Elon Musk ซีอีโอ Tesla และ SpaceX ได้ไปพูดในงานสัมมนา SXSW (South by Southwest) ที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส โดยนอกจากจะปล่อยวิดีโอจากภารกิจยิงจรวด Falcon Heavy แล้ว เขายังพูดถึงประเด็นอื่นๆ อีก ดังนี้
Elon เล่าถึงการที่เขาอยากไปตั้งฐานบนดาวอังคารและดวงจันทร์เพื่อให้เผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถคงอยู่ต่อไปได้หากเราเข้าสู่ยุคมืด (dark ages) ซึ่งเขาไม่ได้ทำนายว่าจะเกิดขึ้นจริง แต่ก็มีโอกาส โดยเฉพาะถ้าเกิดสงครามโลกครั้งที่สาม ทำให้การที่มนุษย์ไปตั้งรกรากอยู่ดาวอื่นจะทำให้มี “เมล็ดพันธุ์” ของพวกเรามากพอที่จะดำรงความเจริญอยู่ได้ รวมถึงนำความเจริญกลับมายังโลก หากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
เขาระบุว่าในยุคแรกที่มนุษย์ไปอาศัยอยู่บนดาวอังคารจะยากลำบากและอันตรายมาก รวมถึงมีโอกาสสูงที่คนเหล่านั้นจะตายลง นอกจากนี้ยังพูดถึงการปกครองบนดาวอังคารว่าน่าจะเป็นประชาธิปไตยทางตรง (Direct democracy) คือประชาชนโหวตให้ความเห็นในเรื่องใดๆ ก็ตาม แทนที่จะกระทำผ่านรัฐบาลที่เป็นตัวแทนของประชาชน อีกทั้งเขายังแนะนำให้เขียนกฎหมายเพียงสั้นๆ โดยให้ความเห็นว่ากฎหมายที่ยาวนั้นน่าสงสัย
อีกเรื่องหนึ่งที่ Elon แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนมายาวนานคือเรื่องปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ซึ่งเขาก็ได้ใช้เวทีในงาน SXSW นี้ย้ำประเด็นเดิมอีกว่าเขามีความใกล้ชิดกับ AI ระดับสุดยอด (cutting edge AI) และมันทำให้เขา “กลัวจนหัวหด” (it scares the hell out of me) และมันมีความสามารถสูงกว่าที่คนส่วนมากรู้ รวมถึงอัตราการพัฒนาก็สูงแบบก้าวกระโดด (exponential) เขาให้ความเห็นว่าเราต้องหาทางทำให้ AI อยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ และนี่จะเป็นวิกฤตการณ์ของความอยู่รอด (existential crisis) ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เราจะเจอ และสุดท้าย Elon ระบุว่า “จำคำผมไว้เถอะ AI นั้นอันตรายกว่าอาวุธนิวเคลียร์มาก”
เว็บไซต์ Engadget ได้ตัดวิดีโอจากงานมาเหลือ 12 นาที คัดเฉพาะส่วนที่สำคัญ รับชมได้ท้ายข่าวครับ
ที่มา – Entrepreneur
Comments
เห็นด้วยทั้งหมด ai มันก้าวกระโดด
กระบวนการคืดที่ซับซ้อน ถ้ามันทำงานด้วยเงือนไขที่เป็นภัยต่อมวลมนุษย ก็จบ
ถ้า ai มีวิธีจัดการพลังงานที่ใช้ได้ด้วยตัวเองขึ้นมาได้วันไหน คงหยุดมันไม่ได้อีก
