ความเดิมตอนแรก มาต่อตอนที่สองกันเลย สำหรับตอนนี้ผมได้เข้าห้องแยกของแต่ละเทคโนโลยีเฉพาะทางอีก 4 ห้อง
ห้องแรกสุดเป็นเรื่อง Android ของ Mike Jennings คนเดิมที่เปิดตัว Android Phone ไปเมื่อคราวก่อน
สื่อประกอบการบรรยาย มีทั้งสไลด์และวิดีโอ
เนื้อหาที่พูดไม่มีอะไรใหม่นัก เป็นเรื่องพื้นฐานว่าทำไมกูเกิลถึงทำ Android ซึ่งคำตอบคือกูเกิลต้องการแพลตฟอร์มมือถือแบบเปิดจริงๆ ที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้
สถาปัตยกรรมทางเทคนิคของ Android อ่านในตอนก่อน Android Developer Challenge - โอกาสทองของเด็กไทย ท่ีเปลี่ยนไปชัดเจนจาก Android เวอร์ชันแรกๆ คือ XMPP โดนตัดออกไปด้วยเหตุผลด้านประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม Jennings บอกว่าถ้าคุณอยากได้ XMPP ก็เขียนใส่เข้าไปเองได้เลย
กูเกิลบอกว่าการพัฒนาโปรแกรมบน Android นั้นทำได้ง่ายและทรงพลัง
Mike Jennings ย้ำว่าการลงโปรแกรมบน Android สามารถทำได้หลายวิธิี ไม่จำกัดเฉพาะ App Store เหมือนของ iPhone อาจจะเป็นดาวน์โหลดผ่านเบราว์เซอร์ของ Android, ส่งทาง USB หรือ SD card ก็ได้
ส่วนนำเสนอของ Jennings จบเร็วมาก ที่เหลืออีกเกือบชั่วโมงเป็นการตอบคำถาม ซึ่งคนถามแต่ละคนยิงคำถามกันโหดมาก (Jennings บอกว่าโหดที่สุดที่เคยเจอ) ผมเองก็แจมไปด้วย 2-3 คำถาม คัดเอาคำตอบมาแบบสรุปๆ
ปิดท้ายด้วย เจ้าหุ่น Android ของจริง
สไดล์
วิดีโอ
session นี้เล่าถึง App Engine ในภาพรวม ไม่ค่อยมีอะไรใหม่นัก
session นี้ผมนั่งอยู่ไกลมากๆ ไม่มีภาพสไลด์ มีแต่วิดีโอที่กูเกิลถ่ายไว้เอง
เชื่อว่าหลายคนคงเคยเล่น Google Chart API กันมาแล้ว อันนี้เป็นภาคต่อ Google Visualization API จะช่วยให้เราทำ visualization แบบเดียวกับ Google Finance ที่มีกราฟแสดงหุ้น หรือ gadget ใน iGoogle ได้ วิธีการแสดงผลมีหลายชนิดมาก ทั้งใช้แผนที่จาก Google Maps มาประกอบ หรือถ้าเป็นตาราง spreadsheet ก็สามารถทำ pivot table ได้ (ดูตัวอย่าง ง่ายกว่า)
ปัจจุบัน Google Visualization API ยังสนับสนุนเฉพาะข้อมูลที่อยู่ใน Google Spreadsheet
เอนจินสำหรับจาวาสคริปต์ที่ร้อนแรงที่สุดในตอนนี้ คนพูดคาดว่าเป็นทีมของกูเกิลในเดนมาร์กตามข่าวของ Chrome
สไลด์
วิดีโอ
session นี้พูดถึงเหตุผลที่กูเกิลต้องพัฒนาเอนจินจาวาสคริปต์ขึ้นมาเอง ซึ่งก็คือเอนจินเดิมๆ มีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพ ไม่เพียงพอต่อความต้องการของกูเกิล ส่วนเทคนิคที่นำมาใช้เร่งความเร็วก็เป็นเทคนิคในวงการเวอร์ชวลแมชีนและคอมไพเลอร์ (บางอันผมก็ฟังไม่เข้าใจนัก) ถ้าดูในสไลด์หรือวิดีโอ เทคนิคสำคัญคือการสร้างคลาสจำลอง (hidden class - จาวาสคริปต์ไม่มีคลาส) เพื่อเวลาที่สร้างตัวแปรลักษณะเดียวกัน จะได้ไม่ต้องจองหน่วยความจำหรือประมวลผลใหม่
ในงานนี้ยังมีห้องอื่นที่น่าสนใจอีกมาก แต่ด้วยข้อจำกัดด้านเวลาผมเลยเลือกฟังได้แค่ 4 ห้อง ถ้าสนใจหัวข้ออื่นอย่างเช่น Google Maps, Gears, OpenSocial, Google Data API ลองดูวิดีโอได้จาก YouTube เป็นของกูเกิลถ่ายเองทั้งหมด ภาพชัดเสียงดี ตัดสไลด์ประกอบเป็นระยะ แถมมีเวอร์ชันความละเอียดสูงอีกด้วย
Comments
ผมว่า SLA ของ app engine เป็นเรื่องด่วนที่ต้องทำเหมือนกันนะ
ผมคุยกับหลายๆ คนก็ได้อารมณ์ประมาณกันว่า App Engine ยังเป็นเหมือนห้องทดลองขนาดใหญ่ของกูเกิลอยู่ ยังไม่เหมาะกับการเอางานจริงไปรัน เพราะติดเงื่อนไขโน่นนี่มากมาย เช่น ขนาดไฟล์ เวลาที่รัน ไลบรารี ภาษา รวมถึง SLA แถมยังพังเป็นระยะๆ คงต้องรออีกสักพักกว่าจะนิ่ง หรือไม่อย่างนั้นก็ใช้ S3/EC2 ไปก่อน
SLA เป็นเรื่องคำมั่นสัญญา เห็นด้วยครับว่า App Engine ยังเป็นห้องทดลองอยู่ ถ้าเริ่มใช้ SLA แล้วทำไม่ได้ตามสัญญาคนก็หมดความเลื่อมใส แถมโดนค่าปรับสำหรับลูกค้า Premium ด้วย ที่ผ่านมา Gmail กับ Google Apps ก็ล่มมาแล้วครับ ดังนั้น Google เลยต้องระวังในเรื่องคำมั่นสัญญา
Sivadon Chaisiri (JavaBoom)
http://javaboom.wordpress.com
My Blog
อยากไปฟัง่ง คงต้องนั่งดูจาก youtube แทน
V8 กับ visual api น่าสนใจดีครับ
---
Khajochi Blog : It's not a Bug ... It's a Feature
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com