ถึงแม้บิล เกตส์ จะวางมือจากงานประจำที่ไมโครซอฟท์ และหันไปทุ่มเวลาให้กับมูลนิธิของเขาและภรรยา แต่ว่าจริงๆ แล้วเกตส์ยังไม่ตัดขาดจากไมโครซอฟท์เสียทีเดียว นอกจากยังคงตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารของไมโครซอฟท์อยู่ เกตส์ยังจะมาเป็นที่ปรึกษาแบบพาร์ทไทม์ให้กับโครงการต่างๆ ของไมโครซอฟท์ด้วย
หลังจากวันที่ 30 มิถุนายนนี้ เกตส์จะพักร้อนไปชั่วเวลาหนึ่ง ก่อนจะกลับมาประชุมกับทีมผู้บริหารคนสำคัญซึ่งได้แก่ Steve Ballmer (CEO), Ray Ozzie (Chief Software Architect) และ Craig Mundie (Chief Research and Strategy Officer) ว่าจะใช้ความเชี่ยวชาญของเขาอย่างไรดี เกตส์ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Business Week ว่าบทบาทของเขาในอนาคตจะไปในทางลึกมากกว่าที่เป็นอยู่
โครงการที่เกตส์จะร่วมวงด้วยแน่ๆ คือ search engine ซึ่งไมโครซอฟท์ยังสู้กูเกิลไม่ได้ แต่เกตส์อธิบายว่าเขามีหน้าที่ให้คำแนะนำเท่านั้น ไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจ ส่วนอีกโครงการหนึ่งที่เกตส์แสดงความสนใจมานานคือ การใช้อินพุตแบบใหม่ๆ เช่น เสียงหรือสัมผัส ซึ่งหน่วยวิจัยของไมโครซอฟท์ได้มีผลงานอย่าง Surface ออกมาบ้างแล้ว
ที่มา - Business Week
Comments
เหอะๆแต่จริงๆแล้วด้วยความเกรงใจยังไง gates ก็ยังใหญ่อยู่ดี
อนาคตของไมโครซอฟท์จะเป้นไงหว่า.. พักหลังผลิตพันธ์ของไมโครซอฟท์ดูไม่หวือหวาน่าสนใจเท่าไหร่เลย ของเล่นไมโครซอฟท์อย่าง Surface ก็ออกช้า ปล่อยให้ตาเจฟเฟอร์สัน ฮาน ตัดหน้าออกก่อนตั้งนานเลยดูธรรมดาไปไม่ตื่นเต้นเลยเน่อะ วิสต้าก็ไม่ค่อยเป็นที่นิยม DirectX 10 ก็เลยหงอยตามไปด้วย Live ก็ไม่รู้ว่าอาการเป้นยังไงเพราะผมไม่เคยใช้ ..รึว่าเพราะคนใช้สินค้าเถื่อนไมโครซอฟท์มากไปทุนขับเคลื่อนวิจัยเลยไม่พอ แรงขับไม่พอ ปล่อยให้พวกที่มีไฟผุดขึ้นมาเป็นแซงหน้ากันเป้นว่าเล่น(อิอิ)
ไม่ใช่ว่า รอโปรเจ็คใหม่ๆของชาวบ้านออกมาแล้วรอก็อปเรอะ :P
ผมว่าไมโครซอฟท์ควรปรับกระบวนการคิดใหม่ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาโดนใจมากกว่านี้ โดยเฉพาะในเรื่องของความเสถียร ความปลอดภัยและความเป็นมิตรต่อผู้ใช้มากขึ้น อะไรที่ตัวเองไม่ถนัดก็ไม่น่าเข้าไปยุ่มย่ามมากมาย สิ่งที่ถนัดและเชี่ยวชาญอยู่แล้วก็น่าจะทำให้มันดีกว่าที่เป็นอยู่
ดูอย่าง Apple ที่ยังตั้งเป้าไว้เลยว่า Max OS X 10.6 Snow Leopard จะไม่เพิ่มฟีเจอร์อะไรมากมาย แต่เน้นปรับปรุงคอร์ของระบบเพื่ออนาคตที่ดีกว่า ขนาดว่า OSX เสถียรกว่า Windows แล้วยังคิดที่จะปรับปรุงคอร์ของตัวเอง ถึงคราที่ Windows ต้องปรับปรุงคอร์ของตัวเองเสียทีหรือไม่?
