Tesla เปิดตัว Model 3 เมื่อเดือนเมษายน 2016 โดยเปิดให้จองรถรุ่นดังกล่าวพร้อมวางเงินมัดจำ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ ได้รับยอดจองถล่มทลายถึง 250,000 คันภายในสามวัน
ล่าสุด Second Measure บริษัทวิเคราะห์และวิจัยด้านการตลาดรายงานว่าหลังผ่านมาสองปี มีลูกค้าในสหรัฐอเมริกาที่วางมัดจำจอง Tesla Model 3 ได้ถอนจองและขอเงินคืนไปแล้วราว 23% หรือเกือบ 1 ใน 4 ของยอดจองทั้งหมด ซึ่งเหตุผลอาจมาจากการที่ Tesla ไม่สามารถผลิตรถได้ทันตามเป้าที่วางไว้ ทำให้ลูกค้าไม่อาจรอได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตามโฆษกของ Tesla ได้ออกมาบอกว่าตัวเลขดังกล่าวผิดไปจากตัวเลขที่ Tesla มี แต่ไม่ได้เปิดเผยว่ายอดถอนจองขณะนี้เป็นเท่าไหร่
เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว Tesla ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 เผยให้รู้ว่ายอดถอนจองตอนนั้นอยู่ที่ราว 12% ซึ่ง Second Measure ก็เคยวิเคราะห์ตัวเลขตอนนั้นและได้ผลออกมาที่ 12% เช่นกัน
ที่มา – Second Measure, Engadget
Comments
ต้องผลิตให้เร็วและมากกว่านี้อีกมาก และกู้คืนความเชื่อมันทั้งจากนักลงทุนและลูกค้าให้เร็วที่สุด ไม่งั้นก็เตรียมขาดทุนย่อยยับพร้อมปิดกิจการหรือโดนซื้อกิจการแทนได้เลย เพราะ 1 ใน 4 นี่ถือว่าเยอะมากในวงการรถยนต์เนี่ย
ไม่ใช่ Trabant หรือรถในอดีตประเทศคอมมิวนิสต์นะ ที่คงการผลิตน้อยๆ มาหลายปี แถมไม่พัฒนาอะไรเลยเป็นสิบกว่าปี
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เรียกได้ว่าเละนะฮะช่วงนี้
ติ๊งต่างว่า เดินไปซื้อรถ Tesla รุ่น option ต่ำสุดในงานเปิดตัว แล้วนั่งถือใบจองมือเปียกเหงื่อมา 2 ปี แล้วไม่มีทีท่าว่าพี่เค้าผลิตออกมาเลย
เป็นผม ผมคืนใบจองตั้งกะ ต้นปี 17 แล้วครับ
นั่นแหละฮะ ผมถึงห่วง Tesla ไงครับว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเหมือนค่อยๆระเบิดออกมา ถ้า Tesla ไม่ขยายโรงงานเพิ่ม(เพื่อเพิ่มกำลังผลิต) หรือไปแก้ Process บางอย่างก็อาจบ๊ายบายได้
แต่ผมเสนอ Elon นะ รอบหน้าถ้าอยากระดมหาตังขยายกำลังการผลิต ก็ทำ Photosets 5 ใบ 10 ดอลขายเลย ขายแบบสุ่ม อาจจะมี SSR ออกมาซัก 5 ใบ อะไรแบบนี้ หรือขายบัตรจับมือ Elon ก็ได้ แล้วอาจจะมีรอบพิเศษที่เอาบัตรจับมือไปถมได้ น่าจะขายดีนะ(โมเดลทำไมมันคุ้นๆ 55555)
รถยนต์เนี่ยมันของใช้งาน
ถ้าเลทเกินไปมันก็รอไม่ได้ เพราะไม่มีรถขับ ไม่รู้จะได้ของเมื่อไหร่ ไม่มีกำหนดการชัดเจน รถคันปัจจุบันอาจจะพังพอดี มันก็จำเป็นต้องหามาทดแทนแล้วของแบบนี้มันก็ไม่ใช่จะเปลี่ยนกันบ่อยๆ
แต่ผมเชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร
อีกหน่อยถ้าผลิตทัน ความต้องการมันก็มีเรื่อยๆ อยู่ดี มีแค่ยอดจองที่หายไป (แต่ยอดขายมันก็ได้แค่เท่านี้) เพราะความต้องการเปลี่ยนรถ การที่รถเก่าพังไปมันก็มีมาอยู่เรื่อยๆ
มันแปลกจนทำให้คิดว่า ทำมาเพื่อปั่นหุ้น
เหมือนเอาเงินเขามาหมุนก่อนหรือเปล่านี่ไม่เสียดอกอีก
ถ้าผลิตได้เร็ว คนซื้อก็จะกลับมาเอง
1/4 ผิดจากความจริง จริงๆ 1/2