สืบเนื่องจากการเตือนของหน่วยงานด้านข่าวกรองและความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา ที่บอกคนอเมริกันว่าอย่าใช้สินค้าของ Huawei และ ZTE จนกระทรวงกลาโหมออสเตรเลียเตรียมจะเลิกใช้ Huawei และ ZTE ล่าสุดกระทรวงกลาโหมสหรัฐตามรอย สั่งให้กองทัพสหรัฐทั่วโลกเลิกใช้งานโทรศัพท์ของทั้งสองแบรนด์แล้ว
โฆษกของกระทรวงกลาโหมให้เหตุผลว่า Huawei และ ZTE อาจเป็นภัยต่อความมั่นคง ซึ่งคำสั่งนี้ไม่เพียงมีผลในกองทัพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงร้านค้าปลีกต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในหรืออยู่ใกล้ๆ กองทัพสหรัฐที่ตั้งอยู่ตามที่ต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งปีที่แล้วอุปกรณ์ Huawei และ ZTE ถูกขายตามร้านค้าปลีกใกล้กองทัพราว 2,400 เครื่อง อย่างไรก็ตามทางเพนตากอนไม่ได้บังคับเรื่องการใช้งานส่วนบุคคล แต่ก็เตือนว่าควรระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย
ด้านโฆษกของ Huawei และ ZTE ยังคงเงียบไม่ให้ความเห็นในเรื่องนี้ โดย Huawei ระบุแต่เพียงว่าเป็นบริษัทเอกชนและรัฐบาลจีนก็ไม่เคยขอให้เจาะหรือสืบข้อมูลผ่านอุปกรณ์ในประเทศอื่น
ที่มา - Wall Street Journal
Comments
เหมือนจะกีดกัน ทุกทางเลยนะนี้
55555555555555
มองกลับมาทางจีน
ถ้าทางจีน กีดกันห้ามใช้ของจาก USA บ้างล่ะ
ใครจะเสียหายมากกว่ากัน?
จีนครับ เพราะจีนผลิต
อย่าลูบหน้ากลางสี่แยกสิ
ถ้าจีนไม่ผลิตให้แบรนด์จาก USA นี่ใครเสียหายมากกว่ากันครับ
ก็น่าจะจีนอยู่ดีครับ เขากำตังมาให้ไม่เอาเขาก็ไปให้คนอื่นสิ ถึงที่อื่นอาจกำลังผลิตไม่เท่าจีนแต่คิดว่าก็มีอีกหลายที่ๆพร้อมจะรับผลิตให้ครับ
ผมว่า USA เพราะแบรนจีนที่ติดจลาดโลกก็มีอยู่ จะกลายเป็นว่าแบรน USA (aka iphone) จะมีของขายน้อนลงพักใหญ่ ต้นทุนแพงขึ้น แต่แบรนต่างประเทศโดยเฉพาะเกาหลี (aka Samsung) ต้นทุนเท่าเดิม
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
เรามองแค่ผู้เล่นสองคนไม่ใช่เหรอครับ ผู้เล่นที่3 4 5 ไม่อยู่ในคำถามนิ ถ้ามองว่ามาร์จินลดลงอาจถูกครับ แต่มาคิดแง่การขายนะ สมมติว่า
นากa ปกติขายของชิ้นละ 200 ยอดขาย 100 ชิ้น ต้นทุน 120 ซัพพลายเออร์เดิมส่งของให้ไม่ได้ต้องไปพึ่งซัพพลายเออร์เจ้าอื่น ต้นทุนเลยเพิ่มขึ้นเป็น 140 มีทางเลือก2ทาง
1.รับภาระเองยอดขายเท่าเดิม กำไรจาก 8000 เหลือ 6000
2. ผลักภาระให้ผู้บริโภค ยอดขายลดลง 10 กำไรเหลือ 7200 หรือต่อให้ยอดขายลดลง 50 ก็ยังมีกำไร
