เฟซบุ๊กกำลังอยู่ระหว่างวิกฤติข้อมูลส่วนบุคคลจากการแฮกบัญชีถึง 50 ล้านรายการ แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาที่จริงแล้วมีงานวิจัยที่แสดงว่ากระบวนการใช้งานข้อมูลส่วนตัวของเฟซบุ๊กน่าวิตกว่าที่คิด เพราะเฟซบุ๊กพยายามใช้ข้อมูลที่ได้มานอกจากข้อมูลที่เราเปิดเผยให้ เพื่อเปิดให้คนลงโฆษณาแบบเจาะจงได้
ผลกระทบที่ชัดเจนที่สุดคือหมายเลขโทรศัพท์ที่เราไม่เคยให้เฟซบุ๊กไว้เลยไม่ว่าทางใดๆ แต่หากเฟซบุ๊กพบความเชื่อมโยงกับบัญชีของเรา ก็จะนำหมายเลขนั้นมาเปิดให้ผู้ลงโฆษณาสามารถลงโฆษณาแบบเจาะจงตัวบุคคลได้
ทีมวิจัยทดลองด้วยการใช้โทรศัพท์แอนดรอยด์ที่ล้างเครื่องมาใหม่ ใส่ชื่อติดต่อที่มีทั้งหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่เคยอยู่บนเฟซบุ๊กมาก่อน ควบคู่กับอีเมลที่มีบัญชีอยู่บนเฟซบุ๊ก จากนั้นล็อกอินบริการ Facebook Messenger โดยเปิดให้เชื่อม contact list เข้าไปยังบริการ จากนั้นรรอเป็นเวลา 36 วัน ก็พบว่าสามารถลงโฆษณาเจาะจงไปยังหมายเลขโทรศัพท์นั้นได้สำเร็จ นอกจากการถูกเชื่อมโยงด้วยฐานข้อมูลติดต่อของคนอื่นแล้ว เฟซบุ๊กยังใช้หมายเลขโทรศัพท์ที่เราให้ไว้เพื่อการรับ SMS OTP เพื่อรักษาความปลอดภัยบัญชี
ข้อมูลเบอร์ที่เฟซบุ๊กเชื่อมเข้ากับตัวเรานี้ เฟซบุ๊กไม่เคยอธิบายว่าได้มาได้อย่างไร และไม่เคยแจ้งผู้ใช้ไม่ว่าทางใดๆ แม้แต่การดาวน์โหลดข้อมูลทั้งหมดออกจากจากระบบ มีเฉพาะผู้โฆษณาที่สามารถส่งหมายเลขโทรศัพท์เข้าไปเจาะจงเป้าหมายได้ โดยอาจจะเรียกได้ว่าเป็น "ข้อมูลเงา"
Alan Mislove หนึ่งในทีมวิจัยระบุว่าเฟซบุ๊กควรเปิดเผยข้อมูลต่อผู้ใช้ให้มากกว่านี้ ด้วยการเปิดเผยว่ามีผู้ลงโฆษณารายใดที่มีข้อมูลติดต่อของเราอยู่บ้าง และเมื่อมีการส่งโฆษณาอย่างเจาะจง ก็สามารถบอกผู้ใช้ให้ชัดเจนว่าใช้ข้อมูลใดส่งโฆษณามา
ที่มา - Gizmodo
ภาพหน้าจอการสร้างโฆษณาแบบเจาะจงเป้าหมาย ผู้ลงโฆษณาสามารถใช้ชื่อ, นามสกุล, อีเมล, หมายเลขโทรศัพท์, วันเกิด, เมือง, หรือรหัสไปรษณีย์
Comments
ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่ต้องสบายใจได้ครับ ไม่ต้องกังวลว่าเราจะใส่ข้อมูลอะไรบ้าง ข้อมูลทุกอย่างมันก็ link กันหมดอยู่แล้ว ถึงเราไม่เปิดเผย facebook ก็เอาไปใช้งานได้อยู่ดี
ซึ่งน่าจะผิดข้อตกลงการใช้งาน และน่าจะผิดกฎหมายความเป็นส่วนตัวแรงๆ อย่าง GDPR ด้วย?
