By: mk 
on 11 October 2018 - 09:53
Tags:
Topics:
Waymo เผยว่าทดสอบรถยนต์ไร้คนขับบนถนนจริงไปแล้ว 10 ล้านไมล์ เพิ่มจาก 8 ล้านไมล์ในเดือนกรกฎาคม ส่วนการทดสอบแบบ simulation จะครบ 7 พันล้านไมล์ภายในเดือนนี้
Waymo ยังทดสอบบริการเรียกรถยนต์ไร้คนขับในเมือง Phoenix รัฐแอริโซนา และระบุว่ามีผู้ร่วมทดสอบแบบ early riders จำนวน 400 คน
Waymo บอกว่าพื้นฐานสำคัญของบริษัทคือ "ความปลอดภัย" (safety) แต่หลังจากผ่านระยะ 10 ล้านไมล์ ก็ได้เวลาไปมองถึงประเด็นอื่นๆ เช่น ขยายความสามารถของระบบรถยนต์ไร้คนขับให้ทำงานในสภาพแวดล้อมยากๆ อย่างฝนตกหนักหรือหิมะตก, ปรับการขับขี่ให้นุ่นนวลขึ้น, ปรับอัลกอริทึมเส้นทางให้ส่งคนแล้วเดินใกล้กว่าของเดิม ที่เน้นความปลอดภัยเหนือความสะดวก
อย่างไรก็ตาม Waymo ไม่ได้ระบุว่าจะเปิดบริการเรียกรถยนต์ไร้คนขับเมื่อใด จากที่เคยประกาศไว้กว้างๆ ว่าภายในปีนี้
ที่มา - Waymo
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Cloudnone
- AWS มาไทย ย้ายเลยดีไหม อะไรยังมาไม่ครบบ้าง? | Cloudnone Ep. 23
- NVIDIA จะไปหยุดที่ตรงไหน ทำไมครองโลกดาต้าเซ็นเตอร์ | Cloudnone EP.22
- ถึงคลาวด์เคราะห์: ทำอย่างไรเมื่อบริการคลาวด์ที่ใช้ถูกยกเลิก | Cloudnone EP. 21
- รู้จักอาชีพ Site Reliability Engineer สำคัญยังไง? | Cloudnone EP. 20
- อธิบาย CrowdStrike ทางเทคนิค ทำไมถึงทำพีซีจอฟ้าเป็นล้านๆ เครื่อง | Cloudnone EP.19
Comments
เป็นการขับรถที่มากกว่ามนุษย์คนไหนในโลกนี้เลย ถึงขนาดนี้ยังไม่สามารถนำมาใช้ในทุกสถานการณ์ได้
สมองคนเรานี่สุดยอดจริง ๆ
แต่ให้มนุษย์ขับนี่อุบัติเหตุก็สุดยอดเช่นกันครับ คอมมันใช้เวลาเรียนนาน แต่พอมันเรียนจนถึงจุดที่ใช้งานได้ มันก็ทำได้ดีกว่ามนุษย์
ไม่สุดยอดหรอก วันๆคนขับคนชนกันตายเป็นเบือ
ถ้าอยากคุยแบบปัญญาชน แนะนำให้แนบ reference ครับ ไม่ใช่พูดลอย ๆ เหมือนมโนเอา
มติชนสุดสัปดาห์: ไทยครองอันดับ 1 เสียชีวิตบนท้องถนน
นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ
แนะนำว่า ควรทำ 365 วันอันตรายเลย เพราะทุกวันนี้มีคนเดินออกจากบ้านแล้วไม่ได้กลับ 62 คน
https://www.matichonweekly.com/column/article_76203
คือต้องแยกให้ออกระหว่างการขับรถ กับความประมาทนะครับ
คือที่ผมคิดว่าสมองคนเราสุดยอดคือ ตอนเราขับรถเนี่ย การรับรู้ของเราเทียบกับรถยนต์อัตโนมัติเนี่ย น้อยมาก ๆ เรามองได้แค่ทีละอย่าง ตัวช่วยเพิ่มทัศนวิสัยของรถก็มีแค่กระจกมองข้าง กับกระจกมองหลัง ซึ่งมันไม่พอแน่ ๆ ถ้าไม่ใช้สมองเราช่วยตัดสินใจ ตอนผมขับรถใหม่ ๆ ผมค่อนข้างกลัว เพราะว่า "ข้อมูล" ที่เราใช้ในการตัดสินใจมันไม่พอ เช่นตอนเราจะเบี่ยงซ้ายเพื่อเปลี่ยนเลน เราไม่สามารถมองเห็นรถทางซ้ายได้เลย ต่อให้มองกระจกข้างที่ (ที่เล็กมากความรู้สึกในตอนนั้น) คนขับรถมือใหม่จึงไม่ค่อยกล้าเปลี่ยนเลน แต่พอขับรถจนชินแล้วเราก็จะมีเทคนิคเป็นของตัวเองเพื่อช่วยในการตัดสินใจ เช่นผมเวลาจะเปลี่ยนเลน ถ้ามองกระจกแล้วมีรถมาผมก็จะมองกระจกหลังไว้ว่า มีรถคันที่สองต่อจากคันนั้นมั้ย ถ้าไม่มีก็เปลี่ยนเลนได้เลยหลังจากที่รถคันนั้นขับผ่านเราไปแล้ว หรือถ้าอีกกรณีนึงที่ไม่มีรถมา ผมก็จะรอสักพักนึงเผื่อรถมันอยู่ในจุดอับสายตาแล้วค่อยเปลี่ยนเลน แล้วตอนเราขับรถมันมีเรื่องให้ตัดสินใจตลอด เช่นจะมีรถโผล่มาจากข้างทางมั้ย มอไซจะพุ่งมาทางไหนรึเปล่า สิ่งเหล่านี้ใช้สมองเราทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่ข้อมูลมันไม่ 100% ส่วนตัวผมว่าข้อมูลที่เราใช้ขับรถมีไม่ถึง 10% ด้วยซ้ำ