มันไม่มีตัวไหนที่ "คิด" ได้นะครับ ในความหมายของมนุษย์นะครับทุกวันนี้
ถ้าอ่านหนังสือ Superintelligence เวลาที่เขากลัว AI เขาจะหมายถึง AI ที่คิดเองในระดับที่เกินมนุษย์ (ซึ่งต้องพัฒนาระดับที่เท่ามนุษย์ให้ได้ก่อน)
จนทุกวันนี้ที่เห็น AI เก่งสารพัด มันก็ยังทำงานเฉพาะ ไม่สามารถ "คิด" หรือเรียนรู้ ได้ในแบบที่มนุษย์เรียน เรายังไม่สามารถเอาหนังสือโกะไปให้ AI อ่านแล้วบอกว่าจงเล่นโกะได้ (แบบที่มนุษย์ทำ) แม้แต่ AlphaGo Zero ที่บอกว่าเรียนด้วยตัวเองทั้งหมดก็ต้องมีซอฟต์แวร์กำหนดเป้าหมาย (บอกว่าอะไรคือชนะ) ก็ต้องใช้คนมาเขียนโปรแกรมบอกเป้าหมายให้มัน
การที่คอมพิวเตอร์ทำงานเฉพาะอย่าง เช่น เล่นโกะ ได้ดีกว่ามนุษย์ ในตอนนี้มันก็เป็นอีกก้าว เหมือนตอนที่คอมพิวเตอร์เรียงเอกสารได้เร็วกว่ามนุษย์ (คอมพิวเตอร์กลุ่มแรกๆ ในโลกก็ใช้แค่เรียงเอกสาร) หรือคำนวณเลข คิดบัญชี ฯลฯ ได้เร้วกว่ามนุษย์ ถามว่าทุกวันนี้เรากลัว Excel กระโดดออกมาทำอาวุธฆ่าคนไหม ก็คงไม่
lewcpe.com, @wasonliw
ความเห็นส่วนตัวในตอนนี้คือ เราควรจะแยกคำว่า machine learning กับ AI ออกจากกันซะที คนสับสนกันหมด
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
สำหรับผมที่เคยเรียนมา คงต้องบอกว่า ไม่ต้องไปแยกหรอกครับ ถึงความหมายของทั้ง 2 คำจะต่างกัน แต่สถานการณ์ที่จะใช้คำทั้งคู่สำหรับคนทั่วไปมันไม่ต่างกันเลย แทบจะแทนกันได้ทุกกรณี เพราะใช้ในความหมายว่า ระบบอัตโนมัติที่เกี่ยวกับ computer หรือหุ่นยนต์กันตลอด
อีกทั้งกระแสที่ machine learning หรือ AI เผยโฉมสู่คนทั่วไปก็ไม่ได้ต่างจากตอนที่เพิ่งมี computer เครื่องแรก, รถยนต์, หรือปืนพก เพราะมันเป็นแค่เครื่องมือ ถ้ามีใครเอาไปใช้เพื่อจุดประสงค์ที่ไม่ดีหรือเก็บรักษาไม่ดี อะไรๆ ก็ทำให้ก็เกิดอันตรายหรือผลเสียแบบที่คาดไม่ถึงได้ทั้งนั้น ซึ่งถ้าถามผมว่า AI อันตรายอย่างที่คุณ Musk พูดมั้ย มันอาจก็มีอันตรายได้จริงๆ แหละ แต่คนเราในฐานะผู้สร้างเครื่องมือชนิดใหม่ก็แค่ต้องระมัดระวัง ค่อยๆ ปรับใช้ไปอย่างช้าๆ รอดูผลกระทบเป็นระยะๆ อย่าผลีผลาม แค่นั้นเอง
ผมกลับมองว่าต้องหาคำมาแทน AI ที่ในแวดวงเฉพาะ กับ AI ที่ใช้กันทั่วไปก่อนมากกว่า
AI ที่ใช้กันทั่วไปซึ่งมาจากพวกนิยายไซไฟ มันรวมการ"คิดเองได้"ไว้ในตัวอยู่แล้ว เพราะงั้นถ้าพูด AI ขึ้นมาคนก็มองไปที่ร่างสุดท้ายทันที