ยืม Think Different ของตาจ๊อบไปใช้ก็ได้นะ ฮา...
รวมฟรีแวร์: dFreeware
อันนี้กำลังหาแนวร่วมอยู่: ThaiiPhoneDev
เห็นด้วยครับ จับหลายอย่างเกินไปครับ เลือกที่ต้นเองถนัดแล้วทุ่มสุดตัวไปเลยดีกว่าครับ ---- ดาวนับล้านลอยอยู่บนท้องฟ้า จะมีไม่น่าที่ลอยอยู่เองเฉยๆ อย่าท้อแท้ที่จะเรียนรู้ และจงเป็นครูสอนผู้อื่นต่อ
ขาดดวงเศรษฐีไป คงหมดยุค M$ แล้วล่ะ ที่เหลือต่อไปนี้คือประคองตัว ต่อไปคงแตกเป็นบริษัทย่อย ๆ
ผมว่าคุณ pt น่าจะสนใจเว็บโหราศาสตร์มากกว่าเว็บไอทีนะครับ
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ผมสนใจ ในสิ่งที่ผมสนใจ ในมุมมองที่เป็นตัวของตัวเอง
และผมภูมิใจที่เป็นเช่นนั้น ส่วนใครจะ rate +- อย่างไร ล้วนเป็นสิทธิ์ของคน ๆ นั้น
และเป็นสิ่งสะท้อนให้ผมได้รับทราบประกอบการพิจารณา แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้อง comment ให้มัน 'เข้ากับคนอื่นได้'
ผมไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น และไม่รู้จะทำอย่างนั้นเพื่ออะไร เพราะผมไม่ได้มีเป้าหมาย ว่าจะต้องทำให้ตัวเองได้รับการยอมรับ หรือได้รับการประณามจากใคร
ผมเป็นคนรู้น้อย จึง comment ได้เท่าความรู้และแง่มุมที่ตัวเองมี
ส่วนใครจะรังเกียจหรือชื่นชม ย่อมเป็นการกระทำและความรับผิดชอบของคนคนนั้นเอง เพราะผมไม่ได้คาดหวังใด ๆ แต่แรกแล้ว
อนึ่ง ถึงผมจะเรียนมาน้อย แต่ก็ไม่ได้มีความจำเป็นใด ๆ ที่ผมจะต้องหลีกทางให้กับคนที่รู้มาก เพราะขึ้นชื่อว่าความรู้ ส่วนใหญ่ก็จะน่าสนใจทั้งนั้น คนที่รู้มากจึงเป็นคนที่น่านับถือ
แต่สิ่งที่ผมจะต้องกลัว คือ คนที่รู้ไม่จิงแล้วเข้าใจว่าตัวเองรู้จริงมากกว่า เพราะถ้าผมได้รับความรู้ที่ผิด ๆ แล้วเชื่อตาม ๆ กันไป โดยไม่พินาไตร่ตรองให้ดี มันอาจสร้างความเสียหายต่อการดำเนินชีวิตได้
ส่วนการ comment ของผม เนื่องผมไม่ได้ตั้งไว้ในใจว่า เมื่อคุยเรื่องนั้น ต้องใช้ความเห็นในศาสตร์นั้นเท่านั้นในการแก้ปัญหา เช่น เมื่อพูดถึงเทคโนโลยี ต้องตอบด้วยวิชาวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ เมื่อพูดถึงการจัดการองค์กร ต้องตอบด้วยวิชาบริหารธุรกิจเท่านั้น
คำตอบของผมจึงออกมาได้หลากหลาย ซึ่งอย่างน้อยมันก็พอจะเข้าใจได้ในแง่ของตรรกศาสตร์ เพียงแต่ความรู้ของแต่ละคนจะได้รับมาอย่างเดียวกันหรือเปล่า ก็เท่านั้น
ส่วนการยอมรับในวิทยาศาสตร์นั้น ผมยอมรับในสิ่งที่ผมเห็น เช่น การพัฒนาคอมพิวเตอร์ การสร้างตึกสูงและโครงสร้างขนาดใหญ่ การแพทย์และสาธารณสุข
แต่ถ้าเป็นในส่วนของทรรศนะเกี่ยวกับโลก กำเนิดชีวิต และจักรวาล ผมยังสงสัยและลังเลอยู่ ที่จะยอมรับในวิทยาศาสตร์
