นักวิทยาศาสตร์ได้ยืนยันเป็นครั้งแรก ว่าสารพันธุกรรมตั้งต้นของสิ่งมีชีวิต ซึ่งพบอยู่ในชิ้นส่วนของอุกกาบาต มาจากนอกโลก การค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่าโมเลกุลของดีเอ็นเอและอาเอ็นเอ เริ่มต้นมาจากดาวดวงอื่น การค้นพบครั้งนี้ตีพิมพ์ในวารสาร Earth and Planetary Science Letters
นักวิจัยทั้งจากยุโรปและสหรัฐ ต่างมีหลักฐานในการสนับสนุนงานวิจัยชิ้นนี้ โดยเฉพาะโมเลกุลของ ยูเรซิล (Uracil) และแซนทิน (Xanthine) ซึ่งทั้งคู่ต่างเป็นโมเลกุลตั้งต้น ในการสร้างดีเอ็นเอและอาเอ็นเอ หรือที่รู้จักกันในชื่อ นิวคลีโอเบส (Nucleobases) โดยที่ทั้ืงสองโมเลกุล ถูกค้นพบในขิ้นส่วนของอุกกาบาตที่ชื่อ Murchison ซึ่งตกที่ออสเตรเลียเมื่อปี 1969
จากการทดสอบ นักวิทยาศาสตร์พบโมเลกุลของคาร์บอนหนัก ซึ่งจะพบได้เฉพาะในอวกาศเท่านั้น ซึ่งต่างจากบนโลกที่จะมีเพียงคาร์บอนขนาดเบาเท่านั้น
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล (Imperial College) ได้รายงานว่า ยังมีหลักฐานอื่นๆ ที่สามารถอธิบายการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ในระยะเริ่มต้นได้ โดยในช่วง 3.8 ถึง 4.5 พันล้านปีที่แล้ว เป็นช่วงที่มีอุกกาบาตตกลงมาบนโลกมาก ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับสิ่งมีชีวิตเริ่มต้นขึ้นบนโลก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า สิ่งมีชีวิตในระยะแรก สามารถรับนิวคลีโอเบสจากอุกาบาต มาใช้เป็นรหัสพันธุกรรม และส่งผ่านความสามารถต่างๆ ไปยังรุ่นถัดไปได้
งานวิจัยชิ้นนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญ ในการนำไปสู่ความเข้าใจการเกิดขึ้นของสิ่งมีชีวิต
Comments
สรุปแล้ว พวกเราคือ alien นั่นเอง? lol
Scientology กันเลยดีมั้ย?
Nice - SE7ENize.com
@NiceThai
um..the truth is out there. confirm!
Rerng®IT
protoculture!
Marcross Frontier สนุกมาก ขอบอก
http://www.duocore.tv
Preserver!
so earth is not our truly home..
ชักจะใกล้ๆกับที่ Mission to Mars ว่าไว้ซะแล้ว
ถ้าโมเลกุลของดีเอ็นเอและอาเอ็นเอ เริ่มต้นมาจากดาวดวงอื่น แล้ว ดีเอ็นเอและอาเอ็นเอ เริ่มต้นบนดาวนั้นมาจากไหนล่ะ? -------------------------------------------- AnnoMundi's Weblog
อจินไตย
ผมค่อนข้างพอใจกับโลกสมัยใหม่ที่คิดไปถึงเรื่องธรรมชาติของสิ่งต่างๆ มากกว่าเพื่อจะหลุดพ้นนะ
PoomK
คนสมัยก่อน สงสัยว่านอกขอบฟ้ามีอะไร...คนสมัยนั้นคงบอกว่า อจินไตย
แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่านอกขอบฟ้ามีอะไร มีอวกาศมีดาวดวงอื่น ไม่ใช่อจินไตย
ดังนั้น ผมคิดว่า .. ดีเอ็นเอและอาเอ็นเอ เริ่มต้นบนดาวนั้นมาจากไหนล่ะ? .. เราจะรู้คำตอบสักวัน
vote ครับ :)
พวกเราอยู่บน "ชั้น 13" (13th floor)
---------- iPAtS
iPAtS
ยังไม่เคยรู้สึกอย่างนั้นนะ เพราะยังไม่เคยเห็น death pixel :P
ไม่เข้าใจค่ะ อธิบายที >_<
Nice - SE7ENize.com
@NiceThai
เป็นหนัง sci-fi เรื่องนึงครับ คล้ายๆ the matrix เรื่องการที่เราอยู่ในโลกจำลอง แต่ในเรื่องนี้ มนุษย์จำลองโลกขึ้นมาเอง แล้วไอ้คอมพิวเตอร์ที่ใช้จำลองโลกเนี่ย มันอยู่ชั้น 13
http://en.wikipedia.org/wiki/The_Thirteenth_Floor
---------- iPAtS
iPAtS
หรือว่าเราเป็นลูกหลานของ Jenova ???