ไม่เหมือนคนในแวดวงเฉพาะที่รู้ว่านี่มันยังร่างแรกอยู่เลย ต้องอีโวกันอีกหลายรอบกว่าจะไปถึงร่างสุดท้าย
นั่นล่ะครับ แค่คำนิยามในความหมายของคำว่า AI ของแต่ละคนก็ไม่ตรงกันแล้ว คนในวงการที่ทำด้าน AI จริงๆ ก็เห็นอยู่ว่า AI ทุกวันนี้มันก็แค่นี้ จะไปกลัวอะไร แต่คนที่มองล่วงหน้าไปไกลและเห็นศักยภาพที่วันนึงมันจะเป็นได้ก็ย่อมต้องกลัวอยู่แล้ว ลองมองย้อนไปยุคก่อนคอมพิวเตอร์เทียบกับปัจจุบัน ผมว่ามันไม่แปลกที่ควรจะกลัว ทุกวันนี้พลังการประมวลของคอมพิวเตอร์มันก็พร้อมแล้ว เหลือแค่ใครสักคนจะจุดประเด็นเริ่มมันขึ้นมาเหมือน bitcoin คนแบบ Satoshi Nakamoto ผู้สร้าง bitcoin นี่ล่ะตัวดีเลย ลึกลับเหลือเกิน เดี๋ยวอยู่ๆ ผุดขึ้นมา หาตัวคนทำไม่ได้
การพูดแบบนั้นมันก็คงเป็นจริงกับทุกเรื่องน่ะครับ เคมี, วัสดุศาสตร์ ฯลฯ
มองล่วงหน้าไปไกลนี่คำถามคือไกลแค่ไหน ส่วนมากตอนนี้คือ "ไม่รู้" เรายังไม่มีความสามารถทำให้ AI มีความสามารถทั่วไปแบบเดียวกับคน (แม้แต่เด็กทารก) ได้
สิ่งหนึ่งที่คำพูดของ Musk น่ารำคาญคือเขาเรียกร้องการกำกับดูแล แต่ขณะที่โลกยังไม่รู้ว่า AI ที่เป็นอย่างนั้นหน้าตามันจะเป็นอย่างไรและจะเกิดขึ้นมาอย่างไร เราจะกำกับดูแลอะไร??? เราจะควบคุมการซื้อการ์ดจอ????
การพูดลอยๆ ว่าเรามากลัวกันเถอะนี่คงไม่เรียกว่ามีประโยชน์ครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ถ้างาน"เฉพาะ" นั้นมันถูกสร้างมาเพื่อทำลายฝั่งตรงข้าม เช่นโจมตีสาธารณูปโภค ธุรกิจ การเงิน จนถึงสงคราม มันก็น่ากลัวอยู่ดีครับ
นั่นสิครับ อยากรู้จริงว่า AI ที่อีลอนเห็นมันหน้าตายังไง ทำอะไรได้บ้าง
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
แล้วหนีไปดาวอังคารจะหนีรอดหรอครับ ถ้า AI มันคิดครองโลกได้ เรื่องไปดาวอังคารคงง่ายกว่ามาก
📸
AI ระดับสุดยอดนี่คือตัวไหนใครรู้บ้างครับ หรือเป็นแค่จินตนาการน้ำแตกของอีลอนมัส
บางทีการไปอยู่ดาวอังคารอาจจะเพิ่มอัตราเร่งสู่ dark age ก็ได้นะ
ยิ่งทำให้มนุษย์สูญพันธุ์ไว พวกที่ไปรุ่นแรกกว่าจะถึงดาวอังคารตายกี่เปอร์เซ็นต์
AI น่ากลัวจริง ๆ ครับ แต่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นมากเช่นกัน (ทุกวันนี้เปิดปิดเพลง เพิ่มลดเสียง ก็ "Hey! Siri" อย่างเดียวเลย)
ไปดาวอังคารคนยิ่งจะสูญพันธ์เร็วขึ้น แค่เอาอีตามัสค์ย้ายมาอยู่แอฟริกาหรือเอเซียตะวันออกเฉียงใต้สิ แค่เจออากาศร้อนแกก็คลั่งแล้ว
เค้าเกิดที่แอฟริกาใต้นะ