กรณีนี้อย่างต่ำที่สุดคือสิทธิ์เรื่องความเป็นเจ้าของข้อมูลก็ไม่มีแล้ว เฟซบุ๊กมีข้อมูลของผู้ใช้ที่ไปหามาจากที่อื่น แต่พอผู้ใช้ร้องขอ กลับไม่มอบให้
lewcpe.com, @wasonliw
Facebook ใช้สิทธิ์เข้าถึง contact list ในมือถือ เอาข้อมูลนั้นมาใส่ข้อมูลส่วนตัวให้เรา แถมเปิด OTP ให้เรียบร้อย พร้อมเอาข้อมูลไปใช้ประโยชน์เพื่อการโฆษณา
ถ้าเป็นไปได้ มันก็น่าจะมีวิธียืนยันตัวตน 2 ชั้นที่ไม่ต้องใส่รหัสสำรอง หรือโปรแกรมช่วย หรือที่ต้องส่งผ่านมือถือ โดยใช้ Mobile Number แม้จะย้ายเครื่องแล้วก็ตาม โดยใช้ Face ID, Fingerprint หรือ Key ที่รู้แต่เราคนเดียว
ปล. ช่วงหลังนี้ แม้จะมี login with Facebook, ig, Twitter ก็ยังไม่ใช้เลย จะใช้สมัครเองดีกว่า หรือ login with Google ยังดีซะกว่า
อย่าง U2F กุญแจ USB นี่คิดเรื่องนี้ไว้แต่แรกเลยครับ เพราะตัวกุญแจไม่มี unique ID เลย แต่แต่ lot ID ที่ซ้ำกันประมาณ 100,000 ตัว (เอาไว้ยกเลิกเวลากระบวนการผลิตมีปัญหา ไม่มีความปลอดภัย)
lewcpe.com, @wasonliw
อันนั้นผมก็เคยคิดว่ามันน่าจะปลอดภัย แต่น่าจะสู้พวก app นอกไม่ได้
เนาะพวกนี้เราถืออยู่ตลอดเวลา เป็นปัจจัยที่ 5 แล้ว แต่ USB ไม่ถึงกับต้องพก และน่าจะหายง่าย
แต่ที่ผมเสนอคือ ไหนๆ ก็ login ด้วยมือถือเป็นหลัก ตัวตนอีกชั้นก็ใช้แบบนิ้วมือ หรือใบหน้าเลย
ถ้าทำผ่านที่ไม่มีสแกนนิ้ว เช่น คอม ก็ใช้มือถือส่งรหัสผ่านแล้วกรอกเอา เหมือน line
แล้วลายนิ้วมือของเราก็ถูกเอาไป match เพื่อโฆษณาได้? แถมเปลี่ยนไม่ได้ตลอดชีวิต
หลักการความเป็นส่วนตัวคือเขาไม่ให้ใช้ข้อมูลส่วนตัวเกินจำเป็นครับ ไม่ใช่ให้ไปทุกอย่างแล้วหวังว่าคนได้ไปจะใช้เกิน (การใช้เกินก็ต้องควบคุมกันไป)
lewcpe.com, @wasonliw
We run ads.
น่าจะโดนปรับแรง ๆ สักทีนะแบบนี้
That is the way things are.
อันนี้น่าเกลียดละ
วิตกว่า > วิตกกว่า
วันนี้ผมเปิดลิงก์ลิงก์นึงใน InPrivate mode บนโทรศัพท์ครับ เป็นลิงก์เฟซบุ๊คแต่ปรากฎว่าของชื่อผู้ใช้มันใส่เบอร์โทรศัพท์ผมไว้แล้วครับ
คือยังไง ทรูส่งเบอร์โทรผมไปให้เว็บเหรอ?
ลิงก์ไหนหรือครับ ได้ copy ไว้ไหม
lewcpe.com, @wasonliw
ลิงก์นี้ครับ https://m.facebook.com/ (แก้ไขหลังพบว่าลิงก์ปกติก็เป็น)
คือเปิดลิงก์แล้วยังไม่ขึ้นเบอร์นะครับ แต่พอดึงเพื่อรีเฟรชแล้วขึ้นมา
ผมยังไม่ได้ลองกับเครื่องอื่นนะครับ ลองแค่กับ Edge กับ Chrome และ Samsung Browser ในเครื่องเดียวกัน InPrivate & incognito & Secret mode
เพิ่มเติมอีกนิด ผมไปลองใน iPhone (AIS) ไม่มีเบอร์ขึ้นครับ แต่พอแชร์อินเทอร์เน็ตจากเบอร์ทรูไปแล้วรีเฟรชปรากฎว่าเบอร์ทรูผมไปขึ้นบนเครื่อง iPhone ครับ
ติดตามเลยครับ อยากรู้เบื้องหลังเลย ว่าทำได้ไง เบอร์เราโดนส่งไปตอนไหน
ได้แต่สงสัยกันว่าจะเกี่ยวกับเงื่อนไขของ Facebook Free Basics ครับ