์ แต่เชื่อว่าเมื่อดูมูลค่าของตลาดการศึกษาเมืองไทยก็คงไม่แพ้ที่ไหนเหมือนกันครับ
ที่มา - Apple Jobs, Apple Education
Comments
ให้ลูกค้าลองใช้สินค้าต้งแต่ยังเล็กๆโตไปก็...
ก็คงคล้ายๆเรียน Windows มาตั้งแต่เล็กๆละมั้ง
+1 ผมว่าคงใช้ยุทธศาสตร์นี้
ทำงานในองค์กรณ์ที่ใช้แต่ Windows อย่างเดียว (เหมือนอย่างที่เป็นอยู่ใน USA มั้ง)
Apple ครองโลก
Manager เยอะจัง
อืม ... รับแต่คนที่เคยอยู่ในแวดวง K-12
ผมเคยอยู่แต่ K9 ซะด้วยสิ ...
ส่วนผม จมูกไว แต่สายตาแย่ครับ :-)
ไปหากระดูกแทะกันเถอะ
ไม่แปลก โรงเรียนเอกชนก็ให้พ่อแม่ซื้อ iPad ให้ลูก อ้างว่าเพื่อการศึกษา พัฒนาการ ฯลฯ
ไม่ซื้อก็ไม่ได้เพราะเพื่อนๆ ลูก มีกันทุกคน ต้องทำการบ้านส่งโดย App ใน iPad
คุณภาคภูมิเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ อีกอย่างนโยบายแบบนี้เริ่มต้นมาจากคุณสตีฟอีกด้วย
โอ้ว จะครองโลกแล้ว MS จะนิ่งเฉยหรือ หุหุ
ใครจะครองโลก? ........ Apple หรือ ไม่มีทาง
Apple มีเงินมากเพียงพอที่จะเข้าซื้อ Google(รวมMoto) Microsoft Nokia Intel AMD ARM Sony Samsung ครับ เท่านี้เรียกว่าครองโลกได้หรือยังครับ รู้อย่างนี้แล้ว หุ้น Apple คือหุ้นที่น่าสนใจที่สุด ณ ตอนนี้ ผลกำไร เป็นที่น่าพึงพอใจ ราคาหุ้นยังจะส่งผลในทางบวกอย่างต่อเนื่อง
ผมว่าถ้าซื้อปุ๊บหุ้นคงร่วงล่ะครับ :-)
ให้รอจนหุ้นสูงขึ้นจนได้กำไรครับ
ไม่ได้มีเงินพอซื้อครับ แค่ market cap มากกว่าตัวอื่นรวมกัน ไม่เกี่ยวกับเงินนะครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ซื้อหุ้นแล้วกลายเป้นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดไงครับ
ก็ยังไม่พออยู่ดีนะ...
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ที่ผมอธิบาย เพื่อให้เห็นภาพว่า บริษัทเหล่านั้น Apple มีสิทธิซื้อได้ทั้งหมด และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดซึ่งมากกว่าหนึ่งบริษัทในนั้น ส่วนถ้าจะเป็นทุกบริษัทที่พูดมาก ก็คงอีกสักพักนึงล่ะครับ อีกไม่นานเกินรอแน่นอน
มูลค่าของ Apple สูงกว่า Microsoft รวม Intel และ อีกกรณีคือ มากกว่า Microsoft รวม Google หมายความว่า Apple สามารถเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในบริษัทเหล่านั้นได้ผ่านตลาดหุ้น ส่วนการซื้อบริษัท มีรายละเอียดปลีกย่อยในเรื่องราคา ซึ่งไม่สามารถกำหนดราคาที่แท้จริงได้ เพราะการพิจารณา ไม่ได้มาจาก การพิจารณามูลค่าในตลาดหุ้นเท่านั้น และ บริษัทเหล่านั้นบางบริษัทมีวัฒนะรรมที่ต่างจาก Apple เยอะมากนัก ยากที่จะรวมกันได้ และ Apple ก็ดูถูก Microsoft Google อีกด้วย ส่วน Intel ไม่ขอออกความเห้น เพราะข้อมูลไม่เพียงพอครับ Apple สามารถซื้อ Intel Arm ในเวลาเดียวกันได้ครับ ถ้า Apple จะทำ
