Automobile
Amazon เริ่มให้บริการขายรถยนต์ออนไลน์ Amazon Autos โดยเริ่มจากรถยนต์แบรนด์ Hyundai กับลูกค้าในสหรัฐอเมริกา ตามที่เคยประกาศไว้เมื่อ 1 ปีก่อน
การขายรถยนต์ออนไลน์ของ Amazon ไม่ใช่การขายตรงจากบริษัท Hyundai เอง แต่เป็นการนำรถยนต์ของดีลเลอร์ในแต่ละพื้นที่มาขึ้นระบบออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าค้นหาตัวเลือกรุ่นรถยนต์ สี ออพชั่นที่ต้องการ การสั่งซื้อ จ่ายเงิน ไฟแนนซ์ และเลือกวิธีรับรถที่ตัวเองสะดวก กระบวนการทั้งหมดทำผ่านหน้าเว็บของ Amazon ที่ลูกค้าคุ้นเคยอยู่แล้ว และช่วยแก้ปัญหาเรื่องการต่อรองราคากับดีลเลอร์ต่างๆ เพราะเป็นราคาขายจริงบนหน้าเว็บ Amazon ที่ทุกคนเห็นเหมือนกันหมด เพิ่มความโปร่งใสให้กระบวนการซื้อรถยนต์
Amazon ประกาศเข้าสู่ธุรกิจขายรถยนต์ออนไลน์ในชื่อ Amazon Autos ให้ลูกค้าสามารถค้นหา และออกคำสั่งซื้อรถยนต์หรือรถบรรทุกได้ผ่านดีลเลอร์
ในช่วงแรก Amazon Autos ยังจำกัดเฉพาะรถยนต์ของ Hyundai ขายใน 48 เมืองทั่วสหรัฐอเมริกา ตามดีลเลอร์ของ Hyundai ที่มี โดยจะเพิ่มรถยนต์ค่ายอื่น และเพิ่มเมืองที่ให้บริการภายในปี 2025 ต่อไป
บทบาทของ Amazon จะเป็นตัวกลางให้ลูกค้าค้นหาดีลเลอร์และรถยนต์รุ่นที่ต้องการ รวมทั้งกระบวนการออกสินเชื่อ ลายเซ็นดิจิทัลสัญญาซื้อขาย ส่วนการรับรถยนต์สามารถตกลงกับดีลเลอร์ได้เมื่อขั้นตอนทำสัญญาเสร็จสิ้น นอกจากนี้ Amazon ยังรองรับการนำรถยนต์มือสองมาขายเพื่อทำส่วนลดด้วย
คู่มากับการเปิดตัวชิป Snapdragon Ride/Cockpit Elite สำหรับรถยนต์ Qualcomm ยังประกาศความร่วมมือกับกูเกิล พัฒนาระบบแสดงผลในหน้าจอรถยนต์ (digital cockpit) ร่วมกัน
ฝั่ง Qualcomm มีแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์สำหรับรถยนต์ที่เรียกรวมๆ ว่า Snapdragon Digital Chassis (มีทั้ง Ride, Cockpit และส่วนอื่นๆ) ส่วนกูเกิลมีระบบปฏิบัติการรถยนต์ Android Automotive OS (AAOS) ภายใต้ข้อตกลงนี้ ทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันให้ฝั่งฮาร์ดแวร์-ซอฟต์แวร์ทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น อัพเกรดง่ายขึ้น ส่งข้อมูลจากรถยนต์ขึ้นคลาวด์สะดวก กลายเป็นแพลตฟอร์มมาตรฐานสำหรับบริษัทรถยนต์นำไปใช้ต่อได้ง่าย
งานสัมมนาประจำปีของ Qualcomm รอบนี้่ นอกจากการเปิดตัว Snapdragon 8 Elite สำหรับสมาร์ทโฟน ยังมีการเปิดตัว Snapdragon Cockpit Elite และ Snapdragon Ride Elite สำหรับตลาดรถยนต์ด้วย (เมื่อรวมกับ Snapdragon X Elite สำหรับพีซีแล้ว ทุกอย่างล้วนเป็น Elite)
Qualcomm เจาะตลาดชิปสำหรับรถยนต์มานานพอสมควรแล้ว อย่าง Snapdragon Ride ชิปสำหรับรถยนต์ไร้คนขับ เริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2020 และ Snapdragon Cockpit สำหรับแสดงผลในจอรถยนต์ เริ่มทำปี 2022
