ขณะนี้อัตราการผลิต Tesla Model 3 เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับเกิดปัญหาใหม่ที่ฟังดูไม่น่าจะเป็นไปได้ คือลานจอดรถหน้าโรงงานเต็มเพราะส่งมอบรถไม่ทัน ซึ่ง Tesla ได้แก้ปัญหานี้โดยการส่งรถจากโรงงานไปถึงบ้านลูกค้าเลย
การส่งมอบรถแบบใหม่นี้มีชื่อเรียกว่า factory-to-customer delivery system โดยโรงงานจะเอารถยนต์ที่ผลิตเสร็จขึ้นรถเทรลเลอร์และขับไปส่งให้ลูกค้าถึงบ้านโดยตรง ซึ่งในการทดสอบครั้งแรกมี Elon Musk ไปส่งมอบรถให้ด้วยตนเอง
กระบวนการส่งมอบรถแบบปกตินั้นมีขั้นตอนอยู่จำนวนหนึ่ง คือจากลานจอดหน้าโรงงานต้องขนไปยังโชว์รูม หรือศูนย์ส่งมอบรถ และรอให้ลูกค้ามารับอีกที แต่หากผลิตเสร็จแล้วขนไปหาลูกค้าเลยก็อาจระบายของได้เร็วขึ้น
เว็บไซต์ Electrek ระบุว่าก่อนหน้านี้มีภาพถ่ายลานจอดรถหน้าโรงงาน Tesla แสดงให้เห็นว่ามีรถใหม่จอดอยู่จำนวนมากแต่มีคนใส่ร้ายว่าสินค้าล้นสต็อกเพราะไม่มีดีมานด์ ทั้งที่จริงๆ แล้วเป็นรถที่รอส่งมอบอยู่
การที่ Tesla ต้องส่งรถให้ลูกค้าโดยตรงทั้งที่ค่าใช้จ่ายน่าจะสูงอาจสะท้อนให้เห็นว่ากระบวนการส่งมอบรถแบบปกติของ Tesla อาจมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอก็เป็นได้
ที่มา - Electrek
When @elonmusk hand delivers your #Teslamodel3 ???⚡️ thanks to the #Tesla team for an unforgettable day!! pic.twitter.com/Xr4MI7x8TM
— Devin Scott (@MichiganMan2007) July 30, 2018
Comments
ในแง่นวัตกรรมสินค้าก็เจ๋งจริง แต่ในแง่ operation นี่ติดทุกขั้นเลยแฮะ
lewcpe.com, @wasonliw
- เห็นว่าเอาเงินจองไปขยายโรงงาน
ถึงเวลาก็เพิ่มกำลังผลิตล่าช้า
- เค้าเป็นงี้มานานแล้ว
เพิ่มกำลังผลิตแล้วก็ยังมีปัญหา logistic
- บ. ใหม่ก็งี้แหละ
ระหว่างนี้ยังออกรุ่นใหม่เพิ่ม SKU ไปเรื่อยๆ ของเก่าเคลียร์ออเดอร์ยังไม่ทัน
- production กับ R&D คนละส่วนกันมั้ง
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
บริษัทใหม่ก็งี้แหละครับ เป็นสไตล์แบบเร่งการเติบโตด้วยเวลาคิดน้อยบุคลากรก็คงไม่พอไม่ได้อยู่มานานเอาคนเข้ามาวัฒนธรรมก็กว่าจะเข้ากันได้ ธุรกิจผลิตของใหญ่ด้วยไม่เหมือน startup แนวที่โตจากเล็กๆขาย Business เป็นหลัก
+1 ควรหา COO เก่งๆ มาช่วยนะ บริษัทจะไปได้ไกลกว่านี้เยอะ ตัวเองก็ไม่ต้องมาเปลืองเวลาแก้ปัญหาพวกนี้ด้วย
ถ้าจ้างอดีตพนักงานและผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์อย่าง Honda หรือ Ford มาบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาก่อนหน้านี้ ปัญหาจะไม่บานปลายแบบนี้นะ
แต่จะติดปัญหาเรื่องสัญญา NDA แทน ที่บริษัทในต่างประเทศส่วนใหญ่บังคับให้ Sign กับพนักงานทุกคน อย่างเช่นห้ามทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ หรือทิ้งระยะเวลาอย่าง 5 ปี 10 ปีแทน เหนื่อยเหมือนกันนะ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
อุตสาหกรรมเดียวกันนี่คงยากมากครับ ทางเดียวคือหา COO ข้ามห้วยมา (อย่างผู้บริหาร Ford ก็เคยอยู่ Boeing อะไรแบบนั้น) มีความรู้ในแง่การควบคุม supply chain ใกล้กัน แต่คนละตลาด
lewcpe.com, @wasonliw
ดูฤกษ์มาแล้ว ยังไม่ไปรับนะ .... ฝรั่งท่านหนึ่งไม่ได้กล่าวไว้
เดี๋ยวเราจอดทิ้งไว้ให้หน้าบ้าน ได้ฤกษ์เมื่อไหร่ก็ขับเข้าบ้านเอาเอง - elon musk ไม่ได้กล่าว
ดีมากครับ ตัดปัญหาหญิงอื่นมานั่งเจิมฤกษ์
กลิ่นโรงงานยังอยู่เลยมั้งนั้น 555 elon ตัวสูงเวอร์
นึกว่าตั้งพิกัด GPS แล้วให้รถวิ่งไปบ้านลูกค้าเอง
full self-delivery เลย 555
ต่อไปก็ไม่แน่นะครับ ถ้า autopilot ทำได้ถึงระดับที่ไม่ต้องมีคนหลังพวงมาลัย
เทคโนโลยีไปได้ กว่าคนจะยอมรับให้ทำได้คงต้องลุ้นเลยว่าชีวิตนี้จะได้เห็นมั้ย
ไปยืนขวางหน้ารถให้รถเบรคแล้ว Hijack ได้เลยนะ...
กำลังจะมาเชียร์ให้ทำแบบนี้อยู่
ถ้าทำได้คงลดต้นทุนได้โข ทั้งค่าลานจอด และรถขน(รอไป)
ถ้าทำได้ขนาดนั้นจริงๆ ไม่ต้อง "ขาย" อีกแล้วครับ
วิ่งออกจากโรงงานแล้วเริ่ม login ระบบเข้า Uber เลย กดรับผู้โดยสารได้ทันที
lewcpe.com, @wasonliw
เหมือนปล่อยบอทหาเงินเลยครับ
เฉียบ!
จะเอาไวกว่านั้นก็เชิญลูกค้ามารับที่โรงงานเลยครับ
เชิญให้มาช่วยประกอบเลยดีกว่า