ช่วงหลังนี้เรามีนักเขียนใหม่ๆ มาร่วมเขียนข่าวใน Blognone กันเยอะขึ้นมาก เรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือการนำบทความในเว็บส่วนตัวมาลงแล้วลิงก์กลับไปยังเว็บของตัวเอง
ขณะที่ผมไม่ได้ติดใจอะไรที่เจ้าของบทความจะปั้นบล็อกตัวเองให้ดัง ที่ผ่านมานักเขียนหลายคนในนี้เริ่มมีแฟนคลับเล็กๆ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ส่วนสำคัญใน Blognone คือการให้โอกาสผู้อ่านได้อ่านที่มาอย่างเปิดเผยและรวดเร็ว
ดังนั้นเรื่องนี้ผมจึงอยากถามผู้อ่านและผู้เขียน Blognone ทุกท่านว่าท่านมีความเห็นอย่างไร และมีข้อเสนอแนะอย่างไรบ้างกับแนวทางการลิงก์ที่มาข่าวครับ
แนวทางที่ผมเสนอ
Comments
ผมเสนอแบบนี้ครับ ลิงก์ต้นฉบับของข่าว via ขยายความจากบล็อกของผู้เขียน
@iannnnn
แบบนี้ผมเห็นด้วย
PoomK
บางทีมันก็พูดยากนะครับ มันเหมือนเป็นกำลังใจเล็กๆน้อยๆกลับไปให้คนที่มาเสียสละเวลาหรือร่วมแรงร่วมใจเขียนข่าวด้วยเหมือนกัน
แนวทางนึงอาจจะทำเหมือนใน cnet ก็ได้ คือในบทความของนักเขียนแต่ละคน จะมี link กลับไปยัง blog ของแต่ละท่านด้วย .. จะว่าไปก็เหมือนลายเซ็นใน comment แต่อันนี้ไปอยู่ในข่าว (อาจจะไม่ได้โผล่ในหน้าแรก แต่อยู่ในข่าวหน้าเต็ม)
---
Khajochi
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
เข้าใจว่ากำลังใจเล็กน้อยไม่ใช่ปัญหา ทุกคนยินดี แต่ในอีกมุมนึงอาจมีคนหัวใสใช้กำลังใจเพื่อจุดประสงค์ที่ต่างไป
ถ้าจะทำ section ที่สำหรับรวม link บทความจาก blog ต่างๆ ก็น่าจะดีนะครับ
จะได้เป็นศูนย์กลางรวบรวม ให้ผู้อ่านสามารถไปหาบทความดีๆจากบลอกต่างๆได้ง่าย
แล้วก็เป็นแหล่งให้เจ้าของบลอกนำเสนอบทความให้คนอื่นๆที่สนใจได้เข้าไปอ่านด้วย
จริงๆถ้าเขาไม่ link กลับไปแบบน่าเกลียด เช่น ต้อง click โฆษณา หรือสมัครสมาชิกก่อนถึงจะอ่านข่าวได้ ก็ไม่น่าเป็นอะไรนะครับ ถือเป็น source ของข่าวอีกแห่งเท่านั้น
แทนที่จะเสีย hit ให้ต่างประเทศเยอะ แบ่งให้คนไทยบ้าง ก็ดีเหมือนกันนะครับ
ถ้าบทความหน้าตาเหมือนกับที่ลงบล็อกตัวเองเลย ผมว่าทำลิงค์กลับไปนี่ไม่เสียหายนะครับ
ก็ลงประมาณว่า ต้นฉบับ เขียนเพื่อลงที่บล็อก.....อะไรแบบนี้
แต่ถ้าแบบว่า ตัดมา แล้วบอกว่าให้ไปอ่านต่อที่บล็อกอะไรแบบนี้ น่าเกลียดดี...ไม่เอานะครับ
dark.angular
+1
เห็นด้วยครับ
จริง ๆ อยากให้อ้างอิงไปยังข่าวต้นฉบับมากกว่า แล้วให้คนที่เขียนนั้นมีลายเซ็น ซึ่งชี้ไปยังบล็อกของเขาอีกทอดนึง