Dara Khosrowshahi ซีอีโอ Uber ให้สัมภาษณ์กับรายการพอดคาสต์ Hard Fork โดยช่วงหนึ่งเขาถูกถามเกี่ยวกับรถแท็กซี่ไร้คนขับ Cybercab ของ Tesla ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไป
Khosrowshahi บอกว่าวิสัยทัศน์ของ Cybercab สำหรับการให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับนั้นค่อนข้างน่าสนใจ เพราะ Tesla พัฒนาและผลิตรถยนต์เอง ซึ่งดูเหมือนจะให้บริการรถแท็กซี่ผ่านแอป Tesla เองด้วย แต่หาก Tesla ต้องการความร่วมมือกับ Uber พวกเขาก็พร้อมเช่นกัน
ในงาน We, Robot เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Tesla ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น Cybercab แท็กซี่ไร้คนขับ, Robovan รถโดยสารไร้คนขับ ซึ่งอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญก็คือ Optimus robot หุ่นยนต์ฮิวมานอยด์ ที่ทั้งเต้น ชงเครื่องดื่ม และสนทนากับผู้เข้าร่วมงาน
แต่ล่าสุด Alex Proyas ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง I, Robot ออกมาแซวผ่าน X ว่า ดีไซน์ของผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับรถและหุ่นยนต์ในภาพยนตร์ของเขาผ่านทวิตเตอร์พร้อมโพสต์ภาพเปรียบเทียบ หรือถ้าสังเกตชื่องานก็ถือว่าค่อนข้างพ้องกันอยู่เหมือนกัน
Tesla เปิดตัว Robovan รถตู้โดยสารไร้คนขับ ที่สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ถึง 20 คน หรือจะใช้ขนส่งสินค้าก็ได้ โดย Elon Musk บอกว่ารถคันนี้จะช่วยแก้ปัญหาการขนส่งความหนาแน่นสูง และอาจมีต้นทุนการเดินทางราว 5-10 เซนต์ต่อไมล์
ในอนาคตมีแผนว่า Robovan จะเรียกใช้ได้ผ่าน Tesla Network บริการเรียกใช้รถยนต์ไร้คนขับของ Tesla ที่จะมีให้บริการทั้ง Cybercab และ Robovan ที่บริษัทเป็นเจ้าของ ตลอดจนรถของลูกค้า Tesla ที่มาปล่อยยืมเพื่อสร้างรายได้เมื่อไม่ได้ใช้รถ
ที่ผ่านมา Tesla เคยบอกใบ้การปล่อย Robovan ออกมาบ้าง เพราะในแผนงานหลักส่วนที่สาม (Master Plan Part 3 ที่ Tesla เรียก) บริษัทก็ระบุว่ารถบัสและรถตู้เชิงพาณิชย์เป็นโครงการที่รอการตัดสินใจ
Tesla ได้เปิดตัว Cybercab ซึ่งเป็นรถแท็กซี่ไร้คนขับ ไม่มีพวงมาลัย ไม่มีแป้นเหยียบ ลักษณะคล้าย Cybertruck แต่เล็กกว่าและมีรูปทรงเพรียวลมกว่า โดย Tesla ได้นำตัวอย่างรถมาโชว์ถึง 20 คันในงาน "We, Robot" ที่สตูดิโอ Warner Bros. Discovery
Musk จะทำราคาขาย Cybercab ให้ต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1 ล้านบาท) ซึ่งเขาเสริมในเรื่องราคาว่า จะมีต้นทุนการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 0.20 ดอลลาร์ต่อไมล์ ถูกกว่าระบบขนส่งแบบดั้งเดิม
