Netflix ถูกสั่งแบนไม่ให้เข้าประกวดในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เนื่องด้วยการฉายในโรงพร้อมกับบนแพลตฟอร์ม ทว่า Netflix ยังคงสามารถส่งภาพยนตร์มาฉายภายในงานได้อยู่
ด้วยเหตุดังกล่าวTed Sarandos หัวหน้าฝ่ายคอนเทนท์ของ Netflix ให้สัมภาษณ์ว่า Netflix จะถอนตัวจากการเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เพราะเมื่อไม่สามารถส่งเข้าร่วมประกวดได้ ก็ไม่เห็นประโยชน์ในการส่งภาพยนตร์ไปฉายในงาน รวมถึงหากยังนำไปฉาย ก็เหมือนทำให้ตัวภาพยนตร์และทีมงานสร้างถูกดูหมิ่นจากฝ่ายจัดงานกลายๆ
ที่มา - CGTN
Comments
สงสัยว่าทำไมถึงต้องให้ฉายในโรงภาพยนต์ก่อนครับ
เหตุผลด้านธุรกิจแหล่ะครับ
เอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจโรงหนังครับ
น่าจะเพื่อแยกหนังโรงกับรายการทีวี กฎเกณฑ์ไม่ได้อัพเดตตามยุคสมัย
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ในมุมของคนสร้างหนัง การชมภาพยนตร์ในโรงมันให้ประสบการณ์ที่ดีและเต็มที่ในเนื้องานที่เค้าผลิตมามากกว่าครับ ไม่รวมความเป็น norm ของอุตสาหกรรมด้วยครับ เพราะคนในวงการที่เป็น conservative เรื่องนี้อย่าง Spielberg หรือ Nolan เค้ามองว่าสตรีมมิ่งมันฟอร์แมทเดียวกับทีวีครับ เลยเหยียดกลายๆ และยิ่งค้านการที่ Netflix ฉายสตรีมมิ่งพร้อมโรง (ผมเดาว่าที่มาที่ไปจนกลาย norm นี้ อาจเพราะฉายโรงก่อนมันโกยเงินได้เต็มที่ก่อนละมั้งครับ)
กรณี Amazon ยอมเล่นตาม norm มากกว่า อย่างการฉาย Manchester by the Sea บนแพลตฟอร์มทีหลัง เลยไม่มีปัญหาและเป็นประเด็นเท่า
คนสร้างหนังก็ยอมให้ Netflix เอาไปฉายนี่ครับ ผมว่าไม่ใช่คนทำหนังแหละละมั่ง
ปัญหาเรื่องธุรกิจมากๆเลย เพราะผมเชื่อว่าในปัจจุบันมีหลายๆคนที่มีหูฟังเสียงดีกว่าโรงหนัง มีหน้าจอคอมที่ให้ภาพสวยกว่าโรงหนัง และเปิดดูในห้องที่เป็นส่วนตัวยิ่งกว่าโรงหนังเสียอีก
แทบไม่มีทางเป็นไปได้เลยครับที่จะมีคนมีหูฟังเสียงดีกว่าโรงหนังสำหรับบริบทของหนัง หนังมิกซ์ 5 หรือ 7 แชนแนลมีครอสโอเวอร์ มีแชนแนลบนเพดาน ถ้าหูฟังใครมีขนาดนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ ต่อให้ระบบ atmost หูฟังก็ไม่มีทางสู้โรงหนังได้ครับ โรงหนัง(ถ้าไม่มิกซ์ห่วยแตก)รายละเอียดของเสียงแต่ละอย่างกินขาดสิบร้อยเท่า ถ้าจะพูดถึง property ของเนื้อเสียงเช่นนุ่มคมอะไรก็ว่าไป อันนั้นแล้วแต่จริตคนฟัง แต่คอมเมนท์ที่ตอบเขาพูดถึงในบริบทของหนัง
เรื่องจออันนั้นเป็นไปได้ครับคุณภาพภาพคม คอนทราสต์สูงรีเฟรชเท่ากัน (โรงหนังเป็น 144hz หมด) แต่ประเด็นหลักเรื่องจอหนังคือขนาดครับ ขนาดเท่านั้น คนทำหนัง(ที่ดี)เขาคิดมาแล้วครับว่าขนาดจอที่ใหญ่เป็นสัดส่วนกับคนดูเท่านี้จะทำให้คนดูโฟกัสได้กี่ส่วน ฯลฯ จิตวิทยาด้านการ compose ภาพทั้งหลาย ซึ่งจอเล็กมันไม่เหมือนกันแน่ๆ เหมือนดูหนังระทึกขวัญหรือสงคราม ยังไงจอใหญ่มันให้ความอลังการแบบไม่มีทางเทียบติด
เรื่องความส่วนตัวของจอคอมฯ ผมไม่ค่อยเข้าใจว่ามันเกี่ยวข้องตรงไหน? โรงหนังไม่เคยเป็นที่ส่วนตัวอยู่แล้วหรือเปล่า?
