Tesla เปิดตัว Tesla Roadster รุ่นที่ 2 เมื่อปลายปี 2017 โดยใช้สีแดงเป็นสีหลักในการประชาสัมพันธ์
ล่าสุดที่งานประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวาน Tesla ได้เซอร์ไพรซ์คนที่มาร่วมงานด้วยการนำรถรุ่นดังกล่าวในสีขาวที่ไม่เคยมีใครเห็นมาจอดโชว์ด้วย โดยไม่แน่ชัดว่าเป็นรถที่ขับได้จริงหรือไม่ แต่เว็บไซต์ Electrek คาดว่าน่าจะเป็นเพียงโครงรถที่ใช้งานไม่ได้ แต่ก็ได้รับความสนใจจากผู้คนมากกว่า Tesla Model 3, S, X และรถบรรทุก Tesla Semi ที่มาจอดโชว์ในงานเช่นกัน
Tesla Roadster เป็นรถยนต์สมรรถนะสูง โดยรุ่นใหม่นี้เคลมว่าเร่งจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (96 กม./ชม.) ได้ภายใน 1.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุดมากกว่า 400 กม./ชม. วิ่งได้ระยะทาง 1,000 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
กดดูภาพเพิ่มเติมได้จากที่มาครับ
ที่มา – Electrek
Tesla unveils new white next-gen Roadster prototype at shareholder meeting https://t.co/BbfbhofVMM by @fredericlambert pic.twitter.com/HSEaUNQIob
— Electrek.Co (@ElectrekCo) June 5, 2018
Comments
สวยพี่สวย
ผมว่าแทนที่จะมาเปิดตัวแบบนี้ เอาเวลาไปเร่งการผลิต Model 3 น่าจะดีกว่า ปัญหายังเยอะอยู่เลยนะ สัก 10000 คันต่อสัปดาห์กำลังดี
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เงินจะหมดนะครับ ต้องขายของหน่อย เดี่ยวไม่มีคนลงมาทุน
เรื่องแค่นี้แบ่งเวลาแบ่งงานได้ล่ะน่า คนทำงานไม่ได้ทำคนเดียว
ตามนั้นครับผม ต้นแบบสีแดงทำมาให้ดูในงานเปิดตัวแล้ว จะเอาต้นแบบคันอื่นที่อรู่ระหว่าง R&D ลากมาวางอวดสักหน่อย ไม่น่าจะกินเวลาปรับปรุงสายการผลิต model 3 เลย (ปรกติแล้ว R&D ไม่ใด้ทำทีเดียวจบ แต่เป็นการทำแล้วหาข้อผิดพลาดซึ่งต้องมีทำมาหลายคัน โดยเฉพาะสินค้าตลาดบน)
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
????
ตรรกะเดียวกับที่ "แทนที่จราจรจะมาจับคนทำผิดกฏจราจร เอาเวลาไปจับยาบ้าแทนดีกว่า" ใช่ปะ
ผมว่าไม่ใช่ครับ ต้องมองว่าการคืนและสร้างความเชื่อมันนักลงทุนและลูกค้าในตอนนี้สำคัญกว่าการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในขณะที่ยังมีปัญหาภายในอยู่ครับ ไม่งั้นปัญหาจะใหญ่นะกลายเป็นดินพอกหางหมูครับ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ซึ่งนั่นก็ทำอยู่นี่ครับ อย่างการประชุมครั้งนี้ก็มีแจ้งความคืบหน้าหลายอย่าง จนหุ้นบวกเอาๆ
เพียงแต่ถ้าไม่ใช่คุณ BlackMiracle แล้ว มักจะมีแต่ข่าวแง่ลบที่ถูกแปล
บางคนเค้าก็คิดว่า บริษัทนึง มีคนทำงานคนเดียว ทำงานได้ครั้งละอย่างเดียว
หรือเค้าจะให้คนที่มีหน้าที่วิจัยรถต้นแบบ เลิกแล้วไปจับไขควงช่วงประกอบรถส่งให้ทัน?
R&D กับ Production ครับ
ผมว่า เค้าแก้ปัญหาไม่ทัน เลยต้องเอาของต้นแบบมาโชว์ ดึงความสนใจอ่ะนะ
ทีมพัฒนา กับไลน์การผลิต คนล่ะส่วนกัน
ทีมพัฒนา บริษัทจ้างคนมาทำงานถ้าไม่ได้รถต้นแบบ บริษัทก็เสียเงินฟรีๆ องค์ความรู้ก็เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าไม่มีการพัฒนา พวกหัวกะทิก็พร้อมจะหาความท้าทายใหม่ๆ มีค่ายรถพร้อมที่จะก้าวจะเป็นผู้นำเสมอ
ไลน์การผลิตมีปัญหา เป็นหน้าที่ของ ceo ที่จะต้องแก้ไข และสร้างความเชื่อมั่น
หลายท่านพูดไปแล้ว
ฝ่ายผลิตก็เป็นส่วนฝ่ายผลิตไป ส่วนฝ่ายพัฒนาก็พัฒนาไป
อีกอย่างก็คือรุ่นท็อปมันกำไรสูงกว่า
รุ่นปกติถ้าหากผลิตได้ 2,000 คัน ความต้องการ 10,000 คัน ยังไงก็ส่งขายได้แค่ 2,000 คันอยู่ดี
ในขณะที่รุ่นท็อปอาจจะผลิตได้ยากกว่า
ถ้ากำลังการผลิต 1,500 คัน ความต้องการ 1,500~2,000 คัน ก็สามารถผลิตส่งได้ทันอยู่ แถมกำไรอาจจะมากกว่า 2-3 เท่าตัวอย่างน้อย ก็เป็นเหตุผลที่ Tesla ยังไม่ขายรุ่นราคา 30,000 U$D เพราะยังไงก็มีออร์เดอร์ยาวเหยียด (ที่ผลิตไม่ทัน) และรุ่นโมเดลสูงๆ มันทำกำไรให้มากกว่า
รุ่น Mass ราคาถูกมันก็สำคัญในเชิงยึดพื้นที่ตลาด (แต่ยังผลิตไม่ทัน ก็ไม่รู้จะทำไง)