สภายุโรป (European Paliament) ผ่านมติ P8-TA-2018-0258 เรื่องการเสริมความแข็งแกร่งของการป้องกันภัยไซเบอร์ โดยมีญัตติข้อ 76 ยืนยันว่าสินค้าทั้งซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ของ Kaspersky Lab นั้นยืนยันแล้วว่าเป็นภัย (malicious) และให้ชาติสมาชิกตรวจสอบว่าไม่มีการใช้งานในระบบ
แนวทางนี้ตรงกับแนวทางของสหรัฐฯ ที่ประกาศห้ามหน่วยงานภาครัฐใช้ซอฟต์แวร์ Kaspersky ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว หรือสหราชอาณาจักรก็มีการแจ้งเตือนหน่วยงานในช่วงเดียวกัน
ปัญหาเริ่มจาก Kaspersky ได้รับเครื่องมือของ NSA ไปตั้งแต่ช่วงปี 2014 แม้บริษัทจะพยายามอธิบายว่าได้รับเครื่องมือเหล่านั้นไปด้วยความผิดพลาดของพนักงาน NSA เอง แถมพนักงาน NSA รายนั้นก็กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาโทษ แต่ดูเหมือนรัฐบาลชาติตะวันตกก็สงสัยตัวบริษัทไปแล้ว
ข้อความที่ระบุว่า "ยืนยันแล้วว่าเป็นภัย" ในมติของสภายุโรป น่าสงสัยเป็นอย่างมาก เพราะจนทุกวันนี้ก็ไม่มีรัฐบาลใดเคยแสดงหลักฐานต่อสาธารณะว่า Kaspersky เคยทำตัวเป็นภัยต่อความมั่นคงอย่างไร
76. Calls on the EU to perform a comprehensive review of software, IT and communications equipment and infrastructure used in the institutions in order to exclude potentially dangerous programmes and devices, and to ban the ones that have been confirmed as malicious, such as Kaspersky Lab;
ที่มา - The Register
Comments
เป็น 1 ในกรณีกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐานชัดเจนมาตลอด
ใครที่คิดว่าฝรั่งเค้าเจริญแล้ว มีความยุติธรรม ควรคิดใหม่
EU จะมามำเรื่องแบบนี้ผมว่าไม่ง่ายเพราะมันไม่ชาติเดียว ไม่ใช่ทุกชาติที่จะเกลียดรัสเซียด้วย สงสัยว่าอะไรทำให้เขาตัดสินใจกันแบบนี้ข้อมูลลับสุดยอดถึงขนาดเปิดให้สาธรณะชนไม่ได้เลยหรือ?
วงวารแคสเปอร์สกี้
เคสนี้รู้ได้เลยว่า
NSA ยังไม่หยุดสร้างโปรแกรมไม่พึ่งประสงค์ ยังไม่หยุดวางช่องโหว่ ยังคงสอดแนมทั้งโลกต่อไป Hey! Hydra
KasperSky..ใช้แล้วเยี่ยมมากๆเลย..ผมใช้โดยไม่ใส่ใจเรื่องนี้ เพราะAV is AV.
ยุโรปตัดสินแล้วคงเรื่องจริง ไม่ใช่จาก USA ฝ่ายเดียว
WHAT LOGIC IS THIS?!
DemoCrazy Bitchy Logic...
ที่บุกถล่มอิรักเพราะประเทศเขาพังย่อยยับเนื่องจากมีอาวุธทำลายล้างสูงกัน ก็มียุโรปนะครับ
เป็นความจริงไหม มันคงได้พิสูจน์กันแล้วล่ะ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
อิรักนี่ผมไม่ทราบเลยนึกว่ามีแต่อเมริกาตัดสินใจคนเดียว
บางทีเขาก็มีหลักฐานแหละครับ
แค่เขาเอามาเผยต่อหน้าสาธารณะชนไม่ได้
คนนอกส่วนใหญ่ก็มักจะคิดตื้นๆ ไม่ค่อยคิดเชิงลึกกัน
ไม่ต้องไปโทษว่าใครเจาะใคร เพราะเชื่อเถอะ ทุกประเทศเขาทะลวงเพื่อดูฝ่ายตรงข้ามกันทั้งนั้น
มันเป็นเรื่องของการทหารด้วยซ้ำที่จะต้องคอยสอดแนมบนไซเบอร์ดีไวซ์ของประเทศอื่นๆ
อีกแง่มุมคือการไม่ใช่ซอฟท์แวร์ของประเทศที่ไม่ไว้วางใจก็ถือเป็นเรื่องปกติแล้วนี่ครับ
ใครจะเหมือนไทยเรา ยุทโธปกรณ์ในประเทศผลิตเองก็ไม่เอา เกิดสงครามขึ้นมาจะมีประตูหลังโดนสั่งปิดการทำงานหรือเปล่าก็ไม่รู้
เพราะ Kaspersky สามารถตรวจจับเครื่องมือสอดแนมของ NSA ได้ เป็นภัยจริงๆ
ใช้ Kaspersky มา 5 ปีติดแล้วผม