เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา ณ Hokkaido บริษัท Interstellar Technology ผู้พัฒนาจรวดในญี่ปุ่นได้ทำการปล่อยจรวด Momo-2 เพื่อทำการทดสอบ แต่เกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อเกิดอุบัติเหตุจนจรวดระเบิดลุกเป็นไฟหลังการปล่อยตัวเพียงแค่ไม่กี่วินาที
Interstellar Technology ได้ทำการปล่อยจรวด Momo-2 เวลา 5.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น แต่หลังจากที่จรวดออกตัวลอยสู่อากาศเพีัยง 4 วินาที Momo-2 ก็สูญเสียแรงขับและร่วงหล่นลงมากระแทกพื้นจนระเบิด เกิดลูกไฟขนาดใหญ่ลุกท่วมบริเวณแท่นปล่อยจรวด สร้างความตกตะลึงให้กับทีมงานและประชาชนที่มาร่วมสังเกตการณ์อีกกว่า 600 ชีวิต
แผนการปล่อยจรวดครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะส่งจรวด Momo-2 ให้ออกไปนอกชั้นบรรยากาศโลกก่อนจะตกลงสู่กลางทะเล ทั้งนี้ทางมหาวิทยาลัย Kochi University of Technology ได้ติดตั้งอุปกรณ์ศึกษาเรื่องพฤติกรรมคลื่นเสียงไปกับจรวดด้วย แต่ทั้งหมดก็มาเสียหายไปพร้อมกับการระเบิดครั้งนี้
Momo-2 เป็นจรวดไร้คนขับขนาด 1 ตัน ยาว 10 เมตร มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 50 เซนติเมตร ถือเป็นจรวดลำที่ 2 ที่ Interstellar Technology พยายามปล่อยขึ้นสู่อวกาศหลังความล้มเหลวกับการปล่อยจรวด Momo-1 เมื่อเดือนกรกฎาคมปีก่อนที่ศูนย์ควบคุมการปล่อยสูญเสียการติดต่อกับจรวดหลังปล่อยตัวไป 70 วินาที ทั้งนี้ Interstellar Technology มีแผนจะปล่อยจรวด Momo-2 ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาแต่ต้องเลื่อนกำหนดการเนื่องจากประสบปัญหาไนโตรเจนรั่วไหล
อุบัติเหตุในครั้งนี้แม้ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจไม่น้อย โดยค่าใช้จ่ายในการปล่อยจรวดคราวนี้คิดเป็นเงินหลายสิบล้านเยน โดยเงินทุนส่วนหนึ่งนั้น Interstellar Technology ใช้วิธีการระดมทุนจากผู้คนได้เป็นเงิน 28.4 ล้านเยน
อย่างไรก็ตามทาง Interstellar Technology ยังคงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าโครงการสร้างจรวดปล่อยสู่อวกาศต่อไป โดยหลังจากที่ทีมงานวิเคราะห์ปัญหาและสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้เสร็จสิ้นแล้วก็จะนำข้อมูลที่ได้ไปประกอบการวางแผนเพื่อการเตรียมตัวปล่อยจรวดครั้งต่อไปในอนาคต
ที่มา - The Japan Times, Digital Trends
Comments
ทำไมแรงขับมันดูอ่อนด๋อยแบบนั้น บั้งไฟยังดูแรงกว่าเลยง่ะ
บั้งไฟมันไม่ถึงตันนะครับ... เท่าที่เดานนี้ระบบขับเคลื่อนมีปัญหาจริงครับดูแล้วสร้างแรงขับได้ไม่พอถ้าน่าจะรั่วเพราะเห็นว่าอยู่ดีเครื่องก็สูญเสียแรงขับดันไปดื้อๆ
หนักตันครึ่งก็มีนะครับ แต่เป็นพวกบั้งไฟตะไล ที่เป็นแบบวงแหวนจุดแล้วควงขึ้นไป
ปัญหาจรวดระเบิดมีเยอะจริงๆ ความน่าเชื่อถือและอัตราความสำเร็จก็ยังมีอยู่พอสมควร แค่ปัญหาเล็กน้อยก็กลายเป็นการสูญเสียงบประมาณที่ไม่คุ้มค่าและน่าเสียดายอย่างมาก
การทดลองล้มไปแล้ว 2 ครั้งกับเงินสูญไปหลายล้าน ผมว่ามันเกินกว่าที่จะรับได้แล้วนะ ซึ่งถ้าล้มเหลวไปมากกว่านี้ การล้มเลิกโครงการอาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ความล้มเหลวที่แลกกับจำนวนเงินมหาศาลและแรงงานที่หาค่าไม่ได้ ไม่ว่ายังไงก็สร้างผลเสียมากกว่าความสำเร็จที่ล้มเหลวเพียงเล็กน้อยหรือไม่ล้มเหลวเลย
