ถึงแม้ Netflix จะเป็นแพลตฟอร์มชมรายการและภาพยนตร์ที่ยึดพื้นที่การชมผ่านสตรีมมิ่งเป็นหลัก โดยเลือกฉายภาพยนตร์ผลิตเองบางเรื่องในโรงภาพยนตร์ทั่วไปด้วย เพื่อให้เข้าเกณฑ์การประกวดรางวัลภาพยนตร์ต่างๆ แต่ Netflix ยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก โดยเฉพาะถ้าเทียบกับ Amazon ที่ Manchester by the Sea เคยได้ถึง 2 รางวัลออสการ์
ปัญหาสำคัญคือ Netflix ยึดแนวทางการฉายภาพยนตร์ผลิตเอง โดยต้องฉายบนสตรีมมิ่งพร้อมกันกับการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ปกติ ทำให้เครือข่ายโรงภาพยนตร์ส่วนมากต่อต้าน (กรณีของ Amazon นั้นยอมฉายบนสตรีมมิ่งทีหลัง) อย่างเรื่องที่เกิดขึ้นล่าสุดก็ทำให้ Netflix ต้องถอนตัวจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์เลย โดยปกติ Netflix จะใช้วิธีฉายแบบจำกัดโรงกรณีภาพยนตร์นั้นหวังผลรางวัลการประกวด แต่มีรายงานว่า Netflix อาจเลือกวิธีที่ทำให้การฉายในโรงภาพยนตร์ทำง่ายขึ้น ... ทำโรงหนังเองเลย!
มีรายงานจากสื่อในฮอลลีวู้ดหลายราย เผยว่า Netflix ได้เจรจาเพื่อขอซื้อกิจการเครือโรงภาพยนตร์ Landmark Theaters เพื่อให้การนำภาพยนตร์ผลิตเองออกฉายทำได้สะดวกขึ้น และเข้าเกณฑ์การประกวด อย่างไรก็ตามรายงานระบุว่าการเจรจานั้นไม่บรรลุ เนื่องจากราคาที่เสนอขายนั้นสูงเกินไปสำหรับ Netflix ฉะนั้น Netflix ก็คงต้องหาหนทางอื่นเพื่อแก้ปัญหานี้ต่อไป
แต่อย่างน้อย ก็สะท้อนว่า Netflix จริงจังกับการล่ารางวัลประกวดให้ได้ทีเดียวเชียว
ที่มา: The Verge
Comments
งงว่าทำไมต้องมีโรงหนังของตัวเอง เพราะก็ฉายในวงจำกัดได้อยู่แล้ว?
ปกป้อง | เฟสบุ๊ก | ทวิตเตอร์
จะฉายบนโรงพร้อมสตรีมเขาเลยไม่ยอมกัน แต่ไม่รู้ว่าต้องฉายกี่โรงถึงจะประกวดได้ โรงเดียวพอเปล่า หยวนๆ
ในเนื้อข่าวก็เขียนอยู่ครับว่าเพื่อจะได้เข้าเกณฑ์การประกวดของคานส์
แล้วไปฉายที่อื่นเขาก็ไม่ซื้อเพราะ Netflix มีนโยบายปล่อยงานพร้อมกัน ทั้งในโรงและสตรีมมิ่ง
ในเนื้อข่าวก็เขียนอยู่ครับว่า
"เลือกฉายภาพยนตร์ผลิตเองบางเรื่องในโรงภาพยนตร์ทั่วไปด้วย เพื่อให้เข้าเกณฑ์การประกวด" => ฉายโรงทั่วไปอยู่แล้ว
"โดยต้องฉายบนสตรีมมิ่งพร้อมกันกับการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ปกติ ทำให้เครือข่ายโรงภาพยนตร์ส่วนมากต่อต้าน" => ส่วนมากไม่ยอม แสดงว่ามีโรงส่วนน้อยที่ยอมให้ฉาย
"โดยปกติ Netflix จะใช้วิธีฉายแบบจำกัดโรงกรณีภาพยนตร์นั้นหวังผลรางวัลการประกวด" => ฉายอยู่แล้วแบบจำกัดโรง
