คราวก่อน เราได้บอกว่าจะเข้าไปสัมภาษณ์ผู้บริหาร RS Digital ซึ่งมีบริการขายเพลงออนไลน์ Mixiclub ซึ่งผมกับลิ่วก็ได้ไปสัมภาษณ์กันมาเรียบร้อย และรู้สึกประทับใจในความรอบรู้ของผู้บริหารท่านนี้จริงๆ (แบบว่าถามเรื่องอะไรในวงการ Digital Content Distribution ตอบได้หมด รู้เยอะจนน่าตกใจ)
และนี่เป็นบทสัมภาษณ์คุณวรพจน์ นิ่มวิจิตร Senior Vice President ของ RS Digital และถือเป็นบทสัมภาษณ์อันแรกของ Blognone ที่ใช้วิธีสัมภาษณ์จากตัวจริงด้วย (ไม่ใช่ถาม-ตอบออนไลน์ตามปกติ) เชิญอ่านกันได้เลย
อยากให้แนะนำข้อมูลทั่วไปของ RS Digital ว่ามีผลิตภัณฑ์อะไรบ้าง กลุ่มเป้าหมายเป็นใคร
RS Digital ให้บริการบน 2 แพลตฟอร์มหลักๆ คือบนมือถือกับบนอินเทอร์เน็ต สำหรับบนมือถือก็มีตั้งแต่ริงโทน วอลล์เปเปอร์ ไล่มาจนถึงเพลงและวิดีโอแบบเต็มเพลง โดยเราปรับแต่งให้มีขนาดเล็กเหมาะแก่การดาวน์โหลดบนมือถือปัจจุบันที่ยังไม่ถึง 3G เพลงมีขนาดประมาณ 800KB-1MB ส่วนวิดีโอก็ระหว่าง 2-5MB เราเรียกชื่อว่า Mobiclub
ส่วนบนอินเทอร์เน็ตก็คล้ายๆ กันชื่อว่า Mixiclub บริการดาวน์โหลดเพลงและวิดีโอ แต่ไฟล์มีขนาดใหญ่กว่า ฟอร์แมตเป็น MP3 และ WMV ไฟล์วิดีโอประมาณ 20MB ไฟล์เพลงประมาณ 4MB และทั้งหมดไม่มี DRM
ความนิยมของ ADSL เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เปิด Mixiclub หรือเปล่าครับ
ก็เป็นปัจจัยส่วนหนึ่งครับ แต่ปัจจัยสำคัญคือจำนวนของคนใช้เครื่องเล่น MP3 (note: ความหมายในภาษาอังกฤษจริงๆ ต้องเรียกว่า portable music player แต่ขอเรียกเป็นภาษาพูด) โดยกลุ่มใหญ่ที่สุดจะเป็นเครื่องเล่นจากเมืองจีน ช่วงที่เราเปิด Mixi มีเครื่องเล่น MP3 อยู่ในตลาดประมาณ 4 ล้านเครื่อง ตอนนี้ก็น่าจะประมาณ 5 ล้านเครื่องได้แล้วครับ ผ่านมา 2 ปีแล้ว
แต่จริงๆ แล้วยอดขายของเครื่องเล่น MP3 ไม่ค่อยดีนัก เพราะว่าโทรศัพท์มือถือตระกูล music phone เข้ามาแข่ง ความจุในการเก็บไฟล์มีมากขึ้น และมีข้อดีตรงที่เข้าถึงช่องทางการดาวน์โหลดได้โดยไม่ต้องผ่านโน้ตบุ๊คหรือพีซี
ตลาดตอนนี้เลยเปลี่ยนจากเครื่องเล่น MP3 มาเป็นเครื่องเล่นที่คนไทยเรียกว่า MP4 (Portable Multimedia Player) ซึ่งราคาลดลงมาเหลือ 5-6 พันบาท หรือถ้ามีแบรนด์หน่อยก็อาจจะ 7-8 พันบาท ตัวนี้ค่อนข้างแรงเพราะว่ามีจอสี และขนาดหน้าจอค่อนข้างใหญ่ ตั้งแต่ 2.5-5 นิ้ว ถ้าดีหน่อยอาจไปถึง 7 นิ้ว เรื่องขนาดของจอเป็นจุดที่มือถือยังตามไม่ทัน ดังนั้นถ้าต้องการดูหนังทั้งเรื่อง ดูผ่านมือถือตอนนี้คงไม่ไหว ทางออกก็คือเครื่องเล่น MP4 แบบนี้
เห็นบนหน้าเว็บมีแนะนำเครื่องเล่น MP3 ด้วย มีขายเครื่องด้วยหรือเปล่าครับ
ไม่มีครับ เป็นบริการเสริมที่เราแนะนำให้กับลูกค้าเฉยๆ เพราะมีคำถามจากลูกค้าเข้ามาบ่อยว่าอยากให้แนะนำเครื่องเล่น หรือวิธีการใช้งาน วิธีแก้ปัญหา เราก็เลยมีรีวิวบ้างในเรื่องการใช้งาน
มีผู้อ่านของเราฝากถามมาว่า ชื่อ Mixiclub นี่มาได้ยังไง
มาจากพฤติกรรมการฟังเพลงของผู้บริโภค คือคุณสามารถดาวน์โหลดเพลงหนึ่งเพลงจากอัลบั้มแต่ละชุดมาผสมกัน จัดเพลงที่เราอยากฟัง อันนี้เป็นจุดแข็งที่ได้อยู่แล้วจากการฟังเพลงระบบดิจิทัล ชื่อนี้ไม่เกี่ยวกับเว็บ Mixi ของต่างประเทศ