เพราะแบบนี้ผมจึงเกลียดความล้มเหลว เสียทั้งเงิน เวลา แรง และความทุ่มเทที่ไม่ได้รับผลตอบแทนอะไรเลย แถมทุกอย่างที่ทำมากลับสูญเสียไปหมดเพียงวันเดียว หมดกำลังใจ หลดความเชื่อมั่นไปหมดแล้วครับ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
อย่าง SpaceX ก็ล้มเหลวมานักต่อนักแล้วครับ
คิดแบบนี้มันก็ไม่ถูกนะ ถ้าทุกคนคิดแบบนี้หมดเทคโนโลยีมันไม่มาถึงทุกวันนี้หรอกทุกอย่างเกิดขึ้นจากความล้มเหลวและหาทางแก้ให้มันสำเร็จ
ล้มเหลวมันเป็นเรื่องธรรมดาครับ แต่ก็ต้องฉลาดที่จะล้มเหลวและเรียนรู้จากมันครับ อย่าเกลียดความล้มเหลวเลย
ถ้าโทมัส เอดิสันคิดแบบนี้ ตอนนี้อาจจะยังไม่มีหลอดไฟก็ได้นะครับ
ถ้าล้มโครงการ ป่านนี้มนุษย์เราคงไปไม่ถึงนอกโลก ไปเหยียบดวงจันทร์แล้วละครับ ต้องสูญเสียทั้งเงิน ทั้งชีวิต มาก็หลายคน กว่าจะมีทุกวันนี้ได้
เจอปัญหาก็นำกลับมาแก้ไขข้อผิดพลาด ทำสิ่งใหม่ให้ดียิ่งขึ้น
สรุปคือเราควรหนีปัญหามากกว่าเผชิญหน้าสินะครับ ?
ผมมองว่ามันเป็นแค่ "ความผิดพลาด" ครับ
ความผิดพลาด = feedback ในรูปแบบนึง เพื่อให้เราพัฒนา
ความล้มเหลว = ล้มแล้วอยู่ที่เดิมไม่ลุกไปต่อ
มันขึ้นอยู่กับสิ่งที่ทำ ว่าเราลงทุนกับอะไร พวกเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกนี่ก็ล้มเหลวมาเยอะนะ แต่พวกนี้ถูกบันทึกไว้ให้คนรุ่นต่อไปนำไปใช้อ้างอิงในการป้องกัในอนาคต
เรื่องการไปนอกโลกเป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะเราก็ู้อายุของดวงอาทิตย์แล้ว ก็จะอยู่โลกไปตลอดการณ์เพื่อรอสูญสิ้นเผ่าพันเฉยๆมันไม่ดีมั้ง
แล้วที่ว่าแรงงานที่หาค่าไม่ได้ผมมองว่าถ้าไม่มีงานนี้แรงงานนั่นอาจจะหมดมูลค่าไปเลยก็ได้เพราะเขามีมาเพื่อทำงานทางด้านนี้แหล่ะ
เพิ่งเห็นใน 9gag ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้นะเนี่ย
เป็นปกติครับที่จะเอาความล้มเหลวคนอื่นมาล้อเล่นครับ เหมือนคนล้มแล้วข้ามหรือเหยียบย่ำซ้ำเติมคนอื่นไงครับ น่าเสียดายเหมือนกัน พัฒนามาแทบตายกลายเป็นของให้คนล้อกันสนุกสนาน เล่นตลกกับคนอื่น
ลองมาเป็นวิศวกรและผู้เกี่ยวข้องโครงการดูสิครับ ไม่มีใครขำออกหรอกครับ โดยเฉพาะตอน Project ล่ม ถ้าเผลอไปเล่นในแถวนั้น อาจมีเหตุทะเลาะวิวาทถึงฆาตรกรรมได้ง่ายๆ เลย
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
คุณดูเครียดๆนะ พึ่งเจออะไรมาหรือเปล่าครับ
เราห้ามคนอื่นไม่ได้หรอกเรื่องพวกนี้ ถ้าเราไม่ชอบเราก็ไม่ต้องเข้าไปในสังคมนั้นเท่านั้นเอง คนที่เล่นเค้าก็เล่นในสังคมของเค้านะ
จากนี่ครับ: https://9gag.com/gag/aKjLxwZ
ผมก็ไม่ได้ถึงกับจะล้อเลียนอะไรนะ แต่เห็นผ่านๆแล้วก็ตกใจ
เพราะไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดมาไม่นานนี้ แค่นั้นเองครับ :(
แล้วไงหรอครับ ก็ป้องกันด้วยตัวเองอย่าทำให้พลาดดิครับ เรื่องงี้เราไปห้ามคนอื่นได้หรอว่าอย่าซ้ำเติมนะ อย่าล้อกันนะ ผมว่ามันดูโลกสวยไปหน่อยอ่ะ อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ล้อกันชั่วลูกชั่วหลานซะหน่อย ดูซีเรียสจัง ส่วนตัวก็ไม่ได้อะไรนะ อย่างน้อยเขาก็ลงมือทำกันแล้ว จะผิดพลาดมันก็เรื่องปกติ