ยักษ์ใหญ่ของเกาหลีผนึกกำลังกันเอง โดยซัมซุงในฐานะแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า เซ็นสัญญากับแบรนด์รถยนต์ Hyundai และ Kia (ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเครือเดียวกัน) เพื่อเชื่อมต่อระบบสมาร์ทโฮม SmartThings ของซัมซุง เข้ากับระบบ infotainment รุ่นถัดไปในรถยนต์ของ Hyundai/Kia
ตัวอย่างการเชื่อมต่อระบบ ได้แก่
Volvo Cars ประกาศอัพเดตระบบความบันเทิงภายในรถยนต์ (infotainment) เวอร์ชันใหม่ให้กับรถยนต์รุ่นเก่า ย้อนไปถึงปี 2020
ระบบความบันเทิงในรถยนต์เวอร์ชันใหม่ ปรับปรุงให้ใช้งานง่ายขึ้น กดหน้าจอน้อยลง เริ่มใช้งานมาแล้วในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น EX90 และ EX30 และจะใช้กับ XC90 SUV รุ่นปี 2025 ที่อัพเกรดจอเป็นขนาดใหญ่ขึ้น 11.2" และความละเอียดจอเพิ่มขึ้น 21% ด้วย
หลังจากนั้น Volvo Cars จะทยอยอัพเกรดย้อนหลังให้กับรถยนต์ที่ใช้ระบบความบันเทิงในรถยนต์ Android Automotive (Google built-in) รุ่นที่วางขายตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา ที่ระบุชื่อรุ่นได้แก่ C40, XC40, EX40, EC40, S60, V60, V60 Cross Country, XC60, S90, V90, V90 Cross Country, XC90 แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลาแน่ชัด
Volkswagen ประกาศความร่วมมือกับบริษัท N-Dream จากสวิตเซอร์แลนด์ เปิดให้รถยนต์ของ Volkswagen สามารถเล่นเกม (ตอนจอดรถ) โดยใช้มือถือเป็นคอนโทรลเลอร์ได้
แพลตฟอร์มเกมของ N-Dream ชื่อว่า AirConsole (หน้าเว็บ) เป็นเกมแนวแคชวลง่ายๆ เช่น เกมพัซเซิล เกมฟุตบอล เกมแข่งรถ มีจุดเด่นคือเล่นได้บนอุปกรณ์ที่หลากหลาย ทั้งผ่านเบราว์เซอร์ และผ่านกล่องทีวี จุดเด่นของมันคือไม่ต้องหาอุปกรณ์อะไรเพิ่ม ใช้มือถือที่ติดตัวทุกคนอยู่แล้วเป็นคอนโทรลเลอร์ได้ทันที และถ้าอัพเกรดไปใช้ AirConsole Hero แบบจ่ายเงิน ก็สามารถเล่นเกมดังๆ เพิ่มขึ้นได้
สำนักข่าว Reuters รายงานว่าชายอายุ 56 ปี ถูกจับกุม หลังเจ้าตัวเปิดตัว FSD ของ Tesla Model S และหันไปเล่นโทรศัพท์มือถือ ก่อนรถจะพุ่งเข้าชนรถมอเตอร์ไซค์ และคนขับเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ขณะที่ตำรวจ และ NHTSA กำลังสอบสวน โดยใช้ข้อมูลรถเพื่อพิจารณาการตั้งข้อหาต่อไป
ด้านผู้เชี่ยวชาญวิจารณ์ว่า ระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติของ Tesla ถือว่ามีข้อจำกัด จากการใช้กล้องในการประมวลผลสภาพแวดล้อม เพราะสร้างความผิดพลาดได้มากกว่า เมื่อเทียบกับระบบไร้คนขับอย่างของ Waymo ที่ใช้เซ็นเซอร์ lidar ซึ่งแม่นยำมากกว่า โดยเฉพาะในสภาพอากาศรูปแบบต่างๆ