รวมฟรีแวร์: dFreeware
อันนี้กำลังหาแนวร่วมอยู่: ThaiiPhoneDev
ถ้าเช่นนั้น เราควรเปิดร้านหมี่หยก และเอาบรรพบุรุษมาทำผงชูรส
แล้วใครจะเป็นพระเอก อิอิ
au8ust.org
บางทีใครบางคนในนี้อาจมาจากดาวนาบูก็ได้
เราก็คงมีพันธ์คล้ายกับเอเลี่ยน ที่แยกตัวตางหาก และเกิดการลอยมาจากอวกาศ และพัฒนาสายพันธ์ต่างๆ เริ่มตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ และจนมาถึงทุกวันนี้
mc,
ในปกติ เราจะมีสันชาติญานในการเอาอยู่รอด
แต่เมื่อรวมกลุ่ม เราก็ต้องใช้สมองอีกส่วน กดสัญชาติญานนั้นไม่ให้ปลดปล่อยออกมา
ไม่น่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
ผมไม่ช่าย เอเลี่ยนน้าาาา กรี๊ดๆๆๆๆ
อิอิ......
สรุปแล้ว ทุกอย่างอาจจะเกิดมาจากสิ่งเดียวกันก็ได้ นะคับ
แบบว่า...มีอะไรอยู่สักอย่างเมื่อนานมาแล้ว แล้วมันเกิดระเบิด(ตูมมมม)
แล้ว ก็แยก กระจายกันไปเป็น ดาวโลก ดาวลาก ดากลูก ดาว???
แล้วก้เกิดสิ่งมีชีวิต ขึ้น
ง่า.... แบบนี้ป่าวง่าจิตนาการเยอะจริงๆๆ ไปดีกว่า กิ๊วๆ
ระเบิดตู้มมม กลายเป็น... โกโก้คลั้นซ์
เอเลี่ยนเอาเผ่าพันธุ์มนุษย์มาปล่อยบนโลกเพื่อทดลองอะไรบางอย่าง >,< แล้วแวะมาแอบดูเป็นพักๆ อย่างที่เราได้เห็น UFO ไง :p
ยืมไปเล่าหน่อยน๊า
Homeworld!
Random Nonsense
Guyver กับ Xel'Naga นี่ก็ใช่นะ จะว่าไปมีหลายเรื่องแฮะ
เราอาจมี bug อยู่ก็ได้ ทำให้อยู่ร่วมกันแบบมีความสุข เหมือน ยูทูเปียไม่ได้
บางทีค้นไปเรื่อยๆ เราอาจไม่เหลือความเป็นพันธะทางชีวะเคมี อาจเป็นเพียงพันธะทางข้อมูลก็ได้ ข้อมูลมหาศาลโยงๆกันไปมา โลก มิติที่เราอยู่ก็เป็นเพียงโปรโตคอลรูปแบบหนึ่ง เพื่อใช้ในการแลกเปลียนข้อมูลกัน
เราเกิดจากมนุษย์ต่างดาวหรอเนี้ยยย
Marcross Frontier นุกจิงๆๆ
ที่คนโบราณบอกว่าเป็น อจินไตย ไม่ใช่ว่าคนโบราณไม่รู้ แต่เพราะ รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาจิตใจ ให้ไปถึงที่สุดแห่งการเวียนว่ายตายเกิด
ส่วนกำเนิดของโลกนั้น มีอยู่ใน พรหมชาลสูตร ที่ท่านทำนายอนาคตของกัปนี้ไว้ว่าจะถูกทำลายด้วยไฟ ซึ่งเกิดจากการแบ่งตัวภายในดวงอาทิตย์ หลุดออกมาเป็นดวงใหม่
นับรวมกันได้ถึง 7 ดวง
และได้มีการขยายความไว้ในนิทานของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ดังนี้