มูลค่า != เงินนะครับ เงินสด + เทียบเท่าเงินสด + ลงทุนระยะสั้นของ Apple อยู่ที่ น้อยกว่า 100 Billion แม้เป็นยอดที่สูงมากแต่ไม่พอซื้อใหญ่ๆ อย่าง Microsoft ซึ่ง market cap อยู่ที่ 267 Billion ณ เวลาที่ผมตอบ MS บริษัทเดียวก็ไม่สามารถซื้อจนมีอำนาจควบคุมได้ คงไม่ได้ขนาดว่าต้องขายสินทรัพย์อย่างอื่นไปซื้อนะครับ และถ้านับตามจริง การจะซื้อจนมีอำนาจควบคุมได้ ต้องซื้อราคาสูงกว่าราคาหุ้นในขณะนั้นอยู่แล้ว ยิ่งไม่พอใหญ่เลย
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ในส่วนที่ว่าเป็นสุดยอดของโลกน่ะมันก็จริงครับ เพียงแต่ว่าคุณพยายามทำให้แอปเปิลดูแล้วไร้เทียมทาน เป็นที่สุดของที่สุด ทำได้ทุกอย่างบนโลก มากเกินไป
ผมเข้าใจคำว่าสาวกเลยจริงๆ แฮะ
เเสดงว่าคุณก็คงเป็นสาวกอีกฝ่ายสินะ ผมก็เข้าใจสาวกทั้งสองฝ่ายเลยจริงๆ
งั้นผมก็ถือว่าตรรกะทุกอย่างของคุณเพี้ยนด้วยได้มั้ยครับ?
อันบนแซวเล่น (แรงๆ) นะครับ
ที่ผมอยากบอกคือ ผมชอบแอปเปิลครับ แล้วผมก็ชอบสตีฟ จ็อบส์ ผมชอบทั้งสองอย่างในสิ่งที่ตัวมันเป็น แต่ผมไม่ได้ชอบมันในแบบที่สาวกพยายามให้เป็น .... ผมเขียนงงมั้ยครับ?
โอเคว่าโปรดักส์ของแอปเปิลดีจริง เยี่ยมจริง แต่มันไม่ได้สามารถสะกดให้ทุกคนบนโลกตะลึงงัน และหยุดอยู่ที่มัน ... อย่างที่สาวกพยายามให้เป็น
ส่วนสตีฟ จ็อบส์ก็มีความสามารถ และมีความมุ่งมั่นในระดับที่สูงมากจนน่ายกย่อง แต่เค้าก็ไม่ได้เป็นพระเจ้า ... อย่างที่สาวกพยายามให้เป็น
จนแล้วจนรอดผมใช้แอนดรอยด์ครับ เพราะผมชอบระบบเปิดมากกว่า
ถามว่าผมเป็นสาวกแอนดรอยด์มั้ย? ไปรื้อความเห็นเก่าๆ ผมดูดีกว่าครับ ว่าผมบ่นแอนดรอยด์เยอะขนาดไหน
อ้อ ... สิ่งที่แซวไว้ข้างต้นที่อยากบอกคือ ถ้าผมบอกว่าผมไม่ใช่เสื้อแดง นั่นไม่ได้แปลว่าผมต้องเป็นเสื้อเหลืองครับ
ถ้าไม่เชื่อก็ดูเสื้อที่ผมใส่วันนี้ครับ แล้วจะรู้ว่าผมอยู่ฝ่ายไหน ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ทุกอย่างมีขึ้นก็ต้องมีลงครับ
ผมเคยกล่าวถึงประเด็นนี้ไปในไม่กี่สัปดาห์ที่แล้ว ตอนนั้นหุ้นมีราคาอยู่ที่ 500$ หลายคนบอกว่ามันมีความเสี่ยงมาก เพราะหุ้นอาจลง เพราะมันอยู่ในที่สูง แต่จากประสบการณ์ทางด้าน การเงินและ IT ส่วนบุคคล ผมเชื่อว่ามันจะยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงงานเปิดตัว iPad iPhone ตัวใหม่ และ WWDC ณ ตอนนี้ หุ้นมีราคาอยู่ที่ 525$ ผมแนะนำว่าให้เอาเงินของบริษัทถ้าคุณเป็นผู้ก่อตั้งหรือผู้ร่วมก่อตั้งหรือผู้มีอำนาจทางการเงิน หรือใช้เงินส่วนบุคคล ไปซื้อหุ้นของ Apple เพราะจะสูงกว่านี้อย่างแน่นอนเลยทีเดียว แล้วสิ้นปีจะเทขายค่อยว่ากันอีกทีครับ