การที่รู้ต้นขั้วของแหล่งข่าวเป็นเรื่องดี เพราะทำให้ผมสามารถกระโดดไปอ่านที่แหล่งข่าวดังกล่าวในภายภาคหน้าได้ แถมถ้าอ่านจากแหล่งข่าวต้นขั้วมาก่อนแล้ว แล้วเข้ามาอ่านเจอที่นี่อีก ก็จะได้ออกความเห็นได้ออกรสมากขึ้น
เพราะที่นี่เลือกข่าวมาแปล ไม่ได้แปลทุกข่าว ดังนั้นได้อ่านจากต้นขั้วจะดีที่สุด
Mr. PeeTai
ผมว่าน่าจะแยก Section อีกหน่อไปเลย
ข่าว (หน้าแรก)
วิเคราะห์เอง (Section ใหม่)
ผมเสนอว่าควรแยก ข่าว กับ บทความออกจากกันครับ
ประเด็นนี้คือว่างานเขียนสองแบบมีจุดประสงค์ต่างกัน คือ
- ข่าว คุณค่าหลัก (Core Value) ของมันคือความสด ใหม่ เร็ว
- บทความ คุณค่าหลัก ก็คือ ความคิดความเห็น หรือการแลกเปลี่ยนทางความคิด
ผมคิดว่า ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ทั้งสองชนิดก็ถือว่า มีคุณค่าของมัน
"ทำไมต้องคิดว่ากดไปแล้วเป็นเว็บฝรั่ง" เหมือนเวลาเราเขียน Paper อะไรซักอย่าง การมี Reference มันช่วยให้คนอื่นเค้ามองว่างานของเรามันมีแหล่งอ้างอิง น่าเชื่อถือ มีที่มาที่ไป หรือถ้าสนใจไปอ่านเพิ่มเติม (แน่นอน เอกสารวิชาการมันจำเป็นต้องมี)
แต่สำหรับผม โดยส่วนตัวแล้ว ไม่เคยสนใจ (หรืออาจจะสนใจบ้างแต่ไม่ได้เป็นประเด็นหลักในการอ่านหนังสือ) หนังสือทุกเล่มที่อ่าน ไม่เคยเปิดไปดูว่าเค้าเอาอะไรมาอ้างอิงบ้าง เพราะผมสนใจสิ่งที่เป็นคุณค่าของข้อเขียนนั้นๆ เหมือนเราไปแลกเปลี่ยนความคิดความเห็นกับใครซักคน คงไม่ต้องถามว่าเค้าอ่านหนังสืออะไรมาถึงมีความคิดแบบนี้ ("คุณเอามาจากหนังสือเล่มไหน") หรือ ดูข่าวช่องไหนมา ใครเป็นคนอ่านข่าว ใครเป็นผู้สื่อข่าว จากหนังสือพิมพ์อะไร
อย่างบางข่าวในเว็บนี้ พอคลิกไปที่แหล่งอ้างอิง คนเขียนก็อาจจะอ้างมาจาก บลอกอันหนึ่ง หรือ ข่าวจากวงใน จากแหล่งข่าว อะไรก็แล้วแต่ ถามว่าจำเป็นมั้ย ถ้าต้องไปขุดกันมาเลยว่าข่าว "ราก" ของมันมาจากไหน หลายๆครั้งผมก็เห็นว่ามันผิด (ถ้าจะมองที่ต้นตอของข่าวจริงๆ) แต่ถามผมว่า เป็น Value มั้ย ผมตอบว่าไม่เป็น เพราะผมได้รู้แล้วว่ามีข่าวนี้อยู่ (ผมจะต้องรู้ทำไมว่าข่าวนั้นแปลมาจาก CNN ซึ่งข่าวนั้นดึงมาจาก OhMyNews ที่คนเกาหลีคนนึงเขียนในบลอกของเค้า โดยที่เค้าเอามาจากคนขายกาแฟปากซอยบ้าน - หลัก Value Chain ซึ่งควรแยกแยะได้ว่าคุณค่ามันอยู่ตรงไหน)
ผมอยากจะเน้นในสิ่งที่เป็น คุณค่า ไม่จำเป็นต้องมี format อะไรตายตัว เช่น จะลิงค์ไปเว็บตัวเองหรือไม่ ถึงเว็บเค้าจะมี ads ทั้งหน้า แต่ก็ควร เพราะมันมีคุณค่า (คล้ายกับเวลาอ้างแหล่งข่าวของฝรั่ง เค้าก็ได้ทราฟฟิค และทราฟฟิคนั้นเค้าก็เอาไปขาย advertiser ได้ เหมือนกัน)