Mary Barra ซีอีโอของ GM เปิดเผยในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นว่า Cruise บริษัทรถยนต์ไร้คนขับในเครือ กลับมาให้บริการอีกครั้ง และกำลังจะเปลี่ยนรุ่นรถยนต์ที่ใช้จากเดิมคือ Cruise Origin ที่ Cruise พัฒนาเอง มาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า Chevrolet Bolt รุ่นใหม่ที่ยังไม่เปิดตัวแทน
Barra บอกว่าการเปลี่ยนรุ่นรถยนต์จะแก้ปัญหาที่ Cruise พบเจอได้ เพราะปัญหามาจากการออกแบบของรถรุ่น Origin เป็นหลัก นอกจากนี้การเปลี่ยนมาใช้ Bolt ยังช่วยลดต้นทุนต่อหน่วยได้ด้วย เพราะใช้กำลังการผลิตของ GM ที่ผลิตรถออกมาเป็นจำนวนมากกว่า
BYD ประกาศเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ หลังจากเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2022 โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ จังหวัดระยอง มีพื้นที่ 948,000 ตารางเมตร มีกำลังการผลิต 150,000 คันต่อปี ใช้ผลิตรถยนต์รุ่น Dolphin, Atto 3, Seal และ Sealion 6
BYD ระบุว่าจะใช้โรงงานแห่งนี้เป็นฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวา เพื่อขายในไทยและส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ในอาเซียน
ในพิธีเปิดโรงงาน BYD ยังโชว์รถยนต์รุ่น BYD Dolphin คันที่ 8,000,000 ของบริษัท ซึ่งผลิตที่โรงงานแห่งนี้ในประเทศไทยด้วย
ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์ BYD ประเทศไทย
กูเกิลประกาศรองรับแอพเพิ่มเติมบน Android Automotive ได้แก่แอพกลุ่มสตรีมมิ่ง Max, Peacock และเกม Angry Birds ที่สามารถเล่นได้ตอนรถจอด
ส่วน Android Auto ที่เป็นการส่งภาพจากมือถือขึ้นจอ รองรับแอพ Uber Driver สำหรับคนขับรถแล้ว เท่ากับว่าคนขับ Uber จะสามารถรับงานผู้โดยสารและดูการนำทางได้จากจอใหญ่ของรถยนต์ แทนที่จะเป็นจอมือถือแบบเดิม
กูเกิลประกาศว่าระบบปฏิบัติการสำหรับรถยนต์ Android Automotive OS รองรับโปรโตคอล Google Cast แล้ว แปลว่าเราจะสามารถแคสต์หนังจากในสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ไปดูในหน้าจอรถยนต์ตอนที่จอดอยู่ได้ เหมือนกับการแคสต์บนจอสมาร์ททีวีหรือทีวีที่ต่อ Chromecast
รถยนต์แบรนด์แรกที่รองรับฟีเจอร์นี้คือ Rivian แต่ยังไม่ระบุว่าจะใช้ได้เมื่อไร
ที่มา - Android Developers Blog
Luminar Technologies บริษัทสตาร์ตอัพด้านเซ็นเซอร์วัดระยะแสง lidar (ย่อมาจาก Light Detection and Ranging) เปิดเผยในรายงานที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า Tesla สั่งซื้อ lidar จำนวนมากจาก Luminar โดยคิดเป็นสัดส่วนกว่า 10% ของรายได้ไตรมาส 1 ของ Luminar
ตอนนี้ยังไม่มีคำอธิบายว่า Tesla ซื้อ lidar ไปทำไม และในอดีตนั้น Elon Musk ก็ประกาศว่าไม่ต้องการติดเซ็นเซอร์อื่นๆ เพราะเชื่อมั่นในแนวทางใช้กล้องอย่างเดียว ข่าวนี้จึงทำให้สื่อวิเคราะห์กันว่า Tesla น่าจะเอา lidar ไปใช้ในรถยนต์สำหรับแท็กซี่ไร้คนขับ ที่ประกาศว่าจะเปิดตัวในเดือนสิงหาคม