ไตรมาสที่ 1 นี้แอปเปิลมีรายได้สุทธิสูงถึง 46.33 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีกำไรสุทธิ 13.06 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นถึง 74.49% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้วที่มีราย 26.74 พันล้านเหรียญสหรัฐและมีการปันผลแบบ diluted share สูงถึง 13.87 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น ซึ่งมากกว่าไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้วที่มีการปันผลแบบ diluted share เป็นเงิน 6.43 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นกว่า 215% โดยในไตรมาสนี้มีรายได้ (Gross margin) เพิ่มขึ้น 44.7% ในขณะที่ไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้วมีรายได้เพิ่มขึ้น 38.5%
iPhone ขายได้ 37.04 ล้านเครื่อง (ไตรมาสก่อน 17.07 ล้านเครื่อง)
iPad ขายได้ 15.43 ล้านเครื่อง (ไตรมาสก่อน 11.1 ล้านเครื่อง)
iPod ขายได้ 15.4 ล้านเครื่อง (เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 6.62 ล้านเครื่อง แต่น้อยลงเมื่อเทียบกับปีก่อน กว่าครึ่งเป็น iPod Touch)
รวมแล้วมีอุปกรณ์ iOS ที่ขายได้ในไตรมาสนี้ 62 ล้านเครื่อง
Mac โตขึ้นเล็กน้อย ขายได้ 5.2 ล้านเครื่อง (ไตรมาสก่อน 4.89 ล้านเครื่อง)
รายได้ 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาจาก iTunes Store แค่วันคริสต์มาสวันเดียวก็ปาเข้าไป 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แล้ว
iBooks Author ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน มีผู้ดาวน์โหลดไปแล้วมากกว่า 600,000 ครั้ง
ผู้ใช้ iCloud ทะลุ 85 ล้านคนแล้ว
นักพัฒนาได้เงินจากการขายแอพไปมากกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
มีผู้มาใช้บริการ Apple Store ประมาณสัปดาห์ละ 22,000 คน ต่อสาขา
ฝั่งแท็บเล็ต iPad นำคู่แข่งอยู่มาก มีแอพฯ กว่า 70,000 แอพ ในขณะที่คู่แข่งยังหลักร้อย
Apple TV ทำได้ดี จนถึงตอนนี้ขายไปได้ 104 ล้านเครื่องแล้ว
การลงทุนมีความเสี่ยง!!! หุ้นยังไงก็คือหุ้นครับ อย่าไปมั่นใจมันมาก แป้กกันมาเยอะแล้ว...หุหุ
เห็นด้วย
ยิ่งมีความคาดหวังเยอะก็ยิ่งเสี่ยง
ทำได้ดีก็ ไม่ได้อะไรมาก เพราะคนคาดกันไว้แล้ว
แต่ถ้าพลาดนี่ ราคาของความคาดหวังมันจะพังราคาหุ้น
ราคาอาจจะขึ้นไปเรื่อยๆได้ แต่ก็เสี่ยงเยอะ
+1 อาจจะใช่ตอนนี้ แต่อนาคตเป็นสิ่งไม่เที่ยง โดยเฉพาะการลงทุน
ผมคงปล่อยหุ้นแอปเปิลภายในอีก 7-8 เดือนแน่นอน
@TonsTweetings
มีทางครับ ดูต่อไป อย่าเอาความคิดตัวเองตัดสิน