ผมว่าในประเด็นนึงย่อมมีเรื่องธรรมเนียมปฎิบัติอยู่ที่เขายึดติดกัน แต่ผมก็เห็นด้วยว่าเขาคิดว่าเอ๊ะอย่างนี้มันไปทับกับทีวีควรจะไปแข่ง emy ไหม ในเมื่อทีวีมินิซีรีย์ ภาพยนตร์สำหรับทีวี ฯลฯ มันก็มี อะไรคือเส้นแบ่งระหว่างทีวีและภาพยนตร์ถ้าอย่างนั้น เน็ทฟลิกซ์คือศิลปะที่คิดขี้นมาสำหรับโรงภาพยนตร์ ที่เอาไปฉายในทีวี หรือคือศิลปะที่สร้างสรรค์ขี้นมาโดยมีทีวีเป็นกรอบในการสร้างสรรค์? ส่วนตัวผมว่าคนกำกับที่เน็ทฟลิกซ์จ้างนั้นคิดในบริบทการสร้างสรรค์เพื่อนโรงหนัง ส่วนบริษัทคิดเอาสร้างเพื่อทีวีมาก่อน
ล้ำลึกกว่าที่คิดมากเลยนะ แต่โดยส่วนตัวเรื่องบทกับความสนุกของหนังมาก่อนเลย พวกการถ่ายทำเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้มันก็ทำได้แค่บางฉากของหนัง ที่อาจจะทำให้อารมณ์ของฉากนั้นรู้สึกได้ลึกขึ้น ชัดเจนขึ้น
ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน
คอนทราสต์ หนังโรงต่ำกว่าจอ oled ของโรง สีดำกลายเป็นสีเทา เห็นชัดเลย
คุณภาพเสียงอาจจะใช่ แต่ไม่ใช่มิติเสียงแน่นอน
ลง Netflix ก็โดนริปไปโหลดดูฟรี ฉายโรงก่อนเพื่อกันละมิดลิขสิทธิ์ หนังซูมถ่ายมาภาพแย่ๆสู้ไปดูในโรงไม่ได้
ใน Netflix นี่โดนเหรอครับ? ผมไม่ได้ตามข่าวเท่าไหร่แต่ผมแทบไม่เคยเห็นที่หลุดมาจาก Netflix เลยนะครับ (เคยเห็นเรื่องนึงและคอมเมนต์ที่แปลกใจกันว่ามาได้ยังไง รวมถึงภาคต่อก็ไม่หลุดออกมา ไม่มั่นใจว่าบล็อคทางที่ดึงออกมาได้แล้วหรือที่หลุดมาที่แรกหลุดจากทางอื่น)
โดนค่ะ เห็นอยู่ 7 เรื่อง ก๊อตซิลล่าก็โดน devilman cry baby ก็โดน เหมือนจะหลุดมาเฉพาะเรื่องที่เป็นกระแส
ฝรั่งไม่มีค่อยเห็นคนปล่อยเพราะเค้ามองว่าใช้จ่าย Netflix มันถูกมากแล้วไปกดดูเองเหอะ ที่เห็นประจำก็ของไทยนี้แหละด้วยเหตุผล "แบ่งปั่น" ตามหลักไทยนิยม
-.\
เคยเห็นในเว็บไทยดูดไปเหมือนกัน
ในยุคที่ film ไม่ต้องถ่ายด้วยฟิลม์ และหนังเริ่มไม่ต้องฉายในโรงหนัง คงใกล้ถึงเวลาต้องนิยามความหมายของภาพยนตร์กันใหม่ซะแล้ว
Happiness only real when shared.
ฝรั่งใช้คำว่า cinema อันนั้นคือโรงภาพยนตร์ ดังนั้นหลายๆ คนจะถือว่าประสบการณ์ความเป็น cinema นั้นคือการรับชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์นั่นเอง ไม่เกี่ยวกับตัวสื่อว่าผลิตจากฟิล์มหรือไฟล์ดิจิตอล
คือคำว่า film มันแปลว่า ภาพยนย์/หนังจอเงิน แล้วที่นี้เด็กรุ่นหลังก็คงจะงงเอ๊ะ ทำไมใช้คำว่า film ไม่ใช่ file
แหม่คำว่า film แลดูเป็นคำโบราณและผมแลดูเป็นคนโบราณขึ้นมาเลยครับ
ปล.คนรุ่นหลังสัก2-3ร้อยปีก็คงจะรุ้แค่ความหมายแต่ลืมเลือนที่มาน่ะครับ
The Last Wizard Of Century.
