สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังจะยกระดับไปอีกขั้น เมื่อกระทรวงการคลังเตรียมจะออกมาตรการใหม่ ที่ห้ามบริษัทที่มีคนจีน (ไม่ว่าจะรัฐบาลหรือเอกชน) ถือหุ้นเกิน 25% เข้าซื้อบริษัทไอทีของสหรัฐ ที่ครอบครองเทคโนโลยีที่มีความสำคัญในเชิงอุตสาหกรรม (industrially significant technology)
อย่างไรก็ตามกระทรวงการคลังระบุว่า เมื่อกฎหมายออกมา ตัวเลขสัดส่วนที่คนจีนถือหุ้นอาจต่ำกว่า 25% รวมถึงว่าถึงแม้นักลงทุนจีนจะถือหุ้นน้อยกว่าที่กำหนด แต่หากหน่วยงานภาครัฐมองว่า นักลงทุนจีนที่เข้าซื้อบริษัทสหรัฐ มีสิทธิเข้าถึงเทคโนโลยีที่ซื้อไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มาตรการนี้ก็จะครอบคลุมด้วย
ขณะที่ "เทคโนโลยีที่มีความสำคัญในเชิงอุตสาหกรรม" ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัด รวมถึงว่าจะถูกตีความครอบคลุมแค่ไหนด้วย โดยมาตรการนี้จะไม่มีผลย้อนหลังกับดีลที่เกิดขึ้นไปแล้ว
มาตรการนี้ของรัฐบาลสหรัฐออกมาก็เพื่อรับมือกับแผนยุทธศาสตร์ชาติของจีน "Made in China 2025" ที่รัฐบาลพยายามผลักดันให้จีนเป็นผู้นำและเชี่ยวชาญในหลายๆ อุตสาหกรรม อาทิ หุ่นยนต์, รถยนต์ไฟฟ้า, อวกาศ,ไอทีและเทคโนโลยีระดับสูงอื่นๆ
นอกจากมาตรการดังกล่าวแล้ว ทำเนียบขาวก็เตรียมเพิ่มความเข้มงวดในการส่งออกสินค้าจากสหรัฐจีน โดยจะมีการประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมวันที่ 30 มิถุนายนนี้
ที่มา - CNN, Venturebeat
Comments
ใกล้ล่ะ .....
มหาอำนาจ คือ พี่ใหญ่คนที่น้องๆ ยกให้เป็นผู้นำ ถ้าพี่ใหญ่ ทำตัวกร่างโชว์อำนาจ สร้างศัตรูไปทั่ว มันก็แค่นักเลงหัวไม้ เป็นพี่ใหญ่ไม่ได้ สุดท้ายก็จะตกเก้าอีเอง ส่วนตัวมองว่าอเมริกาขาลง กำลังเริ่มเกิดขึ้น แล้วน้องใหม่อย่างจีน กำลังจะก้าวมาแทนที่ในระยะไม่เกิน 10 ปีนี้ ตราบใดที่นโยบายต่างประเทศยังเป็นแบบนี้
นโยบายของสหรัฐตอนนี้เหมือนตาต่อตาฟันต่อฟันมากกว่านะครับ เพราะเรื่องพวกนี้จีนเค้าทำมานานมากจนสหรัฐเริ่มรู้สึกตัวว่าปล่อยให้จีนเอาเปรียบมานานมากแล้วจึงเริ่มตอบโต้ เพราะถ้าไม่ทำอะไรอีกสิบปีจีนน่าจะยึดบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐหมด ซึ่งผมว่าสหรัฐรู้ตัวช้าไปด้วยซ้ำ
เยี่ยม
ถ้าจีนซื้อ บ. ชาติอื่นแล้วเอา บ. นั้นไปถือหุ้น แล้วผ่านชาติอื่น ก็สามารถเข้าถึงเทคได้อยู่ดีหรือเปล่า แต่อาจจะเพิ่มขั้นตอนอีกนิดหน่อย แต่ได้ผลที่ต้องการจีนอาจมองว่ายังไงก็คุ้มนะ
การใช้ นอมินี มันสืบได้ครับ พวกเกาะที่ปิดตัวตนก็อยู่ภายในอิทธิพลชาติตะวันตก
.... แม้เขาบอกว่าจะแทรกแซงไม่ได้ก็ตาม แต่พอเป็นเรื่องของความมั่นคง อะไรๆก็เกิดขึ้นได้
จีนมหาอำนาจตัวจริง
ไม่ซื้อ ดูดคนเอาแบบที่ Samsung ทำเอาก็ได้ (ถ้าเก่งจริง ได้เงินเดือน 3 เท่าของที่เก่า Condo ของ บ. ให้อยู่ฟรีตอนทำงานแบบ 3LDK)
คงเพราะข่าว Micron สินะ
ผู้นำดี มองการณ์ไกล ประเทศก็ดีตามครับ
ดูตัวอย่างไทยสิครับ ประเทศเราดีขนาดไหน 555
ประเทศเรามองการไกล เราไม่ลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี เพราะเดี๋ยวจีนก็จะมาก็อปไปอยู่ดี ป้องกันได้ชะงัดและเด็ดขาดกว่า
ไม่คิดเองด้วย ไม่ก็อปด้วย สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไร
เราทำได้แค่รอวันล่มสลายเท่านั้น หรืออยู่อย่างไร้อนาคต ถ้าไม่ทำหรือพัฒนาอะไรเลย
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
แล้วแบบนี้หากเกิดกรณี จีน ลงทุนวิจัยในสหรัฐแล้วได้เทคโนโลยีพลิกโลก สิทธิบัตรจะโดนยึดไหม
สหรัฐน่าจะกลัว จีน ลงทุนวิจัยใน จีน แล้วได้เทคโนโลยีพลิกโลก มากกว่า
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ไม่ดูดบริษัทก็ได้
ดูดคนได้ผลกว่าเยอะ
นวัตกรรมนั่นหรอ
คิดใหม่ก็ได้
เพราะที่มีอยู่มันเริ่มตันแล้ว
ชอบภาพประกอบมากครับ
That is the way things are.