เช่น แปลข่าวจาก Youtube.com มาลงแล้วมีคนอ่านพันคน ทุกคนกดคลิกไปที่แหล่งอ้างอิงหมด
Youtube.com จะได้เงินจากพวกเรา ราวๆ $15 (CPM ละ $15)
กดไปเว็บเค้า แต่เค้าได้ตัง มันก็ไม่ต่างกันนะ
ผมคิดว่าอย่างน้อยแหล่งข่าวที่อ้างอิงควรมีความน่าเชื่อถือในระดับหนึ่งด้วย คือถ้าเว็บของคนเขียนที่ link ไปหา มันดังขนาดเดียวกับ techcrunch หรือ mashable ผมก็คงยอมรับได้
Don't think, Just read
pittaya.com
ผมเห็นว่าการอ้างอิงนั้นมันมีความสำคัญที่ว่า ข่าวนั้นๆมีความน่าเชื่อถือแค่ไหน และสื่อที่เราอ่านนั้นได้บิดเบือนข่าวไปบ้างหรือไม่
ผมไม่เชื่อว่าคุณค่าของข่าวมันอยู่ที่ข้อความที่สื่อได้ส่งถึงเรา หากแต่สิ่งที่สำคัญนั้นคือเนื้อความและความน่าเชื่อถือของข่าว
ข่าวสารนั้นเดินทางจากผู้ส่งสารไปยังผู้รับสารเป็นทอดๆ การอ้างอิงจะไม่สำคัญเลยถ้าหากเราสามารถรับรองได้ว่าสารนั้นเป็นของจริง เช่นเอกสารที่มีลายเซ็นรับรอง เจ้าตัวมาบอกเอง หรือผู้ประกาศนั้นมีกระบี่อาญาสิทธิ์ (เจ้าตัวฝากบอกมาโดยมีเอกสารรับรองอีกทอดหนึ่ง)
แต่หากไม่มีอะไรมารับรองแล้ว ไม่มีทางเลยที่สารจะถ่ายทอดมาถึงผู้รับได้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง เกือบทุกครั้งที่เกิดการสร้างสารและการสังเคราะห์สารขึ้น ความหมายส่วนหนึ่งก็เปลี่ยนแปลงไป เราสามารถทดสอบได้โดยการสร้างประโยคยาวๆขึ้นมา และกระซิบผ่านเพื่อนไปเป็นทอดๆ เมื่อผ่านไปไม่กี่คนสารนั้นก็ไม่ใช่สารเดิมที่เราต้องการอีกแล้ว
ซึ่งหากผู้รับสารคนสุดท้ายไม่ทราบว่ารากของสารนั้นมาจากไหน เขาก็ไม่มีทางเข้าใจเลยว่าผู้ส่งสารต้องการจะสื่ออะไร
สำหรับบทความนั้น บทความที่ปราศจากแหล่งอ้างอิงนั้นผมว่าประเด็นมันจะอ่อนกว่าบทความที่มีการอ้างอิง ไม่ว่าจะเป็นการพูดถึงสถิติ การพูดถึงประวัติศาสตร์ หรือการพูดถึงทฤษฏีต่างๆ การที่จะสร้างบทความที่ไม่มีการอ้างอิงให้มีความน่าเชื่อถือนั้น จะต้องพิสูจน์ในตัวบทความเลยว่าน่าเชื่อถือ เช่นการเขียนโค้ดแฮ็คไอโฟนแนบมากับบทความ
ดังนั้นการอ้างอิงสำหรับบทความนั้นเป็นสิ่งสมควรจะทำ
การอ้างอิงนั้นไม่จำเป็นต้องอิงกับเว็บภาษาอังกฤษ เราจะอิงกับเว็บไทย เยอรมัน หรือญี่ปุ่นก็ได้ ไม่มีการเหยียดชาติพันธุ์กันในความจริงของข่าว
ผมเห็นด้วยที่ว่าควรแยกข่าวและบทความออกจากกัน เพราะระดับความจำเป็นในการอ้างอิงนั้นต่างกัน
แต่ผมคิดว่ายังไงซะการอ้างอิงก็ยังจำเป็นถ้าเราต้องการสร้างข่าวและบทความให้มีคุณภาพ
และคุณภาพนั้นคือจุดยืนของที่นี่?
