ในสหรัฐฯ ผู้ต้องสงสัยมีสิทธิ์ไม่ให้การที่เป็นโทษต่อตัวเอง รวมถึงไม่ตอบคำถามของตำรวจเช่นเมื่อตำรวจขอรหัสผ่านโทรศัพท์ แต่คดีภาพอนาจารเด็กล่าสุดแสดงให้เห็นว่าการใช้ข้อมูลชีวมิติ (biometric) นั้นอาจได้รับความคุ้มครองต่างจากรหัสผ่านในสหรัฐฯ เพราะ FBI สามารถให้ผู้ต้องสงสัยมองโทรศัพท์ตัวเองเพื่อปลดล็อกโทรศัพท์ได้
คดีนี้เป็นการติดตามคดีภาพอนาจารเด็กที่ประกาศในเว็บไซต์ Craiglist โดย FBI ได้รับหมายค้นไปยังบ้านของ Grant Michalski ผู้ต้องสงสัยและพบโทรศัพท์ iPhone X ในบ้าน และให้ผู้ต้องสงสัยมองโทรศัพท์เพื่อปลดล็อก จากนั้นจึงสำรวจข้อมูลในโทรศัพท์
ผู้พิพากษา Andrew Napolitano แสดงความเห็นว่าแม้ FBI จะมีหมายค้นเพื่อยึดตัวโทรศัพท์ แต่ผู้ต้องหาก็อาจมีสิทธิ์ที่จะไม่มองโทรศัพท์ตามที่เจ้าหน้าที่ร้องขอได้ และ FBI เองก็ไม่ได้แจ้งผู้ต้องหาว่ามีสิทธิ์ไม่ทำตามที่เจ้าหน้าที่ร้องขอหรือไม่ โดย Napolitano หวังว่าทนายจำเลยจะยกประเด็นนี้ขึ้นต่อสู้ เพื่อให้ศาลวางแนวทางไว้ว่าเจ้าหน้าที่มีสิทธิ์เพียงใด
เจ้าหน้าที่ในคดีนี้สำรวจข้อมูลแชตแสดงให้เห็นว่า Michalski มีความสนใจในภาพอนาจารเด็ก แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่มีรหัสผ่าน ทำให้ไม่สามารถกู้ข้อมูลไฟล์ที่ลบไปแล้วได้ รายงานการใช้อำนาจตามหมายค้นแสดงความหวังว่าจะปลดล็อกโทรศัพท์โดยไม่ใช้รหัสผ่านได้ เพื่อกู้ไฟล์ที่ลบไปแล้วต่อไป
ที่มา - CNET
Comments
ผู้พิพากษาของเค้าคิดเป็นระบบ มองภาพรวมได้กว้างดีครับ
กลายเป็นว่าสุดยอด Security ดันทำให้ปลดล๊อกง่ายกว่าเดิมอีก
แบบเก่าก็ scan ลายนิ้วมือ ง่ายเหมือนกันนะครับ
เค้าน่าจะหมายถึงพาสเวิดครับ
มีโอกาสหลุดสูง
I need healing.
ถ้าไทยจะมีโอกาศติดสูงแทน เพราะใช้วิธีชั่งนำหนักพยานหลักฐาน ซึ่งคนได้มาซึ่งหลักฐานคือเจ้าหน้าที่รัฐ...
ถือว่าได้มาอย่าง "ไม่ผิด" ครับ ทั้ง TouchID และ FaceID เจ้าหน้าที่สามารถใช้กำลังบังคับให้หน้าหรือลายนิ้วมือปลดล๊อกได้ เพราะถือใช้คุณสมบัติทางกายภาพ ไม่ได้เป็นความลับ ... ยกเว้นแค่ Passcode ที่เจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิ์สั่งให้ผู้ต้องหาบอกหรือปลดล๊อกให้ เพราะถูกคุ้มครองโดย The 5th Amendment
ผมไม่แน่ใจว่าการบังคับให้ "ใช้มือ" ไปปลดล็อกนี่ทำได้รึเปล่านะครับ แต่เก็บลายนิ้วมือนี่ทำได้แน่ๆ (พอเก็บได้ก็เอาไปพิมพ์มาปลดล็อกได้
อย่างกรณีนี้ผู้พิพากษาที่มาออก FOX ก็ว่าอาจจะมีปัญหาว่าได้แจ้งผู้ต้องสงสัยไหมว่าให้มองเพื่อปลดล็อกโทรศํพท์
lewcpe.com, @wasonliw