รวมความว่าความร้อนของดวงอาทิตย์ มีความร้อนต่ำกว่านี้ไม่มี มีแต่ทวีสูงขึ้น จุไรกราบทูล ถามพระว่า “ดวงอาทิตย์นี่ใครสร้าง” พระท่านก็บอกว่า “อย่าไปถามเลยเรื่องของธรรมชาติ ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนสร้าง มันเกิดของมันเองตามสภาพของมัน จะถือว่ามีชีวิตจิตใจก็ม่ไช่ ถ้าถามถึงคนสร้างไม่มีใครสร้างแน่” แล้วเธอก็ถามพระว่า “ตามที่ผู้ใหญ่เคยเล่าให้ฟังว่า กัปแห่งโลกมนุษย์เมื่อใกล้จะหมดกัป จะมีไฟบรรลัยกัลป์เกิดขึ้นต่อไป จะมีพระอาทิตย์ขึ้นเป็นดวงที่สอง แล้วก็ดวงที่สาม แล้วก็ดวงที่สี่ ดวงที่ห้า ดวงที่หก แล้วก็ดวงที่เจ็ด ตอนนั้นไฟจะลุกท่วมโลก จะไหมโลกทั้งหมด เป็นความจริงไหม”
พระก็ตอบเธอว่า “เป็นความจริง” แล้วเธอก็ถามว่า “อาทิตย์ดวงที่ ๒ ถึงดวงที่ ๗ เวลานี้อยู่ที่ไหน” พระท่านก็ตอบว่า “เริ่มก่อตั้งแล้ว แต่ความสมบูรณ์แบบยังไม่มี มันค่อยๆก่อตัวขึ้น ดวงที่ ๒ จะเต็มดวงก่อน ความร้อนจะเริ่มเผาผลาญโลกมนุษย์ต่อไป ต่อไปก็ดวงที่ ๓ ดวงที่ ๔ ดวงที่ ๕ ดวงที่ ๖ ดวงที่ ๗ เพียงแต่ ๒ ดวงก็ปรากฏว่าน้ำในมหาสมุทรแห้งหมดแล้ว สัตว์ก็ตายหมด เมื่อความร้อนปรากฏทุกดวงอย่างนี้ สิ่งทั้งหลายที่แห้งจะกลายเป็นไฟลุกท่วมโลก
รวมความว่าโลกมนุษย์ต้องสลายตัว คือคนก็ตายหมด น้ำแห้งหมดสัตว์ก็ตายหมด ต้นไม้ก็ไหม้หมดเป็นโลกที่กลายเป็นดินถูกเผาผลาญ คือดินถูกเผาจะมีความหอมระอุขึ้นมา ตอนนั้นก็ถือว่าสิ้นกัป หลังจากนั้นไปจุไรก็กราบทูลพระว่า “เมื่อสิ้นกัปแล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป” พระท่านก็บอกว่า “นั่นมันเรื่องที่หลัง” แล้วผู้ที่จะมาเกิดในกัปนี้ ชุดแรกเป็นพรหม (พรหมชั้นอภัสสรา ซึ่งมีแสงสว่างในตัวเอง) พรหมที่หมดบุญวาสนาบารมีในการเป็นพรหม คือว่าหลังจากที่ไฟไหม้หมดแล้วไฟดับฝนก็ตก ทำน้ำในมหาสมุทรให้เต็ม น้ำในคลองบึงหนองเต็มหมด ดินก็ชุ่มชื้นไปด้วยน้ำ พืชพันธุ์ธัญญาหารบางอย่างเริ่มเกิดขึ้น
ตอนนั้นพรหมที่หมดบุญวาสนาบารมีหาพ่อแม่เกิดไม่ได้ ก็อยากจะกินง้วนดิน ลงมากินง้วนดินเพราะดินหอมจากไฟเผา ร่างกายก็เลยหนักมีเนื้อมีหนังขึ้นมา ในระหว่างตอนแรกพรหมพวกนี้ยังไม่มีเพศ ยังไม่มีความเป็นผู้หญิง ยังไม่มีความเป็นผู้ชาย พระอาทิตย์ก็ยังไม่ปรากฏในเวลานั้น ไม่ทราบพระอาทิตย์หายไปไหน
จุไรก็ถามว่า “พระอาทิตย์ตั้ง ๗ ดวงหายไปไหน” ท่านก็บอกว่า “ ๖ ดวงสลาย ตัวดวงเดิมที่ปรากฏก็จะอยู่ห่างมาก ยังลอยเข้ามาไม่ใกล้กัน ดวงเดิมนี่ทรงตัวไม่ได้สลายตัวไปด้วย ดวงที่สลายตัวก็ไม่ได้แตก เพียงแต่ว่าความร้อนกระแสไฟภายในดับมีความเยือกเย็นตามเดิมแต่ว่าดวงเก่านี่ก็มีกระแสไฟอ่อนลง มีความร้อนแต่น้อยลง ฉะนั้นยังไม่เผาผลาญโลกให้บรรลัย ไม่เหมือนเก่า”