PoomK
ถ้าเป็นแบบนั้นผมว่าใส่เป็น Credit ลิงค์ไปยังหน้า Blog คนเขียนแทนดีกว่าครับ
อย่างน้อยถ้าเขียนข่าวดี คนอ่านก็น่าจะสนใจเข้าไปอ่าน Blog เขาบ้าง ^^
ถ้าให้ข่าวอะไรแบบขาดๆ เกินๆ แล้วให้ไปอ่านต่อผมว่ามันดูไม่เหมาะครับ (+ทำให้คนอ่านเสียเวลาด้วย)
May be it's a bit off topic but I just want to raise some points here.
The main reason that people gave reference in their papers, reports or blogs was to credit back the information or knowledge they obtained from. In school, students might be expelled if they submit the work without giving credit to the source. Check "Plagiarism" and "Derivative Work" in Wikipedia for more info.
For my opinion regarding the topic, the news post in Blognone should contain all the main idea (or summary of the analysis) from original source. Giving some headline in Blognone and force user to finish it in their own blog is not serving the purpose of Blognone website krub.
Sorry to write in English, I cannot type Thai in my machine.
เข้าใจว่า blognone คือเวปข่าว??
ข่าวนี่ เรื่องสำคัญน่าจะอยู่ที่ว่า เชื่อถือได้แค่ไหน
ส่วนตัวไม่รู้สึกอะไร ตราบใดที่ข่าวที่ได้อ่านยังเชื่อถือได้อยู่
แต่ถ้า link ไปที่ blog ตัวเอง แล้ว blog ไม่มีที่มา ก็ดูไม่น่าเชื่อถือน่ะ เพราะไม่รู้ว่านั่งเทียนเขียนมาหรือเปล่า
ผมเลือกที่จะไม่เห็นด้วยกับการนำบทความในบล็อกส่วนตัว มาโพสลง blognone โดยผมมีเหตุผล 2 ข้อ ดังนี้ครับ
1.แม้บทความจะมาจากบุคคลเดียวกันทั้งใน blognone และบล็อกเค้าเอง แต่บทบาทตลอดจนการแสดงความคิดเห็นควรที่จะแตกต่างกันครับ เพราะผมเห็นว่าบล็อกส่วนตัวของแต่ละคนย่อมแสดงความเห็นส่วนตัวได้อย่างเต็มที่ แต่ใน blognone ควรเป็นข่าวหรือ main idea ตามที่คุณ athiwat ว่า อีกทั้งถ้าภายหลังมีการเขียนข่าวโดยการนำบทความมาจากบล็อกส่วนตัวมากๆ เว็บนี้จะเอนไปเป็น "ศูนย์รวมบทความน่าสนใจจากบล็อกต่างๆ" มากกว่า
2.ผมเห็นด้วยกับการสร้างความสัมพันธ์หรือการเชื่อมต่อ(link) ไปยังบล็อกส่วนตัวของผู้เขียนจาก blognone แต่ไม่เห็นด้วยกับการแอบแฝงโฆษณา หรือประชาสัมพันธ์ ดังนั้นเพื่อให้เกิดแรงชักจูงในการเขียนข่าวจากบุคคลหลากหลาย ผมจึงเสนอให้มีการระบุบล็อกส่วนตัวหรือเว็บส่วนตัวใน profile ด้วย เพื่อให้ผู้เขียนได้ประชาสัมพันธ์บล็อกส่วนตัว จากข่าวที่น่าสนใจหรือข่าวที่เขียนได้ดีของเค้าเอง ตลอดจนผู้ที่ต้องการหาข้อมูลหรือความคิดเห็นก็สามารถเข้าไปหาอ่านได้จากบล็อกส่วนตัวที่หน้า profile ผู้เขียน
