ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เสียแล้วกับประเด็นความรุนแรงในเกมและเหตุกราดยิงในสหรัฐฯ หลังจากก่อนนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยกประเด็นเกมมาพูดในการประชุมหารือเพื่อแก้ปัญหาเหตุกราดยิง โดยบอกว่าความรุนแรงในเกมมีส่วนหล่อหลอมเยาวชนให้เป็นคนมีความคิดรุนแรง ล่าสุดทรัมป์เตรียมเชิญผู้ผลิตเกมมาเจรจาถึงประเด็นดังกล่าว
Sarah Huckabee Sanders เลขาธิการทำเนียบขาวยืนยันว่า การประชุมระหว่างทรัมป์ กับ Entertainment Software Association หรือ ESA สมาคมที่มีสมาชิกเป็นผู้ผลิตเกมและซอฟต์แวร์ต่างๆ จะจัดขึ้นในวันที่ 8 มีนาคมนี้
ในการแถลงการณ์ของ ESA ระบุว่า ยังไงก็ยืนยันว่าเกมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในโลกจริง เกมมีผู้เล่นทั่วโลก แต่สหรัฐฯมีความรุนแรงที่เกิดจากปืนสูงกว่าประเทศอื่น
ESA ระบุเพิ่มเติมว่าในการประชุมครั้งนี้ เป็นโอกาสอันดีที่ ESA จะได้ให้ข้อมูลการจัดเรตติ้งเกม คำมั่นสัญญาที่อุตสาหกรรมเกมมีต่อพ่อแม่ผู้ปกครอง
ภาพจาก Shutterstock
ที่มา - Engadget
Comments
อ้อ ... สนับสนุน การขายปืนจริง แล้วไปโทษเกมส์เอาก็ได้ logic แบบนี้มันเลียบแบบประเทศอะไรมาเนี่ย ทำไมมันคุ้นๆจัง
อันนี้คุณพูดขัดกับความเป็นจริง นโยบายขายปืนอิสนะ ไม่สัมพันธ์กับการเกิดอาชญากรรมมากขึ้น
เราต้องยอมรับความจริงใน killing simulator เหล่านี้
ว่าปืนได้ที่ไหนล่ะครับ ก็เขาได้เงินสนับสนุนจากบริษัทค้าอาวุธ
สงสัยจะแบนเกมไม่แบนปืน
ถ้าเกมส์เหล่านั้นเป็นออนไลน์มาจากประเทศอื่นแล้วจะห้ามได้ไหม
อันนั้นคงเข้าทางเลยครับ
เกาหลีใต้ , จีนนี่รายใหญ่ของโลกเลยครับ ได้ข้ออ้างในการรุกรานเพิ่มอีกข้อล่ะ ทรัมป์แม่งเก่งจริงๆ
คือแกตั้งธงไปแล้วไงว่าไม่ได้ผิดที่กฎหมายเรื่องปืน เลยต้องมาหาจำเลยอื่น ซึ่งเกมนี่ก็เป็นจำเลยสังคมด้านความรุนแรงมาโดยตลอดอยู่แล้วอีก แต่ก็นั่นแหละ "เกมมีผู้เล่นทั่วโลก แต่สหรัฐฯมีความรุนแรงที่เกิดจากปืนสูงกว่าประเทศอื่น"
สมมุติเกมส์ทำมาจากเรื่องราวสงครามที่อเมริกาเคยทำมา...แบบนี้ต้องโทษใครครับ?