ใจเย็น ๆ น้า
โพสต์ 9gag หลายอันก็ไม่ใช่การล้อเล่นนะ เป็นแค่การอัปเดตข่าว ลงรูปหรือคลิป (บางทีก็แปลงเป็น gif) ของเหตุการณ์ที่กำลังเป็นข่าว ก็แค่นั้นเอง ส่วนพวกคอมเมนต์ที่ล้อไปทั่วก็มีอยู่ แต่อันไหนที่มันไม่เข้าท่ามาก ๆ ก็จะโดนคนในนั้นช่วยกันจัดการเอง
9GAG ก็แบบนี้แหละครับ ขนาดตอนเยอรมันตกรอบนี่ล้อกันข้ามวันข้ามคืน ดีนะคนเยอรมันไม่ตามไปเผาบ้าน 555
ลองนึกถึงเด็กสิครับ กว่าจะเดินได้ ต้องล้มกี่ครั้ง แล้วตอนที่ล้ม มีคนหัวเราะมั้ย? ก็มี มีคนล้อเลียนมั้ยก็มี แต่เพราะเด็กไม่ใส่ใจ (จริง ๆ อาจจะไม่รู้ด้วยว่าคือการล้อเลียน) ก็พยายามจนในที่สุดเดินได้ ไปจนวิ่งและกระโดด ในที่สุด
ถ้าทำงานด้าน Innovation นี่ บอกเลยว่าเจอสิ่งที่บางคนเรียกว่าล้มเหลวเป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง
แต่เรามองว่ามันเป็นบทเรียน เป็นการส่วนหนึ่งของการสร้างความสำเร็จ คือต้องลองทุกทางที่เป็นไปได้
และจำไว้ว่าทางไหนบ้างที่ไม่เวิร์คและอย่างทำซ้ำ ก็แค่นั้นเองครับ
คนอื่นไม่ให้กำลังใจ จะซ้ำเติมอย่างไรมันก็ไม่มีน้ำหนัก เท่ากับเราเองที่ไม่ให้กำลังใจตัวเองและซ้ำเติมตัวเองหรอกครับ
รู้สึกว่าประเทศญี่ปุ่นหลังๆมานี่ดูค่อนข้างถดถอยทางเทคโนโลยี ไม่ได้เห็นอะไรเทพๆออกมาจากฝั่งญี่ปุ่นมานานมากแล้ว
ทำไมมองว่าเป็นความล้มเหลวล่ะครับ ถ้าคุณเลิกมันก็เป็นเพียงความล้มเหลว แต่ถ้าคุณสู้ต่อมันก็เปลี่ยนประสบการณ์สำหรับครั้งถัดไป อเมริกากว่าจะเอาจรวดลำแรกขึ้นได้คุณรู้หรือเปล่ากี่ครั้ง ทัศนคติต่อปัญหาทำให้คนประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวก็ได้ เลือดนักสู้ของคนญี่ปุ่นผมว่าเขาไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ หรอก ส่วนพวกดีแต่ล้อคนอื่นมันมีทุกยุคแหล่ะ ถ้าเรื่องแค่นี้ทนไม่ไหวก็ทำโครงการใหญ่ไม่ได้อยู่แล้ว
เหมือนทำกันเอง เจ๊งกันเอง
จริงๆ วงการนี้ก็มีองค์ความรู้เยอะแล้วนะ ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ของโลกขนาดต้องลองผิดลองถูกกันเอง
น่าจะดึงคนเก่งๆ หรือซื้อเทคโนโลยีมาซักหน่อย อันนี้มันดูพลาดเรื่องง่ายๆ ไงไม่รู้
เหมือนพยายามทำและพัฒนาระบบจรวดของตนเองนะครับ Know-How ผมว่าคนรู้กันหมดครับ แต่อาจมีปัญหาเรื่อง Patent, ค่า License กับ Copyright ในบางเทคโนโลยีจรวดที่ทำให้บางขั้นตอนไม่สามารถเอามาใช้ตรงๆ ได้ หรือแพงเกินที่จะซื้อมาใช้ จึงเรียนรู้และพัฒนาเอาเอง เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนฟ้องก็เป็นไปได้นะ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ทำใช้เองไม่ได้ขาย ไม่มีค่าลิขสิทธิ์
เขาคงหวังทำมาขายละมั่งคับ
ผมว่ามันก็ปกตินะ ทำไมทำเหมือนเป็นเรื่องใหญ่
หลักสิบล้านเยนนี่ก็ไม่น่าจะถือว่าเยอะสำหรับธุรกิจนี้หรือเปล่า?
ประมาณการค่าวิจัยและพัฒนา Falcon 9 ตัวแรกนี่อยู่หลัก 300ล้านเหรียญเลยไม่ใช่เหรอ
มันผิดตั้งแต่คิดสร้างจรวดแล้ว ต้องสร้างลิฟท์วงโคจรสิ
จรวดดูเล็กๆนะครับ ศก.50cm เองด้วย
ฐานปล่อยมันดูกิ๊กก๊อกชอบกลแฮะ
The Last Wizard Of Century.