ส่วนซัพพลายเออร์ กำไรเหลือเท่ากับ 0 เพราะขายไม่ได้เลย (ในส่วนที่ควรได้) เพราะไม่ได้ขายให้นายaก็ไม่ใช่ว่าจะทำให้รายอื่นมาซื้อแทนส่วนที่หายไปซะเมื่อไหร่แบบนี้คุณว่าใครเสียประโยชน์กว่าครับ ต่อให้ ธุรกิจอื่นของซัพพลายเออร์รายนี้จะได้ประโยชน์เล็กน้อยจากยอดขายที่ลดลงของ a ก็ไม่ใช่ว่าจะทดแทนรายได้ส่วนนี้ได้อยู่ดี
เอาง่ายๆดูซัมซุงก็ได้ครับ สมมติว่า A ขายโทรศัพท์ได้น้อยกว่านี้ ก็ไม่ใช่ว่า เขาจะมียอดขายโทรศัพท์เท่ายอดของ A ที่หายไปซะเมื่อไหร่ ทั้งที่มีข่าวว่า A ยอดขายจำนวนลดลงปาวๆ รายได้ที่โตจัดของ ซัมซุงมาจากขายชิ้นส่วนประกอบเยอะกว่าซะอีก
คำถามคือ"ถ้าจีนไม่ผลิตให้แบรนด์จาก USA" ไม่ได้หมายความว่าจำกัดผู้เล่นแค่สองรายนี่ครับ
อย่าว่าแต่ถ้าจำกัดผู้เล่นแค่สองรายจริงๆ จีนไม่ได้เป็นแค่ซัพพลายเออร์รายใหญ่ แต่เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ด้วย(แถมเป็นผู้ซื้อรายใหญ่อีก) จีนยังมีกำลัง absorb วัตถุดิบส่วนเกินเหลืออยู่
ในขณะที่ USA ไม่ได้เป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่มานานแล้วเพราะค่าตัวแพง ส่วนที่หายไปของเมกาเลยไม่ใช่แค่ margin แต่เป็นความเสียเปรียบเชิงนโยบายจากการใช้แนวคิด comparative advantage มานานด้วย
ซัพพลายเออร์ กำไรเหลือเท่ากับ 0 เพราะขายไม่ได้เลย (ในส่วนที่ควรได้) เพราะไม่ได้ขายให้นายaก็ไม่ใช่ว่าจะทำให้รายอื่นมาซื้อแทนส่วนที่หายไปซะเมื่อไหร่
ไม่ไช่ครับ การประกอบสินค้าในจีน ได้รับความนิยมเพราะคุณภาพดีราคาถูก ถ้า a ต้องไปจ้างที่อื่น คนที่เคยจ้างที่อื่นก็มาเสีย a ทันที คนที่เสียลูกค้าคือคนที่ผลิตสินค้าคุณภาพต่ำราคาสูงเท่านั้น ... แน่นอนผลกระทบระยะสั้นมีแน่แต่ระยะยาวรายอื่นมาซื้อบริการแทนแน่นอน ... โดยเฉพาะ Foxconn ... และตรงนี้อาจไม่จบแต่มือถือ mac dell hp xbox ส่วนคนที่กำไรคือ Samsung Lenovo Asua Acer ps4 & N Switch
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ถ้ายังติดกับคำว่าแรงงานคุณภาพดีราคาถูกแสดงว่าผิดยุคแล้วครับ ตอนนี้แรงงานจีนคุณภาพดีราคาไม่ถูกแล้ว
ถ้าโรงงานยังเป็นที่นิยมอยู่ ก็แปลว่าคุณภาพดีราคาถูก "ที่สุดในตอนนี้" แล้วครับ
white lable แบบนี้ คุณภาพ/ราคา/กำลังการผลิย ไม่ใด้โดนเปลี่ยนเจ้าแน่นอน
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
จุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดยุคแรงงานจีนราคาถูก เมื่อเทคโนโลยีและคุณภาพ คือสิ่งที่มาแทนที่
ตกงาน! ค่าจ้างในจีนเพิ่มขึ้นไว เฉลี่ย 20,000/เดือน นายจ้างรับไม่ไหว หันไปจ้างหุ่นยนต์แทน