เห็นมี Maniclub ด้วย อันนี้คืออะไรครับ
เป็นเว็บ community สำหรับแฟนเพลง แฟนดารานักร้องของ RS มีอะไรสารพัดให้ทำ
เข้าเรื่อง DRM ละกันนะครับ ทำไมถึงไม่ใส่ DRM ทราบมาว่าช่วงแรกเคยใส่
เมื่อเราเปิดเว็บตั้งแต่ 2 ปีที่แล้วเรามี DRM เพราะตอนนั้นแนวคิดไร้ DRM ยังไม่ค่อยแพร่หลายนักแม้ว่าจะเป็นที่ต่างประเทศก็ตาม เราเลือกเทคโนโลยีของ Windows Media ซึ่งใช้ได้บนพีซีทุกเครื่อง แต่ก็มีจุดอ่อนตรงไม่สนับสนุนแมค และรวมไปถึง iPod ด้วย จริงๆ แล้วบน iTunes สามารถแปลงไฟล์ของ Windows Media ไปเป็น AAC ได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้อง WMA นั้นต้องไม่มี DRM ไม่งั้นไม่รู้จัก ในทางกลับกัน DRM ของแอปเปิลที่ชื่อ FairPlay ก็ไม่อนุญาตให้ third party นำมาใช้งานได้เอง
พอเราเลือกเทคโนโลยีของ Windows Media แล้ว เครื่องเล่นที่สนับสนุนก็มีของ Creative, Samsung และ iRiver เป็นสามยี่ห้อหลัก เราอนุญาตให้ถ่ายไฟล์เพลงไปใช้ได้ 3 เครื่อง ซึ่งลูกค้าก็แฮปปี้ดี
แล้วอะไรเป็นจุดที่ตัดสินใจเปลี่ยนละครับ
เราเห็นว่าเครื่องที่มีในตลาดกว่า 80% เป็นเครื่องจากเมืองจีนที่ไม่สนับสนุน DRM คือเล่น WMA ปกติได้ แต่ถ้ามี DRM จะไม่สามารถเล่นได้ ส่วน iPod มีส่วนแบ่งประมาณ 10% ก็เล่นไม่ได้อีกเหมือนกัน ถึงแม้ตลาดโดยรวมจะโตขึ้น แต่เครื่องที่ใช้ DRM แบบ Windows Media กลับโตไม่มากนัก เราเลยเปลี่ยนเป็น MP3 ธรรมดา ไม่มี DRM จะดีกว่า
แอปเปิลเองก็เจอปัญหานี้ ยอดขายเพลงจาก iTunes ก็เคยตกลง 70-80% เพราะลูกค้าเริ่มรู้ว่าเพลงที่ซื้อไปใช้กับระบบอื่นไม่ได้เพราะติด FairPlay เราจึงเห็นสตีฟ จ็อบส์ออกมาเรียกร้องให้ค่ายเพลงปลด DRM เพราะเจ้าของสิทธิ์ไม่ใช่แอปเปิล
ผมมองว่าการออกมาเคลื่อนไหวของจ็อบส์ในครั้งนั้นฉลาดมาก เพราะแอปเปิลแทบไม่เสียอะไรเลย ปัจจุบันนี้ iPod เป็นเครื่องเล่น Portable Multimedia Player ที่มีหน้าจอเล็กที่สุดในตลอด ถ้าแอปเปิลไม่ยอมเปลี่ยนตัวเองก็อาจจะเสียตลาดตรงนี้ไปได้ และถ้าปลดล็อก DRM ของ iTunes Store แอปเปิลก็ไม่เสียอะไร จะมีแต่ขายได้เพิ่มด้วยซ้ำ เพราะจุดขายของ iTunes/iPod เรื่องความง่ายในการใช้งาน ความง่ายในการซื้อเพลง นั้นแข็งแกร่งหาคนมาสู้ได้ยากอยู่แล้ว
เปลี่ยนมาแล้วมีผลต่อยอดขายขนาดไหนครับ
ยอดขายดีขึ้น 30%
พอปลด DRM แล้วไม่ห่วงเรื่องคนซื้อไปจะก็อปแจกเหรอครับ
การก็อปแจกไม่ใช่ประเด็นที่น่ากลัว ถึงแม้เราไม่ขาย เค้าก็ก็อปแจกกันอยู่แล้ว ประเด็นสำคัญคือทำอย่างไรเราจะให้ข้อเสนอที่ดึงดูดกลุ่มคนที่ต้องรอเพื่อนก็อปมาให้ หรือรอซื้อของก็อป ว่าเค้ามาซื้อตรงนี้ดีกว่าไหม
การก็อปปี้ซีดี ใช้ของเถื่อนก็เป็นนิสัยที่เรารู้กันอยู่แล้วว่าไม่ดี ณ วันนี้เนี่ย คุณเป็นผู้บริโภค คุณบอกว่าคุณก็อปปี้แล้วดี แต่บางทีโชคชะตาก็เล่นตลกกับคุณ ถ้าคุณกลายมาเป็นนักร้องหรือผู้ผลิตงานเองล่ะ งานของคุณก็จะถูกก็อปตามไปด้วย