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ผมคิดว่าการแลกเปลี่ยนความรู้เป็นเรื่องที่ดีเสมอ และการตั้งคำถามกับทุกๆ เรื่องในทุกแง่มุม โดยใช้ศาสตร์หลายๆ ชนิดเข้ามาประกอบกัน ก็เป็นวิธีที่กำลังนิยมโดยทั่วไป (สังเกตจากช่วงหลังเราจะได้ยินคำว่า "บูรณาการ" เยอะมาก)
อย่างไรก็ตาม ความน่าเชื่อถือในการถกเถียง ย่อมมีผลมาจากว่าศาสตร์ที่เรานำมาสนับสนุนนั้น เป็นศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับในแวดวงนั้นๆ หรือไม่ด้วย
Blognone เป็นสังคมของคนที่เชื่อในวิทยาศาสตร์และตรรกะที่พิสูจน์ได้ (และเชื่ออย่างจริงจังด้วย) เราคงไม่ปิดกั้นการแสดงความเห็นในศาสตร์เฉพาะทางอื่นๆ ของใครๆ แต่ผมคิดว่า Blognone ไม่ใช่เวทีที่เหมาะสมในการคุยกันเรื่องนี้ครับ
ผมว่าไม่แน่นะครับ การที่มองเป็นโหราศาสตร์ (มีมาก่อนดาราศาสตร์ด้วยซ้ำ) ก็คือศาสตร์ทางสถิติอย่างนึง อย่างน้อยก็น่าสนับสนุนกว่าพวกที่ดึงเข้าไปเรื่องการเมืองนะครับ อันนั้นไม่ได้เพิ่มพูนความรู้ใดๆ เลย
หลายอย่างเราเรียกว่าฟลุ๊ค อาจจะมีคำอธิบายทางโหราศาสตร์ที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์เลยก็ได้ เพราะทุกวันนี้วิทยาศาสตร์ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด เพียงแต่คือสิ่งเดียวที่เราพึ่งพาได้มากที่สุดในตอนนี้ ดูอย่างแอปเปิ้ลช่วงไม่มีดวงของสตีฟจ๊อบสิครับ... ผมไม่ได้บอกว่าผมเชื่อเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อ ในเมื่อศาสตร์นี้อยู่คู่โลกมานาน ก็เป็นไปได้ว่าเป็นศาสตร์ที่มีความถูกต้องอยู่พอสมควรและก็มีความน่าเชื่อถือได้พอสมควร ถ้าเป็นแค่เรื่องลวงโลก ก็เป็นเรื่องลวงโลกที่ประสบความสำเร็จมากเ้รื่องนึงเลยทีเดีว
แต่ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้ กลับไปเนื้อหาของต้นตอ เค้าพลาดไปแค่ประโยคแรก ถ้าตัดออกซะ ก็คงไม่มี Feedback แบบนี้หรอก อาจจะพูดเล่นๆ แต่พอดีไปสะกิดต่อมไม่ขำเข้า...
แน่ไม่แน่ผมไม่มีปัญหาครับ ขอแค่ว่ามีหลักฐานมาสนับสนุนสิ่งที่ตัวเองพูด และเป็นหลักฐานที่พิสูจน์ได้เป็นพอครับ ถ้าเป็นสถิติจริง ก็ต้องมีข้อมูลสถิติมายืนยันครับ
เรื่องความเชื่อเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่พอเอาความเชื่อของตัวเองมาแสดง และ convince ให้คนอื่นเชื่อตาม มันไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคลอีกต่อไปแล้ว
สงสัยจะมาร่วมกับพันธมิตรฯ
เฮียบิลแกยิ่งใหญ่จริงๆ เพิ่งจะได้รู้วันนี้นี่เอง แกส่งผลให้คนเดือดร้อนทะเลาะกันได้โดยไม่ต้องทำอะไรและโดยไม่ต้องรู้ตัว เทพโคตรๆ...