หนังในปัจจุบันหลายๆเรื่องยังถ่ายด้วยฟิล์มอยู่เลยครับ แล้วแต่รสนิยมของคนทำหนัง อย่างเรื่อง "Call Me By Your Name" ที่ผู้กำกับภาพเป็นคนไทย (คุณสยมภู มุกดีพร้อม) ก็ใช้กล้องฟิล์มถ่ายทั้งเรื่อง หรือหนังฟอร์มยักษ์อย่าง "Dunkirk" ก็กล้องฟิล์มครับ
แต่นั่นแหละ มันแล้วแต่รสนิยม โรงหนังกับบ้านมันให้อรรถรสต่างกันมาก คนทำหนังที่ดีย่อมเข้าใจในจุดนี้และสร้างหนังมาสำหรับเงื่อนไขการรับชมต่างกัน หนังของ Netflix บางเรื่องถ้าขึ้นโรงก็คงดูไม่จืดแต่พอมาดูที่บ้านแล้วติดงอมแงม หนังบางเรื่องพอดูในโรงแล้วทุกอย่างเพอร์เฟ็คแต่พอมาดูที่บ้านแล้วรู้สึกได้ว่าบางอย่างมันหายไป ผมสนับสนุนนะให้ Netflix เค้ามีแนวทางของตัวเองไปเลย และมันควรจะวัดกันด้วยมาตรฐานที่แตกต่างกัน
ผมว่าแค่ตามเทคโนโลยีไม่ทัน
คานส์นั่นแหล่ะ ที่ตามเทคโนโลยีไม่ทัน
เผลอๆ Netflix เห็นช่องว่างตรงนี้ผันตัวมาเป็นผู้ประกวดเสียเอง หนังที่เข้าร่วมสามารถฉายผ่านแพลทฟอร์มของ Netflix ได้ทั่วโลก คานส์จะจบไม่สวยเอานะ
ประเด็นคือ Netflix ต้องการได้รับการยอมรับใน content ที่สร้างเอง ว่าเทียบชั้นภาพยนตร์ชั้นนำ
หากมาจัดประกวดเอง มันก็เหมือนพวก รายการจัดเอง แจกเอง อะไรแบบนั้นน่ะครับ
เพราะรายการที่ Netflix อาจจะจัดขึ้นมาเอง ค่ายที่เอาหนังมาฉาย ก็คงไม่พ้นหนังที่ฉายคานส์ไม่ได้แหละครับ ยิ่งมีเรื่องแบบนี้ คานส์อาจจะออกกฎเฉพาะ ขึ้นมาก็ได้ เช่น ประกวด netflix ห้ามประกวดคานส์
ผมมองว่า รายการนี้ไม่ได้เกิดจากความ ไม่เข้าใจ หรือตามเทคโนโลยีไม่ทัน แต่เป็นอีโก้ ที่มองว่า หนังพวกนี้ เป็นหนังเกรดต่ำ มากกว่า
ดีไม่ดี คณะกรรมการคานส์นี้อาจดู netflix ทุกคืนก็ได้
ดูหนังหลายๆ เรื่องที่ผลิตโดย netflixพวก sci-fi ตัวหนังไม่ดึเหมือนตัวอย่าง
+1
เหมือนรู้ว่าประกวดไปก็ไม่ชนะ เลยถอนตัวดีกว่า ดูดีกว่าเยอะ
ก็ไม่เห็นต้องง้อ
อยากเห็นระบบ VR ที่ให้เราอยู่ในตัวเรื่องได้ มุมมองภาพ 360 องศา แล้วก็มีระบบ follow ตามตัวละครอัตโนมัติ เพื่อให้คงเส้นดำเนินเรื่องตามที่ืผู้ประพันธ์เขียนไว้ แต่เราก็สามารถหมุนดูภาพโดยรวมได้ มันคงเหมือนเราอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริง คงจะดี
ถึงอยากประกวดก็เข้าร่วมไม่ได้อยู่ดี ประกาศถอนตัวตอนที่อยากร่วมแต่ก็ร่วมไม่ได้นั่นแหละหล่อกว่า