เรียกบริษัทผู้ผลิตอาวุธเข้าไปพูดคุยด้วยก็ดีครับ ต้องออกแบบอาวุธให้ดูน่ารักและเป็นมิตรให้มากกว่านี้ ส่วนเรื่องเกมส์เนี่ย ต้องยอมรับว่ามันก็ส่งเสริมความรุนแรงแน่นอนอยู่แล้ว ซึ่งก็อยู่ที่ตัวคนรับด้วยว่าจะซึมซับเข้าไปมากน้อยแค่ไหน และตัวเกมส์เองก็ยังมีการเอาไปใช้ฝึกทหารจริงๆ อยู่เลย นั่นก็แสดงว่ามันสามารถเอาไปใช้งานจริงได้ ฉะนั้นก็คงต้องมีการเฝ้าระวังในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
เปลี่ยปืนเป็นสีพาสเทล เพราะจะทำให้ดูซอฟท์ๆแบ๊วๆ
ใส่กลิ่นคอตตอนแคนดี้/ลาเวนเดอร์ ขณะลั่นไกเพิ่มความฟรุ้งฟริ้งผ่อนคลาย
มีเสียงหัวเราะคิกคักของเด็กสามขวบเมื่อทำการโหลดกระสุนลดความเครียดของผู้ถูกยิง
//ขอแบบนี้นะฮะ
ต่อไปคงมีดวลปืนในโรงเรียน ล่าสุดได้ข่าวว่ากำลังผ่านกฎหมายอนุญาติให้ครูพกปืนในโรงเรียนได้ วิธีแก้ปัญหาแบบคาวบอยนักธุรกิจอาวุธ คงโทษใครไม่ได้หรอกถ้าความรุนแรงมันจะเพ่ิ่มขึ้นไปอีก
ถามจริงๆ คนเป็นครูจะยิงเด็กลงได้เหรอครับ ผมเชื่อว่าถ้าเป็นครูไทยนี่เหนี่ยวไกไม่ลงแน่ๆ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด จะช่วยกันรวบตัวหรือทำให้หยุดความรุนแรงอะไรก็แล้วแต่ แต่ไม่ใช่ยิงเด็กแน่ซึ่งมันเลวร้ายอย่างที่สุดแล้วสำหรับความเป็นครู
แต่ถ้าในอเมริกาให้ครูพกปืนได้ แล้วครูใช้ปืนยิงเด็กที่กราดยิงได้ลงคอ ก็บันเทิงกันแล้วล่ะครับประเทศนี้ แก้ปัญหากันได้แบบ.....มาก
แก้ปัญหาเรื่องปืนในอเมริกาง่ายนิดเดียว แก้รัฐธรรมนูญห้ามพกปืน ...จบ แต่แน่นอนว่ามันไม่ง่ายอย่างที่พูดแน่ๆ ก็ปล่อยให้เค้าอยู่กันแบบนั้นไป ประเทศคาวบอย ไม่ได้พัฒนาแล้วอย่างที่สร้างภาพหรอก
ภาพตัดกลับมาที่ กองทัพอากาศสหรัฐเป็นสปอนเซอร์การแข่งขันเกม
CSGO
เค้าส่งคนมาดูงานแถวๆ นี้หรือเปล่า? ทำไมวิชาปัดสวะออกจากตัวมันคุ้นๆจัง โทษได้ทุกอย่างยกเว้นตัวเอง
คือ ปืนใน USA มีมานานแล้ว
แต่เหตุกราดยิงเพิ่งจะมาบูมเอายุควีดีโอเกมเกร่อ
จากมุมมองของ timeline นี้
ย่อมได้ข้อสรุปว่า เกม = ต้นเหตุ ของการเปลี่ยนแปลง
ขอ citation นิดนึงครับ
ยุคคาวบอยไม่หนักกว่าเหรอครับ
มีปมกับเกมหรอครับ?
?????
มันคงจะเคลมไม่ได้ว่า เกมส์คือต้นเหตุ
แต่มันก็ยังทิ้งไม่ได้เช่นกันว่าเกมส์คือสิ่งปลอดภัย 100%
ทรั้มแค่ ต้องทำอะไรสักอย่าง แค่นั้น
อุตสหกรรมเกมส์ นี่ยิ่งใหญ่กว่าอุตหกรรมหนัง ทำเงินมหาศาส มี eco system ที่กว้างไกล
อุตสาหกรรม ปืน มันคือชีวิตจิตใจของ คนอเมริกัน...
