TechCrunch รายงานว่าสถานการณ์ภายในของ Evernote แอปจดบันทึกที่มีผู้ใช้งานทั่วโลก 225 ล้านคน กำลังอยู่ในช่วงยากลำบาก เนื่องจากในเดือนที่ผ่านมา ผู้บริหารระดับสูงได้ทยอยลาออกกันหลายคน ตั้งแต่ระดับ CTO (เทคโนโลยี), CFO (การเงิน), CPO (ผลิตภัณฑ์) ตลอดจนหัวหน้าฝ่าย HR โดยตัวแทนของ Evernote ได้ยืนยันข่าวดังกล่าวว่าเป็นความจริง
โดย Evernote ได้แก้ปัญหาผู้บริหารระดับสูงลาออกพร้อมกันหลายคน โดยให้ผู้บริหารใหม่ที่รับเข้ามาใหม่ในตำแแหน่งอื่น เข้ามาช่วยรับภาระงานที่ว่างลงเพิ่มเติม เช่นหัวหน้าฝ่ายการตลาด ก็ให้ดูแลผลิตภัณฑ์ด้วย เป็นต้น
สิ่งที่น่าสนใจคือ Evernote กำลังเจรจาเตรียมปิดดีลรับเงินเพิ่มทุนรอบใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ผู้บริหารระดับสูงลาออกหลายคน
แหล่งข่าวบอกว่าปัญหาใหญ่ของ Evernote ตอนนี้คือบริษัทเป็นสตาร์ทอัพที่ไม่เติบโตมาเกือบ 6 ปีแล้ว จำนวนผู้ใช้และรายได้จากผู้ใช้งานแบบเสียเงินก็ไม่เพิ่มขึ้นมากนัก แผนการหาลูกค้าระดับองค์กรก็ไม่ประสบความสำเร็จ และเมื่อเวลาผ่านไปบริษัทไอทีขนาดใหญ่ก็ทำแอปจดบันทึกออกมาแข่งมากขึ้น
ล่าสุด Evernote ยังประกาศลดราคาแผนใช้งานแบบ Premium แบบรายปี จาก 70 ดอลลาร์ เหลือ 42 ดอลลาร์ อีกด้วย
ที่มา: TechCrunch
Comments
42 usd/year นี่ถ้าเทียบกับ Office 365 ตอนนี้น่าจะไปยากอยู่นะ
ถูกครับตั้งแต่ 365 มานิเลิกใช้อย่างอื่นหมดเลยผม
ฟังแล้วรู้สึกว่าควรเจ๊งเลยครับ
เอาใจช่วยครับ
เมื่อก่อนผมติดใช้ Evernote มากเลยนะ
แต่ตั้งแต่เปลี่ยน Evernote Basic ให้จำกัดอุปกรณ์เชื่อมต่อเหลือ 2 อุปกรณ์ (เดิมไม่จำกัด)
ผมก็เลิกใช้เลย เพราะผมมี device หลายตัว
ตอนนี้หันมาใช้ Google Docs แทน (จริงๆ Keep ก็โอเค แต่มันเพิ่มความหนา เปลี่ยนสี ทำไฮไลต์ตัวอักษรไม่ได้ จะใช้ onenote ก็ sync ช้าดูอืดๆ) เพราะต้องการเพียงแค่จดโน๊ต และ sync ทุก device ให้ตรงกันแค่นั้น
+1 ผมเลิกใช้ Evernote เพราะจำกัด device เหมือนกันครับ
มีวิธีย้าย Content จาก Evernote ไป Google Docs ไหมครับ
ที่ยังใช้อยู่เพราะมันเปลี่ยนความหนา เปลี่ยนสี ครับ
... อยากร้องไห้
onenote นี่ผมเขียนใน tablet ถ้าเปิด onenote ใน windows นี่แทบจะ realtime เลยนะครับ
อีกนิดใช้เป็น whiteboard digital ได้เลย
sync ช้าในที่นี้ของผม คือ sync แบบ แบ็คกราวน์น่ะครับ สังเกตุหลายทีแร่ะ หากเรา Active onenote อยู่ มันจะ sync ทันที
แต่หากเราไม่ได้เปิดแอปอยู่ แม้เราจะเปลี่ยนแปลงโน๊ตจากอีก device นึง แต่ device ทีเหลือจะยังไม่เปลี่ยนแปลง จนกว่าจะเปิดแอป Active ขึ้นมาหรือ Idle อยู่
ทำให้หลายครั้งผมแก้โน๊ตในคอมพ์ เสร็จ ออกนอกบ้าน พอเปิดแอฟในโทรศัพท์ขึ้นมา ต้องรอมัน sync สักพัก ข้อมูลถึงจะเปลี่ยนแปลงตาม
Word, Excel, PowerPoint, OneNote และที่สำคัญ Visual Studio Code ตอนนี้ sync ทันใจมากครับ หลังจากที่ก่อนหน้านี้บ่นกระปอดกระแปดมาหลายปีว่าระบบ sync มันห่วยและช้าโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ Google Doc
อ้าว เพิ่งต่อรายปีแบบลด 40% ไป จะเจ๊งแล้วเหรอ?