นิสัยพวกนี้เหมือนการลอกข้อสอบ ลอกการบ้าน ถ้าคุณมีปัญหาจริงๆ ในชีวิต มีความจำเป็นบางอย่างให้ทำการบ้านไม่ทัน ลอกเป็นครั้งคราวมันก็อาจพอรับได้ แต่ถ้าบอกว่ามีเพื่อนคนนึงในห้องที่มีอะไรมันก็ลอกเราทั้งปี และมันก็จบมาได้ แถมดีไม่ดีสมัครงานเขาอาจจะได้ตำแหน่งที่ดีกว่าคุณ เงินเดือนมากกว่าคุณ แบบนี้คุณคิดว่ามันแฟร์หรือเปล่า และมันดีกับประเทศหรือเปล่า คุณอยากให้มีคนแบบนี้เยอะๆ ในสังคมหรือเปล่า มันเป็นเรื่องเดียวกัน
ค่ายเพลงทั้งในไทยและต่างประเทศมีแรงต้านแนวคิดไร้ DRM มาก ด้วยเหตุผลเรื่องก็อปแจก ของ RS เองเป็นอย่างไรบ้างครับ
ถึงเราทำแบบมี DRM ยังไงเค้าก็ทำแผ่นผีขายหรือแจกอยู่แล้ว พอเราทำแบบไม่มี DRM เรียกได้ว่าเอาใจคุณด้วยข้อเสนอที่คิดว่าน่าจะยอมรับได้ แต่คุณยังทำแบบนั้นอยู่ ถามว่า RS เสียอะไร ก็ไม่มีอะไรเสียมากขึ้น แต่เราหวังจะได้ใจคุณ หวังจะได้การเข้าถึงที่มากขึ้น เป็นหลักการเดียวกับว่าเราไม่เคยป้องกันซีดีว่าจะเอาไปใช้ที่ไหน เมื่อคุณซื้อซีดีของเราแล้ว มันเป็นสิทธิ์ของคุณอย่างเต็มที่ที่จะเอาไปทำอะไรก็ได้
ถ้าคุณใช้ iPod อยู่แล้วอยากจะดาวน์โหลดเพลงถูกกฎหมาย แต่ใช้ไม่ได้ ต้องไปซื้อ Creative หรือ Samsung มาใช้ ผมว่ามันก็ไม่ใช่นะ ดังนั้นในมุมนึงเราก็สร้างข้อเสนอที่คุณไม่ต้องเปลี่ยน เรายินดีจะเปลี่ยนเอง เอาผู้ใช้เป็นที่ตั้ง เรียกว่าเดินเข้ามาหาซึ่งกันและกัน เราเดินเข้ามาหาลูกค้าแล้ว ขึ้นกับลูกค้าจะเข้ามาหาเราหรือเปล่า
ผมพูดแบบนี้ไม่ใช่เป็นเพราะว่าผมนั่งทำงานอยู่ที่ RS แต่เราต้องพูดตรงๆ ว่ามันเป็นนิสัยที่ขี้โกง ผมไม่เชื่อว่ามีบริษัทหรือองค์กรไหนในโลกอยากได้คนแบบนี้ไปอยู่ในองค์กรเยอะๆ
เรื่องราคา
เราพยายามตั้งราคาที่ลูกค้ายอมรับได้ ดูอย่างของแอปเปิลทำ เพลงไม่มี DRM ราคาเพิ่มขึ้นอีก 30% แถมยังให้อิสระไม่จริงดังที่โฆษณา เพราะแอปเปิลใช้วิธีใส่ชื่อผู้ซื้อฝังลงใน header ของไฟล์ ถ้าผมส่งต่อให้คนอื่น แอปเปิลก็รู้เลยว่ามาจากใคร และตามไปจับถึงบ้านเลย คุณอาจจะเคยได้ยินว่าพวกค่ายเพลงไปไล่จับนักศึกษามหาวิทยาลัยกันอยู่ในช่วงๆ ที่ผ่านมานี้
ของเราไม่มีข้อจำกัดตรงนี้ สรุปว่าเรื่องเอาไปจำหน่ายจ่ายแจก เราไม่ค่อยกลัว
อยากทราบว่าส่วนแบ่งรายได้ระหว่าง Mobiclub กับ Mixiclub ส่วนไหนมากกว่า มากกว่ากันอย่างไร
Mobiclub เยอะกว่าอยู่แล้ว อัตราส่วนประมาณ 90:10 แค่คนใช้มือถือตอนนี้ก็สี่สิบกว่าล้านแล้ว ถ้าเทียบกับคนที่ใช้อินเทอร์เน็ตประมาณสิบล้าน ส่วนใหญ่ก็ใช้ที่โรงเรียนหรือที่ทำงานมากกว่า บ้านที่มีอินเทอร์เน็ตถึงบ้านมีไม่เยอะ น่าจะสัก 2-3 ล้าน และเป็น ADSL แค่ 7-8 แสนเท่านั้น จำนวนมันต่างกันเยอะ
ตอนนี้โอเปอเรเตอร์มือถือบางค่ายเริ่มเอา EDGE เข้ามาแล้ว มีแผนการจะขายเพลงคุณภาพระดับพีซีผ่านมือถือบ้างไหมครับ
สมมติว่าเราจะดาวน์โหลดวิดีโอขนาด 20MB บนมือถือ มันก็พอทำได้ แต่ก็มีปัจจัยเรื่องสภาพเครือข่ายอยู่เยอะ ถ้าเกิดไปดาวน์โหลดแถวมาบุญครอง คนแชร์การใช้งานเยอะๆ มันก็คงจะลำบาก แถมความสำคัญของ data กับ voice อย่างหลังมันเยอะกว่าชัดเจนอยู่แล้ว
เพลงไหนขายดีที่สุดครับ
เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามความนิยม เพลงเก่าที่เคยฮิตก็ขายดี เพราะร้านขายซีดีเก็บสต็อกของลำบาก การหาซีดีเพลงเก่าๆ เลยยากหน่อย แต่พอเป็นร้านออนไลน์แล้วหาอะไรก็มีหมด เพลงเก่าสมัยตั้ง RS ใหม่ๆ อย่างวงคีรีบูน ฟรุตตี้ เก็บตะวัน ก็มีคนมาดาวน์โหลดไปเรื่อยๆ
ใน Mixiclub มีเพลงทั้งหมดที่ RS เคยผลิตมาหรือเปล่าครับ
ถูกครับ จะให้ถูกต้องบอกว่ามากกว่าด้วยซ้ำ เพราะเรามีเวอร์ชันที่เป็น digital exclusive อยู่เยอะเป็นร้อยเพลงได้ คุณไปหาซื้อเป็นซีดีก็ไม่มีขายเพราะมันไม่เคยทำ
มีโครงการจะทำ loseless หรือเปล่า
ต้องรอครับ ข้อสำคัญคือเรื่องความเร็ว เพราะ loseless ขนาดมันใหญ่เหลือเกิน (40-50MB) เอาเป็นว่าอยู่ในความคิดแต่ยังไม่จำเป็น อีกประเด็นคือตัวอุปกรณ์ยังไม่สนับสนุน เรายังไม่มีฟอร์แมตมาตรฐานของ loseless ที่รับประกันว่าเล่นบนอุปกรณ์ได้ทุกเจ้า
ที่อาจจะได้เห็นมากกว่าก็คือการเพิ่มบิตเรต ซึ่งก็ต้องทดลองตลาดกันต่อไป
คิดว่าเราจะได้เห็น iTunes Store Thailand หรือเปล่า
เลิกหวังได้เลย ตอนนี้ iTunes Store เปิดมาแล้วประมาณ 20 ประเทศ มีในเอเชียคือญี่ปุ่นที่เดียว ถามว่าทำไมถึงมีแค่ญี่ปุ่น ก็เพราะว่าแอปเปิลต้องไปไล่คุยกับเจ้าของเพลงทีละเจ้า ซึ่งเทียบกับรายได้ที่แอปเปิลจะได้รับแล้วคุ้มหรือไม่ ประเทศไทยยอดขายแค่นี้คงไม่เข้ามาทำดีกว่า ประเทศในเอเชียประเทศต่อไปที่แอปเปิลจะบุกก็คงเป็นเกาหลี แล้วก็อาจจะเป็นจีนรวม หรืออันเดียวขายรวมสำหรับเอเชียเลย
แล้วถ้าเป็นร้านขายเพลงออนไลน์อื่นๆ อย่างพวก MTV, Rhapsody, Amazon
ค่ายอื่นๆ ยังไม่รุกตลาดนี้หนักเท่าแอปเปิล อย่าง Walmart ก็มีขาย แต่พวกนี้ไม่สนใจตลาดนอกสหรัฐสักเท่าไร จริงๆ แล้วมีบริษัทที่ทำเพลงขายนอกอเมริกาอยู่เยอะ แต่ก็มีข้อจำกัดแตกต่างกันไป ถ้าอยากได้ระดับขายได้ทั่วโลก ก็คงมีแอปเปิลเจ้าเดียว
หมายเหตุ:
Comments
เคยลองใช้ mixiclub แล้ว ผมว่าดูดีกว่า i....yclub นะ ราคาพอกัน แต่ไม่มีข้อผูกมัด
หน้าตาเว็บใช้งานง่าย ซึ่งผมว่าเป็นส่วนสำคัญที่มีผลต่อยอดขายเลยล่ะ (ประสบการณ์ส่วนตัว สั่งหนังสือจาก chulabook บ่อยมาก เพราะมันง่ายและสะดวกกว่าไปหาที่จอดรถแถวสยาม)
ปรบมือให้เลยครับ
ช่วยปรบมืออีกคนค่ะ
+1 ---- @burlight.com
ใจมาก ท่อนนี้
+10 เลย
เป็นบทสัมภาษณ์ที่ดีครับ แต่ผิดหวังเล็กน้อย ไม่ค่อยมีคำถามที่ผมถามไปเลย นอกจากเรื่อง DRM สงสัยคำถามที่ผมตั้งไป ไม่น่าสนใจพอมั้งนี่
ปกติไม่ค่อยถนัดฟังเพลงของค่ายนี้เท่าไหร่ แต่เห็นวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร RS Digital โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง DRM ก็ขอปรบมือให้ด้วยอีกเสียงครับ
ขออนุญาตพาดพิงถึง iKey ของคู่แข่ง ตอนแรกผมสนใจ Pay per song/pay per album ของที่นี่มาก เพราะในโฆษณาบอกว่า "จ่ายแค่ 35 บาท ซื้อขาดกันไปเลย" แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วไม่ใช่ ยังไงก็ยังมี DRM อยู่ดี ดังนั้นรู้สึกแย่มากกับการโฆษณาว่า "ซื้อขาด" แต่จริงๆ แล้วไม่เป็นตามนั้นครับ
ถ้าปลด DRM ออกเมื่อไหร่เราค่อยเป็นลูกค้ากันครับ
...อายคู่แข่ง (RS Digital) มั้ยล่ะนั่น ?
