นิตยสาร Consumer Reports ได้ทดสอบรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ซึ่งเป็นรุ่นต่ำสุดและตั้งเป้าเป็นรถที่คนส่วนใหญ่ซื้อไหว โดยพวกเขารายงานว่าพบปัญหาใหญ่เรื่องเบรค ทำให้ไม่สามารถแนะนำรถรุ่นนี้แก่ผู้บริโภคได้
พวกเขารายงานว่าทดสอบเบรคจากความเร็ว 60 ไมล์ต่อชั่วโมง (96 กม./ชม.) หลายครั้ง พบว่าครั้งหนึ่งใช้ระยะทางถึง 152 ฟุต หรือ 46.33 เมตร กว่ารถจะหยุดนิ่ง ซึ่งถือว่าแย่กว่ารถยุคนี้ที่พวกเขาเคยทดสอบมามาก และระยะเบรคประมาณนี้ก็ไกลกว่ารถกระบะ Ford F-150 ที่หนักราว 2.4 ตันอยู่เกือบ 7 ฟุต (Tesla Model 3 หนัก 1.6 ตัน)
Consumer Reports ระบุว่าพวกเขาแน่ใจว่าตัวรถ, ผ้าเบรค และยางได้มาตรฐานก่อนการทดสอบแล้ว รวมถึงได้ปล่อยให้เบรคเย็นข้ามคืนก่อนทดสอบซ้ำด้วย อย่างไรก็ตาม มีการทดสอบครั้งหนึ่งที่ได้ระยะเบรคใกล้เคียงกับที่ Tesla โฆษณาไว้ คือราว 130 ฟุต หรือ 39.6 เมตร แต่ก็ทำได้เพียงครั้งเดียว นอกจากนี้พวกเขาระบุว่าได้ใช้ Tesla Model 3 จำนวนสองคันมาทำการทดสอบ และได้ผลใกล้เคียงกัน
เรื่องอื่นๆ ที่ Consumer Reports ระบุว่าเป็นปัญหาคือรถนั้นแข็งกระด้าง (stiff), เบาะหลังนั่งไม่สบาย, เสียงลมดังภายในห้องโดยสาร และหน้าจอทัชสกรีนใช้ยากและต้องละสายตาจากถนนมากดหน้าจอ
ฝั่ง Tesla เมื่อทราบผลการทดสอบก็ออกมาตอบว่าในการทดสอบของ Telsa เอง ได้ระยะเบรคเฉลี่ยที่ 133 ฟุต (40.5 เมตร) ใช้ยางมิชลินขอบ 18 นิ้ว รุ่นที่เหมาะกับทุกสภาพอากาศ และบอกว่าระยะเบรคนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเช่นพื้นผิวถนน, สภาพอากาศ, อุณหภูมิยาง, สถานการณ์การเบรค, อุณหภูมิภายนอก รวมถึงพฤติกรรมการขับที่ผ่านมาที่อาจมีผลต่อระบบเบรค นอกจากนี้ Tesla ยังสามารถออกอัพเดตมาเพื่อปรับจูนระบบต่างๆ ได้ด้วย
จากนั้น Elon Musk ซีอีโอก็ได้ทวีตว่าเรื่องนี้แปลกมาก เพราะ Model 3 ถูกออกแบบให้มีระยะเบรคสั้นตั้งแต่แรก และรีวิวหลายเจ้าก็เห็นตรงกัน ซึ่งจะปล่อยอัพเดตปรับด้วยซอฟต์แวร์ในไม่กี่วันข้างหน้า และหากต้องแก้ไขที่ตัวเบรคก็จะทำให้ฟรี ต่อมาก็ทวีตต่ออีกว่ารถที่ Consumer Reports ทดสอบนั้นเป็นรถที่ผลิตล็อตแรกๆ ซึ่งรถที่ผลิตตอนนี้ได้แก้ไขเรื่องเสียงลมและความแข็งไปแล้ว แต่เขาก็ระบุว่ารถ Model 3 ทุกคันไม่ว่าจะล็อตไหนต้องเบรคได้ดีเท่ากันหมด พร้อมเปรียบเทียบว่า Tesla Model S ตอนนี้กับล็อตแรกๆ นั้นถูกปรับปรุงมาเยอะมาก
ที่มา – Jalopnik
Very strange. Model 3 is designed to have super good stopping distance & others reviewers have confirmed this. If there is vehicle variability, we will figure it out & address. May just be a question of firmware tuning, in which case can be solved by an OTA software update.
— Elon Musk (@elonmusk) May 22, 2018
Even if a physical upgrade is needed to existing fleet, we will make sure all Model 3’s having amazing braking ability at no expense to customers
— Elon Musk (@elonmusk) May 22, 2018
Looks like this can be fixed with a firmware update. Will be rolling that out in a few days. With further refinement, we can improve braking distance beyond initial specs. Tesla won’t stop until Model 3 has better braking than any remotely comparable car.
— Elon Musk (@elonmusk) May 22, 2018
Also, Consumer Reports has an early production car. Model 3 now has improved ride comfort, lower wind noise & many other small improvements. Will request that they test current production.