หลังจากนั้นบรรดาพรหมทั้งหมด ที่มาเกิดเป็นคน มากินง้วนดินก็กลายเป้นคนมีเนื้อมีหนังขึ้นมา อาศัยที่บุญบารมียังมีอยู่ยังไม่มีเพศ ยังไม่มีการเสพกาม ตัณหาอุปทาน ยังไม่ปรากฏ แสงสว่างจากตัวก็ยังมี ไปที่ไหนก็มีแต่แสงสว่าง เหมือนกับมีพระอาทิตย์ตอนฟ้าสางตอนเช้า แล้วก็สว่างมาก แต่ไม่มีดวงอาทิตย์ไม่มีความร้อน มีความสุขเพราะอาศัยบุญยังมีมาก อาหารการบริโภคที่ปรากฏก็เป็นอาหารสำเร็จรูป
รวมความว่ากินง้วนดินกันมาเรื่อยๆ ต่อไปง้วนดินความสุขค่อยๆสลายตัว พืชก็เกิดขึ้นที่เป็นอาหาร ข้าว เกิดขึ้นข้าวก็เป็นเม็ดข้าวสาร เพราะบุญ เก็บข้าวมาแล้วก็มาหุงมาต้มได้ทันทีทันใด กับข้าวที่จะพึงกินก็ไม่ต้องหา นึกอยากจะกินอะไรอย่างนั้นก็เกิดเพราะบุญเก่า รวมความว่าหลังจากนั้นมาโลกก็มีความเยือกเย็น ต่อมาภายหลังความเป็นเพศปรากฏขึ้น คือมีเพศหญิงเพศชาย ก็อยากจะมีสามีภรรยามีผัวมีเมียอารมณ์อย่างนี้ เกิดขึ้น แสงสว่างในกายก็ดับ เมื่อแสงสว่างในกายดับ โลกก็ดับแสงสว่างในโลกก็ดับเกิดความมืด
บรรดาคนทั้งหลายเหล่านั้นก็ตกใจว่ามืดเสียแล้ว ต่อจากนั้นไปแสงอาทิตย์ก็ปรากฏ ความสว่างปรากฏขึ้นเธอก็ดีใจ แต่พระอาทิตย์เกิดขึ้นไม่นานตอนเย็นก็ลับหายไป พวกเขาก็ตกใจว่าโลกจะมืด ต่อนั้นมาพระจันทร์ก็ปรากฏ เป็นแสงอ่อนๆนวลมีความเย็นสว่างเธอก็ดีใจ พระจันทร์เดิมทีเดียวเขาเรียกว่า “ฉันทะ” แปลว่า “ดีใจ พอใจ” แต่ตอนหลังเรียกเพี้ยนกันมาว่า เป็น จันทระ
ก็รวมความว่าเรื่องราวของพระอาทิตย์ก็ดี ความเป็นมาของพระจันทร์ก็ดี เล่าโดยย่อเพียงเท่านี้ ขอบรรดาลูกหลานทั้งหมด อย่าลืมว่า นี่เป็นนิทาน หลังจากนั้นพระก็เตือนจุไรกับแม่ ๒ คนกลับบ้านได้ เวลานี้ใกล้สว่างแล้ว ก่อนที่เธอจะลากลับ พระก็แนะนำว่า ทั้งแม่ก็ดีลูกก็ดีให้ทรงความดีไว้เหมือนเกลือรักษาความเค็ม
หากได้อ่านเต็ม ๆ ในพรหมชาลสูตร ท่านจะบอกไว้หมด ว่าเหตุอะไรเกิดเพราะอะไร เช่น
หลังจากง้วนดินหมดไป เิกิดต้นข้าวขึ้นมาแทน แต่ข้าวนั้นไม่มีเปลือกหุ้ม จึงนำไปหุงต้มได้ทันที ต่อมาความโลภเริ่มเกิด คือ
เมื่อความโลภเกิดขึ้น ข้าวจึงมีเปลือกหุ้ม ต้องลำบากมานั่งขัดสี
สรุปว่า จิตเป็นใหญ่ในโลก คือ ทุกสิ่งมันก็เกิดแต่จิตนั่นแหละ
เหมือนกับที่ไอสไตน์นั่งเถียงกับเพื่อนนักฟิสิกส์คนหนึ่งว่า
ถ้าเราลืมของไว้ในป่า แล้วไม่มีใครเห็น ไม่มีใครเก็บไป ไอสไตน์บอก
ของนั้นก็จะต้องอยู่อย่างนั้นน่ะแหละ ไม่ว่าเราจะได้ไปเห็นหรือไม่
เพื่อนเถียงว่าไงรู้ไม๊ เขาบอก ของนั้นจะมีอยู่ก็ต่อเมื่อคุณคิดว่ามันยังอยู่ !!