พี่แกมีอีกหนึ่งบทบาทที่อยากแนะนำครับ แกเล่นหนังครับ เรื่อง บ้านผีสิง ของอาวอง เข้า 6 กันยานี้ครับ 555+ นายผมเอง เจ๋งจริงๆ ลองดู trailer ก่อนคับ
http://www.banpeesingthemovie.com
================================ ว่างจัดๆก็แวะมาได้ http://badzboy.10thingsabout.com
^ ^ ...
ขอบอกว่าชอบตรงนี้ที่แกพูด "ถึงเราทำแบบมี DRM ยังไงเค้าก็ทำแผ่นผีขายหรือแจกอยู่แล้ว พอเราทำแบบไม่มี DRM เรียกได้ว่าเอาใจคุณด้วยข้อเสนอที่คิดว่าน่าจะยอมรับได้ แต่คุณยังทำแบบนั้นอยู่ ถามว่า RS เสียอะไร ก็ไม่มีอะไรเสียมากขึ้น แต่เราหวังจะได้ใจคุณ หวังจะได้การเข้าถึงที่มากขึ้น เป็นหลักการเดียวกับว่าเราไม่เคยป้องกันซีดีว่าจะเอาไปใช้ที่ไหน เมื่อคุณซื้อซีดีของเราแล้ว มันเป็นสิทธิ์ของคุณอย่างเต็มที่ที่จะเอาไปทำอะไรก็ได้"
ถูกต้องมากมาย และที่แน่ๆ ได้ใจผมไปแล้ว (ปกติไม่ค่อยฟัง RS ง่ะ มีแต่เพลงวัยรุ่น)
และที่คุณ illusion พาดพิงไปถึง ikey ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ ซื้อขาดอีท่าไหนกัน ทุกวันนี้ผมมีปัญหาทุกครั้งเวลา format เครื่องแล้วจะเล่นเพลงที่ซื้อมา ทุกครั้งผมจะต้องไปค้นหาอีเมลล์เก่าๆ (ซึ่งหายากมากถึงจะใช้ outlook) เพื่อทำการอนุญาตสิทธิ์ในเพลง ซึ่งยุ่งยากมาก อีกนิดกับ ikey ตรงที่บอกว่าซื้อแล้วเป็นสิทธิ์ขาด แต่พอผมจะโหลดเวอร์ชั่นของมือถือ กลายเป็นว่าไม่สามารถทำได้ เพราะผมซื้อเป็นเพลงๆ ไม่ได้ซื้อเป็นอัลบั๊ม และผมไม่ได้ต่อสมาชิกเป็นเดือนๆ จากมือถือ (คำตอบจาก Call Center)ต้องเสียเงินอีกรอบ ..... -*- ยังเม้งอยู่ไม่หาย และเลิกซื้อจาก ikey ไปแล้ว (เป็นคนดีนี่ยากเนอะ)
แต่ก็นั่น ผมยังห่วงๆ เรื่องการตรวจเครื่องเพราะผมเป็นร้านอินเตอร์เน็ต และไม่แน่ใจว่าผมจะโดนจับหรือเปล่าหากมีการตรวจค้น (ของ ikey ยังพอควานอีเมลล์เพื่อยืนยันได้ว่าซื้อนะ และติด DRM นะ แจกไม่ได้นะ อะไรประมาณนั้น) แต่ส่วนของ RS ที่ไม่มี DRM นี่ แหะๆ ยังไงดีหว่า ไม่เคยซื้อเจ้านี้ซะด้วย แต่คิดว่าก็น่าจะมีอะไรประมาณใบเสร็จ (อีเมลล์) อยู่แล้วมั้งครับ และผมก็คงไม่คิดจะแชร์โฟล์เดอร์ให้มันเสี่ยงกับการที่พวกนำจับทั้งหลายชอบที่จะยัดไฟล์อยู่แระ
เวลาเราซื้อใน account ใน mixiclub เราจะมีบอกว่าเราซื้อเพลงอะไรไปบ้างครับ ตรวจสอบได้ครับ ;) ผมซื้อประจำ ------------------------------------ Ford AntiTrust’s Blog; Blog DeveloperOnTheRoad = new SoloGeek.ThaiCyberPoint(’Ford AntiTrust’s Blog’);
อยากใช้บริการจัง แต่ไม่ใช่แนว
นี่ถ้ารับขายเพลงอินดี้ด้วยคงดีมิใช่น้อย
เพชร โอสถานุเคราะห์ เพลงประกอบภาพยนตร์ โกยเถอะเกย์ จิดา EMOTION TOWN Foggy Groove Basher Bodyslam Big ass Good September Groove Riders Krungthep Marathon Monotone RADIO KAKA Turn On The Butterfly Revolution
รายชื่อด้านบนมีเพลงขายอยู่ใน mixiclub ครับ ================================ ว่างจัดๆก็แวะมาได้ http://badzboy.10thingsabout.com
หลังๆ RS มีเพลงดีเยอะนะ เพียงแต่เรายึดติดกับภาพสมัยก่อนกันละมั้ง
มิ้น? --- http://openil.wordpress.com/
ได้ใจผมไปเต็มๆ (แต่ยังไม่ได้ตังค์นะ คือยังไม่เจอเพลงที่ถูกใจน่ะ)
---------- Don't think, Just read
pittaya.com
แค่ประเด็นเรื่องก๊อปแจกก็ได้ใจกันไปเต็มที่ ถ้ามีเพลงค่ายอื่นนี่รับรองใช้บริการชัวร์
onedd.net
ถ้ามองว่าเราเป็นลูกค้า ผู้ผลิตรายนี้ทำโดนใจเรามากกกก...ยอมรับครับ
แต่ถ้ามองในมุมของผู้ผลิต..