— Elon Musk (@elonmusk) May 22, 2018
To be clear, all Model 3 cars, incl early production will have same great braking ability. Nature of any product, however, is that if you care about perfection, you make constant small refinements. Today’s Model S is far more refined than initial production.
— Elon Musk (@elonmusk) May 22, 2018
Comments
เห็นมีคนวิ่งในสนามแข่ง ประมาณไม่เกิน 20 นาที สภาพเบรกดูไม่จืดเลย ขนาด OEM มาจาก Brembo
Laguna Seca Tesla Model 3 'Cooked' Brakes
แต่อาจจะเพราะถ้าวิ่งปกติ รถไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องใช้เบรกที่จานเบรกมั้ง (ใช้การหน่วงของมอเตอร์ก็พอ) เลยไม่ต้องทำเบรกให้ทนมาก
Road spec เบรค ไปใช้ในสนามแข่ง สภาพก็แบบนี้แหละครับ
อันนี้ผมว่าปกติ รถมันสเปคแบบ Road Car แล้วไปวิ่งแบบ Race Car ตัว Model 3 เองก็น้ำหนักสูงด้วย แถมไม่รู้เลยด้วยว่าสภาพก่อนหน้าที่ไปวิ่งมาเบรคมันเป็นยังไง
น้ำหนักรถน่าจะมีผลต่อเบรค ดูคาลิปเปอร์เมื่อเทียบกับน้ำหนักแล้วเล็กเกินไป
รถ Production Car คันอื่น เช่น Subaru WRX STi ไม่มีปัญหา แต่รถครอบครัวอย่าง Legacy GT วิ่งบนถนนธรรมดา วิ่งไป 6 หมื่นกว่าแล้วยังไม่ได้เช็คเบรค ถ้าลดความเร็วจาก 200+ ลงมาเหลือ 80-100 ทำครั้งเดียวเบรคเฟดเลย
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
ฮืมม... เรื่องเบรคนี่เรื่องใหญ่ อยากให้ CR ทำวิดีโอทดสอบให้ดูเลยจะดีมาก จะได้แฟร์ๆ ทุกฝ่าย
จะเป็นเพราะ Firmware เน้นให้ใช้ Regen Brake เป็นหลัก (เพราะเซ็นเซอร์อาจจะตรวจไม่พบสิ่งกีดขวางใดๆ กดเบรคบนถนนโล่งๆ เพื่อทดสอบเฉยๆ) เพื่อเซฟผ้าเบรคไว้ใช้นานๆ รึเปล่า ไม่รู้ว่าประสิทธิภาพการเบรคของ Regen Brake ทำได้สูงสุดแค่ไหน
AI ของรถบอกว่า ก็ไม่มีอะไรขวางอยู่รถนี่งั้น เบรคแบบถนอมเบรค เน้นประจุพลังงานดีกว่า 555
ปัญหาของ Tesla คือ ความรู้ด้านความเป็นรถน้อยกว่าบริษัทรถนี่แหละ เรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้น
ความจริงบรรดารถที่ถูกผลิตโดยบริษัทประสบการ์ณสูงเองก็ไม่ได้วิเศษเท่าไหร่นัก
ยกตัวอย่างรถแบรนด์ชื่อเหมือนนักร้องรุ่นเก่า ขวัญใจรถยก ประสบการ์ณอันเก่าแก่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ผมคิดว่าไม่ว่าค่ายไหนก็จะเจอปัญหาเวลาขึ้นไลน์ใหม่ ต้องรอ minor change หลายรอบปัญหาถึงจะลดลง
ใช้ Nissan Sunny camshaft พังจนเป็นอาการประจำรุ่น
ใช้ Ford Fiesta เกียร์พัง อาการประจำรุ่นเหมือนกัน ฝรั่งเรียก Fix Or Repair Daily
นี่ขนาดมากประสบการณ์
นี่ถ้าไป่ตู้ซัพพอทซอฟต์แวร์ให้ tesla คงมีคนมาแซวเป็น xxfaster เป็นแถวแหง 555
รถเทพ แซงได้แม้ตอนเบรก
อัพเดทซอฟแวร์จะวางใจได้ไหม ปกติเบรคเฟดเค้าต้องเปลี่ยนผ้าเบรคไปใช้ตัวที่คุณภาพดีกว่านี้
Tesla (และรถไฟฟ้าอื่นๆ) มันมีเบรคสองชุดครับคือเบรคไฟฟ้ากับเบรคผ้าเบรค ซึ่งตรงนี้มันควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ว่าจะจัดลำดับกันยังไงและสามารถอัปเดตได้ว่าจะให้มันเป็นแบบไหนในอนาคต
อย่างน้อยๆ ก็ควรปรับให้ว่าถ้ากระทืบเบรคจมสุดนี่ต้องใช้สองระบบทำงานพร้อมกันล่ะมั้ง? หรือมันมีระบบกันรถไถลหรืออาจจะกันของในรถเสียหายจากเบรคแรงเกินอยู่ทำให้ทั้งสองทำงานไม่สุดอีกนี่ผมก็ไม่รู้นะครับ
เฮียบอกถ้าต้องเปลี่ยนจริงๆก็ฟรี