รู้สึกสมน้ำหน้าและแช่งให้เจ๊งตั้งแต่จำกัด Device ให้แค่ 2 เครื่องนี่แหละครับ ตอนนั้นย้ายไป OneNote แทนระบบแย่กว่าหน่อยแต่สบายใจกว่าเยอะ
สมาชิก Evernote Plus รายงานตัวครับ จ่ายปีละ 400 บาท, 1GB/Month, ใช้มาเข้าปีที่ 8 แล้ว อย่าเพิ่งเจ๊งน้า...
ผมลอง Onenote และโปรแกรมโน้ตอื่นๆ แล้ว ยังไงผมก็ชอบ Evernote อยู่ดี ถ้าเจ๊งละก็เสียดายแย่
เหมือนกันครับ
ผมใช้ plus อยู่ ปีละ 400 โอเคนะ เหมือนซื้อสมุดจดดีๆเล่มนึง
โถ่ แค่ทำให้ตัว desktop app สามารถlog out อัตโนมัติหลังเลิกใช้งานยังไม่ยอมทำให้เลย. คือไม่ค่อยสะดวกจะใช้ web app
แหม่ แต่ละคน หัวร้อนเพราะเค้าจำกัดจำนวน device
ใช้ตัวฟรี ไม่เสียเงิน แต่เรียกร้องจะเอาให้ได้ทุกอย่างแหะ
จ่ายเงินสิครับ เค้าจะได้ไม่จำกัดจำนวน device
ผมว่าคุณเหมาะจะเป็นผู้บริหารของ Evernote นะครับ ผู้บริหารก็น่าจะคิดแบบเดียวกันกับคุณ บริษัทถึงอยู่ในสภาพที่ดีแบบนี้อ่ะครับ
คืองี้ครับ ผมใช้ Evernote มาตั้งแต่นโยบายเก่าซึ่งทั้งฟรีและเก็บเงินใช้ได้ไม่จำกัด Device แต่จำกัดปริมาณข้อมูล และ Function ต่างๆที่ผมไม่ค่อยได้ใช้ ซึ่งเดือนไหนผมใช้เยอะผมก็จ่ายครับ บางครั้งผมก็ซื้อแพ็คแบบครึ่งปีเลย แต่เดือนไหนผมไม่ใช้เยอะก็ไม่จ่ายและใช้แบบ Basic ไป
แล้วจู่ๆก็มาปรับให้เหลือแค่ 2 Devices ซะงั้นซึ่งผมใช้มากกว่า 2 ประจำครับ ทีนี้ผมมีสิทธิ์ที่จะหัวร้อนได้มั้ยครับ
มันเป็นจุดเด่นและของฟรีที่คนใช้เยอะละตัดมันออกเพื่อเก็บเงิน เขามีสิทธิ์ทำก็จริงแต่ความรู้สึกคนใช้งานเขาเสียไปไงครับ ซึ่งคนเขาก็ย้ายกันหมด
ทำให้นึกถึงร้านข้าวที่เคยอร่อยๆหลายร้านเลย แล้วอยู่ๆก็ลดปริมาณบ้าง ลดความอร่อยและคุณภาพลง เพิ่มราคา ลูกค้าก็หายหมด สุดท้ายเจ๊ง ทำให้รู้ว่าถ้าราคาเท่าเดิมแต่ลดปริมาณนี่หลายคนยอมจ่ายนะครับถ้าของคุณภาพดีจริง