ไม่รู้สงครามนี้ชนะ แต่ผมไม่อยากให้จีนชนะจริงๆ เพราะการใช้ AI อย่างสุดโต่งของจีนกำลังทำให้พลเมืองจีนกลายเป็นสัตว์เลี้ยงในกรงของรัฐบาลจีน สิ่งที่จีนกำลังทำคือเครื่องมือวิเคราะห์ว่าใครควรทำอะไร และใครจะต่อต้านรัฐบาลตัวเองอยู่ ที่สำคัญจีนมีหนูทดลองจำนวนพันล้านที่ไม่ต้องพูดถึงสิทธิมนุษยชนอะไรเลย
เห็นด้วยกับความเห็นนี้ เพราะแม้แต่ในปัจจุบัน จีนก็ยังริดรอนสิทธิ์ขอคนอื่นโดยใช้อำนาจตนเอง ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์หรือรัฐบาลควรจะทำกับประชาชนของตนเอง
สำหรับผม อยากให้ทั้งคู่ล่มสลาย เพราะทำอะไร เราและเพื่อนบ้าน หรือแม้แต่ประเทศอื่นก็พลอยเดือดร้อนไปด้วย เพียงแค่คนงี่เง่าใช้อำนาจเขม่นกันระหว่างสองประเทศ ถ้าคิดได้ มันควรจะหาข้อตกลงหรือหาวิธีที่ดีกว่านี้ตั้งแต่แรก
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
การกีดกันทุกรูปแบบ..ไม่เป็นผลดีต่อระบบ..สุดท้ายผู้กีดกันก็ฆ่าตนเอง
แต่จีนเค้ากีดกันบริษัทเทคโนโลยีต่างชาติมานานมากแล้วนะครับ ทำไมไม่เห็นฆ่าตัวเองสักที สหรัฐเพิ่งรู้ตัวว่าเสียเปรียบเลยเริ่มทำแบบจีนบ้างไม่ใช่เหรอครับ
ดูดบริษัทไม่ได้ ก็ดูดคนเอา พลังทุนจีนทำได้อยู่แล้ว
เรื่องแบบนี้ สำคัญที่สุดอยู่ที่คน รองลงมาคือเงินทุน
สหรัฐเองต้องเร่งพัฒนานวัตกรรมออกมาเรื่อยๆ
(แล้วจีนก็จะดูดคนไปเรื่อยๆ 555)
คงจะติดเบรค ได้ หน่อยนึงละ
ลองมองดูที่ไทย สิทธิบัต บางอันพวกสมุนไพรถูกนักวิจัย ต่างชาติมาทำ ยังไม่โอเค เลย ของฝรั่ง นี่ มีอย่างมากมาย มันก้ต้องปกป้องผลประโยชน์หล่ะครับ
ความเห็นส่วนตัวผมคือ...
ช้างสารตีกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ
ไม่ดีกับประเทศหญ้าแพรกอย่างเราๆ ทั้งขึ้นทั้งล่อง ไม่ว่าออกหัวออกก้อยหรือออกท่าไหนๆ ครับ
ไม่ต้องฝันกันไปว่าหญ้าแพรกอย่างเราๆ จะได้ดีอะไรๆ ไปกับช้างอย่างเขาๆ ด้วยเลย
ทำไมดูแล้วผมมองว่ามันก็เหมือนมาตรการกีดกันต่างชาติที่ประเทศทั่วไปก็ดำเนินกันอยู่เป็นปกติอยู่แล้วนี่นา ไม่น่าแปลกใจอะไรเท่าไหร่