เกิดที่แอฟริกาแต่ใช้ชีวิตที่นั่นเหรอครับ เหมือนคนไทยเกิดเมืองไทยแต่ใช้ชีวิตที่ยุโรปคิดว่าเขาจะทนอาการ้อนได้ไหมครับ
Bill Gates โตที่เมกาก็เห็นอยู่แอฟริกาหน้าตาเฉยนะครับ คนไทยอยู่กับอากาศร้อนๆ ไปเที่ยวเมืองหนาวหิมะตกก็เห็นเฉยๆ กันเยอะแยะ
ก็อยู่มาจนถึงวัยรุ่นนะ
มีญาติที่ใช้ชีวิตอยู่อังกฤษหลายสิบปี ตอนกลับไทยช่วงเมษาก็ไม่ได้จะเป็นจะตายนะ
ไปเดินเล่นตามชายหาดก็เห็นฝรั่งออกไปนอนตากแห้งสบายใจเต็มไปหมด มีแต่คนไทยที่ทั้งโพกทั้งโบกสาพัดของที่จะกันแดดได้ อย่าลืมเรื่องพื้นฐานถึงปัจจัยที่ทำให้มนุษย์ประสบความสำเร็จในการดำรงเผ่าพันธุ์ ในเรื่องของความเป็นสัตว์เลือดอุ่นและความสามารถในการปรับตัวครับ
เอ้อใช่ครับ พูดถึงเรื่องอาบแดดนี่ผมเห็นฝรั่งถอดเสื้ออาบแดดข้างสระว่ายน้ำบนดาดฟ้าอาคารกลางกรุงเทพฯ แล้วอึ้งทุกที ผมว่าผมถึกแดดแล้วนะแต่ทำแบบนั้นไม่ไหวอ่ะ
ฝรั่งที่มาตากแดด เขาทำด้วยจิตใจที่เต็มครับเขาอยากให้ผิวมันแดงไหม้ เหมือนสาวๆที่ยอมเจ็บน้ำตาเล็ดหลังผ่าตัดเพื่อความสวยนั่นล่ะ เป็นผมคงไม่ยอมทนอ่ะ
+1
เค้าโตที่นั่นเลยครับ
คนเกิดที่ไหนก็อุณหภูมิร่างกายเท่ากันนะครับ คนเมืองหนาวก็ต้องอบอุ่นร่างกายนะคับ
AI ระดับสุดยอด อยู่ในวงแวดวงกลาโหมสหรัฐแหงๆ ระวังกลายพันธุ์เป็น Skynet
เอไอ ถ้าถูกพัฒนาโดยคนไม่ดี เอไอจะกลายเป็นภัยร้ายได้ ยิ่งพัฒนาต่อเนื่อง ยิ่งเพิ่มความร้ายกาจ
เหมือนมีด ใช้ทำอาหารได้ ใช้ทำร้ายคนได้
กระทู้นี้มีคนเคยเขียน Ai กี่คนครับ
อยากรู้จัง
จากที่เคยทำ พอเราเทรนมันมากพอนี้แบบเทพเลยนะครับ
อยากทราบเป้าประสงค์ หรือจุดมุ่งหมายของคำถามนี้ครับ?
ขึ้นกับว่าคุณนิยามคำว่า AI อย่างไร ถ้า AI ของคุณคือสูตรสำเร็จรูปที่ใส่ข้อมูลเข้าไปให้มันพยากรณ์ ผมว่ามีเพียบมันเป็นเรื่องเก่าที่ใครก็ทำได้ถ้าเคยทำ BI หรือ ML แต่ถ้าคิดเองโดยไม่มีมนุษย์ใส่สูตรให้ มันคิดสูตรเองยังไม่เห็นนะ แต่ถ้าให้มันปรับสมการเองโดยประเมินจากสภาวะแวดล้อม และ Input ผมว่ามีแล้ว โลกจะถึงจุดจบก็ต่อเมื่อ AI สร้างสมการได้เองที่มนุษย์ยังคิดไม่ได้ ถึงตรงนั้นค่อยไปกลัว ทุกสมการที่มนุษย์คิดมันมีค่าลิมิตที่เป็นตัวเลข ตราบใดมีตัวเลขมันก็มีค่าสิ้นสุดไม่ต้องกลัว แต่ของ AI ผมไม่รู้ว่าสมการมันจะมีรูปร่างอย่างไร อาจไม่มีตัวเลขเลยก็ได้ถ้าคุณไม่ยึดติดกับนิยามคำว่าสมการ สมการมันอาจอยู่ในรูปแบบสารพันธุกรรมก็ได้ใครจะไปรู้
ให้อารมณ์หมือนกระทู้วิจารณ์นายกฯ แล้วมีคนมาถามว่าอยากรู้จังในนี้มีคนเคยเป็นนายกฯ กี่คน?
