หลัง Grab ควบรวมกิจการของ Uber ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อให้เกิดคำถามตัวใหญ่ๆ ถึงการผูกขาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ทางฝั่ง Grab เองกลับมองว่าการแข่งขันด้านนี้ในภูมิภาคยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก
Hooi Ling Tan ผู้ร่วมก่อตั้ง Grab แสดงความคิดเห็นใน Rise Conference งานประชุมด้านเทคโนโลยีที่ฮ่องกงว่า การแข่งขันด้านนี้ยังคงมีอยู่ และเขาเองก็ไม่คิดว่าการแข่งขันจะหายไป Grab ยังคงเรียนรู้ยุทธศาสตร์และแทคติคจากผู้ให้บริการทางเลือกอื่นๆ อยู่ตลอด
ขณะที่คู่แข่งอันดับหนึ่งที่ Grab มองมาตลอดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ไม่ใช่บริษัทคู่แข่ง แต่คือ "มือ" - มือของผู้โดยสารที่เรียกรถแท็กซี่ข้างถนน ดังนั้นบริษัทจึงมองด้วยว่าตลาดยังมีพื้นที่อีกมาก
อย่างไรก็ตามหน่วยงานที่ดูแลด้านการแข่งขันและผูกขาดของสิงคโปร์ยังคงเห็นต่างกับ Grab หลังตรววจสอบการควบรวมมาตั้งแต่เดือนเมษายน เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า Grab อยู่ในสภาพเหมือนผูกขาด ไม่มีผู้ให้บริการแอปรายอื่นที่เป็นคู่แข่ง โดยปัญหาเรื่องต้นทุนและเครือข่ายแท็กซี่ เป็นอุปสรรคที่ทำให้ไม่มีผู้ให้บริการรายใหม่ๆ ขึ้นมาแข่งขัน จนทำให้ในระยะหลัง Grab เริ่มขึ้นราคาค่าบริการแล้ว
ทั้งนี้ Go-Jek ผู้ให้บริการแอปแท็กซี่จากอินโดนีเซียก็กำลังอยู่ระหว่างการขยายตลาดไปในภูมิภาคด้วยและกำลังจะเปิดให้บริการในไทยเร็วๆ นี้
ที่มา - TechCrunch
Comments
ทำไมผมรู้สึกว่า SEA โดน Grab เอาไปหมดแล้วล่ะ ?
Go-Jek ยังใหญ่อยู่ครับในอินโด ซึ่งเป็นตลาดใหญ่มาก คงจะเรียกว่าเอาไปหมดไม่ได้
[S]
จ๊ะ เอาที่อยากจะพูดเลย เหมือน Google บอกว่าไม่ได้ผูกขาดตลาดแข่งขัน
[S]
ถ้าคู่แข่งคือมือ น่าจะระบุตั้งแต่หัวข่าวนะครับ ผมเข้ามาอ่านนึกว่าจะมีอะไรมากกว่านี้ ดู clickbait นิดๆ
ผูกขาดไม่ผูกขาดคนไทยก็ชอบจ้าเพราะเกลียดแท็กซี่เข้าไส้ ขึ้นอีกกี่บาทก็ไม่สน
หลังจากเปลี่ยนเป็น Grab เรียกรถยาก และ รอนาน เพราะ Grab คนขับสามารถเลือกรับผู้โดยสารได้ แถมหลังเรียกได้เสร็จสามารถ Cancel ได้ทันทีหาก เจอจุดรถติด รอคู่แข่งคนใหม่เข้าตลาดต่อไปครับ