ผมว่าการขายของด้วยวิธีนี้มันเป็นการทำตามใจลูกค้ามากเกินไปรึเปล่า? เพราะเราต้องยอมรับว่ารายได้ส่วนหนึ่งของคนทำเพลง หมายถึงคนแต่งเพลง คนทำดนตรี คนเรียบร้อง คนร้องเสียงประสาน และคนอื่นๆอีกมากมายที่มีส่วนร่วมในการทำเพลงให้ศิลปิน(ซึ่งบางคนก็ต้องยอมรับว่าเป็นแค่นักร้อง ไม่ใช่ศิลปิน) นั้นมาจากการขายแผ่นซีดี หรือเทปคลาสเซ็ท แน่นอนเมื่อตลาดนี้มันโตมากขึ้น รายได้ของการขายอัลบั้มนั้นก็ย่อมน้อยลง... ผลกระทบที่ชัดเจนที่เห็นกัน คือคนทำเพลงเหล่านั้นรายได้ลดลง
สิ่งที่อยากจะให้ลองทบทวนดูกันอีกสักนิดคือ คนที่มีผลกระทบโดยตรงอย่างทีบอกไว้ข้างต้นคือเหล่าคนเบื้องหลัง คนที่ปิดทองหลังพระ ศิลปินนั้นขายเทปไม่ได้ เขาก็ไปเป็นนักแสดงเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าได้ แต่บุคคลเบื้องหลังเหล่านั้นล่ะครับ...???
ผมมองอย่างนี้ครับ..ผมชื่นชมแนวคิดนี้นะว่าคุณทำเพื่อผู้บริโภคจริงๆ แต่ก็อย่าลืมผู้บริโภคภายในองค์กรของคุณด้วยนะครับผมเป็นห่วง...
สิ่งหนึ่งที่ผมวอนขอบริโภคด้วยกันคือ โหลดฟังเพลงทดลองได้ ถ้าชอบจริงผมแนะนำให้ควรอุดหนุนซื้อซีดีเขาเค้าด้วย ผมว่าเราควรเกื้อหนุนซึ่งกันและกันนะ
เห็นใจทั้งสองฝ่ายแหละครับ
อืมม? แอบงงๆ ครับ
สำหรับผมเข้าใจว่า การอุดหนุนด้วยการซื้อ CD กับการซื้อไฟล์เพลง digital ผ่านเว็บอย่างถูกต้อง มันก็เหมือนๆ กัน เพราะไม่ว่าจะซื้อจากช่องทางไหน ยังไงเงินก็เข้าไปอุดหนุนเหล่าศิลปินเหมือนกันนะครับ
จะต่างกันก็แค่ช่องทางและวิธีการเท่านั้น ไฟล์เพลง digital เพลงละ 35 บาท ทั้งอัลบั้มก็ตกร้อย ราคาใกล้เคียงกับการซื้อเป็น CD ทั้งยังสะดวกกว่าในการใช้กับอุปกรณ์ digital แถมยังลด cost ที่เป็น packaging ซึ่งก็ถือว่าช่วยลดการใช้พลาสติก การขนส่ง ฯลฯ อีกด้วย
จะว่าไปก็ยังช่วยพัฒนาคุณภาพของผลงานเพลงด้วย ในเมื่อลูกค้าสามารถเลือกซื้อเป็นเพลงๆ ได้แล้ว ศิลปินก็ไม่สามารถผลิตผลงานประเภท "อัลบั้มสิบเพลงแต่เพราะแค่เพลงแรก" ได้อีกต่อไป
ที่แย่หน่อยก็คือร้านขายเพลงที่ยังขายเป็นแบบ CD ครับ ในอเมริกาก็ยอดขายลดลงไปเรื่อยๆ แล้ว
ปัญหาจริงๆ ที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากผู้บริโภคซื้อสินค้าละเมิดลิขสิทธิมากกว่า ทำให้เงินไม่ไปถึงกลุ่มศิลปิน ครั้นผู้บริโภคอยากจะอุดหนุนของลิขสิทธิ ก็ดันมาเจอ DRM ซะงั้น
จะซื้อ cd หรือ ซื้อ ไฟล์ digital ผ่านการโหลดอย่างถูกต้อง ทีมงานเบื้องหลังและศิลปินเองก็ได้รายได้เหมือนกันครับ ปัญหามันอยู่ที่ ตอนนี้ตลาดเพลงเมืองไทยมันพังเพราะผู้บริโภค ส่วนใหญ่ ไม่สนใจที่มาของเพลงที่เขาเอามาฟัง โหลดฟรีจากบิทที่ไหนก็ได้ ฝากเพื่อนก็อปกันต่อเป็นนิสัย(เสีย) จะเสียตังค์ 35 บาทไปทำไมเมื่อก็อปจากเพื่อนมันไม่เสียสักบาท สถานภาพของค่ายเพลงตอนนี้ คือ ได้น้อยดีกว่าไม่ได้เลย เพราะรายได้ที่ควรได้ในอดีต มันน้อยลงในระดับ ต้องไปเติมเลขศูนย์ต่อท้ายสักสองตัวจากรายได้ปัจุบัน ดังนั้นผมคิดว่า RS ไม่ติด DRM มานี่ถูกต้องแล้วครับ ไงกำขี้ก็ดีกว่ากำตด การยกเครื่อง RS รอบนี้ คือหนทางอยู่รอดที่จำเป็นต้องทำ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนศิลปินให้เป็นพรีเซนเตอร์สินค้า เน้นทำแค่ EP เป็นหลัก เพื่อลดต้นทุนการผลิตเพลง(เพราะไม่ได้ขายเพลงแล้วจะลงทุนตรงนี้ไปมากทำไม) เพลงไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องศิลปะมากนัก แต่เอาเรื่องการตลาดเป็นหลัก เพราะคุณต้องตอบโจทย์ลูกค้า ที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ทั้งหลาย เพลงมันอาจะไม่มีคุณค่าทางศิลปะเลย แต่มันตอบโจทย์ลูกค้าและ ชาวบ้านชอบก็จบ เพราะเขาไม่ได้ขายตัวเพลงแล้ว