ประโยคแค่นี้เล่นเอาไอสไตน์หัวเสียไปเลย ว่ามันต้องอยู่สิวะ ก็ไม่มีใครเก็บไปนี่หว่า.. อะไรแบบนั้น
ซึ่งผมมองอย่างนี้
ไอสไตน์มองในแง่ ฟิสิกส์กายภาพ
แต่เพื่อนคนนั้น มองแง่ ฟิสิกส์ปรัชญา ซึ่งมันจะออกแนว ถ้าคุณยังยึดว่า
จบไหมคับกับคำว่า 'อจินไตย' ?
ส่วนนิทานข้างต้น สามารถเข้าไปอ่านได้ที่
http://www.palungjit.com/smati/books/jurai/sun.htm
แต่ผมไม่เห็นด้วยเรื่องฝากลิงก์ และผมก็ไม่ได้เข้าไปดู
เอาเป็นว่าแชร์เฉพาะเรื่องจริงด้านวิทยาศาสตร์ละกัน อย่างอื่นไม่ขอคอมเมนต์ เพราะเป็นความเชื่อส่วนบุคคล
นิทานที่คุณเล่าเรื่องไอสไตน์นั่นพอจะมีเค้าด้านวิทยาศาสตร์อยู่หน่อยๆ
ของที่ตกที่ว่านั่นเป็นตัวอย่างกรณีหนึ่งของ Schrödinger's cat
ไอสไตน์ไม่เคยเชื่อในทฤษฎีควอนตัม เค้าเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องอธิบายได้ แต่ไม่ใช่ด้วยหลักสถิติ
แต่ต้องตามหลักแบบคลาสสิค ถึงขนาดเคยกล่าวว่า "พระเจ้าไม่ทรงทอดลูกเต๋า"
ในช่วงหลังของชีวิต ไอสไตน์พยายามทดสอบสมมติฐาน (EPR paradox) แต่ผลกลับตรงกันข้าม ลองดูข้อมูลประกอบได้ที่ Albert Einstein
การคัดลอกเรื่องจากเว็บอื่นมาลงโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างนี้อาจจะมีปัญหาด้านลิขสิทธินะครับ รบกวนถ้าจะอ้างอิงข้อความของเว็บอื่นให้คัดมาเฉพาะ "ที่จำเป็น" แล้วใส่ลิงก์ไปแทน
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ok คับ
อีกหน่อยอาจจะค้นพบว่าเรากำเนิดมาจาก The Cube!
ผมกลัวว่าวันนึงเราจะตื่นขึ้นมาแล้วไหลลงไปตามท่อเหมือนนีโอน่ะซิ
มีคนแถวนี้กินเม็ดสีแดงไปแล้วครับ
onedd.net
ถ้าเป็นแบบนั้นต้องรีบหา The One :P
au8ust.org
พูดว่าลงท่อนี่ ไปนึกถึงอย่างอื่น -_-"
molecularck โม-เล-กุล่า-ซี-เค
sci news on foosci.com
http://www.digimolek.com
มาริโอ้น่ะหรือ
PoomK
อุกกาบาต สะกดผิดนะครับ ฝากแก้ด้วยครับ
http://itshee.exteen.com/ -- Can you upgrade Vista to XP Pro?
เืรื่องนี้น่าสนใจดี เพราะส่วนใหญ่จะคิดกันมาตลอดว่ามนุษย์ต่างดาวมาออกลูกออกหลานบนโลกนี้ แล้วก็จากไปปล่อยให้มนุษย์บนโลกนี้วิวัฒนาการต่อไป จนกลายเป็นมนุษย์แบบทุกวันนี้
ถ้าสิ่งมีชีิวิตบนโลกนี้เกิดขึ้นเพราะส่วนผสมจากสารพันธุกรรมที่มาจากอุกกาบาตจริง ก็แสดงว่าความน่าจะเป็นในการเกิดสิ่งมีชีิวิตนี่มันน้อยซะเหลือเกิน
Mr. PeeTai