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ถ้าไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นคนรวยหรือนักวิทยาศาสตร์
ก็อยากย้ายไปนะ แต่กลัวจะไม่สามารถ contribute อะไรให้กับสังคมได้ 55
ลองส่งคนส่งอาสาสมัครไปดู แต่จริงๆลองสร้างอาณานิคมนอกโลกไว้ก่อนก็ได้ สร้างครอบครัว สักวันมนุษย์อาจจะสามารถไปอยู่ดาวดวงอื่นได้
เฟสแรกของการไปดาวอังคารคือไปสร้างฐานปฏิบัติการบนดวงจันทร์ครับ นั่นหมายความว่าอาณานิคมแรกของมนุษย์ที่ไปอยู่อาศัยนอกสถานีอวกาสที่แรกจะเป็นที่ดวงจันทร์ แล้วมันจะเป็นฐานปฏิบัติการสำหรับการสร้างอาณานิคมบนดาวอังคารอีกที
ไปเจอ David 8 มาหรือยังไง
ย้ายไปอยู่ดาวอังคาร มีใครจะเปิด Hell Gate หรือเปล่าครัฟ
อยากรู้จริงๆ ว่าเขาไปเจอ AI อะไรถึงกลัวได้ขนาดนั้น
มันตัดต่อหนังโป็ได้ด้วยนะ น่ากลัวมาก
ที่ผมกลัวกว่าคือ AI โง่แต่ดันได้ทำงานสำคัญ
แค่เปิดเผยมาว่า ai ที่เจอมาหน้าตาแบบไหน ยังไง เท่านั้นเอง ถ้าจะน่ากลัวซะขนาดนั้น
เขามองการณ์ไกลเลยกะให้คนไทยไปเตรียมขายของที่ดาวอังคารก่อนไง ปั๊ดโธ่
นึกถึงเรื่อง Gunnm
อีกสักพักมัสคงจะผลิต GN Drive แล้วแช่แข็งตัวเองไว้ที่ดวงจันทร์
ถ้าระดับเฮีย Musk พูดว่าเคยเจอ cutting edge AI แล้วกลัว ผมว่าเฮียแกไม่ได้หมายถึงคำว่า AI ที่เราเรียนกันตอน ป.ตรี แล้วล่ะครับ น่าจะหมายถึงระบบบางอย่างที่มีคนสร้างขึ้นมาโดยใช้ AI ในกระบวนการมากกว่า และมันสามารถถูกอนุญาตให้สร้างผลกระทบในวงกว้างแบบที่ควบคุมหรือแก้ไขได้ยาก
ประมาณว่า มีคนในกองทัพ USA เขียน app เชื่อมระหว่างกล้องวงจรปิดทั่วเมืองเข้ากับปืนอัตโนมัติวิถีไกลที่สามารถตรวจจับคนลักลอบข้ามพรมแดนและสั่งยิงเพื่อหยุดยั้งได้ทันที อะไรแบบนั้นมั้ง
ส่วนตัวเชื่อว่า ภัยของ AI จะไม่ได้มาในรูป AI มีสติ แล้วจงใจไล่ฆ่าคน
แต่จะมาในรูป เผด็จการผ่านหุ่นยนต์
ที่ชนชั้น Elite จะครอบครองและควบคุมทั้งโลกผ่านหุ่นยนต์
ใครหือ คือ โดนหุ่นยนต์เชือดอย่างซื่อสัตย์+ไม่บกพร่อง(ตายชัวร์)
เผด็จการหลายๆครั้งล่มสลาย เพราะผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ฟังคำสั่งนี่แหละ
แต่ AI มันไม่มีสติ บอกให้มันทำอะไร มันก็ทำ แถมเทรนมาอย่างดีอีก
คนที่โดนล๊อคเป้าน่าจะรอดยาก
ดีไม่ดี ถ้ามันพัฒนาถึงจุดที่มันทำงานเป็นทีมได้
Elite แค่สั่งให้มันสลายม๊อบ
มันก็ตัดเน็ตไม่ให้ ม๊อบ live แล้วสังหารหมู่+ขนศพไปทำลาย
ก็ทำได้อย่างเรียบร้อยไม่มีปัญหา