ความเห็นคุณtvchampion ชัดเจนดีครับ ทุกวันนี้เพลงถูกมองเป็น Product และต้องมีใครสักคนที่จ่าย ไม่ใช่คนฟังจ่าย(เพราะคนฟังไม่ยอมจ่ายไปใช้ของผี) ก็เจ้าของสินค้าที่จะเอาเพลงไปใช้ หรือเอาศิลปินเจ้าของเพลงไปเป็นพรีเซนเตอร์ เอาอัลบั้มชุดนั้นไปใส่ไว้ในมือถือแถมให้ลูกค้าตอนซื้อ เป็นคนจ่าย ต้องไม่ลืมว่า RS หรือบริษัททำเพลงเค้าทำธุรกิจน่ะครับ ถ้าทำมาแล้วไม่ได้สตางค์ ก็เอาเงินที่ลงทุนไปฝากแบงค์กินดอกอยู่บ้านเฉยๆดีกว่า บางท่านอาจบอกว่า เอ๊ะแล้วเพลงมันก็ไม่เจ๋งดิ ทำเพื่อเน้นขาย กฎพื้นๆ ของที่ทำออกมาแล้วคนไม่นิยมก็ตายไปเอง เพลงอย่างแดนบีม โปงลางสะออน คนชอบกันทั้งบ้านทั้งเมือง อย่างงี้เรียกว่าเพลงดีหรือเปล่า หรือเพลงดีๆต้องเพลงแบบไหมไทย วัดกันตรงไหนครับ เทียบกันไม่ได้เลย เพราะมันถูกสร้างมาด้วยจุดประสงค์ที่ต่างกัน
คนชอบบอกว่าเพลง RS ยี๊ เห่ย เสี่ยว เพลงห่วย เลยไม่ซื้อ แต่ฟัง แต่โหลดเอา ซื้อ MP3 เอ่อ...
อยากให้ลองเปิดใจฟังนะครับ อย่าไปฟังเพลงที่ค่าย เพราะคิดแบบนี้มันเชยมากๆ เพลงถ้ามันทำให้เรามีความสุขได้ นั่นมันก็ได้ทำหน้าที่ของมันโดยสมบูรณ์แล้วครับ
สำคัญอย่างเดียว อย่าซื้อของโจร
================================ ว่างจัดๆก็แวะมาได้ http://badzboy.10thingsabout.com
สถานการณ์ ณ คาราโอเกะ
ใครเลือกแดนบีมว่ะ.. เสี่ยวจริงๆ...
10 วิผ่านไป.. ร้องกันได้ทุกคน - -"
---------- iPAtS
iPAtS
เสี่ยว ทางอิสาน แปลว่า "เพื่อนรัก" เพราะเป็น "เพื่อนรัก" กันทั้งร้านมั้งครับ เลยร้องได้
ขอร่วมแจมเท่าที่มีข้อมูลนะครับ
ขอเร่ิมจากเพลงดิจิตอลค่ายอโศกก่อนนะครับ คือเท่าที่ทราบข้อมูลการขายเพลงผ่านหน้าเว็บเพลงละ 35 บาทแบบมี DRM มีการแบ่งส่วนแบ่งไปให้นักร้อง คนทำเพลง ฯลฯ ด้วยและทำมานานแล้ว ส่วนทางค่ายลาดพร้าวเพิ่งมีการประกาศแบ่งค่าลิขสิทธิ์จากเพลงดิจิตอลให้ศิลปินและคนทำเพลงเมื่อไม่นานมานี้
ส่วนตัวได้เคยมีโอกาศได้คุยกับนักร้องสาวสวยคนหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว เขาก็บ่นว่าที่ขาย ๆ กันอยู่อย่างริงโทน เพลงรอสาย หรือขายเพลงผ่านหน้าเว็บ ทางเจ้าของค่ายไม่ได้มีการแบ่งส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์อะไรให้นักร้อง เจ้าของค่ายงาบคนเดียว พอจะไปทักท้วงก็เกรงว่าตัวเองจะทำล้ำเส้น จนกลายเป็นว่าเดี๋ยวจะไม่มีงานเข้ามา ก็ต้องทน ๆ กันต่อไป ส่วนหนึ่งคือตัวนักร้องไม่รู้และไม่มีตัวเลขชัดเจนในการดาวน์โหลดเพลงและไม่รู้ว่าค่ายขายลิขสิทธิ์ไปให้เจ้าไหนทำดาวน์โหลดเพลงรอสาย ริงโทนบ้าง
เดี๋ยวนี้นักร้องเองก็ไม่ได้หวังจะได้เงินจากการขายซีดีแล้วครับ อาศัยได้เงินจากงานโชว์ตัวร้องเพลงมากกว่า เดี่ยวนี้นักร้องคนไหนขายได้สักแสนก็อปปี้ก็เก่งแล้วครับ เดี๋ยวนี้ที่เห็น ๆ ว่ามีฉลองยอดขาย 1 ล้านก็อปปี้อะไรนั้นขายจริงก็สัก 3 แสนก็เก่งแล้ว ส่วนศิลปินเบอร์เล็ก ๆ ลงมาย่ิงหนักเผลอ ๆ ขายได้แค่หลักพันก็อปปี้เท่านั้น
ส่วนตัวตอนนี้ก็อุดหนุดหมดทั้ง iTunes Store, Mixiclub, iKey for iPod เท่าที่กำลังเงินอำนวยครับ
เขียนไปเขียนมาชักมันมือ สงสัยผมต้องเขียนตอนที่ 3 ในเว็บซะแล้ว...