เหตุผลที่ว่ามาเป็นเหตุผลส่วนตัว ส่วนกติกาจะออกมาเช่นไรก็เคารพในกฎเกณฑ์เสมอครับ
VB.NET Programming
อาจจะไม่มีเสียงอะไรมาก ผมเป็นแค่คนอ่าน
แต่ผมว่าเหมือนที่นี่เป็นบ้านหลังหนึ่ง แล้วอยู่ดีมีคนเข้ามาเล่าอะไรให้เราฟังแล้วบอกว่า
"เออ... เนี่ย ที่บ้านผม ผมก็มีเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟังนะ เล่าที่นู่นก่อน ค่อยมาเล่าที่นี่
ถ้าอยากฟังเร็วๆ ก็ไปที่นู่นนะ"
ผมว่าผิดมารยาทอย่างแรง
คิดง่ายเหมือนคอลัมนิสต์คนหนึ่ง เขียนคอลัมน์ลงนิตยสาร 2 เล่มแล้วเขียนเหมือนกันเลย ซื้อเล่มไหนก็ได้
ผมว่ามันก็น่าเกลียด
ผมคิดง่ายๆแบบนี้ ไม่ได้คิดซับซ้อน
I think it's necessary to put a link to the original source where writer took it. And writer can also link back to his/her blog in case there's personal opinion involved.
*
เห็นด้วยครับ (ครั้งที่สอง)
+1
slogan ก็บอกไว้แล้ว "Tech news That's worth" ไม่้ใช่ "Tech article That's worth" :P ฉะนั้น ผมจึงเห็นว่าที่นี้ควรจะเ้น้นไปที่ข่าวที่สดใหม่เป็นหลัก ไม่ใช่เป็นบทความยาวๆ ที่ต่างคนต่างคนต่างวิจารณ์ไปต่างๆ นาๆ ยิ่งมาเขียนข่าวกั๊กๆ แล้วให้ไปต้องตามไปอ่านที่ต้นฉบับนี่เหมือนใช้เว็บนี้มาเป็นแหล่งโฆษณา มันดูเป็นการหาประโยชน์เข้าตัวมากเกินไป นอกจากจะไปประกาศที่ forum ก็ค่อยดูดีหน่อย
ผมว่า การที่เขาเอาข่าว มาแปะก็ควรจะให้ลิงค์ที่ต้นฉบับนะครับ ไม่ควรที่จะให้ลิงค์ไปที่ blog ตัวเอง แต่ว่าถ้าเป็นบทความที่เป็นของเขาจริงๆ ก็ควรจะเป็นของเขา และก็อ้างลิงค์ไปที่ blog เขาแทนครับ ซึ่งข้างในเนื้อหาเขาจะอ้างที่มาอื่นๆ อีก อันนี้ก็แล้วแต่ความรับผมชอบของแต่ล่ะคนครับ
ถ้าเป็นบทความ โพสต์ในฟอลั่ม ก็ได้นี้ครับ
ไม่ก็ทำส่วนของบทความเพิ่มอีกมุมก็น่าจะได้
เดี๊ยวกลายเป็น digg 2 พอดี
ส่วนตัวอยากให้หน้าแรก เน้น ที่ข่าวที่น่าเชื่อถือมากกว่า
lew นายนี่มันตลกจริงๆ เมื่อเร็วๆนี้เห็นเถียงหัวชนฝา บอกว่ายังไงก็จะเขียนข่าวสั้นๆ แล้วให้กลับไปอ่านจากลิ้งค์กันเอง แต่พอเสียประโยชน์หน่อย กลับเริ่มไม่พอใจ
ใจแคบจริงๆ
ในทางจิตวิทยา ข้อความเหล่านี้ คือสิ่งที่นายคิดนั่นละ
"ขณะที่ผมไม่ได้ติดใจอะไรที่เจ้าของบทความจะปั้นบล็อกตัวเองให้ดัง ที่ผ่านมานักเขียนหลายคนในนี้เริ่มมีแฟนคลับเล็กๆ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี"