น่าสนใจตรงคำว่าเป็นทีมนะ ถ้า AI ทำงานเป็นทีมได้ แล้วกระจายตัวเองแบบไวรัสไปเรื่อยๆ ไม่รวมศูนย์ ก็น่ากลัวเหมือนกัน เพราะเราจะฆ่ามันได้ก็ต่อเมื่อมันตายยกฝูง แต่ถ้ามองด้านดี เราจะมี AI ที่ใช้พลังงานน้อยลง (หรือเปล่า?) แยกกันประมวลผล ฆ่าให้ตายยากขึ้น ชักอยากเห็นไวรัสที่พัฒนาบันพื้นฐาน AI ที่แยกประมวลผลได้ แล้วก็แลกเปลี่ยน Model ที่ตัวเองผลิตได้จากการฝังตัวแล้วสิ ถ้าไม่ยึดติดเรื่องต้องรวมศูนย์ก่อนประมวลผลเพื่อพยากรณ์ผมว่าน่าจะพอทำได้นะ
เป็นทีมแบบเห็นๆตอนนี้ก็
หุ่นของ Boston Dynamic
ที่ตัวนึงเปิดประตูให้อีกตัวนึงเดินเข้าไป
เห็นแล้วนึกถึง pattern หน่วยสวาท
ที่คนนึงเปิดประตู อีกคนบุกเข้าไปเลย
ถ้าติดปืนนี่คือใช่เลย
ส่วนเรื่องกระจายศูนย์ ไม่แน่ใจว่าทำได้หรือเปล่า
เพราะแนวคิด DeepLearn มันเหมือนสมองคนที่ fix จำนวนเซลสมองไว้(ช่วง4ขวบ?) แล้วไม่มีการเพิ่มอีกตลอดชีวิต
ถ้าเซลบางส่วนตาย สมองก็จะเสื่อมไปเลย ไม่มีเพิ่มจำนวนกลับมาใหม่
ผมยังไม่เคยเจอว่า มีการเอา 2 model ที่เทรนมาต่างกันแล้วรวมเป็น model ใหม่เดียวกันได้ (เพิ่มจำนวนเซลสมอง) แต่ก็ไม่แน่
ดังนั้น ระยะสั้นที่เห็นๆ
มันออกจะเป็น AI ที่ตัวหุ่นยนต์ เน้น การมองการเดินพื้นฐาน
แล้วรับ/ส่งข้อมูลกับ AI ที่คุมมัน เพื่อรับคำสั่งเป้าหมาย/update สถานการณ์
เหมือเผ่า zerg ใน Starcraft ที่
zergทหาร <-> OverLord <-> Celebrate/OverMind
ถ้างั้นลองหันกลับมามองระบบร่างกายคนเราเองดูอีกครั้งนะครับ
- เป็นระบบ standalone ที่สามารถสื่อสารกันเพื่อทำงานที่ใหญ่ขึ้นได้
- มีระบบบำรุงรักษา hardware ได้ด้วยตัวเอง
- มีระบบเพิ่มจำนวนได้ด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าจะต้องการ 2 คนเพราะเป็นแบบอาศัยเพศ
- ใช้เชื้อเพลิงได้หลากหลายชนิด
ถ้า AI หรือหุ่นยนต์จะทำได้บ้างผมว่าก็คงติดข้อจำกัดต่างๆ จนสุดท้ายพัฒนาจนมีร่างกายเหมือนๆ กับพวกเรานี่แหละครับ ซึ่งมันก็คงต้องเสียความสามารถที่เรากลัวไปหมด
ไปดางอังคารมันน่าจะยากไปเดินทางไปอเมริกาในสมัยก่อนนะนั้น อะไรๆ ก็ปลูกไม่ได้เลย ชนพื้นเมืองช่วยเหลือก็ไม่มี แห้งแล้งร้อยเปอร์
ส่วน AI สั่งให้มันช่วยงานคนอย่างเดียวก็จะได้เปล่านี่
ยังอีกไกลมาๆ หลายช่วงอายุคนเลยละ
ต้องเริ่มจาก ทดลองส่งแมลงสาบไปอยู่บนดาวอังคารก่อนว่า สามารถอยู่รอดได้หรือไม่ เพราะแมลงสาบเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลก
อีก500 ปีส่งคนไปกำจัดแมงสาบ
Terra Formars เลยฮะ
แล้วส่งคนขึ้นไป จากนั้นเราก็จะได้ hybrid...
AI ที่ว่าน่ากลัว หมายถึง AI ที่นำมาใช้ทำสงครามหรือเปล่า ??