iKey เหมือนใช้บน Mac OS X กับ Ubuntu ไม่ได้? แถมมี DRM อีก -_-'. iTunes มี DRM บ้าง ไม่มีบ้างใช้บน Ubuntu ไม่ได้. --- http://openil.wordpress.com/
ซื้อของ Mixiclub นะหลังจากปลด DRM แล้ว :-). แต่ว่าบางเพลง load ไม่ได้ขึ้น database error บ่อยๆสงสัยขายดีจัด lol. --- http://openil.wordpress.com/
..เอ่อ.. เดี๋ยวตรวจสอบให้ครับ.. !!
blognone นี่ดีจริงๆ. ขอบคุณมากครับ. ผมพยายามแจ้งปัญหาผ่านช่องทางในเว็บ mixiclub เองหลายครั้ง แต่ว่าก็เงียบๆ.
ตอนไปซื้อ RTD card ที่ 7-11 ก็ฮาๆ พนักงานบางคนไม่รู้จัก ต้องชี้บอกว่าอยู่ในกล่องข้างหลัง -_-'. ตอนเติมตังยากกว่าเพราะว่าต้องยิง bar code หลายครั้ง ทำเป็นเฉพาะบางคนเท่านั้น.
แต่ก็ซื้อได้ครับด้วยความพยายามนิดหน่อย :-). --- http://openil.wordpress.com/
เออ เพื่อนผมจะสมัครแต่เข้าหน้า register ไม่ได้น่ะครับ
ผมชอบ RS ที่ไวเรื่อง IT ดีมากๆเลย ดีกว่า Grammy เยอะ (ตรงไปหน่อยรึเปล่าไม่รู้)
--- Khajochi
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
แต่น้อยใจนะมีแต่เพลง MSN ไม่มีเพลง Jabber บ้าง ลอล. มีรายการตอนดึกๆคุยผ่าน MSN ได้เลย อยากให้มี Gtalk jabber irc บ้าง :-P. (ล้อเล่นนะ ซื้อเพลงได้พอใจแล้ว.) --- http://openil.wordpress.com/
เป็นลูกค้า mixiclub ครับ ครั้งแรกซื้อตั้งแต่ตอนมี DRM ตอนนั้นซื้อเพราะว่าอยากได้เพลงเก่า หลายอัลบัมเลยครับ หาไม่ได้อีกแล้ว อัลบัมละ 90 เองคุ้มมากๆ หมดตังค์ไปหลายร้อยเลย แต่ซื้อแล้ว กว่าจะโหลดเพลง โหลด license ครบ ก็เป็นอาทิตย์เลย (ลุ้นมาก เกือบจะดาวน์โหลดไม่ได้หลายเพลง)
ตอนหลังเป็น MP3 ไม่มี DRM แล้ว ก็ไปซื้อบ้าง แต่ค้นหาเพลงเก่าๆ ไม่ค่อยเจอแล้ว ชอบตรงที่ผมสามารถใช้ลินุกซ์ซึ่งใช้ประจำ เข้าเว็บซื้อได้เลย ไม่ต้องยืมโน๊ตบุ๊คของออฟฟิศที่เป็นวินโดวส์โหลดเพลงแล้ว
ของอีกค่ายก็ซื้อบ้าง แต่ลำบากตอนดาวน์โหลด ต้องใช้โปรแกรมพิเศษบนวินโดวส์ แถมตอนแปลงมาฟังบนลินุกซ์ยากด้วย แถมเพลงเก่าหาไม่ค่อยได้ ทั้งๆ ที่น่าจะมีลูกค้าแบบผมอีกเยอะที่อยากสะสมเพลงเก่า ที่หาซื้อไม่ได้แล้ว
ว่าแล้วเดี๋ยวแว๊บไปค้นเพลงใน mixiclub อีกซักหน่อยดีกว่า
--
--
โปรแกรมที่ใช้ได้แต่ Windows ก็ไม่อยากจะใช้เท่าไหร่. จริงๆ แล้วแถวนี้หา Windows ใช้ยากด้วย :-P. ยิ่งมาเป็น wma พร้อม drm ยิ่งเซ็งหนักเลย. พอได้ใช้ mixiclub มี mp3 เปิดเล่นง่ายๆ นี่ดีใจมาก ต้องขอสรรเสริญอีกที. แล้วผมก็ไม่ต้องไป copy แจกใครดอกครับ ไม่มีใครขอด้วย!!! สงสัยเขามีกันหมดแล้ว. --- http://openil.wordpress.com/