สำนักงานความปลอดภัยทางหลวงของสหรัฐ (National Highway Traffic Safety Administration หรือ NHTSA) ภายใต้กระทรวงคมนาคม ออกกฎบังคับใช้กับรถยนต์ใหม่ที่วางขายในปี 2029 ว่าจะต้องมีระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Automatic Emergency Braking หรือ AEB) ทุกคัน
กระทรวงคมนาคมสหรัฐ ให้เหตุผลว่าระบบ AEB จะช่วยลดความเสียหายจากอุบัติเหตุลงได้ ช่วยให้คนรอดชีวิต 360 คน และพ้นจากการบาดเจ็บ 24,000 คนต่อปี ความเห็นของกระทรวงคือระบบ AEB ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ แถมใช้งานได้จริง จึงตัดสินใจออกกฎนี้มาบังคับใช้งาน
Tesla ประกาศเรียกคืนรถกระบะ Cybertruck ที่ผลิตออกมาทั้งหมด 3,878 คัน หลังพบปัญหาคันเร่งค้าง
Tesla ประกาศเรียกคืนรถผ่าน National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) หน่วยงานด้านความปลอดภัยทางถนนในสหรัฐ ระบุปัญหาแป้นเหยียบคันเร่ง (pad on the accelerator pedal) อาจไปติดกับตัวรถด้านในที่อยู่เหนือคันเร่ง และอาจทำให้คันเร่งค้างได้
Tesla ระบุว่าได้รับแจ้งปัญหาจากลูกค้าครั้งแรกในวันที่ 31 มีนาคม และครั้งที่สองในวันที่ 3 เมษายน หลังการสอบสวนของวิศวกรก็พบว่ามีปัญหาจริงๆ จึงตัดสินใจประกาศให้เจ้าของรถนำรถเข้าไปแก้ไขโดยไม่มีค่าใช้จ่าย (ซึ่งเจ้าของรถมีสิทธิจะไปหรือไม่ก็ได้ เป็นไปตามความสมัครใจ)
Xiaomi เปิดให้ลูกค้าในจีนสั่งของรถยนต์ไฟฟ้าตัวแรก SU7 ได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสถานการณ์ล่าสุดในแอปสั่งจองระบุว่าในรถยนต์บางรุ่น จะต้องรอนานถึง 7 เดือน จึงอาจสะท้อนความต้องการที่สูงกว่ากำลังผลิตตอนนี้
โดยรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น SU7 ตัวมาตรฐาน ตอนนี้ต้องรอ 18-21 สัปดาห์, SU7 Pro รอ 18-21 สัปดาห์ ขณะที่รุ่นท็อป SU7 Max รอ 27-30 สัปดาห์
Xiaomi ยังทำการตลาดเพื่อดึงดูดให้คนจองเป็นกลุ่มแรก โดย 5,000 คันแรก จะเป็นรถรุ่นพิเศษ Founder's Edition และได้ของแถมเช่นตู้เย็น แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีคำสั่งซื้อมากถึง 50,000 คัน ใน 27 นาที ทำให้ซีอีโอ Lei Jun บอกว่า Xiaomi อาจเปิดขาย Founder's Edition อีกรอบเพิ่มเติม
Xiaomi ประกาศราคาขายของรถยนต์ไฟฟ้า Xiaomi SU7 อย่างเป็นทางการ โดยรุ่นมาตรฐาน Xiaomi SU7 ราคาในจีน เริ่มต้นที่ 215,900 หยวน หรือประมาณ 1.1 ล้านบาท ซึ่ง Lei Jun ซีอีโอ Xiaomi ก็เปรียบเทียบให้เห็นเลยว่าราคาถูกกว่า Tesla Model 3 ที่ขายในจีนเริ่มต้น 245,900 หยวน และเขายังบอกว่าเทียบสเป็กกันเป็นรายการแล้ว SU7 เหนือกว่า Model 3 มากกว่า 90% มีเพียงไม่กี่ด้านที่ยังด้อยกว่า แต่เชื่อว่าใช้เวลา 3-5 ปี ก็ตามทัน