กลับกัน รถไร้คนขับมีข้อมูลเยอะกว่าเรามาก ทั้งเซนเซอร์รอบคัน กล้องไม่รู้กี่ตัว แต่สิ่งที่เค้ากำลังพัฒนาอยู่คือ กระบวนการ "ตัดสินใจ" ในการที่จะทำอะไรต่าง ๆ โดยใช้ข้อมูลที่ได้รับมา เรื่องที่ว่า อนาคตรถไร้คนขับจะขับได้ดีกว่ามนุษย์อันนี้ผมทราบดีครับ เพราะมันไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "ความประมาท" และมันไม่เคยคิดจะละเมิดกฏจราจรด้วยความคิดที่เข้าข้างตัวเองว่า "คงไม่เป็นไร" และข้อดีของมันที่คนทำไม่ได้คือ มันไม่ต้องสอนกันเลย ทุกความผิดพลาดสามารถแก้ไขได้ครั้งเดียวและมันจะไม่ทำผิดอีก ทุกคัน สุดท้ายแล้วรถมันจะขับเก่งกว่ามนุษย เพราะมันได้รับข้อมูลที่ใช้ในการตัดสินใจมากกว่ามนุษย์แค่นั้นเอง ลองให้มันได้รับข้อมูลเทียบเท่ามนุษย์แค่นั้นรถไร้คนขับคงไม่ได้เกิดไปอีกนาน
ปล.คนขับรถดี ๆ มีเยอะแยะครับ เยอะกว่าที่ขับรถแย่ ๆ อีกครับแต่เค้าขับไปทำงาน กลับบ้าน ใช้ชีวิตปกติไงครับ ไม่ได้ตายแล้วเป็นข่าวอย่างที่หลายท่านเห็น
AI พวกนี้นอกจากเรื่องการขับรถแล้วมันแทบไม่ได้เรียนรู้อื่นๆ เลยนะครับแถมตอนเทรนนี่ก็เรียกว่าถึงขั้นคุยกันไม่รู้เรื่อง ร่างกายมนุษย์เนี่ยผ่านวิวัฒนาการมาหลายล้านปีจนเกิดมาแล้วยังเรียนรู้ทุกสิ่งอย่างในแบบคุยกันรู้เรื่องด้วย
กว่า AI จะทำได้ระดับคนนี่คงใช้เวลาอีกพักใหญ่ล่ะครับ
อันที่จริง Waymo ถือว่าตัวเองเปิดบริการแล้วนะครับ
That still leaves the rather important question of when the heck the Waymo service will actually launch. According to Krafcik, it already has. "I think it's going to be hard to define any one moment where it's suddenly launched. I think from our perspective it is launched, and the service is out there now, but we'll have more and more people riding it to more and more places."
https://www.cnet.com/roadshow/news/waymo-10-million-miles
ถ้าใช้กับ Google Map หลายวันมานี่ พ้มลองกด Navi ให้มัน Suggestion ตอนขับรถกลับบ้าน แล้วมันพาไปวิ่งเส้นลาดพร้าวตรงๆ ไม่เข้าซอยลัด พอวิ่งเข้าซอยลัดก็จะพาออกถนนใหญ่ให้ได้ บางจุดก็หลง ดูงงๆ ตลอด เหมือน นศท ปี 1 ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะครั๊บ แต่ก็อย่างว่านะ ถนน กทม. นี่มันเกินกว่าจะเยียวยาแล้วหล่ะ
ดูจากคลิปแล้วผมก็ยังเชื่อเหมือนเดิมว่า LIDAR เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับรถไร้คนขับ
/point finger at Tesla
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
LIDAR คืออะไรเหรอ? RADAR?
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Lidar
+1
มาลองทดสอบใน กทม. หรือยัง