ตอนนี้แค่เรียกคุย ลดกระแส แค่นั้น แหละผมว่า
เกมมีผลแน่นอนอยู่แล้ว สมองคนเรามันซึบซับเรื่องพวกนี้เข้าไปทุกขณะเวลาเล่นเกมโดยไม่รู้ตัว เพียงแต่เมื่อซึบซับแล้วจะควบคุมหรือขับออกได้มากน้อยแค่ไหน บางคนควบคุมได้ดีก็ไม่มีปัญหา บางคนเข้าใจอย่างดีก็ไม่มีปัญหา แต่บางคนที่ไม่มีความสามารถเหล่านี้เมื่อเล่นเกมมาก ๆ ไปก็อาจจะเกิดปัญหาได้
แต่จะไปยกเลิกเกมทั้งหมดก็ไม่ใช่เรื่อง ดังนั้นการจัด rating ให้รัดกุมจึงเป็นสิ่งที่สมควรกระทำ
That is the way things are.
4chan กับ reddit จับมือไม่ยอมแน่นวล อิอิิอิ
แค่นี้ก็จบครับ
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ผมว่ามันคือวัฒนธรรมที่หล่อหลอมชองชาวอเมริกัน อย่างอังกฤษชอบสาดน้ำกรด
จะปฏิเสธว่าเกมไม่มีส่วนเลยก็ไม่ค่อยถูกต้องนัก อาจจะเป็นหนึ่งในหลาย ๆ เหตุผลที่ฟูมฟักจิตใจให้เป็นแบบนั้น แต่คำถามคือการแก้ปัญหาเรื่องเกมนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นใช่หรือไม่ แล้วค่อย ๆ แก้ปัญหาด้านอื่นไปทีละส่วน หรือว่าจะแค่โทษแต่เกมเป็นหลัก?
ความคิดเห็นผมคือมันไม่ใช่สาเหตุหลักแน่ ๆ แต่ข้ามสาเหตุหลักไปเหราะอะไรกันนะ...
กราดยิงแล้วโทษเกมดูจะเดินอยู่ทุ่งราเวนเดอร์ไปหน่อยนะครับ กลิ่นเลือดกลิ่นอายความตาย คนที่อยู่ในโลกเกมมาเจอของจริงฆ่าคนเดียวก็อ้วกแตกแล้ว คนทำได้มันจิตไม่ปกติหรือฆ่ามาอย่างเคยชิน ไม่ต้องเล่นเกมมันก็ฆ่าคนได้
ปล.ถ้าไดโนเสาร์ยังอยู่คงโดนล่าจนสูญพันธุ์แน่ๆเลยดูจากข่าวบน...
มันไม่ได้เกี่ยวกับเกมเลย จริงอยู่ว่าทุกสื่อมีผลต่อความคิดคน แต่คนเราปกติมันไม่ได้รับสื่อด้านเดียวไง เรารับทั้งความรุนแรงและสันติ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่รับสองด้านแต่มีผลแค่ด้านเดียว ยกเว้นแต่จิตใจไม่ปกติหรือรับสื่อแค่ด้านเดียว ซึ่งมันก็ไม่เกี่ยวกับเกมอยู่ดี
ปล.ไม่นับเยาวชนนะ เพราะเกมมันมีเรตติ้งของมันอยู่แล้ว ถ้าไม่ทำตามก็เป็นความผิดของผู้ปกครองอยู่ดี ไม่ใช่เกม
ทรัมป์มันฉลาดครับเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสไม่ใช่ทำได้ง่ายๆนะ มีเหตุกราดยิงเพราะปืนมันหาง่าย แทนที่จะเพิ่มข้อจำกัดในการขายหรืออะไรพวกนี้ที่ผลท้ายที่สุดคือยอดขายตกลง แต่มันบอกให้ครูพกปืนเพื่อไว้ป้องกันเหตุซิ แน๊ ครูซื้อมาใช้ยอดขายก็สูงขึ้นซิครับ