Xiaomi เผยว่าคำสั่งซื้อรถยนต์ มีมากกว่า 5 หมื่นคัน ในเวลา 27 นาที ที่เริ่มเปิดให้จอง รถจะเริ่มส่งมอบในเดือนเมษายน
ปีที่แล้วเราเห็นข่าว MediaTek ซื้อไลเซนส์จีพียู NVIDIA ไปใช้กับชิปรถยนต์ Dimensity Auto ของตัวเอง เวลาผ่านมาเกือบปี MediaTek เปิดตัวชิปชุดนี้แล้ว
ชิปชุดนี้ชื่อว่า Dimensity Auto Cockpit มีหน้าที่จัดการแสดงผลหน้าจอรถยนต์ มีทั้งหมด 4 รุ่นย่อยเรียงจากแพงไปถูกคือ CX-1, CY-1, CM-1, CV-1
MediaTek ระบุกว้างๆ ว่าใช้ซีพียู Armv9-A ผลิตที่ 3nm ส่วนจีพียูเป็น NVIDIA RTX รุ่นใหม่ที่ไม่ระบุชื่อสถาปัตยกรรม แต่รองรับฟีเจอร์ ray tracing กับ DLSS3 และรองรับฟีเจอร์ฝั่ง NVIDIA อย่าง DRIVE OS, CUDA, TensorRT ครบถ้วน สามารถรันโมเดลภาษา LLM แบบออฟไลน์ได้จากในตัวรถเลย
หลังจาก Ford ประกาศปรับยุทธศาสตร์ด้าน EV ใหม่ กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มรถยนต์ EV รุ่นสองที่ต้นทุนถูกลง โดยยังไม่เปิดเผยรายละเอียดมากนัก
Bloomberg Businessweek รายงานว่าทีม EV ของ Ford อยู่ที่เมือง Irvine ในแคลิฟอร์เนีย มีพนักงานประมาณ 100 คน หัวหน้าทีมคือ Alan Clarke อดีตหัวหน้าทีมพัฒนา Tesla Model Y ที่ย้ายมาอยู่กับ Ford เมื่อราว 2 ปีก่อน โดยสิ่งที่ทีมนี้กำลังทำคือแพลตฟอร์มรถยนต์ EV ที่สามารถใช้ทำได้ทั้งรถ SUV ขนาดเล็ก, รถกระบะขนาดเล็ก และอาจครอบคลุมถึงรถยนต์สำหรับ ride-hailing ด้วย แบตเตอรี่จะเป็นแบบ lithium iron phosphate ที่ต้นทุนถูกกว่าแบตเตอรี่ lithium-ion ในปัจจุบันราว 30%
เมื่อปี 2022 NVIDIA เคยเปิดตัวบอร์ด Drive Thor สำหรับรถยนต์ โดยบอกว่าใช้ซีพียู Grace และจีพียู Ada Lovelace แต่สุดท้ายก็เงียบหายไป ไม่ได้ออกสินค้าสู่ตลาดจริง (ตัวก่อนหน้านั้นคือ Drive Atlan ที่เปิดตัวปี 2021 ก็ถูกยกเลิกไป)
ในงาน GTC 2024 เมื่อคืนนี้ NVIDIA นำ Drive Thor กลับมาอีกครั้ง รอบนี้อัพเกรดจีพียูมาเป็นสถาปัตยกรรม Blackwell ที่มีสมรรถนะมากขึ้น สามารถเป็นชิปตัวเดียวในรถที่รองรับทั้งงานแสดงผลหน้าจอ และงานขับเคลื่อนอัตโนมัติ
Mark Gurman แห่ง Bloomberg รายงานข้อมูลแอปเปิลในจดหมายข่าวประจำสัปดาห์ Power On คราวนี้ว่าด้วย CarPlay แพลตฟอร์มเชื่อมต่ออุปกรณ์ iOS กับรถยนต์
โดยหลังจากแอปเปิลประกาศยกเลิกโครงการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับไปก่อนหน้านี้ ทำให้ CarPlay จึงเป็นพื้นที่สุดท้ายที่แอปเปิลเหลืออยู่ในวงการรถยนต์ตอนนี้ จึงคาดว่าแอปเปิลจะกลับมาโฟกัสที่ CarPlay มากขึ้น แต่ปัญหาใหญ่คือคู่แข่งทางตรงอย่าง Android Auto ได้ก้าวนำไปก่อนแล้วด้วยการพัฒนา Android Automotive ที่เป็นระบบปฏิบัติการติดตั้งมาในรถยนต์เลย