ผมขอชี้แจงความเข้าใจผิดของคุณหน่อย
สุดท้ายผมขอย้ำสิ่งที่เขียนมาโดยตลอดว่า Blognone ไม่เคยลงโฆษณาหรือชักชวนให้ใครมาอ่าน ผู้อ่านที่นี่ส่วนมากมักผ่านมาเจอจาก Google ชอบก็หยุดอ่าน ไม่ชอบก็เลิกอ่านครับ ไม่มีใครมาบังคับ
ผมไปบอกคุณตอนไหนหรือครับ ว่าผมจะเขียนแต่ข่าวสั้นๆ? ผมไล่ให้คุณหน่อยแล้วกันครับว่ามีตอนไหนที่คุณวิจารณ์ข่าวผมมั่ง
ที่นี่เรามีนโยบายอยากได้อะไรต้องลงมือทำครับ การที่คุณอยากได้โน่นอยากได้นี่แล้วเลือกที่จะบ่นเอา มันก็โอเคไม่ได้ผิดอะไร แต่หากระดับการมีส่วนร่วมของคุณหยุดอยู่แค่การบ่น ผมว่ามันก็แฟร์ดีที่คุณต้องนั่งลุ้นเอาว่าคนลงมือเขาจะฟังคุณหรือไม่ ถ้าเขาฟัง คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการไป ถ้าเขาไม่ฟัง คุณก็ควรทนกับความไม่พอใจของคุณเองต่อไป เพราะคุณเลือกที่จะไม่ลงมือทำ
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ตามความเห็นผม หน้าแรกของ Blognone ควรเป็นข่าวจริง ส่วนบทความที่แหล่งข่าวที่อ้างอิง มีความคิดเห็นเป็นกลาง ก็น่าจะอนุโลมให้อยู่ในข่าวได้ครับ ส่วนบทความที่เขียนขึ้นเองโดยรวบรวมข้อมูลมา น่าจะให้อยู่อีก Section หนึ่งไปเลยครับ
ปล. ผมมองว่านี้เป็นการเจริญเติบโตที่ขึ้นโตขึ้นไปของบล็อกนันครับ _____________________________________________________________________________________
Please go to My site at molecularck.wordpress.com
http://www.digimolek.com
เขียนวกไปวนมา อ่านรอบสองถึงเข้าใจ ตีความหมายของ lew ได้ว่า
"จะทำอย่างไรกับ Blog Spam ดี?"
Blog Spam ยังไงก็ควรลบทิ้งอยู่แล้ว แต่หากต้นตอข่าวมาจากเว็บที่ไม่มีใครรู้จัก ก็อาจถือได้ว่าเค้าเป็นคนหาข่าวมาเหมือนกัน ดังนั้น ผมว่าผลปย.ต่างตอบแทนดีกว่า เว็บคุณได้ traffic เว็บเขาได้โปรโมต win-win ทั้งสองฝ่าย เอาแบบ Engadget เหมือนคห.แรกนั่นละ
ก็เพราะต้นตอไม่มีใครรู้จักนั่นละครับ ที่จะยืนยันความน่าเชื่อถือของข่าว
ถ้าพูดประเด็นนี้ ใครๆ ก็ไปเขียนอะไรใส่เว็บตามที่ตัวเองคิดแล้วก็เอาลิงก์มาลงใน BN ก็ได้หนึ่งข่าวแล้วนะครับ
อยากให้หน้าแรกบล็อกนันเป็นข่าวค่ะ ไม่ใช่บทความ เข้าใจว่า ที่จะลิงก์ไปบล็อกส่วนตัวนั้น ส่วนใหญ่เป็นบทความ? เพราะคงน้อยที่จะมีใครไปรู้ข่าววงในบริษัทต่างๆโดยไม่ผ่านเว็บอื่นก่อน?
สรุป ข่าวก็ข่าว อ่านมาจากไหนก็ลิงก์ไปที่นั่นแหละ บทความจากบล็อกส่วนตัว จะลิงก์ก็ลิงก์ไป แต่ไม่น่าจะมาอยู่ในส่วนข่าว
--- just my $0.02 Nice - SE7ENize
@NiceThai