5 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับลงทุนในจีน
ทะยานไม่หยุด ค่าแรงขั้นต่ำเมืองเซินเจิ้นสูงสุดในจีน
ผมว่าบริษัทผู้ว่าจ้างเค้าดีลกับโรงงานในจีน เค้าคงไม่สนใจว่าการบริหารภายในโรงงานเป็นยังไง ตราบใดที่ค่ารับจ้างผลิตต่อหน่วยยังถูกเค้าก็ไม่จำเป็นที่ต้องย้าย ส่วนใหญ่ที่เค้าไปยุ่งก็คงตามกฎหมายของประเทศเรื่องแรงงานเด็ก แรงงานทาส แค่นั้น ซึ่งถ้าโรงงานไปไม่ไหวก็เจ๊ง ทำให้โรงงานทั้งหลายทำพยายามมาหากินปลายน้ำบ้าง เหมือน Samsung ทำ และผมก็เชื่อตามที่ คุณ put4558350 ว่า จ้างผลิตโดยโรงงานในจีนยังราคาุถูกที่สุดในตอนนี้ ครับ เพราะถ้าแพงเค้าก็คงย้ายกันแล้ว
ประเด็นน่าจะอยู่ที่ตรงนี้ครับ
4.จุดเด่นของแรงงานจีนไม่ใช่ราคาถูก
แต่เป็น “ความชำนาญเฉพาะ” หรือ “ทักษะเฉพาะทางด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ” ซึ่งนี่คือจุดเด่นของแรงงานจีนที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติมองหา ซึ่งก็คงต้องกล่าวว่าเป็นผลมาจากการพัฒนาด้านการศึกษาของจีนที่มุ่งเน้นในเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหลักนั่นเอง
ถ้าแบนด์อื่นในจีนพร้อม(VIVO OPPO XIAOMI) ทำ chip เองกันหมดผมว่าจีนก็พร้อมจัด
ยังผลิตให้เหมือนเดิมแต่ห้ามในจีนใช้
ยอดผลิตแบรนด์ USA อาจหายก็มาใช้ยอดจากแบรนด์จีนแทน
ปัญหาใหญ่ๆตอนนี้ผมว่าในระบบ chipset ของจีนยังสู้ต่างประเทศไม่ได้
aftershock จาก NSA แน่เลย ต่างฝ่ายต่างไม่ไว้ใจกันแล้ว
จริงๆอเมริกาเป็นประเทศที่พวกบริษัทมหาชนใกล้ชิดกับกองทัพแบบชัดเจนแจ่มแจ้ง แต่ทำไงได้ ข้าเห็นแกใกล้ชิดกับรัฐบาลของแกข้าจะแบนสินค้าแก แต่ถ้าแกแบนฉันแกโดนฉันประนาม
จีนใช้กันเอง ก็รวยแย่ละมั้ง ไหนจะน้องๆ อาเซียนที่คอยเอาใจพี่จีนอีก
ตัวอย่างเช่น
รถไฟฟ้า รถยนต์ รถไฟด่วน พี่จีนทำเองได้หมด วัตถุดิบก็มีอย่างเยอะ
ก็พี่เขามีเงินนี่ อย่าว่าแต่อาเซียนเลยทั่วโลกเอาใจจีนทั้งนั้น
"และรัฐบาลจีนก็ไม่เคยขอให้เจาะหรือสืบข้อมูลผ่านอุปกรณ์ในประเทศอื่น"
แปล่าฝังช่องโหว่ไว้แล้ว แต่ไม่เคยใช้กับประเทศอื่น
แบน Huawei กับ ZTE ก็ซื้อ Xiaomi เอาก็ได้
ต่อไปคงห้ามใช้ Made In China
สงสัยคงได้เดินตัวเปล่า ฮ่าๆ
iPhone โดนก่อนเลยครับ ฮ่าๆ
สินค้าไม่ใช่เรื่องใหญ่..แต่การเมืองมาเกี่ยวดองนี่สิ..สหรัฐรู้แก่ใจดีว่าตนเองแพ้อยู่แล้ว เลยนำร่องให้ประเทศอื่นเอาตาม..แต่สมัยนี้แล้ว จีนคงไม่สนใจหรอก เพราะอีกไม่นานจีนก็นำหน้าเรื่องAI..
กำลังรออยู่ว่าทะเลกันไปกันมาจะมีห้ามเอาระบบ Android ไปใช้งานกับทุกอุปกรณ์จะเป็นไงหว่า