สรุปคือ ฉายตามโรงปกติ ได้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้เข้าเกณฑ์ของคานส์ การซื้อโรงหนังเอง ก็ไม่ได้ทำให้ฉายได้ในโรงส่วนใหญ่อยู่ดี (Landmark Theatres มีโรงแค่ 56 โรงทั่วสหรัฐฯ) และ ไม่ได้รับประกันว่าจะทำให้เข้าเกณฑ์ของคานส์
คำถามก็เลยเกิดขึ้นว่า แล้วจะซื้อทำไม (เหตุผลอาจจะเป็น ต้นทุนถูกลง, ควบคุมการฉายได้ดีขึ้น ฯลฯ)
iPAtS
เอาง่ายๆคือโรงหนังทั่วไปเค้าแอนตี้ครับที่เอามาฉายพร้อมกับสตรีมมิ่ง หลังๆมาเนี่ยเลยมีปัญหาว่าไม่มีใครเอาหนังไปฉายโรง คือมันแทบจะไม่มีใครเค้าอยากซื้อหนัง Netflix แล้ว ทาง Netflix ซึ่งอยากจะได้รางวัลบ้างเลยคิดวิธีนี้ขึ้นมาเพื่อให้มีโรงฉายหนังตัวเองแน่ๆ เหมือนหาวิธีแก้ปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นน่ะ อย่างรอบล่าสุดคานส์ก็ออกมาบอกว่าจะไม่นับหนังที่ไม่ได้ฉายโรง Netflix ก็เลยไม่ส่งหนังเข้าประกวดเลย (เพราะไม่มีโรงฉาย)
เรื่องต้นทุน ยังไงฉายสตรีมมิ่งก็ต้นทุนต่ำกว่าตั้งโรงเองแน่ๆครับ
ซื้อคานส์ไปเลยจะได้จบ
บ้านเราคงใต้โต๊ะกันละ
กำลังจะว่าเช่นนี้
ไม่เคยสนใจหนังเพราะรางวัลเลย หนังสนุกก็คือหนังสนุก
มันเป็นเรืองหน้าตาของผู้จัดสร้างไงครับ
หนังได้รางวัล ก็มีคนซื้อหนังไปฉายเพิ่มครับ อันนี้จากปากคุณเป็นเอกตอนที่มีคนถามประมาณว่ารางวัลมันสำคัญยังไง คือเหตุผลที่เอาไปประกวดเพื่อโฆษณาหนังแหละครับ
มุมมอง User ก็แบบนี้แหละครับ ถ้ามุมมอง ผกก. มันก็เป็นโปรไฟล์ประดับตัว ภาพลักษณ์ดูดี คนเชื่อถือ ทำให้ขายของได้ง่ายขึ้น
จ่ายเงินค่าฉายในโรงไปเลยน่าจะถูกกว่า แล้วก็ลดค่าตั๋วเยอะๆ
อย่างน้อยน่าจะถูกกว่าซื้อโรงหนังนะ
เห็นด้วยครับ ลดค่าตั๋วสำหรับคนทั่วไป ส่วนคนที่เป็นสมาชิกอยู่แล้วก็กดคูปองหรือตั๋วจากแอปเพื่อเอามาใช้เข้าโรงได้เลย
หากอนาคตใช้ AI มากำกับและแต่งเรื่อง (โดยโหลดเนื้อหาภาพยนตร์เก่า หรือสร้างใหม่ขากฐานข้อมูลที่มี), ใช้หุ่นยนต์มนุษย์มาแสดงแทนนักแสดง แล้วเอามาฉายผ่าน Netflix หรือโรงหนังออนไลน์แบบเสียตังขึ้นมา ผมว่า Cannes, โรงหนัง กับผู้กำกับหนังจะเจ๊งเอานะ ถ้าทำได้ดีกว่ามนุษย์ แต่คงยังไม่ใช่ตอนนี้
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ผมนึกถึงกล้องดิจิตอลกับกล้องฟิล์มแฮะ คือถึงแม้กล้องดิจิตอลมันจะงานเนี๊ยบกว่า ใช้สะดวกกว่าในหลายๆด้าน แต่ก็ยังมีผู้กำกับและกลุ่มคนดูที่ชอบเนื้องานของฟิล์มอยู่ดี
เอาให้สุด AI สร้างหนังด้วย CG ทั้งเรื่องไปครับ ไม่ต้องเสียเวลาถ่ายทำเลย